“บางที บางที เจ้าก็แค่คาดเดาสินะ? แต่ละคนช่างไร้ประโยชน์!” เสิ่นหมิงหยวนถลึงตาใส่เสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดุดันขณะเดียวกันก็ลอบบ่นในใจเหตุใดสวรรค์ไม่ส่งบุตรชายอย่างเฉินฝานมาให้เขาสักคนหรือจะบอกอีกว่าเหตุใดคนที่เจอเฉินฝานก่อน ไม่ใช่เขา แต่เป็นซูซิวฉี.....สามวันต่อมาวันนี้เฉินฝานเพิ่งก้าวเข้ามาในท้องพระโรง ก็ได้ยินบรรดาขุนนางต้าชิ่งจับกลุ่มคุยกันสองสามคน ทุกคนต่างทำสีหน้าตื่นเต้น“ใต้เท้า ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายมาแล้ว!”เมื่อเห็นเฉินฝาน ก็มีขุนนางหลายคนเข้ามาต้อนรับแม้แต่ไป่เผยหรานที่ค่อนข้างสุขุม ไม่ชอบแสดงอารมณ์ของตนเอง ก็เดินมาหาเฉินฝานอย่างสุขใจ“โอ้ว!” ร่างใหญ่โตของอ๋องตวนเบียดคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาออก แล้วสาวเท้ายาว ๆ เดินไปหาเฉิน “ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย บุตรเขยคนดีของข้า มีข่าวดี ข่าวดีใหญ่มาก”“หืม? ข่าวดีใหญ่มากเพียงใด!” เฉินฝานเอียงศีรษะเล็กน้อยสามวันก่อน เขาให้เย่ว์เจียวไปแจ้งหลี่ซานให้หยุดงานเก็บรวบรวมข้อมูลทั้งหมดนับตั้งแต่เริ่มสงครามการค้ากับแคว้นหลู่ หลี่ซานก็ลำบากตรากตรำมากที่สุด ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาวิ่งเต้นแล้ว เฉินฝานจึงปล่อยให้เขาลาหยุดชั่ว
เฉินฝานชูหยกสมปรารถนาในมือขึ้นสูงแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมอยากทูลขอสิ่งหนึ่งก่อนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”“ของสิ่งใด? ขุนนางเฉินรีบกล่าวมาเร็วเข้า!”ขุนนางทั้งหมดต่างก็เหมือนกับฉินเย่ว์เหมย แทบอดทนรอไม่ไหวอยากรู้ว่าสิ่งที่เฉินฝานจะขอคือสิ่งใดเสิ่นหมิงหยวนกระวนกระวายใจเป็นพิเศษ เลื่อนตำแหน่งหรือ?แต่ตอนนี้เฉินฝานเป็นถึงอัครเสนาบดีแล้ว ยังจะเลื่อนขึ้นสูงได้อีกอย่างไร?หรือว่า...หัวใจของเสิ่นหมิงหยวนเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆมีตำแหน่งหนึ่งที่อยู่เหนือกว่าอัครเสนาบดี ตำแหน่งนั้นได้รับการสถาปนาโดยปฐมฮ่องเต้ที่ก่อตั้งแคว้น ทว่าผ่านไปสองร้อยปีตั้งแต่ที่ต้าชิ่งก่อตั้งแคว้น ยังไม่มีผู้ใดไปถึงตำแหน่งนั้นเลย หากตอนนี้เฉินฝานยื่นคำขอละก็...“หลี่กงกง!” เฉินฝานเดินไปหาหลี่เต๋อฉวน “รบกวนท่านช่วยหาของสิ่งหนึ่งจากวังหลังให้ข้าที”“โอ้ว!” หลี่เต๋อฉวนรีบคารวะเฉินฝาน “ใต้เท้าสั่งการข้าน้อยก็พอ ไยต้องใช้คำว่า ‘ช่วย’ ด้วยเล่า!”หลี่เต๋อฉวนเป็นคนเฉลียวฉลาด สมัยที่เสิ่นหมิงหยวนกุมอำนาจในราชสำนัก เขาก็เชื่อฟังเสิ่นหมิงหยวนอย่างยิ่ง แต่ไม่ได้เข้าข้างเสิ่นหมิงหยวนโดยสิ้นเชิง มักจะรักษาระยะห่างในระดับหนึ
ฉินเย่ว์เหมยกวาดมองท้องพระโรงรอบหนึ่งด้วยสายตาเย็นเยียบ“ก็จงถอดหมวกขุนนางบนศีรษะลงมาเอง!”“...”ภายในท้องพระโรงเงียบเป็นเป่าสากทันทีขุนนางเหล่านั้นย่อมรู้ว่าสาเหตุที่เฉินฝานทำเช่นนั้นย่อมต้องเป็นเพราะว่ายังไม่บรรลุตามความคาดหวังของเฉินฝานอย่างแน่นอนแต่ก็คืนเงินให้เก้าส่วนแล้ว เฉินฝานยังต้องการอะไรเพิ่มอีก?หรือว่าต้องการแคว้นหลู่?บางคนคิดว่าเฉินฝานเย่อหยิ่งจองหอง ไม่สนใจผลประโยชน์ของราษฎรชาวต้าชิ่ง เพียงแต่อยากสนองจิตใจที่ชอบชิงดีชิงเด่นของตนเท่านั้นบางคนก็ตั้งตารออย่างเต็มหัวใจเฝ้ารอว่าท้ายที่สุดเฉินฝานจะทำให้แคว้นหลู่กลายเป็นเช่นไร ต้าชิ่งจะได้รับผลประโยชน์อย่างไรบ้างจากทางแคว้นหลู่.....แคว้นหลู่หลังจากที่ยืนยันได้ว่าต้าชิ่งได้รับข่าวแล้ว โอวหยางน่าหลันก็รีบออกเดินทางไปยังต้าชิ่งทันทีครั้งนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรนางจะเอาเสบียงจากต้าชิ่งมาให้ได้แคว้นหลู่และต้าชิ่งมีพรมแดนติดกันยังไม่ถึงเที่ยงวัน รถม้าของโอวหยางน่าหลันก็ใกล้จะถึงเมืองลู่ตูแล้ว โอวหยางน่าหลันเลิกม่านของรถม้าขึ้นมา มองไปยังเมืองลู่ตูที่เห็นได้อย่างเลือนรางจากที่ไกล ๆ แล้ว ดวงตาสองข้างแฝงไปด้วยความ
“ต้าชิ่งตัดความสัมพันธ์กับพวกเรา?”โอวหยางน่าหลันที่ไม่เชื่อ ยังคงตั้งใจวิ่งไปยังประตูเมืองลู่ตู แต่ก็ถูกทหารที่เฝ้าประตูเมืองขับไล่จึงต้องยอมแพ้ไปหากกลับไป ภายในแคว้นเต็มไปด้วยราษฎรที่หิวโหยทุกหย่อมหญ้าหากเดินหน้า ประตูเมืองลู่ตูก็ถูกปิดอีกครั้งโอวหยางน่าหลันรู้สึกจนปัญญาและโกรธเกรี้ยว “ฉินหย่งคัง! เจ้าเห็นคนตายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือใช่หรือไม่? เจ้าจะต้องได้รับกรรมตามสนองแน่!”“องค์หญิง! จากข้อมูลที่กระหม่อมรู้มา” เหมียวปิงกล่าว “คนที่ริเริ่มให้ตัดความสัมพันธ์กับแคว้นหลู่ของเราไม่ใช่ฮ่องเต้ของต้าชิ่ง แต่เป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ชื่อเฉินฝานผู้นั้นพ่ะย่ะค่ะ”โอวหยางน่าหลันเลิกคิ้วขึ้น “เฉินฝาน?”“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ! แคว้นหลู่ของเราโดนเฉินฝานผู้นั้นหลอกเข้าเต็มเปาแล้ว”เหมียวปิงอยากจะบอกว่าโอวหยางน่าหลันหลงกลเฉินฝาน แต่เขาไม่กล้าพูดเช่นนี้ตรง ๆ ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “ตั้งแต่ที่เขาซื้ออาวุธจำนวนมากจากแคว้นหลู่ของเรา ก็ได้ขุดหลุมพรางใหญ่ให้แคว้นหลู่ของเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าพูดอะไรน่ะ? อย่าหาข้ออ้างเพราะว่าเจ้าทำงานล้มเหลวสิ! การที่ต้าชิ่งซื้ออาวุธของเรา เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะห
แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ห่างไกลออกไปในเมืองหลวงของต้าชิ่งก็รู้สึกว่าเงื่อนไขนี้ของเฉินฝานเกินไปหน่อย“เกินไป!”ความเย็นยะเยือกฉายขึ้นมาในแววตาของเฉินฝาน“ไม่เกินไปเลยสักนิด ข้าน้อยเพียงแค่ปรับแก้ไม่กี่คำจากข้อเรียกร้องที่โอวหยางน่าหลานเคยเสนอให้พวกเราก่อนหน้านี้เท่านั้น”เงื่อนไขที่เฉินฝานตกลงว่าจะขายเสบียงอาหารให้แคว้นหลู่คือแคว้นหลู่จะต้องยกเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นให้ต้าชิ่งโดยไม่มีเงื่อนไข แคว้นหลู่ทำได้เพียงซื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มจากต้าชิ่งเท่านั้น โดยที่ราคาของผ้าและเครื่องนุ่งห่มจะถูกกำหนดโดยต้าชิ่ง แคว้นหลู่ต้องส่งแรงงานชายจำนวนนหนึ่งแสนคนมาให้ต้าชิ่งทุกปีโดยไม่มีค่าตอบแทน“เพล้ง!”โอวหยางน่าหลันปัดผลไม้ที่สาวใช้ยกเข้ามาอย่างแรงจนหล่นลงพื้น“ต่อให้อูฐผอมตายก็ยังใหญ่กว่าม้า! จะต้องสั่งสอนบทเรียนให้ต้าชิ่งที่แสนจองหองให้ดี!” นัยน์ตาของโอวหยางน่าหลันเคร่งขรึมขึ้นมา“ยกทัพ!”“ยึดดินแดนของต้าชิ่ง! ตัดหัวฉินหย่งคังมา!”ชิงตัวเฉินฝาน ครอบครองเป็นของตัวเองคำสุดท้ายประโยคสุดท้ายนี้ โอวหยางน่าหลันไม่ได้กล่าวออกมาการชิงตัวเฉินฝานถึงจะเป็นเป้าหมายสำคัญที่สุดที่โอวหยางน่าห
ภายในท้องพระโรง ทุกคนต่างรอคอยคำตอบของเฉินฝานเขาเป็นคนก่อปัญหานี้ขึ้นมา เวลานี้เฉินฝานจะยุติเรื่องราวอย่างไรเฉินฝานก้าวออกมาข้างหน้าภายใต้สายตาของผู้คนจับจ้องเข้ามาร่างกายที่ยืดตรงราวกับกระบี่ของเฉินฝานแผ่พลังอันน่าเกรงขามราวกับรุ้งออกมาจากในกาย ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างในใต้หล้าอยู่ใต้เท้าของเขาแล้ว พลังอันน่าเกรงขามที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว“ผู้ที่รุกรานต้าชิ่งของข้าจะต้องถูกกำจัด!”.....กองทัพที่ไปรับศึกในเมืองลู่ตูครั้งนี้ยังคงเป็นกองทัพลาดตระเวนหลังจากที่ผ่านศึกกับกองทัพเมืองเตียนตู ชื่อเสียงของกองทัพลาดตระเวนก็เป็นที่เลื่องลือ ทั่วทั้งแคว้นต้าชิ่ง ทุก ๆ ที่ล้วนเกณฑ์ทหารได้ยาก มีเพียงกองทัพลาดตระเวนเท่านั้นที่เกณฑ์ทหารได้ไม่ยากเลย มีคุณชายตระกูลเศรษฐีมากมายมาสมัครท่ามกลางคนเหล่านั้น ทหารกองทัพลาดตระเวนกว่าสองหมื่นนายที่ได้รับชัยชนะกลับมากับเฉินฝาน หลังจากกลับมาถึงเมืองหลวงแล้วก็ได้รับการต้อนรับด้วยเกียรติสูงสุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในหมู่พวกเขา มีหลายคนเคยเป็นพวกลูกผู้ดีมีเงินที่ผู้คนพากันขยาด แต่ตอนนี้พวกเขาเป็นวีรบุรุษผู
เฉินฝานเอนตัวพิงรถม้า มองดูฉากนี้แล้วรู้สึกว่าน่าสนใจมากอย่างไรก็ตาม ปกติเด็กเวรพวกนี้อยู่ในค่ายทหาร เวลาพักจากการฝึกซ้อม มีคนไหนบ้างไม่พูดถึงเรื่องผู้หญิง มีคนไหนบ้างไม่เล่นมุกทะลึ่ง?ตอนนี้สตรีอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ละคนกลับหน้าแดงก่ำเขินอายทำตัวไม่ถูก“อะไรกัน? เป็นใบ้กันหมดแล้วหรือไร?” เฉินฝานตวาดเหอจื่อหลินเข้าใจทันที เขาเตะทหารที่อยู่ใกล้ตัวเองที่สุดหนึ่งที “หูหนวกกันแล้วหรือ? ผู้หญิงเขาตะโกนนำก่อนแล้ว พวกเราจะตอบกลับสักประโยคให้เหมือนกับพวกชายชาตรีไม่ได้หรือไร?”“แม่นาง ข้าจะแต่งงานกับเจ้า!”เมื่อตะโกนคำพูดประโยคนี้ออกมา ใบหน้าของทหารผู้นั้นก็เต็มไปด้วยความสะใจเขาอยากตะโกนมาตั้งนานแล้ว แต่รู้สึกขัดเขินนิดหน่อยสตรีนางนั้นดูจ้ำม่ำ น่ารักมาก หากได้แต่งงานสตรีเช่นนี้คงจะดีมาก“พี่น้องในกองทัพลาดตระเวน ข้าคือแม่นางสกุลหลี่จากฝั่งตะวันตกของเมือง ปีนี้ก็อายุสิบหกเช่นกัน มีใครจะแต่งงานกับข้าบ้างหรือไม่?”“พี่น้องในกองทัพลาดตระเวน ข้าคือแม่นางสกุลเฉินจากฝั่งใต้ของเมือง ปีนี้อายุสิบเจ็ด แต่งงานกับข้าได้ด้วยหรือไม่?”“พี่น้องในกองทัพลาดตระเวน ข้าคือแม่นางสกุลเหอจากฝั่งเหนือข
ขาวผ่องอวบอิ่มสะดุดตาฉินเย่ว์เหมยมีลักษณะเด่นของหญิงสาวตระกูลฉินครบทุกข้อ“เจ้าหันมาได้แล้ว”เป็นเสียงเยือกเย็นที่เฉินฝานคุ้นเคยดีเฉินฝานหันกลับมาสายตายังคงจับจ้องที่หน้าอกฉินเย่ว์เหมยอย่างมิละสายตาความคิดแวบแรกที่เข้ามาในหัวกลับเป็นความสงสารหน้าอกคู่นั้นของฉินเย่ว์เหมยมีขนาดใหญ่ ทว่าต้องปลอมตัวเป็นชายจึงต้องเก็บซ่อนไว้มาโดยตลอดคงจะอึดอัดอย่างมากกระมัง“ตอนที่มิมีคนก็ปลดออกเถอะ จะได้สบายตัวเสียหน่อย ตรงนั้นก็จะมิได้อึดอัดด้วย”เฉินฝานอดมิได้ที่จะเอ่ยปากฉินเย่ว์เหมยงุนงงไปพักใหญ่จึงเข้าใจเข้าใจสิ่งที่เฉินฝานจะสื่อ นางจึงถลึงตาจ้องเฉินฝานด้วยความโมโห“ชายลามก เจ้ามองอันใดกัน?”“ข้ามิได้มอง ๆ!” เฉินฝานรีบหันหน้าไปมองทางอื่นทันที เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองอยู่ห่างจากกองทัพใหญ่แล้ว“ฝ่าบาท ท่านหมายความว่าเยี่ยงไร? อาวรณ์ข้าน้อยงั้นรึ?”“นี่!” เฉินฝานพิงหน้าต่างรถม้า ยิ้มแย้มมองไปทางฉินเย่ว์เหมย “หากยังอาวรณ์ เช่นนั้นข้าน้อยมิไปก็ได้ เพื่อสาวงามแล้วแม้นตัวตายก็ยอม”“ชายมักมาก ในหัวมีแต่เรื่องลามก”“ว้าว ฝ่าบาท!” เฉินฝานปั้นสีหน้าใสซื่อทันที “ตอนนี้ท่านขึ้นรถม้าข้
