แต่เป็นเพราะแคว้นหลู่ยกทัพโจมตีเมืองลู่ตู ไม่ส่งผลดีใดๆ ต่อเขาเมืองลู่ตูคือเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของต้าชิ่ง ทั้งยังเป็นฐานสำคัญที่มั่นคงที่สุดของเสิ่นหมิงหยวน หากแคว้นหลู่ยึดครองเมืองลู่ตู เช่นนั้นก็เท่ากับว่าฐานของเขาถูกทำลายอีกเรื่องหนึ่ง โอวหยางน่าหลันเกลียดเสิ่นหมิงหยวนมากโอวหยางน่าหลันในฐานะผู้ครองอำนาจแท้จริงของแคว้นหลู่ เช่นเดียวกับฉินเย่ว์เหมย เกลียดขุนนางชั่วอย่างเสิ่นหมิงหยวนเป็นที่สุดหากว่า ถ้าหาก สุดท้ายแคว้นหลู่ถูกต้าชิ่งยึดครอง คนแรกที่โอวหยางน่าหลันจะจัดการก็คือเสิ่นหมิงหยวน“องค์หญิงโอวหยางเข้าใจความหมายของข้าผิดแล้ว ทำให้องค์หญิงโอวหยางเข้าใจผิด ข้าต้องขอโทษด้วย”ตอนพูดถ้อยคำนี้ ริมฝีปากของฉินเย่ว์เหมยขยับอย่างไม่เป็นตัวเองหากบุรุษแคว้นต้าชิ่งมากกว่านี้เล็กน้อย นางจะท้าชนกับโอวหยางน่าหลันแล้ว“เข้าใจผิดหรือ? ข้าว่าไม่ใช่กระมัง” จุดประสงค์ของโอวหยางน่าหลันในครั้งนี้ คือเมืองลู่ตูของแคว้นต้าชิ่ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเหตุผลประกาศสงคราม นางไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปง่ายๆนอกเสียจากว่า แคว้นต้าชิ่งจะเป็นฝ่ายยกเมืองลู่ตูให้นางเอง“องค์หญิง ท่านเข้าใจผิดแล้
“เรื่องเข้าใจผิดคลี่คลายลงแล้ว เช่นนั้นพวกเรามาคุยเรื่องสำคัญกันต่อเถิด!”ถึงอย่างไรในฐานะผู้ปกครองแคว้นหนึ่ง โอวหยางน่าหลันใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว กลับมามีท่าทางหยิ่งยโสโอหังดังเดิม“ใช่ ๆ คุยเรื่องสำคัญ ๆ” เสิ่นหมิงหยวนรีบเอ่ยตามทันที “การที่องค์หญิงเสด็จมาในครานี้ หลัก ๆ ก็ด้วยเรื่องการสั่งซื้ออาวุธอันล่าช้าระหว่างสองแคว้น บัดนี้ลงมือเสียเลยดีกว่าจะมัวรอเลือกวันดี แคว้นเราจะสั่งซื้อในตอนนี้เลย”“จากอาวุธหนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นแต่เดิม เปลี่ยนเป็นสามแสนชิ้น ของทุกชิ้นจากแคว้นหลู่ล้วนเป็นของชั้นเลิศ องค์หญิงสามารถส่งของมาได้ตามพระราชอัธยาศัย ทรงคิดเห็นอย่างไร?”ส่งของได้ตามใจ นั่นก็หมายความว่าแคว้นหลู่สามารถส่งขยะมาได้เรื่อย ๆ ทุกคนในท้องพระโรงรวมถึงฉินเย่ว์เหมยล้วนเป็นชาวต้าชิ่ง ฟังแล้วก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวในใจไม่หยุด ทว่าก็ทำได้เพียงข่มกลั้นไว้ใครใช้ให้...ตอนนี้ชายฉกรรจ์ของต้าชิ่งร่วงโรยลงเล่า“เป็นอย่างไร?”ดวงหน้าของโอวหยางน่าหลันมีรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูบิดเบี้ยวดุร้ายน่ากลัว“หากตอนที่ข้าเพิ่งมา พวกท่านเสนอมาเช่นนี้ ข้ายังคงพิจารณาดูได้บ้าง แต่ทว่าตอนนี้...”โอวหยางน่าหล
