เฉินฝานหอบกองสาสน์กราบทูลเดินมานั่งข้างฉินเย่ว์เหมย “เรื่องอันใดรึ?”“จักรพรรดินีอีจี๋แคว้นเหมี่ยน จะมาถึงเมืองหลวงในอีกสองวัน”“อีจี๋จะมาถึงแล้วงั้นรึ?”เฉินฝานยินดียิ่ง ก่อนหน้าที่เขาเรียกหลี่ซานมาเพื่อที่จะให้เขาไปแคว้นเหมี่ยนคิดมิถึงว่าฉินเย่ว์เหมยจะรู้เรื่องที่ว่าอีจี๋จะมาก่อนเขาเสียอีก“แต่...” เฉินฝานขมวดคิ้ว “ไฉนนางเดินทางมาด้วยตนเองล่ะ? ตอนนี้ตั้งครรภ์จวนจะเก้าเดือนใกล้คลอดแล้ว มิควรเดินทางไกล!”“เจ้า...” ฉินเย่ว์เหมยกล่าวถามเฉินฝานด้วยเสียงเยือกเย็น “ไยเจ้าจึงรู้ว่าจักพรรดินีอีจี๋ตั้งครรภ์และใกล้จะถึงกำหนดคลอดด้วย...เจ้า!”ฉินเย่ว์เหมยหน้านิ่วคิ้วขมวด “หรือว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเจ้ารึ?”มิต้องรอให้เฉินฝานกล่าวตอบ ฉินเย่ว์เหมยใช้สาสน์กราบทูลฉบับหนึ่งฟาดไปที่ศีรษะเฉินฝานทันที “ช่างเป็นชายเสเพลมักมากเสียจริง!”ฉินเย่ว์เหมยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนลุกขึ้นเดินเข้าไปในตำหนักด้านในเฉินฝานคิดว่าฉินเย่ว์เหมยคงเข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็ออกมาเหมือนเคย ปรากฎว่าผ่านไปนานแล้วก็ยังมิออกมาเฮ้อเฉินฝานยักไหล่ สตรีช่างเอาแต่ใจเสียจริง“ฝ่าบาท!” เฉินฝานเดินเข้าไปตำหนักในเพื่อแสดงความเคา
“จักรพรรดินีแคว้นเหมี่ยนมีความเกี่ยวข้องอันใดกับสงครามการค้าระหว่างพวกเราต้าชิ่งและแคว้นหลู่?”ฉินเย่ว์เหมยงุนงงอย่างมาก“แคว้นเหมี่ยนมีพื้นที่น้อยกว่าแคว้นหลู่เสียอีก จำนวนผู้ชายก็มิได้มากมาย หากจักรพรรดินีแคว้นเหมี่ยนจะประกาศสงครามกับแคว้นหลู่เพื่อพวกเราต้าชิ่ง ข้าคิดว่า...”ฉินเย่ว์เหมยจ้องแววตาของเฉินฝานอย่างจริงจัง น้ำเสียงหนักแน่น “ราษฎรแคว้นเหมี่ยนจะต้องมิยินยอมเป็นแน่ หรือเจ้าคิดที่ให้จักรพรรดินีแตกหักกับราษฎรแคว้นเหมี่ยนเพียงเพราะเจ้าคนเดียวรึ?”อย่างไรก็ตามตอนนี้ฉินเย่ว์เหมยก็ยอมแตกหักกับทุกคนในต้าชิ่งเพื่อเฉินฝานแล้วความกดดันที่จับต้องมิได้เช่นนั้น นางเข้าใจเป็นอย่างดีเฉินฝานส่ายหน้า กล่าวอย่างจริงจัง “จะมิเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน แคว้นเหมี่ยนเป็นของอีจี๋ ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะเป็นสามีของนาง ทว่าข้ามิเคยคิดอยากได้ของของนาง”ฉินเย่ว์เหมย: “หากมิมี ไฉนเจ้าต้องเรียกให้จักรพรรดินีมาตอนหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้?”“เพราะอีจี๋ร่ำรวยไงเล่า!”เฉินฝานกลับมีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสมิเคร่งขรึมมากนักดังเดิมแล้ว“มิได้จ่ายเบี้ยหวัดรายเดือนนานแล้ว ครอบครัวข้าแร้นแค้นแทบจะมิมีอันจะกินแล้ว”“อ