ตอนแรกเฉินฝานปรากฏตัวขึ้นในสายตาของราษฎรชาวต้าชิ่งในฐานะนายบำเรอของฉินเย่ว์เหมย คนที่ไม่รู้จักเขาดีย่อมดูแคลนเขาอย่างยิ่ง มีผู้คนมากหมายเห็นเขาเป็นคนประเภทเดียวกับนางสนมจอมล่อลวงเมื่อพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนปลุกปั่นเช่นนี้ ชาวบ้านรอบ ๆ ก็รู้สึกอีกแล้วว่าพวกเขาพูดถูกต้อง เสิ่นหมิงหยวนสมควรถูกจับ เฉินฝานเองก็ควรถูกจับเช่นกัน“ไป่เผยหราน เหตุใดยังไม่ให้คนของเจ้าลงมือจับกุมเสิ่นหมิงหยวนให้เราอีก” ฉินเย่ว์เหมยหัวเสียเล็กน้อยหากเป็นผู้อื่น เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ไฉนเลยยังจะสนใจอะไรอีก ย่อมต้องจับกุมทันที แต่ไป่เผยหรานไม่ใช่ผู้อื่น ในใจของเขา กฎหมายและความยุติธรรมอยู่เหนือทุกสิ่ง หลักฐานที่เฉินฝานแสดงออกมาในตอนนี้ทำได้เพียงพิสูจน์ว่าเสิ่นหมิงหยวนวางแผนทำร้ายเขาเท่านั้นจริง ๆ แต่ไม่อาจพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้วางยาพิษในใจของไป่เผยหรานย่อมเชื่อว่าเฉินฝานไม่มีทางวางยาพิษ แต่ว่าภายใต้สายตาจ้องมองของประชาชน หากจับกุมเพียงเสิ่นหมิงหยวนแต่ไม่จับกุมเฉินฝาน เขาทำไม่ได้เมื่อมองฉินเย่ว์เหมยที่โกรธเกรี้ยว แล้วมองไป่เผยหรานที่ทำหน้าลำบากใจ เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ลอบปีติยินดีในใจ นับถือบิดาของตนมากยิ่ง
“ขุนนางต่ำต้อยอย่างกระหม่อมไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่จางทงและจางสิงทำเป็นคำสั่งของกระหม่อมจริง กระหม่อมเป็นคนทำเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นหมิงหยวนเงียบไปครู่เดียวเท่านั้นก็ยอมรับทันที ไม่เพียงแต่เฉินเย่ว์เหมยที่ประหลาดใจ แม้แต่เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ประหลาดใจเช่นกันผู้คนทั้งต้าชิ่งต่างรู้ว่าอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันไม่ยอมปล่อย และรู้ว่าเรื่องการวางยาพิษในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวพันกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเสิ่นหมิงหยวนจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้“ท่านพ่อ...”เสิ่นหยวนเลี่ยงเบิกตาโตมองเสิ่นหมิงหยวน แต่เสิ่นหมิงหยวนกลับก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน“ดูท่าเสิ่นหมิงหยวนคิดจะสู้จนตกตายไปด้วยกัน”เฉินฝานพูดเสียงเบา เขาเอ่ยคำพูดนี้จบ เสียงเย็นชาเคร่งขรึมของฉินเย่ว์เหมยก็ดังมาจากด้านหน้าว่า “ขุนนางต่ำต้อย? ตอนนี้เจ้าเป็นขุนนางผู้กระทำผิดไม่มีสิทธิ์เรียกขานตนเองว่าขุนนางต่ำต้อยแล้ว ไป่เผยหราน จับกุมเสิ่นหมิงหยวนเสีย!” เสิ่นหมิงหยวนเบนศีรษะเล็กน้อย เสิ่นหยวนเลี่ยงม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สีหน้าของจางทงและองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว จางทงได้รับพิษสองครั้ง เขาดูอ่อนแอเล็กน้อยส่วนองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนมีสีหน้าปกติ ราวกับไม่ได้รับพิษเลยการล้างท้องเป็นวิธีการช่วยชีวิตผู้ได้รับพิษในทางศัลยแพทย์ เป็นวิธีการรักษาที่ธรรมดาอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน แต่ในสายตาคนโบราณเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงจริง ๆ “ช่วยชีวิตได้แล้ว ใต้เท้าเฉินช่วยชีวิตทั้งสองคนได้จริง ๆ!” “กินสารหนูแล้วยังช่วยชีวิตกลับมาได้ด้วย? ใต้เท้าเฉิน นั่นเป็นวิชาแพทย์จริง ๆ หรือ?” “ไฉนเลยวิชาแพทย์จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เป็นวิชาเซียนต่างหากเล่า” “ใต้เท้าเฉินเป็นเทพสวรรค์จุติลงมา!” นี่ก็คือชาวบ้านทั่วไป ในสายตาของพวกเขามีแค่ดำสุดโต่งและขาวสุดโต่งเมื่อพวกเขาโดนฝ่ายเสิ่นหมิงหยวนหลอกลวง ก็ด่าทอเฉินฝานด้วยคำพูดที่โหดร้ายสุดขีด ตอนนี้พบว่าเฉินฝานเป็นคนดีแล้ว พวกเขาก็สรรเสริญเฉินฝานอย่างดีที่สุดโดยไม่ตระหนี่เลย พวกเขาไม่เพียงสรรเสริญเฉินฝาน แถมยังเริ่มด่าทอสงสัยเสิ่นหมิงหยวนด้วย “พวกเจ้าดูองครักษ์ผู้นั้นสิ หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากจ
“ท่านพี่!” จางสิงร้องเสียงดัง โน้มตัวไปกอดจางทง “ใต้เท้า รีบช่วยพี่ชายของข้าด้วยขอรับ”แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตอนที่จางทงกินสารหนูลงไปจริง ๆ จางสิงก็รู้สึกตื่นตระหนกในใจไม่ไหวแล้วเฉินฝานสามารถช่วยพวกเขากลับมาจากประตูผีได้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้เป็นครั้งที่สองพิษสารหนูออกฤทธิ์ไวมาก เวลานี้ใบหน้าของจางทงไม่มีสีเลือดเลยสักนิดเดียว ร่างกายเริ่มชักกระตุก มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก“เฮ้อ!” เฉินฝานถอนหายใจ “นี่เจ้าจะลำบากลำบนทำไมกัน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้ลำบาก เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ข้าน้อยจะได้เป็นคนขอรับ” จางทงฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฝืนยิ้มให้เฉินฝาน “รบ...กวนท่าน...ช่วยข้าน้อยอีกสักครั้ง...” เมื่อพูดจบ ร่างกายของจางทงก็เริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง ตาขาวเริ่มเหลือกขึ้นมาเช่นกัน เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“เร็วเข้า หามเขาไปที่โรงเตี๊ยม!”จางทงถูกหามเข้าไปในโรงเตี๊ยมได้ไม่นาน องครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนก็ถูกหามเข้ามาด้วยเช่นกันในขณะที่เฉินฝานสั่งให้คนหามจางถงเข้าไปในโรงเตี๊ยม เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนกรอกสารหนูใส่ปากองครักษ์ผู้นั้น เสิ่นหมิงห
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต