“แค่ขุนนางคนหนึ่งเท่านั้น ท่านไม่อาจยกให้ได้ ดูเหมือนว่า...” โอวหยางน่าหลันทำสีหน้าเข้าใจ“ว่ากันว่า จักรพรรดิต้าชิ่งชื่นชอบพรรณไม้เดียวกัน เวลานี้ดูแล้ว คล้ายข่าวลือนี้จะเป็นความจริง เฮ้อ!”โอวหยางน่าหลันถอนหายใจ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ของเล่นที่ผู้อื่นเล่นแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากเล่น จักรพรรดิต้าชิ่ง เมื่อครู่ท่านบอกว่าหากข้ามีธุระก็ให้เข้าประเด็น ใช่หรือไม่?”พูดถึงตอนท้าย สีหน้าของโอวหยางน่าหลันเย็นชา“จักรพรรดิต้าชิ่ง สัญญาสั่งซื้ออาวุธของแคว้นต้าชิ่งของพวกท่านในปีนี้เล่า?”เมื่อครั้นจักรพรรดิองค์ก่อนของต้าชิ่งประชวรหนัก แคว้นหลู่อาศัยจังหวะช่วงที่ต้าชิ่งชุลมุนวุ่นวาย ส่งทูตมายังต้าชิ่ง บังคับให้ต้าชิ่งสั่งอาวุธอย่างน้อยปีละสิบล้านตำลึงเงินในเวลานั้นจักรพรรดิต้าชิ่งทำได้เพียงตอบตกลง เพราะหากไม่ตกลง แคว้นหลู่จะนำทัพเข้าโจมตีตอนนั้น แคว้นต้าชิ่งไม่เพียงได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ จำนวนชายหญิงก็อยู่ในขั้นวิกฤต บุรุษเริ่มลดน้อยลง อีกทั้งชาวหูทางตอนเหนือ ก็เริ่มร้ายกาจขึ้น ราวกับสุนัขจิ้งจอกหิวโซจ้องจะเขมือบดินแดนทางเหนือของแคว้นต้าชิ่งฉินเย่ว์เหมยมองหน้าฟางซินฮุ่ย “ฟางซ
“ใต้เท้าเสิ่น อาวุธสงครามของแคว้นหลู่คุณภาพดี แต่แคว้นหลู่ไม่ได้ขายอาวุธดีๆ ให้กับพวกเรา” ฟางซินฮุ่ยพูดด้วยความจนปัญญา“เรื่องนี้ข้าเป็นพยานได้ แคว้นหลู่ตั้งใจขายอาวุธที่ขึ้นสนิม ไม่อาจใช้งานได้มาให้ต้าชิ่งของเรา”เหอจื่อหลินไม่อาจทนต่อความร้ายกาจของโอวหยางน่าหลันมานานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสพูดหลังกลับมาถึงเมืองหลวง เหอจื่อหลินไปหาฟางซินฮุ่ยเพื่อเติมอาวุธเพิ่ม แต่ฟางซินฮุ่ยกลับไม่อาจนำออกมาให้เขาเมื่อร้อนใจ เหอจื่อหลินจึงไปที่คลังอาวุธด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเห็นอาวุธที่แคว้นหลู่ส่งมา ล้วนเป็นอาวุธขึ้นสนิมเรื่องนี้เหอจื่อหลินอยากบอกเฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยมานานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เฉินฝานและฉินเย่ว์เหมยง่วนอยู่กับเรื่องจำนวนบุรุษปัญหาเรื่องบุรุษนั้นร้ายแรง เหอจื่อหลินจึงเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่ได้พูดออกไป“ฝ่าบาท ท่านดูสิเพคะ!”หงอิงหยิบดาบเล่มหนึ่งและลูกธนูดอกหนึ่งมาตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยเมื่อครู่ฟางซินฮุ่ยกล่าวว่าอาวุธที่แคว้นหลู่ส่งมาไม่อาจใช้งานได้ นางก็แอบไปคลังเก็บอาวุธแล้วดาบและธนูในมือหงอิงเต็มไปด้วยสนิม ไม่อาจใช้งานได้“หงอิง เจ้าเพิ่งนำมาจากคลังเก็บ
