“ขุนนางที่รักลุกขึ้น!”ฉินเย่ว์เหมยคิดว่าตนพูดไม่กระจ่างชัด จึงพูดซ้ำอีกรอบทว่าขุนนางพวกนั้น ยังคงเหมือนเดิม คุกเข่าไม่ยอมลุกขึ้น“พวกเจ้าทำอะไรกัน?” ฉินเย่ว์เหมยตะโกนเสียงดังด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ฝ่าบาท!”คนพูดคือเลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัว“ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเฉินฝานดื้อดึงไม่ฟังผู้ใด กระทำตามเจตนาตนเอง ผลาญเงินในท้องพระคลังจนหมด ทำให้ราษฎรต้าชิ่งตกอยู่ในความยากลำบาก กระหม่อมคิดว่าใต้เท้าเฉิน มิควรดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายพ่ะย่ะค่ะ!”“ด้วยที่ว่า กระหม่อมใคร่ปลดท่านอัครเสนาบีเบื้องซ้ายเฉินฝาน กระหม่อมอยากขอให้ฝ่าบาทปลดท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายจากตำแหน่ง ลงโทษให้เป็นสามัญชน ส่งตัวเขาไปเผชิญหน้ากับราษฎร ให้ชาวบ้านลงโทษพ่ะย่ะค่ะ!”“คำนับ!”พูดจบ หลิวเกาจัวเอาหน้าผากคำนับพื้นอย่างแรงหนึ่งครั้ง“ฝ่าบาท กระหม่อมใคร่ปลดท่านอัครเสนาบีเบื้องซ้ายเฉินฝาน!”เหล่าขุนนางที่อยู่ด้านหลังหลิวเกาจัว พูดขึ้นพร้อมกันเสียงดังฟังชัดคาดว่า พวกเขาหารือกันล่วงหน้าแล้วเฉินฝานมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยแววตาเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนขี้ขลาดตาขาว ตนไม่กล้าเผชิญหน้ากับคนตรงๆ ให้หลิวเกาจัว
“ข้าไม่อยากเสียเวลากับคนอย่างพวกเจ้า ข้าหิวจะตายแล้ว ไปกันเถอะ!”มือใหญ่ของตวนชินอ๋องคว้าจับ เฉินฝานที่อยู่ข้างกายตน “เขยรัก พวกเราออกจากวังหลวง กลับไปดื่มสุราและเป่ายิงฉุบกันเถอะ!”“ไปไม่ได้!”เสิ่นหมิงหยวนลุกขึ้นยืนแล้วพูดทันควันตวนชินอ๋องหันหน้ากลับมา มองค้อนไปที่เสิ่นหมิงหยวน ตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห “เจ้าเป็นใคร? มีสิทธิ์ใดมาขวางข้า?”ยามตวนชินอ๋องโมโห เขาเหมือนราชสีห์ในทุ่งหญ้า แม้ส่วนลึกในใจของเสิ่นหมิงหยวนจะรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แต่เขาควบคุมสีหน้าได้ดียิ่งนัก ผู้อื่นมองไม่ออก“ฝ่าบาทยังไม่มีคำสั่งจบการประชุมราชสำนัก!”“มนุษย์ไม่ใช่เทพเซียน ตอนนี้เที่ยงวันแล้ว ตวนชินอ๋องหิวแล้ว เป็นเรื่องปกติ หากเขาคิดจะไป ข้า...”ฉินเย่ว์เหมยเงียบครู่หนึ่ง ยกมือขึ้นแล้วโบก “อนุญาตให้เขาไป!”“ขอบพระทัยฝ่าบาท ฮ่าๆๆๆ!”เสียงหัวเราะดังก้องของตวนชินอ๋อง ดังขึ้นในท้องพระโรง“เขยรัก พวกเราไปกันเถอะ!”“หยุดเดี๋ยวนี้!” เสิ่นหมิงหยวนลุกขึ้นห้ามอีกครั้ง“ตึ้ง!” ตวนชินอ๋องที่โมโหร้าย ถอดรองเท้าของตน โยนไปที่หน้าของเสิ่นหมิงหยวน“เจ้าหูไม่ดี ก็รีบไปหาหมอ เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินหรือ ฝ่าบาทบอกว
