“คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเหี้ยมโหดเช่นนี้ สืบมา ไปสืบมาให้ดี ต้องเอาตัวคนลึกลับคนนั้นออกมาให้ข้า!”โอวหยางน่าหลันนั่งบนบัลลังก์มังกร ตะโกนเสียงดังด้วยความโมโหแคว้นหลู่ใช้ทรัพยากรคนและสิ่งของไปมาก สืบมานานกว่าครึ่งเดือน ยังไม่เจอเบาะแสใดๆ ที่มีประโยชน์วิกฤตขาดแคลนอาหารของแคว้นหลู่รุนแรงขึ้นเรื่อยชาวบ้านหลายคนเริ่มหิวตายบนท้องถนน ชาวบ้านที่หิวตายเหล่านั้น ตอนตาย ในมือยังกำเงินจำนวนมากเอาไว้ผู้คนสิ้นหวังเป็นที่สุด นับตั้งแต่โบราณ ได้ยินเพียงว่าไร้เงินจะหิวตาย ทว่ามีเงินแล้วยังหิวตาย เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรกในใต้หล้า“เฮ้อ! สวรรค์จะทำลายแคว้นหลู่ของข้าแล้ว!”คนมากมายที่ไม่หิวตาย ทว่าสิ้นหวังเริ่มปลิดชีพตนแล้วเวลาเพียงสี่วันท้องฟ้าแคว้นหลู่ปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มในทุกวันมีคนจำนวนมากหิวตายและฆ่าตัวตายแคว้นใกล้เคียงเห็นภาพนี้ ล้วนเศร้าสลดเมื่อเดือนสองเดือนก่อน ชีวิตของชาวแคว้นหลู่ ทำให้แคว้นใกล้เคียงอิจฉายิ่งนักคนที่มีญาติอยู่แคว้นใกล้เคียง ล้วนหนีจากแคว้นหลู่ไปหาญาติแคว้นอื่นแล้ว ทว่าคนที่ไม่มีญาติอยู่แคว้นใกล้เคียง ทำได้เพียงรอคอยความตายในแคว้นหลู่ทั่วทั้งแคว้นหลู่ ยังคงพยาย
เมื่อใดที่ชาวบ้านเคืองขุ่นเหล่านั้นบุกเข้ามา ก็คือวันตายของเฉินฝานเฉินฝานมองเสิ่นหมิงหยวนด้วยสีหน้านิ่งสงบ ตอบไม่ตรงคำถาม “จำนวนตัวเลขของหลี่ชิงไม่ถูกต้อง แคว้นต้าชิ่งของเราไม่ได้มีเสบียงแค่นี้!”“ใต้เท้า เวลานี้แคว้นของเรามีเสบียงเพียงเท่านี้จริงๆ ขอรับ ทุกเมืองจะส่งตัวเลขเสบียงอาหารมาที่เมืองหลวงทุกเดือน ทุกหนึ่งเดือน ข้าก็ออกนอกเมืองหลวงเพื่อตรวจตรา ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอนขอรับ”แม้หลี่ชิงจะทำงานภายใต้บัญชาของเสิ่นหยวนเลี่ยง แต่เขาแตกต่างจากหลิวเกาจัว เขาตั้งใจทำงานและรอบคอบ ระมัดระวังอย่างมากข้อนี้ฉินเย่ว์เหมยยอมรับท่ามกลางพวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวน หลี่ชิงเป็นขุนนางเพียงคนเดียวที่ฉินเย่ว์เหมยเกลียด“เฉินฝาน หากเจ้าไม่สบาย ข้าอนุญาตให้หมอหลวงมาดูอาการ” ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเรามีเสบียงอาหารจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เสบียงอาหารเหล่านั้นอยู่ในคลังเก็บอาวุธ”เฉินฝานไม่อยากอ้อมค้อมแล้ว เขาจึงพูดออกไปตรงๆ“คลังเก็บอาวุธมีเสบียงอาหารเช่นนั้นหรือ?”สายตาของทุกคนในท้องพระโรง มองไปทางฟางซินฮุ่ย“...” ฟางซินฮุ่ยลำบากใจทว่าไม่อาจพูดออกมาได้นับตั้งแต่เกณฑ์ทหาร