แต่เป็นเพราะแคว้นหลู่ยกทัพโจมตีเมืองลู่ตู ไม่ส่งผลดีใดๆ ต่อเขาเมืองลู่ตูคือเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของต้าชิ่ง ทั้งยังเป็นฐานสำคัญที่มั่นคงที่สุดของเสิ่นหมิงหยวน หากแคว้นหลู่ยึดครองเมืองลู่ตู เช่นนั้นก็เท่ากับว่าฐานของเขาถูกทำลายอีกเรื่องหนึ่ง โอวหยางน่าหลันเกลียดเสิ่นหมิงหยวนมากโอวหยางน่าหลันในฐานะผู้ครองอำนาจแท้จริงของแคว้นหลู่ เช่นเดียวกับฉินเย่ว์เหมย เกลียดขุนนางชั่วอย่างเสิ่นหมิงหยวนเป็นที่สุดหากว่า ถ้าหาก สุดท้ายแคว้นหลู่ถูกต้าชิ่งยึดครอง คนแรกที่โอวหยางน่าหลันจะจัดการก็คือเสิ่นหมิงหยวน“องค์หญิงโอวหยางเข้าใจความหมายของข้าผิดแล้ว ทำให้องค์หญิงโอวหยางเข้าใจผิด ข้าต้องขอโทษด้วย”ตอนพูดถ้อยคำนี้ ริมฝีปากของฉินเย่ว์เหมยขยับอย่างไม่เป็นตัวเองหากบุรุษแคว้นต้าชิ่งมากกว่านี้เล็กน้อย นางจะท้าชนกับโอวหยางน่าหลันแล้ว“เข้าใจผิดหรือ? ข้าว่าไม่ใช่กระมัง” จุดประสงค์ของโอวหยางน่าหลันในครั้งนี้ คือเมืองลู่ตูของแคว้นต้าชิ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเหตุผลประกาศสงคราม นางไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปง่ายๆนอกเสียจากว่า แคว้นต้าชิ่งจะเป็นฝ่ายยกเมืองลู่ตูให้นางเอง“องค์หญิง ท่านเข้าใจผิดแล้
“เรื่องเข้าใจผิดคลี่คลายลงแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันต่อเถิด!”ถึงอย่างไรในฐานะผู้ปกครองแคว้นหนึ่ง โอวหยางน่าหลันใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว กลับมามีท่าทางหยิ่งยโสโอหังดังเดิม“ใช่ ๆ คุยเรื่องสำคัญ ๆ” เสิ่นหมิงหยวนรีบเอ่ยตามทันที “การที่องค์หญิงเสด็จมาในครานี้ หลัก ๆ ก็ด้วยเรื่องการสั่งซื้ออาวุธอันล่าช้าระหว่างสองแคว้น บัดนี้ลงมือเสียเลยดีกว่าจะมัวรอเลือกวันดี แคว้นเราจะสั่งซื้อในตอนนี้เลย”“จากอาวุธหนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นแต่เดิม เปลี่ยนเป็นสามแสนชิ้น ของทุกชิ้นจากแคว้นหลู่ล้วนเป็นของชั้นเลิศ องค์หญิงสามารถส่งของมาได้ตามพระราชอัธยาศัย ทรงคิดเห็นอย่างไร?”ส่งของได้ตามใจ นั่นก็หมายความว่าแคว้นหลู่สามารถส่งขยะมาได้เรื่อย ๆ ทุกคนในท้องพระโรงรวมถึงฉินเย่ว์เหมยล้วนเป็นชาวต้าชิ่ง ฟังแล้วก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวในใจไม่หยุด ทว่าก็ทำได้เพียงข่มกลั้นไว้ใครใช้ให้...ตอนนี้ชายฉกรรจ์ของต้าชิ่งร่วงโรยลงเล่า“เป็นอย่างไร?”ดวงหน้าของโอวหยางน่าหลันมีรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูบิดเบี้ยวดุร้ายน่ากลัว“หากตอนที่ข้าเพิ่งมา พวกท่านเสนอมาเช่นนี้ ข้ายังคงพิจารณาดูได้บ้าง แต่ทว่าตอนนี้...”โอวหยางน่าหล
“เงื่อนไขที่เสียเอกราชและเสียเกียรติของแคว้นเช่นนี้ ต้าชิ่งของเราไม่อาจยอมรับได้เป็นอันขาด!”เสิ่นหมิงหยวนพลันแข็งกร้าวขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนคำขวัญดังสนั่น“หากยอมรับ แล้วพวกเราจะสู้หน้าบรรพกษัตริย์ต้าชิ่งได้อย่างไร? จะสู้หน้าประชาชนชาวต้าฉิงมากมายของเราได้อย่างไร?”“ออกรบ! รบกับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ เสิ่นหมิงหยวนพลันดีอกดีใจอย่างยิ่งให้กองทัพลาดตระเวนไปสู้กับกองทัพสามแสนนายของแคว้นหลู่จนแตกพ่ายกันไปข้างหนึ่ง นั่นช่างเป็นเรื่องดีเหลือเกินจริง ๆ หากกองทัพลาดตระเวนต่อสู้จนถูกทำลายหมดแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงเฉินฝานแล้ว“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนตะโกนตามขึ้นมาเช่นกัน“ไสหัวกลับแคว้นหลู่ของท่านเสีย ต้าชิ่งของเราไม่ต้อนรับท่าน!”เหล่าขุนนางต้าชิ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยวเริ่มขับไล่โอวหยางน่าหลันออกไป“ฮึ! ต้าชิ่งปฏิบัติกับแขกเช่นนี้หรือ? ดีมาก!” โอวหยางน่าหลันเอ่ยอย่างแข็งกระด้างทันที “เช่นนั้นก็...”“องค์หญิงทรงตรัสถูกต้องแล้ว ทรงตรัสได้ถูกต้อง!” เฉิน
“เฉินฝาน!”นี่เป็นครั้งแรกในท้องพระโรงที่มีคนมากมายเรียกชื่อเฉินฝานในเวลาเดียวกันแม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดยังลุกขึ้นมา แล้วเดินลงมาจากบัลลังก์มังกร“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่? วันนี้สติไม่ค่อยปลอดโปร่งใช่หรือไม่? หงอิง ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายสุขภาพไม่ดี รีบประคองเขาไปที่สำนักหมอหลวงประเดี๋ยวนี้!”เฉินฝานหลบหงอิง “ฝ่าบาท ตอนนี้กระหม่อมมีสติดีมาก มิได้สับสนมึนงงเลยสักนิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”ผลคือเขาหลบหงอิงได้ แต่หลบอ๋องตวนไม่ได้อ๋องตวนเข้ามาคว้าแขนเฉินฝานแล้วพาออกไป “โอ๊ย ลูกเขยแสนดีของข้า เมื่อวานเจ้าทายตัวเลขนั้นได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ข้าไม่ยอมรับ ตอนนี้เรากลับไปทายกันต่อนะ!”“อ๋องตวน... ท่านพ่อตาแสนดีของข้า...”หวังตวนมีพละกำลังเหนือมนุษย์แต่กำเนิด ต่อให้เฉินฝานมีฝีมือในระดับหนึ่งก็ไม่อาจสลัดหลุดออกจากการจับกุมของอ๋องตวนได้โอวหยางน่าหลันยิ้มที่มุมปากน่าสนุกดีให้ต้าชิ่งซื้อเศษเหล็กจำนวนมากของแคว้นหลู่ ยังคุ้มกว่าการเข้ายึดเมืองลู่ตูโดยตรงเสียอีกการค้าที่คุ้มค่าถึงเพียงนี้ นางโอวหยางน่าหลันจะพลาดได้อย่างไร“เข้ามา!”โอวหยางน่าหลันโบกมือ ชายร่างใหญ