เดือนสี่ของแคว้นหลู่ ร่ำรวยยิ่งนักทั่วทั้งแคว้น ล้วนไม่ต้องทำไร่ทำนา ทุกบ้านเรือนกินดีอยู่ดีก่อนหน้านี้เพียงกินอิ่ม ก็พอใจแล้ว ตอนนี้ไม่เพียงกินอิ่ม แต่ยังต้องกินดีอีกด้วยข้อนี้ ภายในวังหลวงของแคว้นหลู่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนโอวหยางน่าหลันเรื่องมากด้านการกินยิ่งนัก อาหารจำพวกแป้งต้องซื้อมาจากเมืองข้าวสาลีอย่างแคว้นเยี่ยน ข้าวสารต้องเป็นข้าวที่ปลูกในเมืองอย่างแคว้นจ้าว“ถุย!”โอวหยางน่าหลันที่กำลังกินอาหาร จู่ๆ ก็คายข้าวในปากออกมา“นี่คืออะไร ไม่อร่อยเลยสักนิด? เกาลี่!”โอวหยางน่าหลันร้องเรียกขุนนางคนสนิทเสียงดัง“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!” เกาลี่รีบวิ่งมาจากนอกตำหนัก“ไปถามห้องเครื่อง วันนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดข้าวนี้จึงไม่อร่อยเลยสักนิด”ไม่นาน เกาลี่ก็นำตัวพ่อครัวหลวงประจำวันนี้มาตรงหน้าโอวหยางน่าหลัน“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อเข้ามาในตำหนัก พ่อครัวหลวงตอบตามความจริง “ข้าววันนี้ ไม่ใช่ข้าวสารจากเมืองน้ำอย่างแคว้นจ้าวพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินถ้อยคำนี้ของพ่อครัว โอวหยางน่าหลันโมโหกว่าเดิม “เหตุใดจึงไม่ใช่ข้าวสารจากเมืองน้ำอย่างแคว้นจ้าวเล่า ข้ากินได้แค่ข้าวสารของที่นี่ เจ้า
“จางผิงเล่า ไปตามตัวจางผิงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เสียงตะคอกด้วยความโมโหของโอวหยางน่าหลัน ดังก้องในตำหนักองค์หญิงแคว้นหลู่ผ่านไปห้าวันแล้ว สำนักห้องเครื่องหลวงยังไม่มีข้าวสารจากเมืองน้ำแคว้นจ้าว และแป้งจากดินแดนข้าวสารลีแคว้นเยี่ยนก็หมดแล้ว“เคร้ง!”โอวหยางน่าหลันโยนกระบี่เล่มหนึ่งไปตรงหน้าจางผิง“ลำพังข้าวสารและแป้งยังไม่อาจจัดซื้อได้ ตำแหน่งเลขาธิการของเจ้ามีประโยชน์ใด? ปลิดชีพตนเองซะ!”จางผิงถือมีดด้วยสองมือที่สั่นเทา“องค์หญิง ไม่ใช่ว่ากระหม่อมไม่อยากซื้อ แต่ว่าข้าวสารจากเมืองน้ำและแป้งจากเมืองข้าวสาลีไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ก่อนตาย จางผิงอยากแก้ตัวให้ตนเองก่อน“ไม่มีแล้ว? ไม่มีแล้วได้อย่างไร? นี่เป็นเพียงวาจาของพ่อค้าเจ้าเล่ห์เท่านั้น ข้าบอกให้เจ้าเสนอราคาเพิ่ม เจ้าเพิ่มแล้วหรือไม่?”“เพิ่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ ข้าวสารหนึ่งจิน กระหม่อมเพิ่มราคาให้เป็นสิบตำลึงเงินแล้ว แต่พวกพ่อค้ายังคงบอกว่าไม่มี”ข้าวสารจินหนึ่งสิบตำลึงเงิน แม้จะเป็นข้าวสารคุณภาพดีอันดับหนึ่ง ราคานี้ก็สูงลิ่วมากแล้วโอวหยางน่าหลันขมวดคิ้วเป็นปม “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? บวกราคาเพิ่มขนาดนี้แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ขายหนิ
“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเหี้ยมโหดเช่นนี้ สืบมา ไปสืบมาให้ดี ต้องเอาตัวคนลึกลับคนนั้นออกมาให้ข้า!”