“ตอนนี้ร้านสิ่งทอขาดแคลนผ้า ร้านฟืนก็มิมีฟืนแล้ว ถึงแม้ร้านข้าวจะยังพอมีข้าวอยู่บ้าง ทว่าข้าวที่คุณภาพแย่ก็ยังราคาแพง เมื่อสอบถามพบว่าตอนนี้ทางการเก็บภาษีสูงลิ่ว เหล่าเจ้าของร้านมิมีเงินซื้อสินค้ามาขายแล้ว”“โอ้ เมื่อก่อนข้ายกย่องใต้เท้าเฉินอย่างมาก เขาสามารถฝึกกองกำลังลาดตระเวนห้าหมื่นคนให้เป็นผู้กล้าได้ และยังสามารถกำจัดกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นคนให้ราบเป็นหน้ากลองได้อีก อายุยังมิเยอะก็สามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายได้แล้ว มิคิดเลยว่าเขาจะกลายเป็นแบบนี้ ข้ามิเข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องซื้ออาวุธมากมายเพียงนั้น”“ข้าว่าเขาหลงระเริงแล้วกระมัง คิดว่ากองกำลังลาดตระเวนห้าหมื่นคนของตนสามารถเอาชนะกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นคนได้ คงจะคิดแผนจะไปโจมตีแคว้นใดแคว้นหนึ่งอยู่กระมัง”“นี่เป็นความอันตรายของคนที่อายุน้อยแต่ได้รับตำแหน่งสูง อายุน้อยเกินไปก็ทำให้โอหังและหลงระเริงได้ง่าย!”“หลงระเริงเกินไปแล้วกระมัง มิเห็นค่าชะตาชีวิตของพวกเราชาวบ้านเลยงั้นรึ?”“ข้าว่าตอนนี้เขาก็คงมิได้ใส่ใจพวกเราอยู่แล้ว!”“เหอะ ขุนนางจัญไร!”เสียงด่าประณามเฉินฝานของฝูงชนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่
“ซ่า!” กลิ่นเหม็นมาพร้อมกับเสียงที่สาดมาตรงหน้า“นายท่าน!”ฉินเย่ว์เจียวกระโจนมาตรงหน้าเฉินฝาน เอาร่างบางบังให้เฉินฝานเฉินฝานที่เพิ่งกลับมาถึงเรือน ถูกคนสาดมูลวัวใส่“ใจกล้ายิ่งนัก!” ฉินเย่ว์เจียวตะคอกคนที่สาดมูลวัวใส่เฉินฝาน “พวกเจ้ากล้าทำร้ายท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย”“ถุย อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายงั้นหรือ? ขุนนางชั่ว พวกข้าสาดใส่ขุนนางชั่วแล้วจะทำไม!”“ซ่า ซ่า ซ่า!”คนพวกนั้นไม่เพียงไม่กลัว แล้วยังสาดมูลวัวใส่เฉินฝานต่อ ทั้งยังสาดมากขึ้นเรื่อยๆ“ขุนนางชั่วคนนี้แหละ เอาเงินทั้งท้องพระคลังไปซื้ออาวุธของแคว้นหลู ทำให้ตอนนี้ชีวิตของพวกเราลำบาก!”“ขุนนางชั่วต้องถูกปลด ขุนนางชั่วต้องถูกปลด!”เย่ว์หนูนำเหล่าองครักษ์หญิงไปช่วยกันขับไล่ แต่สุดท้ายไม่เพียงไรประโยชน์ ในทางตรงกันข้ามมีคนมามากขึ้นเศษผัก มูลไก่ มูลวัว มีแม้กระทั่งอุจจาระคนสิ่งปฏิกูลมาจากทั่วทุกสารทิศ พุ่งไปทางเฉินฝาน“นายท่าน!”ฉินเย่ว์โหรวที่ได้ยินเสียงดังจึงวิ่งออกมา“อย่าเข้ามา!”เฉินฝานเพียงกระโดด อุ้มฉินเย่ว์โหรวหลบไปอีกทางอย่างรวดเร็ว“ตึ้ง!”หินก้อนหนึ่งถูกเขวี้ยงไปที่ประตู ตำแหน่งนั้น คือจุดที่เมื่อครู่ฉิ