“เงื่อนไขที่เสียเอกราชและเสียเกียรติของแคว้นเช่นนี้ ต้าชิ่งของเราไม่อาจยอมรับได้เป็นอันขาด!”เสิ่นหมิงหยวนพลันแข็งกร้าวขึ้นมาเช่นกัน ตะโกนคำขวัญดังสนั่น“หากยอมรับ แล้วพวกเราจะสู้หน้าบรรพกษัตริย์ต้าชิ่งได้อย่างไร? จะสู้หน้าประชาชนชาวต้าฉิงมากมายของเราได้อย่างไร?”“ออกรบ! รบกับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ เสิ่นหมิงหยวนพลันดีอกดีใจอย่างยิ่งให้กองทัพลาดตระเวนไปสู้กับกองทัพสามแสนนายของแคว้นหลู่จนแตกพ่ายกันไปข้างหนึ่ง นั่นช่างเป็นเรื่องดีเหลือเกินจริง ๆ หากกองทัพลาดตระเวนต่อสู้จนถูกทำลายหมดแล้ว เช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงเฉินฝานแล้ว“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”“ออกรบ! สู้กับแคว้นหลู่จนตายไปข้างหนึ่ง!”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนตะโกนตามขึ้นมาเช่นกัน“ไสหัวกลับแคว้นหลู่ของท่านเสีย ต้าชิ่งของเราไม่ต้อนรับท่าน!”เหล่าขุนนางต้าชิ่งที่กำลังโกรธเกรี้ยวเริ่มขับไล่โอวหยางน่าหลันออกไป“ฮึ! ต้าชิ่งปฏิบัติกับแขกเช่นนี้หรือ? ดีมาก!” โอวหยางน่าหลันเอ่ยอย่างแข็งกระด้างทันที “เช่นนั้นก็...”“องค์หญิงทรงตรัสถูกต้องแล้ว ทรงตรัสได้ถูกต้อง!” เฉิน
“เฉินฝาน!”นี่เป็นครั้งแรกในท้องพระโรงที่มีคนมากมายเรียกชื่อเฉินฝานในเวลาเดียวกันแม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่สุขุมเยือกเย็นมาตลอดยังลุกขึ้นมา แล้วเดินลงมาจากบัลลังก์มังกร“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่? วันนี้สติไม่ค่อยปลอดโปร่งใช่หรือไม่? หงอิง ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายสุขภาพไม่ดี รีบประคองเขาไปที่สำนักหมอหลวงประเดี๋ยวนี้!”เฉินฝานหลบหงอิง “ฝ่าบาท ตอนนี้กระหม่อมมีสติดีมาก มิได้สับสนมึนงงเลยสักนิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”ผลคือเขาหลบหงอิงได้ แต่หลบอ๋องตวนไม่ได้อ๋องตวนเข้ามาคว้าแขนเฉินฝานแล้วพาออกไป “โอ๊ย ลูกเขยแสนดีของข้า เมื่อวานเจ้าทายตัวเลขนั้นได้ยอดเยี่ยมมาก แต่ข้าไม่ยอมรับ ตอนนี้เรากลับไปทายกันต่อนะ!”“อ๋องตวน... ท่านพ่อตาแสนดีของข้า...”หวังตวนมีพละกำลังเหนือมนุษย์แต่กำเนิด ต่อให้เฉินฝานมีฝีมือในระดับหนึ่งก็ไม่อาจสลัดหลุดออกจากการจับกุมของอ๋องตวนได้โอวหยางน่าหลันยิ้มที่มุมปากน่าสนุกดีให้ต้าชิ่งซื้อเศษเหล็กจำนวนมากของแคว้นหลู่ ยังคุ้มกว่าการเข้ายึดเมืองลู่ตูโดยตรงเสียอีกการค้าที่คุ้มค่าถึงเพียงนี้ นางโอวหยางน่าหลันจะพลาดได้อย่างไร“เข้ามา!”โอวหยางน่าหลันโบกมือ ชายร่างใหญ
”อืม!” โอวหยางน่าหลันพยักหน้า “ความจำของท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ยังเคยท่องตำราจนทำให้บัณฑิตใหญ่คนหนึ่งกระอักเลือดมาแล้ว”“เฮ้อ!” เฉินฝานโบกมือ “นั่นมันตอนที่ยังเยาว์วัยบ้าดีเดือด ไม่รู้จักเคารพครูบาอาจารย์ อย่าพูดถึงเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง เรามาคุยเรื่องสำคัญต่อเถิด!”