โอวหยางน่าหลันนั่งบนบัลลังก์มังกร ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหแคว้นหลู่ใช้ทรัพยากรคนและสิ่งของไปมาก สืบมานานกว่าครึ่งเดือน ยังไม่เจอเบาะแสใดๆ ที่มีประโยชน์วิกฤตขาดแคลนอาหารของแคว้นหลู่รุนแรงขึ้นเรื่อยชาวบ้านหลายคนเริ่มหิวตายบนท้องถนน ชาวบ้านที่หิวตายเหล่านั้น ตอนตาย ในมือยังกำเงินจำนวนมากเอาไว้ผู้คนสิ้นหวังเป็นที่สุด นับตั้งแต่โบราณ ได้ยินเพียงว่าไร้เงินจะหิวตาย ทว่ามีเงินแล้วยังหิวตาย เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรกในใต้หล้า“เฮ้อ! สวรรค์จะทำลายแคว้นหลู่ของข้าแล้ว!”คนมากมายที่ไม่หิวตาย ทว่าสิ้นหวังเริ่มปลิดชีพตนแล้วเวลาเพียงสี่วันท้องฟ้าแคว้นหลู่ปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มในทุกวันมีคนจำนวนมากหิวตายและฆ่าตัวตายแคว้นใกล้เคียงเห็นภาพนี้ ล้วนเศร้าสลดเมื่อเดือนสองเดือนก่อน ชีวิตของชาวแคว้นหลู่ ทำให้แคว้นใกล้เคียงอิจฉายิ่งนักคนที่มีญาติอยู่แคว้นใกล้เคียง ล้วนหนีจากแคว้นหลู่ไปหาญาติแคว้นอื่นแล้ว ทว่าคนที่ไม่มีญาติอยู่แคว้นใกล้เคียง ทำได้เพียงรอคอยความตายในแคว้นหลู่ทั่วทั้งแคว้นหลู่ ยังคงพยาย
เมื่อใดที่ชาวบ้านเคืองขุ่นเหล่านั้นบุกเข้ามา ก็คือวันตายของเฉินฝานเฉินฝานมองเสิ่นหมิงหยวนด้วยสีหน้านิ่งสงบ ตอบไม่ตรงคำถาม “จำนวนตัวเลขของหลี่ชิงไม่ถูกต้อง แคว้นต้าชิ่งของเราไม่ได้มีเสบียงแค่นี้!”“ใต้เท้า เวลานี้แคว้นของเรามีเสบียงเพียงเท่านี้จริงๆ ขอรับ ทุกเมืองจะส่งตัวเลขเสบียงอาหารมาที่เมืองหลวงทุกเดือน ทุกหนึ่งเดือน ข้าก็ออกนอกเมืองหลวงเพื่อตรวจตรา ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนขอรับ”แม้หลี่ชิงจะทำงานภายใต้บัญชาของเสิ่นหยวนเลี่ยง แต่เขาแตกต่างจากหลิวเกาจัว เขาตั้งใจทำงานและรอบคอบ ระมัดระวังอย่างมากข้อนี้ฉินเย่ว์เหมยยอมรับท่ามกลางพวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวน หลี่ชิงเป็นขุนนางเพียงคนเดียวที่ฉินเย่ว์เหมยเกลียด“เฉินฝาน หากเจ้าไม่สบาย ข้าอนุญาตให้หมอหลวงมาดูอาการ” ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเรามีเสบียงอาหารจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เสบียงอาหารเหล่านั้นอยู่ในคลังเก็บอาวุธ”เฉินฝานไม่อยากอ้อมค้อมแล้ว เขาจึงพูดออกไปตรงๆ“คลังเก็บอาวุธมีเสบียงอาหารเช่นนั้นหรือ?”สายตาของทุกคนในท้องพระโรง มองไปทางฟางซินฮุ่ย“...” ฟางซินฮุ่ยลำบากใจทว่าไม่อาจพูดออกมาได้นับตั้งแต่เกณฑ์ทหาร
“ทุกคลังเก็บอาวุธ มีเสบียงอาหารบรรจุอย่างน้องครึ่งหนึ่งมองข้าวสารกองโต นอกจากพวกเสิ่นหมิงหยวนแล้ว ขุนนางคนอื่นๆ ล้วนน้ำตาคลอเบ้าเสบียงอาหารแคว้นต้าชิ่งมีเสบียงอาหารมีเสบียงอาหารในใจ จิตใจไม่กระวนกระวายครั้งนี้ ทุกคนเข้าใจถ้อยคำนี้อย่างชัดเจนจิตใจที่คอยกังวล ในที่สุดก็ปล่อยวางลงได้ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยความดีใจ “เปิด เปิดคลังเสบียง อีกทั้งต้องเปิดเดี๋ยวนี้!”หิวโหยมานานหลายเดือนต้องให้ราษฎรต้าชิ่งอิ่มท้องเสียทีชาวบ้านที่รวมตัวกันด้านนอกคลังเก็บอาวุธ มีมากกว่านอกวังหลวงเพิ่งออกมาจากวังหลวง เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนไปแพร่ข่าว บอกว่าตอนนี้เฉินฝานอยู่ที่คลังเก็บอาวุธ“สังหารเฉินฝาน!”