“ทุกคลังเก็บอาวุธ มีเสบียงอาหารบรรจุอย่างน้องครึ่งหนึ่งมองข้าวสารกองโต นอกจากพวกเสิ่นหมิงหยวนแล้ว ขุนนางคนอื่นๆ ล้วนน้ำตาคลอเบ้าเสบียงอาหารแคว้นต้าชิ่งมีเสบียงอาหารมีเสบียงอาหารในใจ จิตใจไม่กระวนกระวายครั้งนี้ ทุกคนเข้าใจถ้อยคำนี้อย่างชัดเจนจิตใจที่คอยกังวล ในที่สุดก็ปล่อยวางลงได้ฉินเย่ว์เหมยพูดด้วยความดีใจ “เปิด เปิดคลังเสบียง อีกทั้งต้องเปิดเดี๋ยวนี้!”หิวโหยมานานหลายเดือนต้องให้ราษฎรต้าชิ่งอิ่มท้องเสียทีชาวบ้านที่รวมตัวกันด้านนอกคลังเก็บอาวุธ มีมากกว่านอกวังหลวงเพิ่งออกมาจากวังหลวง เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนไปแพร่ข่าว บอกว่าตอนนี้เฉินฝานอยู่ที่คลังเก็บอาวุธ“สังหารเฉินฝาน!”“ไม่สังหารเฉินฝาน ชาวบ้านยากจะสงบ!”“สังหารเฉินฝาน!”“ไม่สังหารเฉินฝาน ชาวบ้านยากจะสงบ!”นอกคลังเกบอาวุธ เสียงร้องบอกให้สังหารเฉินฝาน ราวกับฟ้าผ่าลงมาจากสวรรค์ ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ว่า ไม่นาน...“ขอบคุณใต้เท้า!”“ช่างเป็นอัครเสนาบดีแสนดีของต้าชิ่งจริงๆ! ให้ความสำคัญกับราษฎร!”“นับตั้งแต่วันนี้ ผู้ใดกล้าบอกว่าจะสังหารใต้เท้าเฉิน ข้าจะไปสังหารเขาคนนั้นก่อน!”เสียงร้องบอกให้สังหารในต
“ฝ่าบาท ท่านเสด็จมาได้อย่างไร?”เมื่อมองเห็นคนในห้องหนังสือได้อย่างชัดเจน เฉินฝานก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นพี่สาว แต่เวลานี้ฉินเย่ว์เหมยคือฉินหย่งคัง ฮ่องเต้ของต้าชิ่ง ดังนั้นฉินเย่ว์เหมยจึงไม่เคยมาที่บ้านของเฉินฝานเลย“เจ้าตอบคำถามของข้าก่อน!”ฉินเย่ว์เหมยร้อนอกร้อนใจเดิมทีนางอยากให้หงอิงมาเรียกเฉินฝานเข้าวัง แต่นางรอไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถึงได้ออกมาพร้อมกับหงอิง“ซื้อมาพ่ะย่ะค่ะ” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ซื้อมา?”“ถ้าไม่อย่างนั้นจะให้แย่งมาหรือ?”“เจ้าจริงจังหน่อยสิ!”“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท เรื่องนี้ต้องขอบคุณ... เข้ามาได้!”เฉินฝานโบกมือไปทางด้านนอกห้องหนังสือ ครู่หนึ่ง ร่างอรชรงดงามก็เข้ามาอย่างช้า ๆแม้ว่าบนร่างของนางจะสวมเสื้อผ้าของต้าชิ่ง แต่ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นของนาง และหมุดจมูกที่ส่องประกายวาววับบนจมูก ทำให้คนเห็นแวบเดียวก็ดูออกได้ว่านางมิใช่ชาวต้าชิ่ง“อีจี๋ถวายบังคมฝ่าบาท”ฐานะของอีจี๋ไม่ด้อยไปกว่าฉินเย่ว์เหมย นางเพียงแค่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ไม่ได้ทำการคุกเข่า“สวัสดีจักรพรรดินี!”ฉินเย่ว์เหมยพยักหน้าอย่างเร่งรีบ แล้วมองไปทางเฉินฝานด้วยความร้อนใจการมาเยื