เฉินฝานชูสองนิ้วออกมา“ท่าน...” โอวหยางน่าหลันจ้องมองนิ้วมือของเฉินฝาน สีหน้าดูระแวดระวัง “หมายความว่าอย่างไร? หากจะลดลงไปสองครั้งละก็ ท่านอย่าพูดเลย”“หนึ่งล้านชิ้นต่อครั้ง ปีละสามครั้ง อย่างน้อยติดต่อกันสามปี เป็นเงื่อนไขต่ำที่สุดแล้ว”“องค์หญิง ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ความหมายของข้าคือเพิ่มอีกสองล้านชิ้น ก็คือสามล้านชิ้นต่อครั้ง และสั่งเดือนละครั้ง”“...”“!!!”ภายในท้องพระโรง ไม่เพียงแต่ขุนนางต้าชิ่งที่ไม่เข้าใจคำพูดของเฉินฝาน แม้แต่โอวหยางน่าหลันที่อยู่ตรงหน้าเฉินฝานก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนางจ้องมองเฉินฝานด้วยแววตาสงสัยเฉินฝานตรงหน้านี้คือเฉินฝานที่ใช้เป็ดควบคุมตั๊กแตน ใช้เป็ดย่างทำให้อำเภอที่ยากจนที่สุดของต้าชิ่งกลายเป็นอำเภอที่ร่ำรวยที่สุด สร้างอาวุธลึกลับ และเอาชนะกองทัพเมืองเตียนตูหนึ่งแสนสาม
ชายผู้นี้ ช่างประหลาดมากจริง ๆเงื่อนไขที่เขาเสนอมายิ่งเกินจะคาดเดาโอวหยางน่าหลันที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วเด็ดขาดและไม่เคยพ่ายแพ้มาตลอด กลับไม่อาจตัดสินใจได้อยู่ชั่วขณะ “ท่าน... จะซื้ออาวุธหกล้านชิ้นจากแคว้นหลู่ของข้าภายในสามเดือนจริง ๆ หรือ?” โอวหยางน่าหลันยังคงไม่อยากจะเชื่อเฉินฝานก้าวเดินอย่างมั่นคง ยืดตัวตรง พุ่งไปหาโอวหยางน่าหลันอย่างน่าเกรงขามและเด็ดเดี่ยวแน่วแน่แววตาของเขาราวกับคบไฟ เสียงดังก้องกังวาล “สุภาพบุรุษเมื่อเอ่ยวาจา สี่ม้ายากจะตามกลับคืน!”โอวหยางหน่าหลันถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวทั้ง ๆ ที่บุรุษผู้นี้หน้าตาดูสะอาดสะอ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความน่าเกรงขามมากถึงเพียงนี้ริมฝีปากแดงร้อนรุ่ม ก่อนจะขยับเล็กน้อย “เช่นนั้น...”“องค์หญิง!” มีคนในคณะทูตเตือนโอวหยางน่าหลันเสียงดัง “พระองค์อย่าทรงโดนเขาหลอกลวงนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคิดว่าเขาแค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้น”“ไม่ใช่!” อีกคนในคณะทูตส่งเสียงกล่าว คนผู้นั้นมีผมหยิก สวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่บนคอแค่เห็นแวบแรกก็รู้ว่าเป็นพ่อค้าชายผมหยิกเดินเข้ามาหา ก่อนจะมองเฉินฝานอย่างพิจารณารอบหนึ่งแล้วกล่าวกับโอวหยางน่าหลันว่
“จริงๆ แล้วเรื่องรบราฆ่าฟัน ข้าก็ไม่ค่อยชอบเช่นกัน พวกเขาบอกว่าท่านนับเลขไม่เป็นสินะ”โอวหยางน่าหลันจ้องเฉินฝาน ก่อนจะพูดไปเรื่อยด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองก็หาใช่คนไร้เหตุผล จะให้โอกาสท่านสักครั้ง”โอวหยางน่าหลันพูดพลางหันหน้าไปหาพ่อค้าผมหยิกผู้นั้น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ท่านอัครเสนาบดีนับเลขไม่เป็นไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นเจ้าคงกล้าประลองกับท่านอัครเสนาบดีสักรอบสินะ”“องค์หญิง!” ชายผมหยิกตบหน้าอก “ขอเพียงท่านอัครเสนาบดีผู้นี้กล้าประลองกับกระหม่อม กระหม่อมก็ประลองเป็นเพื่อนได้ทันทีพ่ะย่ะค่ะ!”“เช่นนั้น...” โอวหยางน่าหลันหันมายิ้มพลางถามเฉินฝาน “ท่านกล้าหรือไม่?”ในใจโอวหยางน่าหลันอยากให้เฉินฝานประลองกับชายผมหยิกอย่างยิ่งยวดหากเฉินฝานไม่สามารถนับได้แม้กระทั่งตัวเลข เช่นนั้นนางก็ไม่มีแรงจูงใจให้ชิงตัวแล้วเล่นในต้าชิ่งได้ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องชิงตัวกลับไปที่แคว้นหลู่แล้วเฉินฝานยิ้มแย้มเช่นกัน “เจรจาการค้าขายนั้น มักต้องมีอุปสรรคสักเล็กน้อยเพื่อเรียกน้ำย่อย ลดความน่าเบื่อของการเจรจาการค้า เพียงแต่ไม่ทราบว่า... องค์หญิงจะให้พวกเราประลองกันอย่างไรเล่า?”โอวหยางน่าหลัน “ก็ประลองโจทย์ไก่กระต่า
เรื่องที่ชายผมหยิกโด่งดังที่สุดคงหนีไม่พ้นที่เขาเคยใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปนับแกะวงใหญ่ แกะพวกนั้นมีมากถึงสามพันกว่าตัว พวกเสิ่นหมิงหยวนยืนชมความครึกครื้นอยู่ทางด้านข้างพวกเขาชอบเห็นเฉินฝานอับอายขายหน้า“รู้แล้ว ๆ จะไว้หน้าแน่นอน” ชายผมหยิกเอ่ยพลางหัวเราะลั่น จะต้องทำให้อัครเสนาบดีผู้นี้อับอายขายหน้าอย่างถึงที่สุดชายผมหยิกกับเฉินฝานยืนอยู่เบื้องหน้ากรงใหญ่ ภายในกรงมองเห็นเพียงหัวและขาของไก่กับกระต่ายเท่านั้นชายผมหยิกกระดกนิ้วมือทั้งสิบไปมา พูดพึมพำในปาก ส่วนเฉินฟานก็ชี้นิ้วไปยังไก่และกระต่ายในกรงเช่นกัน แต่ว่าการเคลื่อนไหวของเขาช้ากว่าชายผมหยิกมากฉินเย่ว์เหมยไม่กล้าดูแล้ว ปากของอ๋องตวนก็พึมพำตลอด ถึงแม้ลูกเขยของข้าจะไม่ค่อยเก่งเรื่องการคำนวณ แต่เขาเดาตัวเลขเก่ง เดาเลขเก่งก็เป็นลูกเขยที่ดีของเขาแล้ว“ผ่านไปครึ่งถ้วยชา”เสียงแหลมของหลี่เต๋อฉวนดังขึ้นความจริงแล้วเวลาหนึ่งถ้วยชาก็คือประมาณสองนาที ตอนนี้เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีแล้วเฉินฝานมองไปทางชายผมหยิกที่อยู่ด้านข้างอย่างเบื่อหน่ายเล็กน้อย อีกฝ่ายยังคงกระดกนิ้วมืออย่างว่องไว ริมฝีปากขยับรวดเร็ว“พวกท่านดูเขาสิ ไม่ค
“ให้เขากิน!”เสิ่นหมิงหยวนผลักองครักษ์คนนั้นไปตรงหน้าเฉินฝานทันที“ใช่แล้ว จะปล่อยให้เฉินฝานเลือกคนกินสารหนูไม่ได้” พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันสนับสนุน“ไม่เพียงไม่อาจให้เฉินฝานเลือก สารหนูก็ต้องให้ใต้เท้าเสิ่นหาคนไปนำมาด้วยเช่นกัน” เฉินฝานไม่มีความเห็นอะไรกับข้อเสนอนี้ของเสิ่นหมิงหยวนเลย คนของเสิ่นหมิงหยวนกินสารหนู นี่เป็นข้อเสนอที่ไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วองครักษ์ที่โดนผลักออกมาหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทา หากไม่ใช่เพราะมีคนพยุงอยู่ข้าง ๆ เกรงว่าตอนนี้เขาคงจะตกใจกลัวจนล้มไปกองกับพื้นแล้ว “สั่นทำไม ใต้เท้าเลี้ยงดูเจ้ามานานถึงเพียงนี้ ก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนแล้ว” รองแม่ทัพข้างกายเสิ่นหมิงหยวนตะคอกใส่องครักษ์ผู้นั้นเบา ๆ “ข้าน้อย...”“วางใจได้ หากเจ้าตาย ครึ่งชีวิตที่เหลือของมารดา ภรรยาและบุตรสาวของเจ้าจะมีเงินให้ใช้ไม่หมดไม่สิ้น ได้ใช้ชีวิตที่ดีเหนือผู้อื่นตลอดไป หากเจ้าสั่นอีก เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่เกรงใจ ให้พวกเจ้าทั้งครอบครัวไปเจอกันที่ปรโลก” รองแม่ทัพของเสิ่นหมิงหยวนใช้ทั้งบุญคุณและความเข้มงวดกับองครักษ์ผู้นั้น องครักษ์ผู้นั้นค่อย ๆ เลิกดิ้นรน สองตาว่างเปล่า ยืนอยู
“เช้ง!”เสียงกระบี่คมกริบออกจากฝักดึงขึ้นในอากาศหน้าประตูโรงเตี๊ยม“พูดมา!” หลี่ชิ่งชักกระบี่ออกจากเอวแล้วจ่อไปที่คอของจางทง “พวกเจ้ารับผลประโยชน์จากเฉินฝานใช่หรือไม่ ถึงได้ใส่ร้ายใต้เท้าเสิ่น”“พวกเราจะรับผลประโยชน์จากใต้เท้าเฉินได้อย่างไร เขาช่วยชีวิตพวกเราไว้” จางทงกล่าว“ยังจะบอกว่าเฉินฝานไม่ได้ให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าอีก เขาช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้ก็เป็นผลประโยชน์แล้ว”พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนยิ่งพูดก็ยิ่งบิดเบือน จางทงร้อนใจไม่ไหวแล้ว แต่กลัวว่าหากไม่ระวังคำพูดของตนเอง พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนจะนำมาเล่นงานได้แต่ว่าไม่แก้ตัวก็ไม่ได้อีก ทำให้เขาร้อนใจจนหน้าแดงก่ำไปหมดแล้ว “นี่จะนับเป็นผลประโยชน์ได้อย่างไร ใต้เท้าเฉินแค่มีเมตตา...”จางสิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบเอ่ย แต่เขายังไม่ทันพูดจบ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็เอ่ยตัดบทเขา“มีเมตตา บนโลกนี้จะมีเมตตาโดยไม่มีเหตุผลหรือ หากไม่ใช่เพราะเดิมทีพวกเจ้าเป็นองครักษ์ของตระกูลเสิ่น เจ้าคิดว่าเขาจะช่วยพวกเจ้าหรือ?” “เรื่องนี้...”เมื่อเห็นจางทงกับจางสิงลังเลใจ พรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวนก็ฉวยโอกาสโจมตีต่อทันที “เห็นหรือไม่ พวกเจ้าเองก็คงคิดว่าไม่มีท
“เหลวไหลสิ้นดี!”พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนเอ่ยโต้แย้งจางทงและจางสิงทันที “พวกเขาสองคนเป็นคนเลวย่อมพูดแต่เรื่องเลว ๆ ผู้คุ้มกันและบ่าวอาศัยครอบครัวเจ้านายไปวางอำนาจบาตรใหญ่ข้างนอกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ? หากบอกว่าพวกเจ้ากระทำผิดเพราะใต้เท้าเสิ่นสั่งการ เช่นนั้นใต้เท้าหรือว่าเชื้อพระวงศ์ทั่วทั้งเมืองหลวง แต่ละคนก็สั่งการแบบนี้เช่นกันหรือ? สบคบคิดทำเรื่องที่สร้างความเสียหายต่อต้าชิ่งเช่นนี้ด้วยหรือ?” “ใต้เท้าเฉิน บ้านของท่านก็มีบ่าวเลวเช่นนี้เหมือนกันกระมัง” พวกพ้องของเสิ่นหมิงหยวนถามเฉินฝานเฉินฝานไม่อาจปฏิเสธได้เลยขณะที่สนทนาเล่นกับฉินเย่ว์เจียวเมื่อคืน ฉินเย่ว์เจียวบอกเขาว่ามีองครักษ์ในบ้านถูกใจภรรยาที่งดงามของชาวบ้านคนหนึ่ง จึงบังคับแย่งชิงตัวมาตรง ๆ องครักษ์คนนั้นถูกฉินเย่ว์เจียวจับมัดส่งเข้าคุกกรมอาญาด้วยตนเองไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้สถานการณ์ของต้าชิ่งไม่สู้ดีนัก กอปรกับบุรุษน้อยสตรีมาก บุรุษมีค่าดั่งทองคำ ขอเพียงบุรุษไม่ได้กระทำความผิดใหญ่หลวงอะไรก็จะไม่ได้รับการลงโทษอะไรเลย ก็เหมือนกับจางทงและจางสิงที่ข่มเหงสตรีดีงามกลางถนน แค่โดนลงโทษไล่ออกจากเมืองหลวงเท่านั้น อย่าว่าแ
“พวกเจ้าหมายถึงขุนนางเสิ่นหรือ? พวกเจ้าควรรู้เอาไว้ว่าหากไม่มีหลักฐาน การพูดให้ร้ายขุนนางขั้นหนึ่งของราชสำนักมีโทษถึงตายนะ!” ฉินเย่ว์เหมยเน้นคำว่าโทษถึงตายเป็นพิเศษ พูดให้จางทงกับจางสิงฟัง และพูดให้เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงฟัง รวมถึงพูดให้ผู้คนมากมายฟังด้วย“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนพลันเดินมาข้างหน้า “อย่าทรงถูกหลอกนะพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาจะต้องไม่ได้กินสารหนูอย่างแน่นอน บนโลกนี้ไม่มีผู้ใดกินสารหนูแล้วรอดชีวิตต่อไปได้พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้?” ฉินเย่ว์เหมยเลิกคิ้วขึ้น “ขุนนางเสิ่นรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้กินสารหนู?” “เพราะว่าเดิมทีพวกเขาอยู่ในตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“นี่ขุนนางเสิ่นยอมรับว่ารู้จักสองคนนี้หรือ?”“ใช่พ่ะย่ะค่ะ เดิมทีพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันตระกูลเสิ่นของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"“ดังนั้น ข้อกล่าวหาของพวกเขาเป็นความจริงหรือ?” ฉินเย่ว์เหมยเอ่ยถามเสียงเย็นชาเสิ่นหมิงหยวนยอมรับว่าจางทงกับจางสิงเป็นคนของเขารวดเร็วถึงเพียงนี้ ทำให้ฉินเย่ว์เหมยประหลาดใจมาก การเปิดเผยตรงไปตรงมาของเสิ่นหมิงหยวนกลับทำให้ฉินเย่ว์เหมยไม่สบายใจเล็กน้อย เสิ่นหมิงหยวนมีแผนการรับมือที
เมื่อฉินเย่ว์เหมยถามจางทงกับจางสิงว่าผู้ใดบงการพวกเขา ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบลงอีกครั้งทั้ง ๆ ที่มีคนยืนอยู่นับล้าน แต่กลับเงียบงันจนได้ยินแม้กระทั้งเข็มตกลงบนพื้น...เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงสบตากันอันที่จริงแล้วไม่เรียกว่าสบตากัน แต่เสิ่นหมิงหยวนกำลังปลอบใจเสิ่นหยวนเลี่ยง ไม่ให้เขาตื่นตระหนกมากกว่าจางทงกับจางสิงเองก็สบตากันแวบหนึ่ง“ท่านพี่ พูดไปเถิด” จางสิงกล่าว“ปึก!”จางทงโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างแรงจางสิงก็ทำตามเช่นกัน“ฝ่าบาท ผู้ที่บงการพวกกระหม่อม ก็คือ...”“พวกเขา!”จางทงและจางสิงชี้ไปที่พ่อลูกตระกูลเสิ่นพร้อมกันคำตอบที่ได้นี้ทำให้ชาวเมืองลู่ตูตกตะลึงเกินไปแล้ว ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับใด ๆ ในตอนที่จางทงกับจางสิงชี้ไปยังพ่อลูกตระกูลเสิ่น ชาวบ้านทั่วไปตะลึงงัน เสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงก็ตะลึงงันเช่นกันจางทงกับจางสิงเป็นนักรบกล้าตายที่ตระกูลเสิ่นของพวกเขาเลี้ยงดูสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก จงรักภักดีต่อพวกเขาอย่างถึงที่สุด จางทงกับจางสิงไม่มีทางหักหลักพวกเขาเพราะเฉินฝานช่วยชีวิตจางทงกับจางสิงไว้เป็นอันขาดเดิมทีจางทงกับจางสิงจงรักภักดีต่อต
เมื่อได้ยินฐานะของบุรุษที่อยู่ด้านหลังผู้นั้น ในใจของฉินเย่ว์เหมยก็รู้สึกอย่างตกตะลึงอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางก็ได้ยินหงอิงบอกว่าพวกนักฆ่าที่ลอบเข้าศูนย์บรรเทาทุกข์เหล่านั้นกินยาพิษฆ่าตัวตายกันหมดแล้ว นอกจากนี้ยาที่กินยังเป็นสารหนูอีกด้วย คนที่กินสารหนูเข้าไปยังมีชีวิตรอดได้จริงหรือ?ฉินเย่ว์เหมยมองเฉินฝานด้วยความเหลือเชื่อ หลังจากที่เคยเห็นวิชาแปลงโฉมมาก่อน ฉินเย่ว์เหมยกังวลเล็กน้อยว่าเฉินฝานจะใช้กลอุบายนี้ ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะใช้กลอุบายนี้ ทางฝั่งเสิ่นหมิงหยวนสามารถมองออกได้ทันที ราวกับว่ากระแสจิตเชื่อมถึงกัน ฉินเย่ว์เหมยมองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานก็มองมาทางนางพอดีเมื่อรับรู้ถึงความกังวลในใจฉินเย่ว์เหมย เฉินฝานก็พยักหน้าให้นางเล็กน้อย บ่งบอกให้นางไต่สวนอย่างสบายใจในขณะเดียวกัน ฉินเย่ว์เจียวก็เดินมาอยู่ข้างกายหงอิงเงียบ ๆ ฉินเย่ว์เจียวยัดกระดาษแผ่นหนึ่งใส่มือของหงอิง จากนั้นหงอิงก็แสดงตัวอักษรบนกระดาษให้ฉินเย่ว์เหมยเห็นหลังจากที่เห็นตัวอักษรบนกระดาษ ฉินเย่ว์เหมยก็สะบัดแขนเสื้อ จ้องมองบุรุษสองคนที่คุกเข่าตรงหน้านาง “บังอาจ คนที่กินสารหนูจะรอดชีวิตจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร? จงกล่าวตามคว
“พวกเขา...”เมื่อเห็นชายทั้งสองคน คนแรกที่พูดคือเสิ่นหยวนเลี่ยง หากไม่ใช่เสิ่นหมิงหยวนคว้ามือของเขาไว้ทัน เขาคงสูญเสียการควบคุมทันทีแน่นอนเฉินฝานจับจ้องเสิ่นหยวนเลี่ยง ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่น เหตุใดสีหน้าของท่านจึงซีดขาวเช่นนี้ หรือว่าท่านรู้จักสองคนนี้?”“ข้า ข้าจะรู้จักพวกเขาได้ยอ่างไร!”เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบตอบทันทีเฉินฝานยิ้ม น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา “ใต้เท้าเสี่ยวเสิ่นตกใจเกินไปแล้ว ต่อหน้าฝ่าบาทแทนตนเองว่าข้า แม้กระทั่งคำว่ากระหม่อมก็ไม่ใช้”“เพี๊ยะ!”เฉินฝานเพิ่งพูดจบ ตามมาด้วยเสียงตบดังสนั่นฉินเย่ว์เจียวตบเสิ่นหยวนเลี่ยงอย่างดังท่ามกลางผู้คนมากมาย ถูกตบหน้า อีกทั้งยังถูกสตรีตบ เสิ่นหยวนเลี่ยงทั้งโมโหและอับอาย หูของเขาแดงก่ำ เขาชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวพร้อมกัดฟันพูด “สตรีชั่ว กล้าตบข้างั้นรึ!”“เพี๊ยะ!”เสิ่นหยวนเลี่ยงถูกตบอีกครั้ง ครั้งนี้คนที่ตบเขาไม่ใช่ฉินเย่ว์เจียวแต่เป็นเฉินฝานเดิมทีเสิ่นหยวนเลี่ยงมีรอยฝ่ามือบนใบหน้าเพียงด้านเดียวเท่านั้น ตอนนี้เขามีรอยฝ่ามือทั้งสองด้าน ใบหน้าขาวซีดราวกับถูกประทับด้วยรอยฝ่ามือขับให้เด่นชัดยิ่งนัก“เจ้า...”“เพี
“ไป่เผยหราน”ฉินเย่ว์เหมยร้องเรียกไป่เผยหราน แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวทันทีไป่เผยหรานตัวสั่น รีบร้องตะโกนไปด้านหน้า “ฝ่าบาทอยู่ที่นี่ ใครกล้าขยับ ถือว่าดูหมิ่นกษัตริย์ ประหารชีวิต!”เหอจื่อหลินรอเวลานี้“มือธนู เตรียมตัว !”เกาทัณฑ์ของมือธนูกองทัพลาดตระเวนชูขึ้น เตรียมยิงชาวบ้านที่จะพุ่งตัวมา“ปล่อยตัวเฉินฝานไป ทั้งยังให้กองทัพยิงธนู คนเช่นนี้ไม่สมควรเป็นกษัตริย์แคว้นต้าชิ่งของเรา!”เสื่นหมิงหยวนแฝงตัวในกลุ่มคน ชักจูงทุกคนทันที“ลุย แม้ท่ามกลางพวกเราต้องมีคนตาย แต่อย่างน้อยคนส่วนมากก็ยังมีชีวิตรอด”หลังจากถ้อยคำนี้จบลง ชาวบ้านราวกับได้รับแรงกระตุ้น เลือดสูบฉีดกว่าเมื่อครู่ แต่ละคนพุ่งตัวมาข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิตกองทัพลาดตระเวนไม่อาจทานต้านทานได้แล้วเหอจื่อหลินหลับตาลงด้วยความปวดใจ ยกมือขวาขึ้น“ยิง!”“หยุด!”เสียงของเฉินฝานกลบเสียงของเหอจื่อหลินหลังจากสงครามเมืองเตียนตู กองทัพลาดตระเวนฟังคำสั่งของเฉินฝาน ทั้งที่เฉินฝานไม่มีตำแหน่งใดๆ ในกองทัพลาดตระเวน แต่แท้จริงแล้วเขาคือหัวหน้าที่แท้จริงของกองทัพลาดตระเวนขณะที่กองทัพลาดตระเวนลดเกาทัณฑ์ลง เฉินฝานผลักหงอิงแล้วเดินไปทาง
เสิ่นหมิงหยวนในวันนี้เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ มั่นใจว่าตนต้องเป็นฝ่ายชนะเพราะถอยหลังก้าวหนึ่ง แม้เฉินฝานจะออกนอกโรงเตี๊ยมได้ แต่เขาจะไปหาหลักฐานที่ใด สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนวางยาพิษ นอกจากไป่ชงซาน คนอื่นๆ ล้วนอยู่ระหว่างทางเตรียมเกิดใหม่แล้วเสิ่นหมิงหยวนก้าวไปข้างหน้าก้าวใหญ่ พูดเสียงดัง “เฉินฝานและองค์หญิงแคว้นหลู่ร่วมมือกับวางยาพิษให้กับชาวต้าชิ่ง ฝ่าบาทโปรดรับสั่งจับเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ พร้อมทั้งประหารชีวิตเขา เอาหัวเสียบประจารบนกำแพงเมืองลู่ตู เพื่อสยบความขุ่นเคืองของราษฎรพ่ะย่ะค่ะ!”พูดถึงท้ายประโยค เสิ่นหมิงหยวนคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ลง “ฝ่าบาทโปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”ขุนนางด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนต่างคุกเข่า เพียงชั่วพริบตาภาพตรงหน้าฉินเย่ว์เหมยคือผู้คนมากมายชาวบ้านด้านหน้าเห็นฉินเย่ว์เหมยไม่ออกคำสั่ง ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม กองทัพลาดตระเวนของเหอจื่อหลินถอยหลังแล้วถอยหลังอีก“ฝ่าบาท ทางด้านแม่ทัพเหอไม่อาจต้านทานแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”หงอิงก็ร้อนใจยิ่งนัก หากฉินเย่ว์เหมยยังไม่มีคำสั่งให้เหอจื่อหลินใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด เช่นนั้นชาวบ้านก็จะฝ่าวงล้อมเข้ามาแล้วทุกคนล้ว