“ไม่สังหารเฉินฝาน ชาวบ้านยากจะสงบ!”“สังหารเฉินฝาน!”“ไม่สังหารเฉินฝาน ชาวบ้านยากจะสงบ!”นอกคลังเกบอาวุธ เสียงร้องบอกให้สังหารเฉินฝาน ราวกับฟ้าผ่าลงมาจากสวรรค์ ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ว่า ไม่นาน...“ขอบคุณใต้เท้า!”“ช่างเป็นอัครเสนาบดีแสนดีของต้าชิ่งจริงๆ! ให้ความสำคัญกับราษฎร!”“นับตั้งแต่วันนี้ ผู้ใดกล้าบอกว่าจะสังหารใต้เท้าเฉิน ข้าจะไปสังหารเขาคนนั้นก่อน!”เสียงร้องบอกให้สังหารในต
“ฝ่าบาท ท่านเสด็จมาได้อย่างไร?”เมื่อมองเห็นคนในห้องหนังสือได้อย่างชัดเจน เฉินฝานก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นพี่สาว แต่เวลานี้ฉินเย่ว์เหมยคือฉินหย่งคัง ฮ่องเต้ของต้าชิ่ง ดังนั้นฉินเย่ว์เหมยจึงไม่เคยมาที่บ้านของเฉินฝานเลย“เจ้าตอบคำถามของข้าก่อน!”ฉินเย่ว์เหมยร้อนอกร้อนใจเดิมทีนางอยากให้หงอิงมาเรียกเฉินฝานเข้าวัง แต่นางรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงได้ออกมาพร้อมกับหงอิง“ซื้อมาพ่ะย่ะค่ะ” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ซื้อมา?”“ถ้าไม่อย่างนั้นจะให้แย่งมาหรือ?”“เจ้าจริงจังหน่อยสิ!”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องขอบคุณ... เข้ามาได้!”เฉินฝานโบกมือไปทางด้านนอกห้องหนังสือ ครู่หนึ่ง ร่างอรชรงดงามก็เข้ามาอย่างช้า ๆแม้ว่าบนร่างของนางจะสวมเสื้อผ้าของต้าชิ่ง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นของนาง และหมุดจมูกที่ส่องประกายวาววับบนจมูก ทำให้คนเห็นแวบเดียวก็ดูออกได้ว่านางมิใช่ชาวต้าชิ่ง“อีจี๋ถวายบังคมฝ่าบาท”ฐานะของอีจี๋ไม่ด้อยไปกว่าฉินเย่ว์เหมย นางเพียงแค่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ไม่ได้ทำการคุกเข่า“สวัสดีจักรพรรดินี!”ฉินเย่ว์เหมยพยักหน้าอย่างเร่งรีบ แล้วมองไปทางเฉินฝานด้วยความร้อนใจการมาเยื
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต
เมื่อได้ยินฐานะของบุรุษที่อยู่ด้านหลังผู้นั้น ในใจของฉินเย่ว์เหมยก็รู้สึกอย่างตกตะลึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางก็ได้ยินหงอิงบอกว่าพวกนักฆ่าที่ลอบเข้าศูนย์บรรเทาทุกข์เหล่านั้นกินยาพิษฆ่าตัวตายกันหมดแล้ว นอกจากนี้ยาที่กินยังเป็นสารหนูอีกด้วย คนที่กินสารหนูเข้าไปยังมีชีวิตรอดได้จริงหรือ?ฉินเย่ว์เหมยมองเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อ หลังจากที่เคยเห็นวิชาแปลงโฉมมาก่อน ฉินเย่ว์เหมยกังวลเล็กน้อยว่าเฉินฝานจะใช้กลอุบายนี้ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะใช้กลอุบายนี้ ทางฝั่งเสิ่นหมิงหยวนสามารถมองออกได้ทันที ราวกับว่ากระแสจิตเชื่อมถึงกัน ฉินเย่ว์เหมยมองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานก็มองมาทางนางพอดีเมื่อรับรู้ถึงความกังวลในใจฉินเย่ว์เหมย เฉินฝานก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย บ่งบอกให้นางไต่สวนอย่างสบายใจในขณะเดียวกัน ฉินเย่ว์เจียวก็เดินมาอยู่ข้างกายหงอิงเงียบ ๆ ฉินเย่ว์เจียวยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของหงอิง จากนั้นหงอิงก็แสดงตัวอักษรบนกระดาษให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นหลังจากที่เห็นตัวอักษรบนกระดาษ ฉินเย่ว์เหมยก็สะบัดแขนเสื้อ จ้องมองบุรุษสองคนที่คุกเข่าตรงหน้านาง “บังอาจ คนที่กินสารหนูจะรอดชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? จงกล่าวตามคว