“พระพี่นาง!” อีจี๋ปิดปากหัวเราะเบา ๆ “ท่านอย่าได้เกรงใจข้าเลย ไม่จำเป็นต้องคืนหรอก เสียเงินแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นอะไร!”ฉินเย่ว์เหมยไม่รู้จริง ๆ ว่าเศรษฐินีอย่างอีจี๋ร่ำรวยมากเพียงใด“ฝ่าบาท ท่านอย่าได้เกรงใจนางเลย นางบอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องแล้ว”“หา? นี่มัน...”คำพูดของเฉินฝานทำให้ฉินเย่ว์เหมยตกใจมาก ไม่คืนจริง ๆ จะเหมาะสมได้อย่างไร“พระพี่นาง สามีกล่าวเช่นนั้นแล้ว ท่านก็อย่าได้เกรงใจถึงเพียงนั้นเลย เมื่อหลายปีก่อน ต้าชิ่งมีบุญคุณใหญ่หลวงกับแคว้นของข้า เดิมทีแคว้นของข้าต้องถวายบรรณาการให้ต้าชิ่งทุกปี ขาดมานานหลายปีแล้ว เวลานี้ข้าเพียงชดเชยคืนให้ครบเท่านั้น”นั่นเป็นเพียงข้ออ้างที่อีจี๋ใช้เพื่อปลอบโยนให้ฉินเย่ว์เหมยสบายใจขึ้นเท่านั้น บรรณาการแค่นั้นจะมีสักเท่าไรเชียวการแย่งชิงเสบียงกับโอวหยางน่าหลันในครั้งนี้ อีจี๋ใช้ผลผลิตจากเหมืองทองคำถึงสามสิบปีโชคดีที่นางมีเหมืองทองคำอยู่กว่าสิบแห่ง“ไม่ให้เงินท่าน แต่ท่านยังต้องนำของสิ่งอื่นกลับไป” เฉินฝานกล่าวอาวุธที่ซื้อจากแคว้นหลู่ครานี้ เฉินฝานมอบให้อีจี๋ครึ่งหนึ่งแคว้นที่ร่ำรวยมั่งคั่ง กองทัพย่อมต้องแข็งแกร่ง พลังกายของมนุษย์มีขี
“ไม่ได้!” เฉินฝานส่ายหน้า ท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่“เพราะเหตุใดเล่า?”“เพราะว่าสิ่งที่แคว้นหลู่มอบให้ในตอนนี้ยังน้อยเกินไป”“ยะ ยังน้อยเกินไป?”อ๋องตวนเปลี่ยนเป็นพูดติดอ่างในพริบตาขุนนางมากมายในท้องพระโรงล้วนมีสีหน้าแบบเดียวกับอ๋องตวน ตกใจจนกรามแทบหลุดนี่ก็เจ็ดส่วนแล้ว แต่ยังน้อยอยู่ แถมยังน้อยเกินไปอีก!“ใจคนเราที่ไม่รู้จักพอ มัวเมาดั่งงูที่หมายจะกลืนกินช้าง ความปรารถนาอันไร้ที่สิ้นสุดจนแม้แต่ผีก็ยังขยาด ใต้เท้าเฉิน จงระวังไว้ว่าหากใช้ตะกร้าตักน้ำ จักไม่ได้อะไรเลย”“จงรู้จักเอาแต่พอดี เจ็ดส่วน นั่นก็เป็นเงินที่ราษฎรต้าชิ่งเราเหน็ดเหนื่อยตรากตรำกว่าจะได้มา ใต้เท้า อย่าเอาเงินที่ได้มาจากความเหนื่อยยากของราษฎรมาเป็นเบี้ยเดิมพันของท่านเลย!” เสิ่นหมิงหยวนใช้ท่าทางสั่งสอนเหมือนกับเป็นผู้อาวุโสคำพูดของเขาได้รับการเห็นชอบจากขุนนางมากมาย โดยเฉพาะเหล่าขุนนางอายุมากเหล่านั้น“โอ้!” เฉินฝานหัวเราะเบา ๆ “ใต้เท้าเสิ่นเปลี่ยนกลวิธีแล้วหรือ ไม่วางแผนสังหารข้าโดยตรง แต่ทำตัวเป็นผู้อาวุโสใจดีมีเมตตาแทน?”“อย่าทำเช่นนี้เลย ข้ายังคงชินกับท่าทางพูดจาเย็นชาใส่ข้า แล้วเข่นฆ่าข้าโดยตรงมากกว่
“บางที บางที เจ้าก็แค่คาดเดาสินะ? แต่ละคนช่างไร้ประโยชน์!” เสิ่นหมิงหยวนถลึงตาใส่เสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดุดันขณะเดียวกันก็ลอบบ่นในใจเหตุใดสวรรค์ไม่ส่งบุตรชายอย่างเฉินฝานมาให้เขาสักคนหรือจะบอกอีกว่าเหตุใดคนที่เจอเฉินฝานก่อน ไม่ใช่เขา แต่เป็นซูซิวฉี.....สามวันต่อมาวันนี้เฉินฝานเพิ่งก้าวเข้ามาในท้องพระโรง ก็ได้ยินบรรดาขุนนางต้าชิ่งจับกลุ่มคุยกันสองสามคน ทุกคนต่างทำสีหน้าตื่นเต้น“ใต้เท้า ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาแล้ว!”เมื่อเห็นเฉินฝาน ก็มีขุนนางหลายคนเข้ามาต้อนรับแม้แต่ไป่เผยหรานที่ค่อนข้างสุขุม ไม่ชอบแสดงอารมณ์ของตนเอง ก็เดินมาหาเฉินฝานอย่างสุขใจ“โอ้ว!” ร่างใหญ่โตของอ๋องตวนเบียดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาออก แล้วสาวเท้ายาว ๆ เดินไปหาเฉิน “ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย บุตรเขยคนดีของข้า มีข่าวดี ข่าวดีใหญ่มาก”“หืม? ข่าวดีใหญ่มากเพียงใด!” เฉินฝานเอียงศีรษะเล็กน้อยสามวันก่อน เขาให้เย่ว์เจียวไปแจ้งหลี่ซานให้หยุดงานเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนับตั้งแต่เริ่มสงครามการค้ากับแคว้นหลู่ หลี่ซานก็ลำบากตรากตรำมากที่สุด ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาวิ่งเต้นแล้ว เฉินฝานจึงปล่อยให้เขาลาหยุดชั่ว
เฉินฝานชูหยกสมปรารถนาในมือขึ้นสูงแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมอยากทูลขอสิ่งหนึ่งก่อนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ของสิ่งใด? ขุนนางเฉินรีบกล่าวมาเร็วเข้า!”ขุนนางทั้งหมดต่างก็เหมือนกับฉินเย่ว์เหมย แทบอดทนรอไม่ไหวอยากรู้ว่าสิ่งที่เฉินฝานจะขอคือสิ่งใดเสิ่นหมิงหยวนกระวนกระวายใจเป็นพิเศษ เลื่อนตำแหน่งหรือ?แต่ตอนนี้เฉินฝานเป็นถึงอัครเสนาบดีแล้ว ยังจะเลื่อนขึ้นสูงได้อีกอย่างไร?หรือว่า...หัวใจของเสิ่นหมิงหยวนเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆมีตำแหน่งหนึ่งที่อยู่เหนือกว่าอัครเสนาบดี ตำแหน่งนั้นได้รับการสถาปนาโดยปฐมฮ่องเต้ที่ก่อตั้งแคว้น ทว่าผ่านไปสองร้อยปีตั้งแต่ที่ต้าชิ่งก่อตั้งแคว้น ยังไม่มีผู้ใดไปถึงตำแหน่งนั้นเลย หากตอนนี้เฉินฝานยื่นคำขอละก็...“หลี่กงกง!” เฉินฝานเดินไปหาหลี่เต๋อฉวน “รบกวนท่านช่วยหาของสิ่งหนึ่งจากวังหลังให้ข้าที”“โอ้ว!” หลี่เต๋อฉวนรีบคารวะเฉินฝาน “ใต้เท้าสั่งการข้าน้อยก็พอ ไยต้องใช้คำว่า ‘ช่วย’ ด้วยเล่า!”หลี่เต๋อฉวนเป็นคนเฉลียวฉลาด สมัยที่เสิ่นหมิงหยวนกุมอำนาจในราชสำนัก เขาก็เชื่อฟังเสิ่นหมิงหยวนอย่างยิ่ง แต่ไม่ได้เข้าข้างเสิ่นหมิงหยวนโดยสิ้นเชิง มักจะรักษาระยะห่างในระดับหนึ
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต
เมื่อได้ยินฐานะของบุรุษที่อยู่ด้านหลังผู้นั้น ในใจของฉินเย่ว์เหมยก็รู้สึกอย่างตกตะลึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางก็ได้ยินหงอิงบอกว่าพวกนักฆ่าที่ลอบเข้าศูนย์บรรเทาทุกข์เหล่านั้นกินยาพิษฆ่าตัวตายกันหมดแล้ว นอกจากนี้ยาที่กินยังเป็นสารหนูอีกด้วย คนที่กินสารหนูเข้าไปยังมีชีวิตรอดได้จริงหรือ?ฉินเย่ว์เหมยมองเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อ หลังจากที่เคยเห็นวิชาแปลงโฉมมาก่อน ฉินเย่ว์เหมยกังวลเล็กน้อยว่าเฉินฝานจะใช้กลอุบายนี้ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะใช้กลอุบายนี้ ทางฝั่งเสิ่นหมิงหยวนสามารถมองออกได้ทันที ราวกับว่ากระแสจิตเชื่อมถึงกัน ฉินเย่ว์เหมยมองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานก็มองมาทางนางพอดีเมื่อรับรู้ถึงความกังวลในใจฉินเย่ว์เหมย เฉินฝานก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย บ่งบอกให้นางไต่สวนอย่างสบายใจในขณะเดียวกัน ฉินเย่ว์เจียวก็เดินมาอยู่ข้างกายหงอิงเงียบ ๆ ฉินเย่ว์เจียวยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของหงอิง จากนั้นหงอิงก็แสดงตัวอักษรบนกระดาษให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นหลังจากที่เห็นตัวอักษรบนกระดาษ ฉินเย่ว์เหมยก็สะบัดแขนเสื้อ จ้องมองบุรุษสองคนที่คุกเข่าตรงหน้านาง “บังอาจ คนที่กินสารหนูจะรอดชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? จงกล่าวตามคว
“พวกเขา...”เมื่อเห็นชายทั้งสองคน คนแรกที่พูดคือเสิ่นหยวนเลี่ยง หากไม่ใช่เสิ่นหมิงหยวนคว้ามือของเขาไว้ทัน เขาคงสูญเสียการควบคุมทันทีแน่นอนเฉินฝานจับจ้องเสิ่นหยวนเลี่ยง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่น เหตุใดสีหน้าของท่านจึงซีดขาวเช่นนี้ หรือว่าท่านรู้จักสองคนนี้?”“ข้า ข้าจะรู้จักพวกเขาได้ยอ่างไร!”เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบตอบทันทีเฉินฝานยิ้ม น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่นตกใจเกินไปแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาทแทนตนเองว่าข้า แม้กระทั่งคำว่ากระหม่อมก็ไม่ใช้”“เพี๊ยะ!”เฉินฝานเพิ่งพูดจบ ตามมาด้วยเสียงตบดังสนั่นฉินเย่ว์เจียวตบเสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดังท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูกตบหน้า อีกทั้งยังถูกสตรีตบ เสิ่นหยวนเลี่ยงทั้งโมโหและอับอาย หูของเขาแดงก่ำ เขาชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวพร้อมกัดฟันพูด “สตรีชั่ว กล้าตบข้างั้นรึ!”“เพี๊ยะ!”เสิ่นหยวนเลี่ยงถูกตบอีกครั้ง ครั้งนี้คนที่ตบเขาไม่ใช่ฉินเย่ว์เจียวแต่เป็นเฉินฝานเดิมทีเสิ่นหยวนเลี่ยงมีรอยฝ่ามือบนใบหน้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขามีรอยฝ่ามือทั้งสองด้าน ใบหน้าขาวซีดราวกับถูกประทับด้วยรอยฝ่ามือขับให้เด่นชัดยิ่งนัก“เจ้า...”“เพี
“ไป่เผยหราน”ฉินเย่ว์เหมยร้องเรียกไป่เผยหราน แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวทันทีไป่เผยหรานตัวสั่น รีบร้องตะโกนไปด้านหน้า “ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ใครกล้าขยับ ถือว่าดูหมิ่นกษัตริย์ ประหารชีวิต!”เหอจื่อหลินรอเวลานี้“มือธนู เตรียมตัว !”เกาทัณฑ์ของมือธนูกองทัพลาดตระเวนชูขึ้น เตรียมยิงชาวบ้านที่จะพุ่งตัวมา“ปล่อยตัวเฉินฝานไป ทั้งยังให้กองทัพยิงธนู คนเช่นนี้ไม่สมควรเป็นกษัตริย์แคว้นต้าชิ่งของเรา!”เสื่นหมิงหยวนแฝงตัวในกลุ่มคน ชักจูงทุกคนทันที“ลุย แม้ท่ามกลางพวกเราต้องมีคนตาย แต่อย่างน้อยคนส่วนมากก็ยังมีชีวิตรอด”หลังจากถ้อยคำนี้จบลง ชาวบ้านราวกับได้รับแรงกระตุ้น เลือดสูบฉีดกว่าเมื่อครู่ แต่ละคนพุ่งตัวมาข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตกองทัพลาดตระเวนไม่อาจทานต้านทานได้แล้วเหอจื่อหลินหลับตาลงด้วยความปวดใจ ยกมือขวาขึ้น“ยิง!”“หยุด!”เสียงของเฉินฝานกลบเสียงของเหอจื่อหลินหลังจากสงครามเมืองเตียนตู กองทัพลาดตระเวนฟังคำสั่งของเฉินฝาน ทั้งที่เฉินฝานไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองทัพลาดตระเวน แต่แท้จริงแล้วเขาคือหัวหน้าที่แท้จริงของกองทัพลาดตระเวนขณะที่กองทัพลาดตระเวนลดเกาทัณฑ์ลง เฉินฝานผลักหงอิงแล้วเดินไปทาง
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว
“เสิ่นไต้มั่นท้องหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง”เฉินฝานส่ายหน้าทันที เขาไม่อยากให้เสิ่นไต้มั้นตั้งครรภ์ ดังนั้นโดยทั่วไปเขาจะให้ฉินเย่ว์เหมยเปิดป้ายของเสิ่นไต้มั่น ในช่วงระยะปลอดภัยเท่านั้น แม้จะเป็นช่วงปลอดภัย ตอนเขาร่วมหฤหรรษ์กับเสิ่นไต้มั่นก็ล้วนปล่อยน้ำรักด้านนอกแม้วิธีการนี้ไม่อาจเลี่ยงการตั้งครรภ์ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้มาก มากไปกว่านั้นทุกครั้งที่เขาร่วมรักกับนาง เขาล้วนให้ฉินเย่ว์เหมยลอบให้เขาใส่ยาคุมเข้าไปในอาหารของเสิ่นไต้มั่นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เสิ่นไต้มั่นยังตั้งครรภ์ได้เช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นรู้ว่าในอาหารมียาคุม แล้วตั้งครรภ์ภายใต้สถานการณ์ที่โอกาสในการตั้งครรภ์ต่ำมิเช่นนั้นก็หมายความว่าเสิ่นไต้มั่นแอบมีชายอื่นในวังหลวงแม้เสิ่นไต้มั่นจะเป็นบุตรีของเสิ่นหมิงหยวน แต่เขามีช่วงเวลาหฤหรรษ์กับนางหลายครั้ง ถือว่าเป็นสามีภรรยากัน อีกทั้งนางยังมอบช่วงเวลาดีๆ ให้เขาหลายครั้ง ด้วยเหตุนี้ เฉินฝานจึงไม่เคยคิดอยากจะเอาชีวิตของเสิ่นไต้มั่นหากนางลักลอบมีคนอื่น...แววตาของเฉินฝานลุ่มลึกม่านตาหดเล็ก แววตาของเขาเอ่อล้นด้วยไอสังหารเช่นนั้นอย่าหาว่าเ
ฉินเย่ว์เจียวยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่ถูกเฉินฝานลากตัวไปที่ใต้กำแพงด้านหน้ามีก้อนหินนับไม่ถ้วนถูกโยนมาแม้เหอจื่อหลินจะคอยตักเตือนตลอดเวลา ทว่าชาวบ้านโมโหจนขาดสติแล้ว ภายในใจของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความโมโหและความแค้นภายใต้การชักจูงของเสิ่นหมิงหยวน บวกกับชื่อเสียงด้านลบของโอวหยางน่าหลันในแคว้นต้าชิ่ง ชาวบ้านเชื่อเสิ่นหมิงหยวนไปแล้ว คิดว่าเฉินฝานที่แต่งงานกับโอวหยางน่าหลันและเข้ารับตำแหน่งอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่ ต้องร่วมมือกับโอวหยางน่าหลันวางยาพิษในแหล่งน้ำอย่างแน่นอน“วันนี้ต้องสังหารคนขายชาติให้ได้”“ฆ่าเฉินฝาน ฆ่าเฉินฝาน!”เสียงร้องตะโกนของชาวบ้านที่กำลังโมโหราวกับฟ้าผ่า ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แม้กระทั่งฉินเย่ว์เหมยยังต้องถอยหลังสถานการ์อยู่เหนือการควบคุมแล้ว หากเหอจื่อหลินยังไม่ออกคำสั่งขั้นเด็ดขาด ชาวบ้านที่กำลังโมโหต้องบุกเข้าโรงเตี๊ยมอย่างแน่นอน อีกทั้งความขุ่นเคืองของชาวบ้านก็ได้ย้ายจากเฉินฝานไปที่ฉินเย่ว์เหมยแทนแล้วเฉินฝานทำถึงขั้นนี้แล้ว แต่ฝ่าบาทยังไม่มีรับสั่งประหารชีวิตเขา เช่นนั้นฝ่าบาทก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน“ท่านแม่ทัพ มีคำสั่งเร็วเข้า!”รองแม่ทัพที่อยู่ข้างเ
“กล้าแตะต้องนายท่านของข้า ข้าจะสังหารเจ้า!”ฉินเย่ว์เจียวคว้าเกาทัณฑ์ขึ้นยิง ไม่รอช้าแม้กระทั่งเสี้ยววินาทีหวงหวั่นเอ๋อร์ที่อยู่บนหลังคาคว้าธนูของฉินเย่ว์เจียวเอาไว้อย่างง่ายดาย“เจ้า...เป็นไปได้อย่างไร?” ฉินเย่ว์เจียวถอยหลังหนึ่งก้าวด้วยความตกตะลึง มองหวงหวั่นเอ๋อร์อย่างไม่อยากเชื่อสายตาฉินเย่ว์เจียวถือเป็นมือธนูอันดับหนึ่ง ลูกศรที่ถูกยิงไปจากนาง ทั้งเร็วและแม่นยำ แม้กระทั่งยอดฝีมือบู๊ลิ้มก็ทำได้เพียงหลบเท่านั้น คนที่สามารถรับลูกศรของฉินเย่ว์เจียวได้ หวงหวั่นเอ๋อร์เป็นคนแรกหวงหวั่นเอ๋อร์ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย แววตาของนางเคล้าไปด้วยความดูแคลน“เอาคืนไป!” ขณะพูด หวงหวั่นเอ๋อร์โยนทิ้งอย่างแรง“คืนก็คืนดีๆ นางเป็นภรรยาของข้า ไม่อาจทำร้ายพร่ำเพรื่อได้” เฉินฝานตอบเวลาเดียวกันกับที่เฉินฝานพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็โยนลูกธนูในมือทิ้งแล้วลูกธนูตกลงมาด้วยความเร็วสูง ปักลงบนพื้นใกล้กับเท้าของฉินเย่ว์เจียว หากลูกศรนี้ขึ้นหน้าอีกเพียงหนึ่งมิลลิเมตร ก็จะโดนเท้าของฉินเย่ว์เจียวแล้ว“ของเล่นเด็ก!” หวงหวั่นเอ๋อร์ปัดมือ มองฉินเย่ว์เจียวด้วยความทระนง“ของเล่นเด็กเช่นนั้นหรือ? ข้าจะดูสิว่าเจ้าจ
“ความร่ำรวยเกิดจากความเสี่ยง ก้าวใหญ่เพียงใดก็จะได้รับผลตอบแทนมากเท่านั้น อีกอย่าง...” น้ำเสียงและแววตาของเฉินฝานแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ชาวแคว้นต้าชิ่ง ไม่อาจมีชีวิตเช่นนี้ต่อไปได้แล้ว”ความเป็นจริงเขาไม่ได้ก้าวใหญ่ แต่เสิ่นหมิงหยวนก้าวใหญ่เกินไปหากเสิ่นหมิงหยวนไม่ส่งคนไปวางยาพิษในแหล่งน้ำของแคว้นหลู่ที่ไหลเข้ามา ค่อยๆ สู้กับเขาต่อไป เสิ่นหมิงหยวนคงจะอยู่ได้นานกว่านี้ด้านนอกชุลมุนวุ่นวาย เฉินฝานเพิ่งออกจากห้อง ไป่เผยหรานที่รออยู่นานรีบเดินมาหาเฉินฝานพร้อมอธิบายสถานการณ์ด้านนอกให้ฟังเฉินฝานช่วยชีวิตคนป่วย ตอนบ่ายชาวบ้านล้วนซาบซึ้งในความดีของเขาจนน้ำตารินไหล ขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตชาวต้าชิ่ง ทว่าตอนพลบค่ำ เสียงของชาวบ้านกลับแตกออกไปมีคนบอกว่า นี่เป็นการแสดงละครครั้งใหญ่ของเฉินฝาน เขาตั้งใจวางยาพิษลงในแหล่งน้ำ จากนั้นให้ยาถอนพิษกับคนป่วย เพื่อหลอกเอาใจจากชาวบ้านข่าวลือนี้ถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเล่าลือก็ยิ่งไปไกล สุดท้ายกลายเป็นว่าน้ำจากแคว้นหลู่นี้ หากชายต้าชิ่งดื่มกินแล้วจะทำให้เป็นหมัน สาเหตุที่เฉินฝานช่วยชีวิตคนถูกยาพิษ เพราะต้องการให้ชาวบ้านคิดว่าเขาทำทุกอย่างเพื่อราษฎ