“หลังจากวันนี้ ก็จะประชุมราชสำนักแล้ว ยาแรงต้องฉีดหลังจากประชุมราชสำนัก”เสิ่นหมิงหยวนลูบหนวดเครา ยิ้มด้วยความร้ายกาจหลังจากฟังยาแรงที่เสิ่นหมิงหยวนกล่าว เสิ่นหยวนเลี่ยงกังวลเล็กน้อย “ท่านพ่อ ยาแรงที่ท่านบอกรุนแรงจริงๆ แต่ยานี้จะได้ผลหรือไม่ได้ผลขอรับ?”แววตาของเสิ่นหมิงหยวนหม่นหมอง นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยความคับแค้นใจ “เช่นนั้นก็เพิ่มยาแรงอีก!”นี่คือโอกาสหายาก เขาไม่อาจพลาดโอกาสนี้ได้คนที่ดีใจเช่นเดียวกับเสิ่นหมิงหยวน เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คือโอวหยางน่าหลันที่อยู่ไกลถึงแคว้นหลู่นางเริ่มนับมือรอแล้ว นับวันที่เฉินฝานมาแคว้นหลู่ มายังตำหนักองค์หญิงของนางเพียงนึกถึงใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวสะอาดนั่น ทว่าร่างกายกลับเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเฉินฝาน โอวหยางน่าหลันตื่นเต้นยิ่งนัก ยากไปเยือนแคว้นต้าชิ่งในทันทีทันใด เอาตัวเฉินฝานมายังแคว้นหลู่นางกำนัลคนสนิทของโอวหยางน่าหลัน เคยถามโอวหยางน่าหลันด้วยความระมัดระวัง องค์หญิงรู้ได้อย่างไรว่าร่างกายของเฉินฝานเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโอวหยางน่ากลับตอบด้วยความลำพองใจนางล่วงเกินเฉินฝานนับครั้งไม่ถ้วน เฉินฝานมีกล้ามหรือไม่ นางจะไม่รู้ได้อย่างไร?นางเ
หากจะกล่าวว่าทุกคนที่สนับสนุนเฉินฝาน ล้วนถูกปิดล้อมโจมตี ล้วนบาดเจ็บ ก็ไม่ค่อยถูกนักเพราะว่า ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่ไม่ถูกโจมตี ไม่บาดเจ็บ ซึ่งคนคนนี้ก็คือ...“คนพวกนี้ช่างไม่เจียมตน ตอนนั้นหากไม่ใช่ลูกเขยของเขาทำลายทหารเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นนาย เจ้าพวกโง่เหล่านี้ยังจะเดินบนท้องถนนด้วยความสบายใจได้หรือ?”“ลูกเขยของข้าซื้ออาวุธจากแคว้นหลู่ ก็เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดสงคราม เวลานี้ต้าชิ่งจะทำสงครามอีกครั้งได้อย่างไร!”เสียงด่าทอของตวนชินอ๋องดังมาจากประตูวังหลวงราวกับระฆัง ตวนชินอ๋องปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนวันนี้เขาไม่ได้อยู่ในสภาพมึนเมาแล้ว เขากลายเป็นเทพผู้ดุร้ายด้วยท่าทีของเขาในตอนนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ผู้ที่กล้าทำร้ายเขา เขาก็กล้าลงไม้ลงมือใช้ความรุนแรงโต้กลับ เขาไม่สนใจชื่อเสียงอยู่แล้ว“โธ่ ลูกเขยที่แสนดี!”เมื่อเห็นเฉินฝาน สีหน้าของตวนชินอ๋องเปลี่ยนไปในทันที เขายิ้มแล้ววิ่งไปทางเฉินฝาน“ในที่สุดข้าก็เจอเจ้าแล้ว สิบห้าวัน สิบห้าวันที่ข้าไม่ได้เจอเจ้า ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก”สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความรักของตวนชินอ๋อง หากคนไม่รู้ คงคิดว่าเฉินฝานเป็นยอดหญิงงามทว่าผู้อื่นไม่รู้