“พวกเขา...”เมื่อเห็นชายทั้งสองคน คนแรกที่พูดคือเสิ่นหยวนเลี่ยง หากไม่ใช่เสิ่นหมิงหยวนคว้ามือของเขาไว้ทัน เขาคงสูญเสียการควบคุมทันทีแน่นอนเฉินฝานจับจ้องเสิ่นหยวนเลี่ยง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่น เหตุใดสีหน้าของท่านจึงซีดขาวเช่นนี้ หรือว่าท่านรู้จักสองคนนี้?”“ข้า ข้าจะรู้จักพวกเขาได้ยอ่างไร!”เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบตอบทันทีเฉินฝานยิ้ม น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่นตกใจเกินไปแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาทแทนตนเองว่าข้า แม้กระทั่งคำว่ากระหม่อมก็ไม่ใช้”“เพี๊ยะ!”เฉินฝานเพิ่งพูดจบ ตามมาด้วยเสียงตบดังสนั่นฉินเย่ว์เจียวตบเสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดังท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูกตบหน้า อีกทั้งยังถูกสตรีตบ เสิ่นหยวนเลี่ยงทั้งโมโหและอับอาย หูของเขาแดงก่ำ เขาชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวพร้อมกัดฟันพูด “สตรีชั่ว กล้าตบข้างั้นรึ!”“เพี๊ยะ!”เสิ่นหยวนเลี่ยงถูกตบอีกครั้ง ครั้งนี้คนที่ตบเขาไม่ใช่ฉินเย่ว์เจียวแต่เป็นเฉินฝานเดิมทีเสิ่นหยวนเลี่ยงมีรอยฝ่ามือบนใบหน้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขามีรอยฝ่ามือทั้งสองด้าน ใบหน้าขาวซีดราวกับถูกประทับด้วยรอยฝ่ามือขับให้เด่นชัดยิ่งนัก“เจ้า...”“เพี
“ไป่เผยหราน”ฉินเย่ว์เหมยร้องเรียกไป่เผยหราน แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวทันทีไป่เผยหรานตัวสั่น รีบร้องตะโกนไปด้านหน้า “ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ใครกล้าขยับ ถือว่าดูหมิ่นกษัตริย์ ประหารชีวิต!”เหอจื่อหลินรอเวลานี้“มือธนู เตรียมตัว !”เกาทัณฑ์ของมือธนูกองทัพลาดตระเวนชูขึ้น เตรียมยิงชาวบ้านที่จะพุ่งตัวมา“ปล่อยตัวเฉินฝานไป ทั้งยังให้กองทัพยิงธนู คนเช่นนี้ไม่สมควรเป็นกษัตริย์แคว้นต้าชิ่งของเรา!”เสื่นหมิงหยวนแฝงตัวในกลุ่มคน ชักจูงทุกคนทันที“ลุย แม้ท่ามกลางพวกเราต้องมีคนตาย แต่อย่างน้อยคนส่วนมากก็ยังมีชีวิตรอด”หลังจากถ้อยคำนี้จบลง ชาวบ้านราวกับได้รับแรงกระตุ้น เลือดสูบฉีดกว่าเมื่อครู่ แต่ละคนพุ่งตัวมาข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตกองทัพลาดตระเวนไม่อาจทานต้านทานได้แล้วเหอจื่อหลินหลับตาลงด้วยความปวดใจ ยกมือขวาขึ้น“ยิง!”“หยุด!”เสียงของเฉินฝานกลบเสียงของเหอจื่อหลินหลังจากสงครามเมืองเตียนตู กองทัพลาดตระเวนฟังคำสั่งของเฉินฝาน ทั้งที่เฉินฝานไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองทัพลาดตระเวน แต่แท้จริงแล้วเขาคือหัวหน้าที่แท้จริงของกองทัพลาดตระเวนขณะที่กองทัพลาดตระเวนลดเกาทัณฑ์ลง เฉินฝานผลักหงอิงแล้วเดินไปทาง
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว
“เสิ่นไต้มั่นท้องหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง”เฉินฝานส่ายหน้าทันที เขาไม่อยากให้เสิ่นไต้มั้นตั้งครรภ์ ดังนั้นโดยทั่วไปเขาจะให้ฉินเย่ว์เหมยเปิดป้ายของเสิ่นไต้มั่น ในช่วงระยะปลอดภัยเท่านั้น แม้จะเป็นช่วงปลอดภัย ตอนเขาร่วมหฤหรรษ์กับเสิ่นไต้มั่นก็ล้วนปล่อยน้ำรักด้านนอกแม้วิธีการนี้ไม่อาจเลี่ยงการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้มาก มากไปกว่านั้นทุกครั้งที่เขาร่วมรักกับนาง เขาล้วนให้ฉินเย่ว์เหมยลอบให้เขาใส่ยาคุมเข้าไปในอาหารของเสิ่นไต้มั่นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เสิ่นไต้มั่นยังตั้งครรภ์ได้เช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นรู้ว่าในอาหารมียาคุม แล้วตั้งครรภ์ภายใต้สถานการณ์ที่โอกาสในการตั้งครรภ์ต่ำมิเช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นแอบมีชายอื่นในวังหลวงแม้เสิ่นไต้มั่นจะเป็นบุตรีของเสิ่นหมิงหยวน แต่เขามีช่วงเวลาหฤหรรษ์กับนางหลายครั้ง ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งนางยังมอบช่วงเวลาดีๆ ให้เขาหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ เฉินฝานจึงไม่เคยคิดอยากจะเอาชีวิตของเสิ่นไต้มั่นหากนางลักลอบมีคนอื่น...แววตาของเฉินฝานลุ่มลึกม่านตาหดเล็ก แววตาของเขาเอ่อล้นด้วยไอสังหารเช่นนั้นอย่าหาว่าเ
ฉินเย่ว์เจียวยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่ถูกเฉินฝานลากตัวไปที่ใต้กำแพงด้านหน้ามีก้อนหินนับไม่ถ้วนถูกโยนมาแม้เหอจื่อหลินจะคอยตักเตือนตลอดเวลา ทว่าชาวบ้านโมโหจนขาดสติแล้ว ภายในใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความโมโหและความแค้นภายใต้การชักจูงของเสิ่นหมิงหยวน บวกกับชื่อเสียงด้านลบของโอวหยางน่าหลันในแคว้นต้าชิ่ง ชาวบ้านเชื่อเสิ่นหมิงหยวนไปแล้ว คิดว่าเฉินฝานที่แต่งงานกับโอวหยางน่าหลันและเข้ารับตำแหน่งอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่ ต้องร่วมมือกับโอวหยางน่าหลันวางยาพิษในแหล่งน้ำอย่างแน่นอน“วันนี้ต้องสังหารคนขายชาติให้ได้”“ฆ่าเฉินฝาน ฆ่าเฉินฝาน!”เสียงร้องตะโกนของชาวบ้านที่กำลังโมโหราวกับฟ้าผ่า ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งฉินเย่ว์เหมยยังต้องถอยหลังสถานการ์อยู่เหนือการควบคุมแล้ว หากเหอจื่อหลินยังไม่ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด ชาวบ้านที่กำลังโมโหต้องบุกเข้าโรงเตี๊ยมอย่างแน่นอน อีกทั้งความขุ่นเคืองของชาวบ้านก็ได้ย้ายจากเฉินฝานไปที่ฉินเย่ว์เหมยแทนแล้วเฉินฝานทำถึงขั้นนี้แล้ว แต่ฝ่าบาทยังไม่มีรับสั่งประหารชีวิตเขา เช่นนั้นฝ่าบาทก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน“ท่านแม่ทัพ มีคำสั่งเร็วเข้า!”รองแม่ทัพที่อยู่ข้างเ
“กล้าแตะต้องนายท่านของข้า ข้าจะสังหารเจ้า!”ฉินเย่ว์เจียวคว้าเกาทัณฑ์ขึ้นยิง ไม่รอช้าแม้กระทั่งเสี้ยววินาทีหวงหวั่นเอ๋อร์ที่อยู่บนหลังคาคว้าธนูของฉินเย่ว์เจียวเอาไว้อย่างง่ายดาย“เจ้า...เป็นไปได้อย่างไร?” ฉินเย่ว์เจียวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกตะลึง มองหวงหวั่นเอ๋อร์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาฉินเย่ว์เจียวถือเป็นมือธนูอันดับหนึ่ง ลูกศรที่ถูกยิงไปจากนาง ทั้งเร็วและแม่นยำ แม้กระทั่งยอดฝีมือบู๊ลิ้มก็ทำได้เพียงหลบเท่านั้น คนที่สามารถรับลูกศรของฉินเย่ว์เจียวได้ หวงหวั่นเอ๋อร์เป็นคนแรกหวงหวั่นเอ๋อร์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาของนางเคล้าไปด้วยความดูแคลน“เอาคืนไป!” ขณะพูด หวงหวั่นเอ๋อร์โยนทิ้งอย่างแรง“คืนก็คืนดีๆ นางเป็นภรรยาของข้า ไม่อาจทำร้ายพร่ำเพรื่อได้” เฉินฝานตอบเวลาเดียวกันกับที่เฉินฝานพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็โยนลูกธนูในมือทิ้งแล้วลูกธนูตกลงมาด้วยความเร็วสูง ปักลงบนพื้นใกล้กับเท้าของฉินเย่ว์เจียว หากลูกศรนี้ขึ้นหน้าอีกเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ก็จะโดนเท้าของฉินเย่ว์เจียวแล้ว“ของเล่นเด็ก!” หวงหวั่นเอ๋อร์ปัดมือ มองฉินเย่ว์เจียวด้วยความทระนง“ของเล่นเด็กเช่นนั้นหรือ? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจ
“ความร่ำรวยเกิดจากความเสี่ยง ก้าวใหญ่เพียงใดก็จะได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น อีกอย่าง...” น้ำเสียงและแววตาของเฉินฝานแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ชาวแคว้นต้าชิ่ง ไม่อาจมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปได้แล้ว”ความเป็นจริงเขาไม่ได้ก้าวใหญ่ แต่เสิ่นหมิงหยวนก้าวใหญ่เกินไปหากเสิ่นหมิงหยวนไม่ส่งคนไปวางยาพิษในแหล่งน้ำของแคว้นหลู่ที่ไหลเข้ามา ค่อยๆ สู้กับเขาต่อไป เสิ่นหมิงหยวนคงจะอยู่ได้นานกว่านี้ด้านนอกชุลมุนวุ่นวาย เฉินฝานเพิ่งออกจากห้อง ไป่เผยหรานที่รออยู่นานรีบเดินมาหาเฉินฝานพร้อมอธิบายสถานการณ์ด้านนอกให้ฟังเฉินฝานช่วยชีวิตคนป่วย ตอนบ่ายชาวบ้านล้วนซาบซึ้งในความดีของเขาจนน้ำตารินไหล ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตชาวต้าชิ่ง ทว่าตอนพลบค่ำ เสียงของชาวบ้านกลับแตกออกไปมีคนบอกว่า นี่เป็นการแสดงละครครั้งใหญ่ของเฉินฝาน เขาตั้งใจวางยาพิษลงในแหล่งน้ำ จากนั้นให้ยาถอนพิษกับคนป่วย เพื่อหลอกเอาใจจากชาวบ้านข่าวลือนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเล่าลือก็ยิ่งไปไกล สุดท้ายกลายเป็นว่าน้ำจากแคว้นหลู่นี้ หากชายต้าชิ่งดื่มกินแล้วจะทำให้เป็นหมัน สาเหตุที่เฉินฝานช่วยชีวิตคนถูกยาพิษ เพราะต้องการให้ชาวบ้านคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อราษฎ