”อืม!” โอวหยางน่าหลันพยักหน้า “ความจำของท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ยังเคยท่องตำราจนทำให้บัณฑิตใหญ่คนหนึ่งกระอักเลือดมาแล้ว”“เฮ้อ!” เฉินฝานโบกมือ “นั่นมันตอนที่ยังเยาว์วัยบ้าดีเดือด ไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์ อย่าพูดถึงเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง เรามาคุยเรื่องสำคัญต่อเถิด!”เฉินฝานชูสองนิ้วออกมา“ท่าน...” โอวหยางน่าหลันจ้องมองนิ้วมือของเฉินฝาน สีหน้าดูระแวดระวัง “หมายความว่าอย่างไร? หากจะลดลงไปสองครั้งละก็ ท่านอย่าพูดเลย”“หนึ่งล้านชิ้นต่อครั้ง ปีละสามครั้ง อย่างน้อยติดต่อกันสามปี เป็นเงื่อนไขต่ำที่สุดแล้ว”“องค์หญิง ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ความหมายของข้าคือเพิ่มอีกสองล้านชิ้น ก็คือสามล้านชิ้นต่อครั้ง และสั่งเดือนละครั้ง”“...”“!!!”ภายในท้องพระโรง ไม่เพียงแต่ขุนนางต้าชิ่งที่ไม่เข้าใจคำพูดของเฉินฝาน แม้แต่โอวหยางน่าหลันที่อยู่ตรงหน้าเฉินฝานก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนางจ้องมองเฉินฝานด้วยแววตาสงสัยเฉินฝานตรงหน้านี้คือเฉินฝานที่ใช้เป็ดควบคุมตั๊กแตน ใช้เป็ดย่างทำให้อำเภอที่ยากจนที่สุดของต้าชิ่งกลายเป็นอำเภอที่ร่ำรวยที่สุด สร้างอาวุธลึกลับ และเอาชนะกองทัพเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสาม
ชายผู้นี้ ช่างประหลาดมากจริง ๆเงื่อนไขที่เขาเสนอมายิ่งเกินจะคาดเดาโอวหยางน่าหลันที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วเด็ดขาดและไม่เคยพ่ายแพ้มาตลอด กลับไม่อาจตัดสินใจได้อยู่ชั่วขณะ “ท่าน... จะซื้ออาวุธหกล้านชิ้นจากแคว้นหลู่ของข้าภายในสามเดือนจริง ๆ หรือ?” โอวหยางน่าหลันยังคงไม่อยากจะเชื่อเฉินฝานก้าวเดินอย่างมั่นคง ยืดตัวตรง พุ่งไปหาโอวหยางน่าหลันอย่างน่าเกรงขามและเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แววตาของเขาราวกับคบไฟ เสียงดังก้องกังวาล “สุภาพบุรุษเมื่อเอ่ยวาจา สี่ม้ายากจะตามกลับคืน!”โอวหยางหน่าหลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวทั้ง ๆ ที่บุรุษผู้นี้หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความน่าเกรงขามมากถึงเพียงนี้ริมฝีปากแดงร้อนรุ่ม ก่อนจะขยับเล็กน้อย “เช่นนั้น...”“องค์หญิง!” มีคนในคณะทูตเตือนโอวหยางน่าหลันเสียงดัง “พระองค์อย่าทรงโดนเขาหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าเขาแค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้น”“ไม่ใช่!” อีกคนในคณะทูตส่งเสียงกล่าว คนผู้นั้นมีผมหยิก สวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่บนคอแค่เห็นแวบแรกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าชายผมหยิกเดินเข้ามาหา ก่อนจะมองเฉินฝานอย่างพิจารณารอบหนึ่งแล้วกล่าวกับโอวหยางน่าหลันว่