“ขุนนางที่รักลุกขึ้น!”ฉินเย่ว์เหมยคิดว่าตนพูดไม่กระจ่างชัด จึงพูดซ้ำอีกรอบทว่าขุนนางพวกนั้น ยังคงเหมือนเดิม คุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้น“พวกเจ้าทำอะไรกัน?” ฉินเย่ว์เหมยตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฝ่าบาท!”คนพูดคือเลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัว“ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเฉินฝานดื้อดึงไม่ฟังผู้ใด กระทำตามเจตนาตนเอง ผลาญเงินในท้องพระคลังจนหมด ทำให้ราษฎรต้าชิ่งตกอยู่ในความยากลำบาก กระหม่อมคิดว่าใต้เท้าเฉิน มิควรดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายพ่ะย่ะค่ะ!”“ด้วยที่ว่า กระหม่อมใคร่ปลดท่านอัครเสนาบีเบื้องซ้ายเฉินฝาน กระหม่อมอยากขอให้ฝ่าบาทปลดท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายจากตำแหน่ง ลงโทษให้เป็นสามัญชน ส่งตัวเขาไปเผชิญหน้ากับราษฎร ให้ชาวบ้านลงโทษพ่ะย่ะค่ะ!”“คำนับ!”พูดจบ หลิวเกาจัวเอาหน้าผากคำนับพื้นอย่างแรงหนึ่งครั้ง“ฝ่าบาท กระหม่อมใคร่ปลดท่านอัครเสนาบีเบื้องซ้ายเฉินฝาน!”เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านหลังหลิวเกาจัว พูดขึ้นพร้อมกันเสียงดังฟังชัดคาดว่า พวกเขาหารือกันล่วงหน้าแล้วเฉินฝานมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยแววตาเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนขี้ขลาดตาขาว ตนไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนตรงๆ ให้หลิวเกาจัว
“ข้าไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างพวกเจ้า ข้าหิวจะตายแล้ว ไปกันเถอะ!”มือใหญ่ของตวนชินอ๋องคว้าจับ เฉินฝานที่อยู่ข้างกายตน “เขยรัก พวกเราออกจากวังหลวง กลับไปดื่มสุราและเป่ายิงฉุบกันเถอะ!”“ไปไม่ได้!”เสิ่นหมิงหยวนลุกขึ้นยืนแล้วพูดทันควันตวนชินอ๋องหันหน้ากลับมา มองค้อนไปที่เสิ่นหมิงหยวน ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห “เจ้าเป็นใคร? มีสิทธิ์ใดมาขวางข้า?”ยามตวนชินอ๋องโมโห เขาเหมือนราชสีห์ในทุ่งหญ้า แม้ส่วนลึกในใจของเสิ่นหมิงหยวนจะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่เขาควบคุมสีหน้าได้ดียิ่งนัก ผู้อื่นมองไม่ออก“ฝ่าบาทยังไม่มีคำสั่งจบการประชุมราชสำนัก!”“มนุษย์ไม่ใช่เทพเซียน ตอนนี้เที่ยงวันแล้ว ตวนชินอ๋องหิวแล้ว เป็นเรื่องปกติ หากเขาคิดจะไป ข้า...”ฉินเย่ว์เหมยเงียบครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นแล้วโบก “อนุญาตให้เขาไป!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฮ่าๆๆๆ!”เสียงหัวเราะดังก้องของตวนชินอ๋อง ดังขึ้นในท้องพระโรง“เขยรัก พวกเราไปกันเถอะ!”“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสิ่นหมิงหยวนลุกขึ้นห้ามอีกครั้ง“ตึ้ง!” ตวนชินอ๋องที่โมโหร้าย ถอดรองเท้าของตน โยนไปที่หน้าของเสิ่นหมิงหยวน“เจ้าหูไม่ดี ก็รีบไปหาหมอ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินหรือ ฝ่าบาทบอกว
“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ
เฉินฝานกล่าวจบไปได้พักใหญ่แล้ว เหอจื่อหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม“พี่จื่อหลิน มิใช่ว่าอยากรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วหรอกหรือ? เหตุใดพี่ยังมัวอึ้งอยู่ที่นี่เล่า? รีบลงมือสิ!” เฉินฝานเร่งเหอจื่อหลิน “ทราบดีว่าท่านมีคำถามอยู่เต็มสมอง ตอนนี้ไม่อาจอธิบายให้ท่านฟังโดยละเอียด ท่านไปจัดการก่อน อีกไม่นานข้าจะมา”หลังจากที่เหอจื่อหลินจากไปแล้ว เฉินฝานก็พาฉินเย่ว์เจียวเข้าเมืองลู่ตูทันทีไม่นาน เขาก็พาคนออกมาจากเมืองลู่ตู มุ่งหน้าสู่เนินเขากงจียามที่เฉินฝานไปถึง พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ กำลังขนย้ายเครื่องครัวมาถึงพอดี ขณะเดียวกันเจ้าเมืองลู่ตูก็นำไก่หนึ่งพันตัวมาส่งให้เช่นกันเฉินฝานให้พ่อครัวทหารของกองทัพต่าง ๆ ตั้งเตาหลายสิบเตาของแต่ละกองทัพตรงสถานที่ที่มีลมโกรก ต้มน้ำเดือด หั่นไก่ที่เชือดเรียบร้อยแล้วเป็นชิ้น ๆ แล้วเคี่ยวลงในหม้อผ่านไปไม่นานนัก น้ำแกงไก่ในหม้อเหล็กใบใหญ่ก็เดือดปุด ๆ กลิ่นหอมของน้ำแกงไก่เข้มข้นอบอวลไปทั่วหุบเขาอย่าว่าแต่ทหารหลู่ที่หิวจนท้องร้องโครกครากเลย ต่อให้เป็นกองทัพลาดตระเวนที่เพิ่งกินข้าวอิ่มเมื่อครู่นี้ต่างก็น้ำลายไหลถึงพื้นแล้ว เฉินฝานกล่าวเสียงดังว่า “เหล
มองทหารที่อยู่ในหลุมหลบภัย ถูกไฟคลอกทั้งตัว เกลือกกลิ้งไปมาด้วยความเจ็บปวด รวมถึงน้ำมันสนที่ยังคงไหลไม่หยุด ทหารหลู่ที่ยังไม่กระโดดลงไปในหลุมหลบภัย ไม่กล้ากระโดดลงไปแล้วทหารหลู่ที่เดิมทีจะฝ่าวงล้อมออกไปได้แล้วนั้น ถูกขังด้วยเพลิงไฟ“เหี้ยมโหดยิ่งนัก!”โอวหยางหน่าหลันตะโกนด้วยความโมโหหลังจากนั้น เฉินฝานทำเพียงอย่างดีซึ่งก็คือขุดหลุมรอบทหารหลู่ แล้วเทน้ำมันสนลงไปเรื่อยๆตอนทหารหลู่ย้อนกลับไปทางเดิม ไปถึงหุบเขาต้าถัง หลี่จื้อใช้วิธีการเดียวกัน อีกทั้งเขายิ่งสบายกว่าหุบเขาต้าถังมีเพียงทางเดียว เขาสั่งให้คนขุดหลุมยาว เทน้ำมันสนปริมาณมากลงไป เมื่อทหารหลู่มาถึง เปลวไฟในหลุมลุกโชนทหารหลู่อยากฝ่าออกไปโดยใช้เส้นทางบนหุบเขา กองทัพลาดตระเวนประจำการอยู่ที่นั่น ยิ่งง่ายในการต่อสู้ยิ่งไปกว่านั้น ทหารหลู่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหนึ่งวันแล้ว ต่อสู้ตลอดทั้งวัน พวกเขาแทบจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีจนสิ้นแล้วหฃังจากปิดล้อมทหารหลู่ เฉินฝานก็สั่งให้หยุดโจมตีตอนนี้เพียงปิดล้อมไม่ต้องโจมตีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองอาวุธและชีวิตอันล้ำค่าของกองทัพลาดตระเวนอีกต่อไป“ใต้เท้า ส่งคนเข้าไปสามรอบแล้ว
“สหายทั้งหลาย ลุย! อย่าให้ทหารหลู่ไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิงเด็ดขาด”เวลานี้ ทหารกองกำลังที่สามจากหุบเขาเสี่ยวถังมาถึงแล้วเมื่อทหารกองกำลังที่สามถึง ซุนลี่ก็ออกคำสั่งทันที“ทหารทั้งหลาย กองทัพลาดตระเวนต้าชิ่งเริ่มปิดล้อมแล้ว เหลืออีกเพียงหนึ่งแนวป้องกันเท่านั้น ก็จะฝ่าออกไปจากการปิดล้อมได้แล้ว!”ทางด้านทหารหลู่ โอวหยางน่าหลันก็ฉีดยาให้กำลังใจทหารหลู่“อย่ายอมตายอย่างอดอยากเด็ดขาด ฝ่าออกไป!”ทหารหลู่ราวกับเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ไม่ว่าข้างกายจะมีคนล้มลงมากน้อยเพียงใด พวกเขาล้วนมองไม่เห็น เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว ซึ่งก็คือไปถึงหลุมหลบภัยที่สามของทหารหญิง แล้วฝ่าวงล้อมออกไปเวลานี้ เหอจื่อหลินที่มาจากหุบเขาต้าถังมาถึงแล้วทหารกองกำลังที่ห้าของเหอจื่อเฝ้าหุบเขาต้าถัง เพื่อป้องกันทหารหลู่ถอยกลับไปทางด้านเหอจื่อหลินนำทัพกองกำลังที่สองเร่งเดินทางมา“ใต้เท้า ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วทหารหลู่ต้องฝ่าออกไปได้แน่นอน ข้ารีบเข้าเมืองลู่ตูตอนนี้ นำทหารเฝ้าเมืองห้าหมื่นนาย ไปเมืองลู่ตูเพื่อปิดกั้นเส้นทางการออกไปของทหารหลู่”“นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี!”เฉินฝานขมวดคิ
“ฝ่าออกไป ไม่อาจเป็นผีหิวตายเด็ดขาด!”โอวหยางน่าหลันลากเท้าที่บาดเจ็บ พุ่งตัวไปด้านหน้าหลังจากถูกยิงไปแล้วหนึ่งครั้ง ทหารรักษาพระองค์ล้อมโอวหยางน่าหลังทั้งสองสี่ด้าน คุ้มกันนางอย่างแน่นหนาลูกธนูของฉินเย่ว์เจียวยิงถูกคน ทว่าไม่อาจยิงโดนโอวหยางน่าหลัน“ฝ่าออกไป! ไม่อาจอดตายกลายเป็นผีได้!”คล้ายตอนอยู่นอกประตูเมืองลู่ตู จู่ๆ ทหารหลู่พุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่คิดชีวิตครั้งนี้ พวกเขาไม่วิ่งขึ้นหุบเขาอีกแล้ว พุ่งตัวไปหาทหารหญิง“ลุย จัดการพวกมันซะ!” มั่วเซินรีบออกคำสั่งทันทีทหารกองกำลังที่หนึ่ง รวมถึงทหารกองกำลังที่สามซึ่งรีบเดินทางมา ระดมกำลังต่อสู้ ช่วยคลายความกดดันให้ทหารหญิงบนพื้นดิน ทหารหลู่ล้มกองแล้วกองเล่า ศพกองเป็นภูเขาแต่พวกเขากลับไม่สนใจคนข้างกาย ยิงธนูใส่พวกสตรี อย่างบ้าคลั่งพร้อมกับพุ่งตัวไปด้านหน้าลูกธนูด้านหน้าถูกยิงมาราวกับสายฝน พวกทหารหญิงถึงขั้นไม่อาจเงยหน้าขึ้น“พี่น้องทั้งหลาย!” เย่ว์หนูร้องตะโกนเสียงดัง “ลงไปเร็วเข้าๆ ทหารหลู่มาใกล้เกินไปแล้ว สุ่มโยนได้เลย!”ทหารหญิงกระโดดลงจากเก้าอี้ ยืนอยู่ในหลุมหลบภัยแล้วสุ่มโยนระยะทางใกล้เช่นนี้ การสุ่มโยนระเบิดทห
“เจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ทันที “รับประกันว่าเพียงหนึ่งดอกก็คร่าชีวิตนางได้แล้ว”“อย่าสังหารนาง เพียงให้นางตกลงจากก้อนหินก็พอ ให้นางไม่กล้าเสนอหน้าอีกก็พอ” เฉินฝานรีบพูด“นายท่าน ท่านชมชอบนางหรือเจ้าคะ?”นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเย่ว์เจียว กล่าวถึงสตรีอื่นแล้ว เปี่ยมไปด้วยความหึงหวงนางไม่ชอบโอวหยางน่าหลัง สตรีที่คิดอยากจะเป็นผู้หญิงของนายท่าน นางไม่เคยกีดกัน แต่ว่าโอวหยางน่าหลันคนนี้ ไม่เพียงอยากแต่งงานกับนายท่าน ยังอยากแย่งนายท่านไปอีก ทำเกินไปแล้วจริงๆเฉินฝานยิ้ม “โอวหยางน่าหลันมีประทุมอวบอิ่มสะโพกผาย ทั้งยังร่ำรวย ชายใดบ้างที่จะไม่ชอบ?”รับรู้ได้ว่าสตรีข้างกายแทบจะเบิดอารมณ์แล้ว เฉินฝานรีบหุบยิ้ม พูดด้วยความจริงจัง “ข้าล้อเล่น ตอนนี้โอวหยางน่าหลันยังตายไม่ได้!”ต้องไว้ชีวิตนางเพื่อทำการต่อรองดวงหน้างดงามของฉินเย่ว์เจียวเปี่ยมไปด้วยความโมโห “ข้าต้องการให้นางตาย!”แม้จะพูดด้วยความโมโห แต่ตอนมือของฉินเย่ว์เจียวขึ้นสายเกาทัณฑ์ นางเบี่ยงมือเล็กน้อย“โอ๊ย~”สิ้นเสียงโอดครวญ โอวหยางน่าหลันที่ยืนอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ตกลงไป“องค์หญิง!”“คุ้มกันองค์หญิง!”หลังจากโอวห
“หลุมลึกเช่นนั้น หากไม่มีเก้าอี้ พวกนางปีนป่ายขึ้นมาต้องใช้แรงมหาศาลทหารหลู่ที่วิ่งเร็วที่สุด เข้าสู่วงล้อมโจมตีของเนินเขากงจีแล้ว“ระวัง ด้านหน้ามีทหารต้าชิ่ง!”สายตาเฉียบแหลมของเขาพบว่าเส้นทางด้านหน้า มีโคลนหลายกอง อยู่บนถนน“เอ๊ะ เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่านั่นเป็นพวกผู้หญิง?”“ไม่ใช่รู้สึก แต่พวกนางเป็นผู้หญิงจริงๆ”“ข้าได้ยินมาโดยตลอดว่าต้าชิ่งมีทหารหญิง คิดไม่ถึงว่าจะมีจริงๆ!”เมื่อเห็นว่าเป็นสตรี พวกทหารหลู่ผ่อนคลายลงมาก“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าประเมินศัตรูต่ำเกินไป ข้าได้ยินว่าทหารหญิงแคว้นต้าชิ่ง ร้ายกาจยิ่งนัก”มีคนเตือน แต่ก็มีคนโต้กลับในทันทีทันใด?”“ใช่ ตอนนี้แข่งเรื่องต่อสู้ ไม่ได้แข่งเย็บปักถักร้อย”หลังจากเห็นทหารหญิงด้านหน้าแล้ว ทหารหลู่ที่หมดอาลัยตายอยากก่อนหน้านี้ กระปรี้กระเปร่าขึ้นมามาก“แม้กระทั่งสตรีก็ถูกสั่งให้มาสู้รบ ต้าชิ่งไม่มีบุรุษแล้วจริงๆ”“สหาย พวกเจ้าเห็นหรือไม่? สตรีต้าชิ่ง งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเรา”“งดงามกว่าสตรีแคว้นหลู่ของเราจริงๆ สหาย ต้าชิ่งเหลือเพียงสตรีแล้ว พวกเรารีบฝ่าออกไป แล้วค่อยโต้กลับทีหลัง”“หลังจากยึดครองต้าชิ่ง สตรีต้าชิ่งทั้งหมดเ
“เฉินฝานเทน้ำชาในกา ทิ้งลงในเตาผิง จากนั้นวางกาน้ำชาเปล่าไว้บนโต๊ะ“ไปกันเถอะ!”“ไปไหนเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวรีบตามไป“เนินเขากงจี เวลานี้ทหารหลู่น่าจะถอนกำลังไปถึงเนินเขากงจีแล้ว”ฉินเย่ว์เจียวกำลังคิดอยากจะถามเฉินฝาน เขารู้ได้อย่างไรว่าทหารหลู่จะถอยทัพไปถึงเนินเขากงจีแล้ว ถังหงชางหัวหน้าผู้ส่งสารกเข้ามาเมื่อเห็นเฉินฝาน ถังหงชางรีบวิ่งตามมา “ใต้เท้า น่าจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ทหารหลู่ก็จะไปถึงเนินเขากงจีขอรับ”“อื้ม!”เฉินฝานที่พยักหน้า รีบเดินออกไปเขาจะไปเนินเขากงจี การดักโจมตีบนเนินเขากงจี คือสิ่งสำคัญที่สุด การต่อสู้ครั้งนี้ตัดสินแพ้ชนะ ทั้งยังตัดสินชะตาแคว้นหลู่และต้าชิ่งการดักโจมตีบนเนินเขากงจี ไม่เพียงโจมตีบนหุบเขา ภาคพื้นดินมีทหารซุ่มโจมตี อีกทั้งระหว่างทาง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเฉียนหงที่ประจำเนินเขายาจุ่ยกลับมาพร้อมกับทหารหลู่แล้ว...“ขุดเร็วเข้า ไม่ได้ ขุดลึกอีกหน่อย!”“ที่เจ้าขุดยังไม่ถึงแปดฟุตแปดนิ้ว ขุดอีก!”เฉินฝานยังไปไม่ถึง ก็ได้ยินเสียงเคร่งขรึมของเย่ว์หนูแล้วหลังจากทหารหลู่ผ่านเนินเขากงจี เฉินฝานให้คนไปส่งข่าวบอกเย่ว์หนู สั่งให้นางขุดหลุมตรงกลางถ
“เจ้า...”โอวหยางน่าหลันโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว“องค์หญิง โปรดรับสั่งให้ถอยทัพในทันทีพ่ะย่ะค่ะ!” อวิ๋นเต๋อพูดซ้ำอีกรอบ อีกทั้งครั้งนี้แววตาของเขาลุ่มลึก“ถอยทัพ!”โอวหยางน่าหลันกัดฟันพูดหลังจบสิ้นสงครามนี้ คนพวกนี้ นางจะจัดการทีละคน“ทหารหลู่ของเรามีแปดแสนกว่านาย กองทัพลาดตระเวนมีหนึ่งแสนนาย เหตุใดต้องถอย?”ระหว่างทางถอยทัพ โอวหยางน่าหลันเจ็บแค้นใจมาโดยตลอด ถามอวิ๋นเต๋อซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า“องค์หญิง ตอนนี้พวกเรามีกำลังทหารไม่ถึงแปดแสนนายแล้วพ่ะย่ะค่ะ” อวิ๋นเต๋อตอบตอนโจมตีเมือง ทหารหลู่แลกด้วยชีวิต บวกกับโจมตีหุบเขาต้าถังเมื่อครู่ ตอนนี้ไม่มีเวลานับจำนวนคนแล้ว แต่ประสบการณ์ที่เคยนำทัพมาหลายปีของอวิ๋นเต๋อบอกกับเขาว่า ตอนนี้ทหารหลู่เหลือไม่ถึงหกแสนนายแล้ว“แม้จะเป็นเช่นนี้ ฝืนสู้เสียหน่อย ระเบิดไหสุราของพวกเขาก็หมดลงแล้ว”“องค์หญิง องค์หญิงพูดถูกพ่ะย่ะค่ะ หากพวกเรายืนหยัดอีกเสียหน่อย กองทัพลาดตระเวนต้องใช้ระเบิดจนหมดแน่นอน”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังถอยทัพ?”“องค์หญิง ด้วยวิธีการขององค์หญิง สามารถคว้าชัยชนะมาได้ แต่ความสูญเสียนั้นมากเกินไป อีกทั้งเห็นชัดว่าเป็นกับดัก เสบียงอาหาร