“ชิ้ง!”เฉินฝานเพิ่งมาถึงตำหนักไท่เหอมินาน ก็มีมีดเล่มหนึ่งมาจ่อที่คอไว้ เดิมทีคิดว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการเพียงขู่ขวัญเขาเท่านั้น มิคิดว่า...“ชิ้ง ๆ ๆ ๆ!”มีเงาดาบเงินที่จ้องจะเอาชีวิตพุ่งมาใส่เขาอย่างรวดเร็วโชคดีที่เฉินฝานมีทักษะพื้นฐานที่ดี มิเช่นนั้นวิญญาณคงจะหลุดออกจากร่างไปนานแล้ว“ว้าว เจ้าจริงจังหรือ!” เฉินฝานเบี่ยงตัวหลบดาบที่พุ่งมาหาตนไปมา “หากยังมิยั้งมือ ข้าจะถูกเจ้าแทงตายจริงเข้าแล้ว เจ้าคิดจะสังหารสามีตนเองงั้นหรือ!”“ตายก็ช่างเจ้าสิ!”ดาบอ่อนในมือของฉินเย่ว์เหมยกวัดแกว่งอย่างมิหยุดหย่อนทว่าตอนที่ดาบสัมผัสกับเฉินฝาน ก็หันคมดาบออกทันทีเฉินฝานอาศัยจังหวะนี้จับข้อมือของฉินเย่ว์เหมยดึงนางเข้ามากอด“เจ้าหึงข้างั้นรึ?”เฉินฝานยิ้มพลางจ้องใบหน้างดงามเยือกเย็นนั้น“ใครหึงเจ้ากัน? ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยปั้นสีหน้าเคร่งขรึม ผลักเฉินฝานออกไปทันทีหลังจากที่ผลักเฉินฝานออกไปแล้ว ฉินเย่ว์เหมยก็เดินตรงเข้าไปในตำหนัก เดินออกมาพร้อมกับชุดลำลองหนึ่งชุดกล่าวเป็นชุดลำลองก็มิเชิง คล้ายกับชุดอยู่เรือนเสียมากกว่า“ท่านจะไปอาบน้ำงั้นหรือ จะพาข้าน้อยไปอาบด้วยสินะ?” เฉินฝานยิ้มหน
“กล่าวหากันชัด ๆ”“โอ้โห!” เฉินฝานตกใจอย่างมาก “นี่เป็นการกล่าวหาข้าชัด ๆ!”เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ในโทรทัศน์ ตอนนี้ได้มาเจอของจริง เฉินฝานรู้สึกแปลกใหม่อย่างมาก “ไหนข้าดูสิมีใครกล่าวหาข้าบ้าง?”เฉินฝานกวาดสายตาอ่านต่อ“หลิวเกาจัว!” เฉินฝานชี้ชื่อของหลิวเกาจัว “เจ้าคนที่พูดจาเหน็บแนมข้า คอยดูเถอะ”“มิได้มีเพียงหลิวเกาจัวเสียหน่อย” ฉินเย่ว์เหมยชี้นิ้วไปทางโต๊ะ “กองเหล่านี้ล้วนใช่ทั้งหมด!”เฉินฝานผินสายตาขึ้นจากสาสน์กราบทูลของหลิวเกาจัว มองไปทางฉินเย่ว์เหมยสามกองพะเนิน“โอ้โห เยอะเพียงนั้นเชียวรึ!”“มาถึงเพียงนี้แล้วไฉนเจ้ายังทำตัวเป็นทองมิรู้ร้อนได้อีก? คนมหาศาลกำลังใส่ความเจ้าอยู่ หากท้ายที่สุดเจ้าผลาญเงินท้องพระคลังจนหมดสิ้นจริง ๆ ต่อให้ข้ายอมสละบัลลังก์ ก็ปกป้องเจ้าไว้มิได้”ใบหน้าเย็นชาของฉินเย่ว์เหมยพลันหม่นหมองนางรู้สึกผิดหวังในท่าทีของเฉินฝานเฉินฝานเป็นคนที่ได้รับความสำเร็จเพียงเล็กน้อย ก็ลำพองใจ มิรู้จักแยกแยะความสำคัญอย่างที่พวกหลิวเกาจัวพูดงั้นหรือ?เฉินฝานสังเกตเห็นความหม่นหมองและความผิดหวังของฉินเย่ว์เหมยได้ทั้งหมด เขาวางสาสน์กล่าวหาของหลิวเกาจัวลง เดินมาด้าน
“ก็ได้ ข้าจะเชื่อใจเจ้า!”ถึงแม้น้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยจะแผ่วเบา ทว่าความตั้งใจหนักแน่นอย่างมากนางเชื่อมั่นเฉินฝานอย่างแท้จริงนางมิรู้ว่าสงครามการค้าที่เฉินฝานกล่าวถึงคือสิ่งใดกันแน่ รู้เพียงว่าแค่มีเฉินฝานอยู่ นางก็สบายใจแล้วจันทราด้านนอกหน้าต่าง ปรากฏอยู่บนท้องนภาแล้วในค่ำคืนที่สิบห้าจันทราเต็มดวงเป็นพิเศษ แสงจันทร์เย็นยะเยือกส่องมาที่ใบหน้าเย็นยะเยือกแบบเดียวกันของฉินเย่ว์เหมยทว่ามิทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บหัวใจ กลับขับความเย็นชาชวนหลงใหลของฉินเย่ว์เหมยให้เด่นชัดขึ้นปอยผมที่ปลิดปลิว ใบหน้าอันยลโฉม ทำให้นางดูเป็นความงดงามของชนชั้นสูงลมพัดลอดผ่านทางหน้าต่างมาทำให้ผมตรงหน้าผากของฉินเย่ว์เหมยยุ่งเหยิงเฉินฝานเอื้อมมือไปจัดผมให้ฉินเย่ว์เหมยอย่างแผ่วเบาหาได้ยากที่ฉินเย่ว์เหมยจะมิผลักเฉินฝานออกไปความรู้สึกลึกซึ้งในใจของทั้งสองคนหยั่งรากลึกขึ้นเรื่อย ๆในตอนที่สติหลุดลอย ริมฝีปากของเฉินฝานก็ไปอยู่ใกล้ริมฝีปากของฉินเย่ว์เหมยแล้ว...“ฝ่าบาท!”หงอิงเดินมาที่ทางเข้าตำหนักหย่งเหอด้วยท่าทางรีบร้อน“ข้า ข้าน้อยมิเห็นอันใดทั้งสิ้น!”หงอิงมิอยากรบกวนพวกเฉินฝาน จึงรีบหันหน้า
ปรากฏว่าหมอหลวงสวีกลับเข้ามาอย่างกะทันหัน หากหมอหลวงสวีอยู่ การที่เสิ่นหมิงหยวนคิดที่จะให้เสิ่นไต้มั่นแสร้งตั้งครรภ์ก็แทบจะเป็นไปมิได้แล้วตอนนี้ต่อให้เขาจะหาสตรีที่ตั้งครรภ์มาได้แล้ว ก็ต้องให้เสิ่นไต้มั่นตั้งครรภ์ให้ได้เสียก่อนหลังจากที่เฉินฝานออกไปปราบก่อกบฏแล้ว ฉินเย่ว์เหมยก็อ้างว่ารู้สึกกระวนกระวายใจอย่างมากจึงปฏิเสธมิเข้าวังหลังกองกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสามหมื่นนายบุกเข้าโจมตีเมืองหลวง ฉินเย่ว์เหมยมิเข้าวังหลัง เสิ่นหมิงหยวนก็พูดอะไรมากมิได้ตอนนี้กำจัดกองกำลังกบฏได้แล้ว เสิ่นหมิงหยวนจึงให้แม่ของเสิ่นไต้มั่นเข้าวัง เพื่อที่ให้นางทำทุกวิถีทางพยายามเอาอกเอาใจฉินเย่ว์เหมย และตั้งครรภ์รัชทายาทก่อนปีใหม่ให้จงได้หลังจากที่ขึ้นปีใหม่ ท้องพระคลังก็จะถูกเฉินฝานผลาญจนหมดสิ้นถึงตอนนั้น เฉินฝานก็ถูกตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติกิน อย่าว่าแต่ตำแหน่งอัครเสนาบดี แม้แต่ชีวิตเขาก็คงจะรักษาไว้มิได้!เมื่อเฉินฝานตายแล้ว เสิ่นหมิงหยวนก็จะเนรเทศฉินเย่ว์เหมยออกไปทันที ถึงตอนนั้น เขาจะมิรีรอ ผลักดันให้เสิ่นไต้มั่นที่กำลังตั้งครรภ์ขึ้นบัลลังก์ทันทีความปรารถนาที่โค่นล้มบัลลังก์ของเสิ่นหมิงหยว
“ตอนนี้แคว้นต้าชิ่งของพวกเจ้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของพวกเราแล้ว ข้าต้องมาส่งสินค้าด้วยตนเองอยู่แล้ว”ตอนที่โอวหยางน่าหลันกล่าว ก็ยื่นมือออกมาคิดจะฉวยโอกาสแตะตัวเฉินฝาน ทว่าเฉินฝานก็สามารถเบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงทีอีกครั้งโองหยางน่าหลันใช้มือจับคางพลางหรี่ตามองเฉินฝานหลบได้ก็หลบไปเถอะ ดูสิว่าเจ้าจะหลบได้สักกี่น้ำตอนที่มาส่งสินค้าครั้งหน้า ข้าจักต้องทำให้เจ้ายอมขึ้นเตียงปล่อยตัวให้ข้าเล่นสนุกตามใจให้จงได้เมื่อเดินไปส่งโอวหยางน่าหลันเรียบร้อยแล้ว เฉินฝานที่เพิ่งเดินมาถึงจวนอัครเสนาบดีของตน ก็เห็นว่ามีคนผู้หนึ่งเดินออกมาต้อนรับ“สามัญชนหลี่ซานทำความเคารพท่านอัครเสนาบดี!”คนที่เดินออกมารับคือหลี่ซานการปรากฏตัวของหลี่ซานมิใช่เรื่องบังเอิญ เป็นเพราะเฉินฝานเรียกเขามาต่างหาก“พี่หลี่ ระหว่างพวกเรามิจำเป็นต้องพูดจาตามมารยาทเพียงนั้นหรอก เจ้ารีบตามข้ามาเถิด”เฉินฝานและหลี่ซานพูดคุยกันอยู่ในห้องหนังสือตั้งแต่หัววันจนดึกดื่น-เรื่องที่ต้าชิ่งกว้านซื้ออาวุธจากแคว้นหลู่เพียงในพริบตาเดียว ทำให้แคว้นโดยรอบแตกตื่นทันทีล้วนพากันคาดเดาว่าต้าชิ่งกำลังเตรียมทำสงคราม จ้องที่จะโจมตีแคว้นใด
ราชทูตต่างแคว้นที่มาแย่งซื้ออาวุธของแคว้นหลู่ยังคงทยอยมาที่เมืองหลวงแคว้นหลู่อย่างมิขาดสายเข้าสู่วันที่เจ็ด“องค์หญิง!”“เลขาธิการฝ่ายพิธีการ!” โอวหยางน่าหลันที่นั่งอยู่รถเข็นโบกมืออย่างเหนื่อยหน่าย “ราชทูตแคว้นใดมามาก็มิต้องกราบทูลแล้ว พวกเจ้าฝ่ายพิธีการจัดการตามสะดวกเถิด!”“องค์หญิง กระหม่อมมิใช่เลขาธิการกรมพิธีการ เป็นเลขาธิการกรมคลังขอรับ!”“โอ้ กรมคลังนี้เอง!” โอวหยางน่าหลันเพิ่งจะรู้ตัวว่าแท้จริงแล้วคนที่เข้ามามิใช่เลขาธิการฝ่ายพิธีการ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที“เจ้ามีเรื่องอันใด? รีบกราบทูลมา!”โอวหยางน่าหลันร้อนรนใจนางอยากจะรีบจัดการราชกิจในสำนักให้เสร็จโดยเร็ว จากนั้นจะรีบมุ่งหน้าไปโรงทำอาวุธเร่งเร้าให้เหล่าช่างตีเหล็กทำอาวุธให้เสร็จโดยเร็วนางมิอยากรอจนถึงหนึ่งเดือน อยากจะรีบทำอาวุธชุดแรกของต้าชิ่งให้เสร็จสิ้นโดยเร็วนางอดใจรอที่จะพบเฉินฝานอีกครั้งมิไหวแล้วเรือนร่างและใบหน้าของเฉินฝานติดตรึงอยู่ในใจของนางแล้วเฉินฝานเป็นดาวนำโชคของนางจริง ๆ นางไปต้าชิ่งเพียงครั้งเดียว มิเพียงแต่มีโอกาสที่จะได้ครอบครองเขตแดนของต้าชิ่ง และยังทำเงินได้จำนวนมหาศาลอีกด้วย“อง
เฉินฝานเดินเข้ามาในพระราชวังก็ได้กลิ่นสาบเนื้อวัวที่รุนแรงทันทีขุนนางในราชสำนักส่วนใหญ่เป็นขุนนางขั้นสามขั้นสี่ มิมีที่นาและร้านค้า โดยเฉพาะนักว่าการที่มิคดโกงเหล่านั้น ปกติก็สามารถใช้เบี้ยหวัดรายเดือนใช้ชีวิตได้อย่างมิต้องกังวล เมื่อมิได้เบี้ยหวัดรายเดือนจึงมีปัญหาเรื่องปากท้องทันทีเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้ ฉินเย่ว์เหมยจึงจำใจซื้อเนื้อวัวจากแคว้นหลู่มาแจกจ่ายให้เหล่าขุนนางหากอยากปรุงเนื้อวัวให้เลิศรส ต้องอาศัยฝีมือในการปรุงรสอย่างมากโดยปกติคนต้าชิ่งมิชอบรับประทานเนื้อวัวเท่าใดนัก คนส่วนใหญ่มิได้ชำนาญในการปรุงรส ผนวกกับที่เนื้อวัวแคว้นหลู่กลิ่นสาบรุนแรงอย่างมากกลิ่นสาบเนื้อวัวนี้ตลบอบอวลไปทั้งพระราชวังจนทำให้เฉินฝานสำลักจนแทบอยากอาเจียนออกมา เขาใช้มือปิดจมูกตามสัญชาตญาณท่าทางของเขาทำให้เหล่าขุนนางทุกคนจ้องมองด้วยความเดือดดาลตอนนี้เฉินฝานเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย พวกเขาจึงทำได้เพียงเก็บความเดือดดาลไว้ในใจปิดจมูกงั้นรึ เจ้ายังมีหน้ามาปิดจมูกอีกหรือ ที่ต้องเป็นเช่นนี้ล้วนเป็นความผิดของเจ้ามิใช่รึ?หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เกรงว่าตอนนี้เฉินฝานคงถูกแทงเป็นรูพรุนไปนานแล้วฉินเย่
เฉินฝานหอบกองสาสน์กราบทูลเดินมานั่งข้างฉินเย่ว์เหมย “เรื่องอันใดรึ?”“จักรพรรดินีอีจี๋แคว้นเหมี่ยน จะมาถึงเมืองหลวงในอีกสองวัน”“อีจี๋จะมาถึงแล้วงั้นรึ?”เฉินฝานยินดียิ่ง ก่อนหน้าที่เขาเรียกหลี่ซานมาเพื่อที่จะให้เขาไปแคว้นเหมี่ยนคิดมิถึงว่าฉินเย่ว์เหมยจะรู้เรื่องที่ว่าอีจี๋จะมาก่อนเขาเสียอีก“แต่...” เฉินฝานขมวดคิ้ว “ไฉนนางเดินทางมาด้วยตนเองล่ะ? ตอนนี้ตั้งครรภ์จวนจะเก้าเดือนใกล้คลอดแล้ว มิควรเดินทางไกล!”“เจ้า...” ฉินเย่ว์เหมยกล่าวถามเฉินฝานด้วยเสียงเยือกเย็น “ไยเจ้าจึงรู้ว่าจักพรรดินีอีจี๋ตั้งครรภ์และใกล้จะถึงกำหนดคลอดด้วย...เจ้า!”ฉินเย่ว์เหมยหน้านิ่วคิ้วขมวด “หรือว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเจ้ารึ?”มิต้องรอให้เฉินฝานกล่าวตอบ ฉินเย่ว์เหมยใช้สาสน์กราบทูลฉบับหนึ่งฟาดไปที่ศีรษะเฉินฝานทันที “ช่างเป็นชายเสเพลมักมากเสียจริง!”ฉินเย่ว์เหมยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนลุกขึ้นเดินเข้าไปในตำหนักด้านในเฉินฝานคิดว่าฉินเย่ว์เหมยคงเข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็ออกมาเหมือนเคย ปรากฎว่าผ่านไปนานแล้วก็ยังมิออกมาเฮ้อเฉินฝานยักไหล่ สตรีช่างเอาแต่ใจเสียจริง“ฝ่าบาท!” เฉินฝานเดินเข้าไปตำหนักในเพื่อแสดงความเคา
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