ตอนแรกเฉินฝานปรากฏตัวขึ้นในสายตาของราษฎรชาวต้าชิ่งในฐานะนายบำเรอของฉินเย่ว์เหมย คนที่ไม่รู้จักเขาดีย่อมดูแคลนเขาอย่างยิ่ง มีผู้คนมากหมายเห็นเขาเป็นคนประเภทเดียวกับนางสนมจอมล่อลวงเมื่อพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนปลุกปั่นเช่นนี้ ชาวบ้านรอบ ๆ ก็รู้สึกอีกแล้วว่าพวกเขาพูดถูกต้อง เสิ่นหมิงหยวนสมควรถูกจับ เฉินฝานเองก็ควรถูกจับเช่นกัน“ไป่เผยหราน เหตุใดยังไม่ให้คนของเจ้าลงมือจับกุมเสิ่นหมิงหยวนให้เราอีก” ฉินเย่ว์เหมยหัวเสียเล็กน้อยหากเป็นผู้อื่น เมื่อฮ่องเต้มีรับสั่ง ไฉนเลยยังจะสนใจอะไรอีก ย่อมต้องจับกุมทันที แต่ไป่เผยหรานไม่ใช่ผู้อื่น ในใจของเขา กฎหมายและความยุติธรรมอยู่เหนือทุกสิ่ง หลักฐานที่เฉินฝานแสดงออกมาในตอนนี้ทำได้เพียงพิสูจน์ว่าเสิ่นหมิงหยวนวางแผนทำร้ายเขาเท่านั้นจริง ๆ แต่ไม่อาจพิสูจน์ยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้วางยาพิษในใจของไป่เผยหรานย่อมเชื่อว่าเฉินฝานไม่มีทางวางยาพิษ แต่ว่าภายใต้สายตาจ้องมองของประชาชน หากจับกุมเพียงเสิ่นหมิงหยวนแต่ไม่จับกุมเฉินฝาน เขาทำไม่ได้เมื่อมองฉินเย่ว์เหมยที่โกรธเกรี้ยว แล้วมองไป่เผยหรานที่ทำหน้าลำบากใจ เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ลอบปีติยินดีในใจ นับถือบิดาของตนมากยิ่ง
“ขุนนางต่ำต้อยอย่างกระหม่อมไม่มีอะไรจะพูดพ่ะย่ะค่ะ เรื่องที่จางทงและจางสิงทำเป็นคำสั่งของกระหม่อมจริง กระหม่อมเป็นคนทำเพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”เสิ่นหมิงหยวนเงียบไปครู่เดียวเท่านั้นก็ยอมรับทันที ไม่เพียงแต่เฉินเย่ว์เหมยที่ประหลาดใจ แม้แต่เสิ่นหยวนเลี่ยงก็ประหลาดใจเช่นกันผู้คนทั้งต้าชิ่งต่างรู้ว่าอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายและเบื้องขวาเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาโดยตลอด ทั้งสองฝ่ายขับเคี่ยวกันไม่ยอมปล่อย และรู้ว่าเรื่องการวางยาพิษในครั้งนี้จะต้องเกี่ยวพันกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเสิ่นหมิงหยวนจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้“ท่านพ่อ...”เสิ่นหยวนเลี่ยงเบิกตาโตมองเสิ่นหมิงหยวน แต่เสิ่นหมิงหยวนกลับก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีใครมองเห็นสีหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน“ดูท่าเสิ่นหมิงหยวนคิดจะสู้จนตกตายไปด้วยกัน”เฉินฝานพูดเสียงเบา เขาเอ่ยคำพูดนี้จบ เสียงเย็นชาเคร่งขรึมของฉินเย่ว์เหมยก็ดังมาจากด้านหน้าว่า “ขุนนางต่ำต้อย? ตอนนี้เจ้าเป็นขุนนางผู้กระทำผิดไม่มีสิทธิ์เรียกขานตนเองว่าขุนนางต่ำต้อยแล้ว ไป่เผยหราน จับกุมเสิ่นหมิงหยวนเสีย!” เสิ่นหมิงหยวนเบนศีรษะเล็กน้อย เสิ่นหยวนเลี่ยงม
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สีหน้าของจางทงและองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนไม่ได้ซีดเผือดเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว จางทงได้รับพิษสองครั้ง เขาดูอ่อนแอเล็กน้อยส่วนองครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนมีสีหน้าปกติ ราวกับไม่ได้รับพิษเลยการล้างท้องเป็นวิธีการช่วยชีวิตผู้ได้รับพิษในทางศัลยแพทย์ เป็นวิธีการรักษาที่ธรรมดาอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน แต่ในสายตาคนโบราณเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงจริง ๆ “ช่วยชีวิตได้แล้ว ใต้เท้าเฉินช่วยชีวิตทั้งสองคนได้จริง ๆ!” “กินสารหนูแล้วยังช่วยชีวิตกลับมาได้ด้วย? ใต้เท้าเฉิน นั่นเป็นวิชาแพทย์จริง ๆ หรือ?” “ไฉนเลยวิชาแพทย์จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ เป็นวิชาเซียนต่างหากเล่า” “ใต้เท้าเฉินเป็นเทพสวรรค์จุติลงมา!” นี่ก็คือชาวบ้านทั่วไป ในสายตาของพวกเขามีแค่ดำสุดโต่งและขาวสุดโต่งเมื่อพวกเขาโดนฝ่ายเสิ่นหมิงหยวนหลอกลวง ก็ด่าทอเฉินฝานด้วยคำพูดที่โหดร้ายสุดขีด ตอนนี้พบว่าเฉินฝานเป็นคนดีแล้ว พวกเขาก็สรรเสริญเฉินฝานอย่างดีที่สุดโดยไม่ตระหนี่เลย พวกเขาไม่เพียงสรรเสริญเฉินฝาน แถมยังเริ่มด่าทอสงสัยเสิ่นหมิงหยวนด้วย “พวกเจ้าดูองครักษ์ผู้นั้นสิ หากเมื่อครู่นี้ไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ข้าไม่อยากจ
“ท่านพี่!” จางสิงร้องเสียงดัง โน้มตัวไปกอดจางทง “ใต้เท้า รีบช่วยพี่ชายของข้าด้วยขอรับ”แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ตอนที่จางทงกินสารหนูลงไปจริง ๆ จางสิงก็รู้สึกตื่นตระหนกในใจไม่ไหวแล้วเฉินฝานสามารถช่วยพวกเขากลับมาจากประตูผีได้ครั้งหนึ่ง ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยได้เป็นครั้งที่สองพิษสารหนูออกฤทธิ์ไวมาก เวลานี้ใบหน้าของจางทงไม่มีสีเลือดเลยสักนิดเดียว ร่างกายเริ่มชักกระตุก มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก“เฮ้อ!” เฉินฝานถอนหายใจ “นี่เจ้าจะลำบากลำบนทำไมกัน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยไม่ได้ลำบาก เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ข้าน้อยจะได้เป็นคนขอรับ” จางทงฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ฝืนยิ้มให้เฉินฝาน “รบ...กวนท่าน...ช่วยข้าน้อยอีกสักครั้ง...” เมื่อพูดจบ ร่างกายของจางทงก็เริ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง ตาขาวเริ่มเหลือกขึ้นมาเช่นกัน เลือดที่ไหลออกมาจากมุมปากเยอะขึ้นเรื่อย ๆ“เร็วเข้า หามเขาไปที่โรงเตี๊ยม!”จางทงถูกหามเข้าไปในโรงเตี๊ยมได้ไม่นาน องครักษ์ของเสิ่นหมิงหยวนก็ถูกหามเข้ามาด้วยเช่นกันในขณะที่เฉินฝานสั่งให้คนหามจางถงเข้าไปในโรงเตี๊ยม เสิ่นหมิงหยวนก็ให้คนกรอกสารหนูใส่ปากองครักษ์ผู้นั้น เสิ่นหมิงห
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต