“ท่านพ่อ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”เสิ่นหยวนฮวาเสียงแหบแห้งหมดเรี่ยวแรงอ้อนวอนเสิ่นหมิงหยวนเสิ่นหมิงหยวนหลับตาลงด้วยความเศร้าโศกเรื่องมาถึงตอนนี้ ต่อให้เทพเจ้ามาก็ช่วยไม่ได้ฝ่าบาท ซินอ๋อง เหล่าขุนนางทั้งหลายอยู่ ภายใต้สายตาของฝูงชน อย่าว่าเสิ่นหมิงหยวนที่เป็นเพียงอัครเสนาบดี ต่อให้เป็นจักรพรรดิ ก็ไม่สามารถช่วยคนผิดอย่างโจ่งแจ้งได้เช่นนี้“ขุนนางเสิ่นที่รัก ท่านว่าควรจะจัดการเช่นไรดี?” ฉินเย่ว์เหมยถามเสิ่นหมิงหยวนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!” เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยถามเช่นนี้ เสิ่นหยวนฮวาที่คิดว่าเรื่องเปลี่ยนไปในทางที่ดี กอดรัดขาเสิ่นหมิงหยวนไว้แน่นเสิ่นหมิงหยวนยกเท้าขึ้นเตะอย่างรุนแรงหนึ่งที “ลูกทรพี ปกติไยไม่ฟังคำพ่อ ตอนนี้มาอ้อนวอนมีประโยชน์อันใด”“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนมือประสานกันสองข้าง โค้งตัวเก้าสิบองศา “กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ถูกวิธี ฝ่าบาทโปรดจัดการตามกฎหมายต้าชิ่ง”ตามกฎหมายต้าชิ่ง เสิ่นหยวนฮวาทำร้ายเด็กสาว บีบบังคับเด็กสาว ตั้งบ่อนการพนันเป็นการส่วนตัว ถอนตำแหน่งขุนนาง ลดขั้นให้เป็นสามัญชน ไม่สามารถเป็นขุนนางได้ เนรเทศไปอยู่เขตชายแดนเพื่อที่จะให้เสิ่
เฉินฝานที่รับการฝึกฝนมาแล้วไม่ใช่ว่าไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้ ทว่าเขาพบว่าคนที่จับตัวเขาไป เป็นคนของจวนตวนซินอ๋องเฉินฝานพึมพำอยู่ในใจผู้เฒ่าคนนั้นคงจะไม่ใช่เพราะทายตัวเลขแพ้ ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ จึงลักพาตัวเขามากหรอกกระมังรู้เช่นนี้ เขาจะยอมอ่อนข้อให้เขาเสียหน่อยวันนี้มีความสุข ลืมคำนึงถึงความคิดของผู้เฒ่านั้นไปชั่วคราวเฮ้อพูดไปแล้วเฉินฝานรู้สึกว่าผู้เฒ่าต้าชิ่งนี้รับใช้ยากเกินไปแล้วเฉินฝานถูกหามเข้าไปในห้องหนังสือของตวนซินอ๋อง“ไอ้หยา พวกเจ้าทำอะไรกันเนี่ย ข้าให้พวกเจ้าไปเชิญมาดีๆ ไยใช้กระสอบใส่มา”คนเหล่านี้นำเฉินฝานออกมาจากกระสอบ ตวนซินอ๋องรีบวิ่งเข้ามาทันที ตำหนิทหารประจำจวนที่จับเฉินฝานเสียงดังไปพลาง ก้มตัวคิดจะพยุงเฉินฝานเฉินฝานปัดมือของตวนซินอ๋องออก “อย่าทำเป็นเสแสร้ง ข้าไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย เจ้าไม่ออกคำสั่งเช่นนี้ พวกเขาจะกล้างั้นรึ?”ตวนซินอ๋องที่ถูกมองออกหัวเราะฮี่ๆเล็กน้อยเฉินฝานลุกขึ้น ไม่กล่าวทักทายตวนซินอ๋อง มุ่งตรงไปหาที่นั่งทันทีตวนซินอ๋องเดินตามหลังเฉินฝานอย่างเชื่อฟัง พยักหน้าและโค้งคำนับ คนใช้ด้านข้างยังไม่ชำนาญ ถูกเขาใช้มือเขกหัว “ตาบอดหร
“ข้า...”ตวนซินอ๋องรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที “ไม่ได้มีเพียงแค่พี่น้องเยียนอวี่ที่ยังไม่ได้ออกเรือน...”ขณะที่พูด ตวนซินอ๋องก็กางนิ้วขึ้นมา “ข้ามีลูกสาวทั้งหมดสามสิบแปดคน มีสิบห้าคนที่ยังไม่ได้ออกเรือน”ที่ต้าชิ่ง ในครอบครัวมีลูกสาวมากมายที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะดังนั้น ตวนซินอ๋องจึงป่าวประกาศไปทั่วว่าตนเองมีเพียงลูกสาวสองคนที่ยังไม่ได้แต่งงานผู้ชายน้อย ท่านหญิงครอบครัวท่านอ๋องก็ออกเรือนยากเช่นกันเลวหรือจนเกินไป ตวนซินอ๋องและพระชายาตัดใจให้พวกนางแต่งงานไม่ลง ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมก็น้อยเกินไปอีกดังนั้น ตวนซินอ๋องกังวลใจเป็นอย่างมากชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมอย่างเฉินฝานเช่นนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาจะพลาดได้เช่นไรหากไม่กลัวว่าเฉินฝานจะปฏิเสธ เขายังคิดที่ยัดให้เฉินฝานสิบกว่าคน“ฝาแฝดอีกคู่นั้นเจ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร ข้าให้พระชายานัวบุตรสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานทั้งหมดออกมา ให้เจ้าดูทั้งหมดครั้งหนึ่ง ชื่นชอบก็นำกลับบ้านไป อย่างน้อยต้องเลือกสักสองคน แน่นอนว่า...”ตวนซินอ๋องยิ้มตาหยี “ถ้าเจ้าชื่นชอบทั้งหมด ข้าจะมีความสุขมากขึ้น”ระหว่างที่พูด ตวนซินอ๋องก็ตะโกนเรียกพระช
“ตกลงตามนี้ ทุกอย่างราบรื่นก็ดีแล้ว วันนี้เจ้าก็พาลูกสาวสองคนของข้ากลับไป เจ้าพักผ่อนที่นี่ครู่หนึ่ง ข้าจะไปหาหวังเฟยให้นางจัดการเดี๋ยวนี้”ระหว่างที่พูด ตวนซินอ๋องก้าวเท้าออกจากห้องหนังสือ“ท่านอ๋อง...”“ข้ารู้!” ตวนซินอ๋องหันหน้ากลับมา “เจ้ารังเกียจที่เยียนเอ๋อร์อวี่เอ๋อร์อายุน้อย วางใจเถอะ ข้าไม่ได้เจ้าแต่งงานกับพวกนาง เจ้าจะแต่งงานกับเหล่าพี่สาวของเยียนเอ๋อร์อวี่เอ๋อร์ คู่นั้นก็เป็นฝาแฝดเช่นกัน”ตอนที่ตวนซินอ๋องจากไป ยังไม่ลืมที่จะให้องครักษ์จับตาดูเฉินฝานเอาไว้กล่าวโดยสรุป เฉินฝานคิดจะหนีก็ไร้ซึ่งหนทางให้เฉินฝานแต่งงานกับลูกสาวตนเอง ตวนซินอ๋องวางแผนไว้นานแล้วเขาออกไปครู่เดียว หวังเฟยก็นำชุดแต่งงานเข้ามาชุดแต่งงานพอดีตัวอย่างมาก ขนาดไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อยหากกล่าวตวนซินอ๋องไม่ได้วางแผนมานาน ก็คงไม่มีใครเชื่อตอนที่เฉินฝานสวมชุดแต่งงาน เดินนำสองเจ้าสาวคนใหม่ และเหล่าสินเดิมที่สุดลูกหูลูกตาด้านหลังเขา ทุกคนตกตะลึงกันหมดทุกคนมาร่ำสุรา ไยเฉินฝาจึงแตกต่างจากพวกเขากันล่ะพวกเขามาอย่างไร ก็กลับไปเช่นนั้นทว่าเฉินฝานได้แต่งงานกับท่านหญิงทันที และยังแต่งทีเดียวสองคนหลี
“พร้อมกันเช่นนั้นหรือ?”ทุกคนต่างตกใจกับน้องสาวของเจ้าสาวพวงแก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อท่านหญิงไม่เหมือนผู้อื่นจริงๆแม้พวกนางจะเป็นฝาแฝด แต่พร้อมกันเช่นนี้ ไม่กล้าคาดคิดจริงๆ“ไม่คิดว่าท่านหญิงจะรุนแรงเช่นนี้!”ฉินเย่ว์ฉู่วิ่งไปหลบด้านหลังฉินเย่ว์โหรวด้วยความเขินอาย“ไม่ ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด แต่ว่า ว่า...”ทุกคนทำให้ตกใจเช่นนั้น น้องเจ้าสาวตัวสั่นยิกๆ อยากอธิบาย ทว่าเพราะความเขินอาย จึงพูดติดอ่างพี่เจ้าสาวจับมือน้องสาว “ไม่เป็นไร พร้อมกันก็พร้อมกัน พี่อยู่เคียงข้างเจ้า”นางคิดว่าน้องสาวหวาดกลัวคืนร่วมหอ ดังนั้นจึงปลอมนาง“ไม่ใช่เช่นนั้นท่านพี่ ตอนออกมา ท่านแม่บอกข้าว่า ท่านให้หมอดูทำนายดวงชะตา หมอดูกล่าวว่าหากอยากให้ชีวิตของพวกเราในอนาคต เรียบง่าย ทุกอย่างราบรื่น ต้องเจอหน้านายท่านพร้อมกัน ไม่ใช่อย่างที่พวกท่านคิด เช่นนั้น เช่นนั้น...”แม้ผ้าปิดหน้าเจ้าสาวจะปิดบังใบหน้าของเจ้าสาว แต่ด้วยน้ำเสียงอิดออดของนาง สามารถจินตนาการได้ว่าเวลานี้นางเขินอายเพียงใด“นายท่าน!” หลิวหมัวมัวเดินไปตรงหน้าเฉินฝาน “ทำตามที่พระชายากล่าวก็แล้วกัน พวกท่านหญิงเป็นฝาแฝด ทั้งคู่เกิดวันเวลาเดียวก
เหลวไหลนี่เป็นการคลุมถุงชนอย่างแท้จริง อีกฝ่ายสวยหรือไม่ เขาไม่รู้แม้แต่น้อยเขาไม่ตื่นเต้นน่ะสิแปลกผ้าคลุมเจ้าสาวร่วงหล่นลงพื้นหากเปิดแล้วภาพที่เห็นคือหญิงงามสองคน ถือเป็นเรื่องน่ายินดี หากเปิดแล้วเป็นหญิงอัปลักษณ์ เขาจะทำอย่างไร?ควรจะกินหรือไม่กินแล้วเขาก็ทรมานไม่กินเขาก็ทรมานด้วยนิสัยของตวนชินอ๋อง ต้องไล่ตามเขาทุกวัน ตั้งแต่หน้าตลาดไปจนท้ายตลาด ตั้งแต่จวนไปถึงวังหลวง ให้เขารีบเข้าหอกับลูกสาวของเขาภาพนั้นเพียงแค่คิด ก็ทำให้หนาวเย็นยิ่งนัก“ฟู่!”เฉินฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง หัวเราะเยาะตนเองเล็กน้อยให้ตายสิเฉินฝาน เจ้ากลัวอะไรของเจ้าในฐานะทหารหน่วยพิเศษ เมื่อครั้นอยู่ในยุคปัจจุบันไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ใดบ้าง จะกลัวผู้หญิงโบราณสองคนได้อย่างไรหากเปิดแล้วเป็นหญิงอัปลักษณ์สองคน เช่นนั้นก็กลายเป็นยันต์มังกรไล่ผีเฉินฝานวางไม้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งสองไว้ใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งสอง ปิดตา แล้วรีบเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวทั้งสองร่วงหล่นลงพื้นเฉินฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยลืมตาเขาจะมองเจ้าสาวของเขาเอ่อ...เจ้าสาวดูหวาดกลัวยิ่งกว่าเขา หลังจากเปิดผ้าคลุม
ตั้งแต่เล็ก พวกนางถูกพร่ำสอนให้เชื่อฟังสามีแม้เฉินฝานจะเคลื่อนไม้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวไปแล้ว ทว่าพวกนางยังคงไม่กล้าพูดอะไร“เยี่ยม!” เฉินฝานวางไม้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวลง พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด “พวกท่านไม่ต้องเขินอาย ยิ่งไม่ต้องกลัวข้า นับจากนี้พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน เข้าใจไหม?”“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”เสียงของท่านหญิงทั้งสองคนราวกับเสียงยุง หลังจากตอบเฉินฝานเสร็จก็รีบก้มหน้าลงทันทีหัวใจของพวกนางเต้นแรงไม่หยุดทั้งเขินอายที่จะสบตากับเฉินฝาน ทั้งสงสัยใคร่รู้ในตัวเฉินฝานสองพี่น้องเงยหน้าขึ้นแอบมองเฉินฝานเป็นครั้งคราว หลังจากเฉินฝานจับได้ ก็รีบก้มหน้าลงความเขินอายต่างๆ ความคิดต่างๆบุรุษตรงหน้าคือสามีของพวกนางเขาแตกต่างจากคุณชายตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงผิวขาว ทว่าไม่ดูอ่อนยวบเหมือนคุณชายเหล่านั้นแววตาของเขาลุ่มลึก ให้ความรู้สึกเข้มแข็งมองแล้วมีความสุขุม เสียงอ่อนโยนไพเราะอย่างมาก คำพูดคำจาก็เปี่ยมล้นด้วยมารยาทนับตั้งแต่พวกนางเข้าพิธีปักปิ่น ท่านแม่ก็เคยพร่ำบ่นเสมอสตรีเลือกบุรุษ จงจำให้ดีอย่ามองเพียงรูปร่างภายนอก ยิ่งไม่ต้องให้ความสำคัญกับความร่ำรวยของบุรุษ
“แล้วพวกท่านจะทำหรือไม่?” เฉินฝานย้อนถาม“แน่นอนว่าข้าย่อมไม่มีทางทำ!” สองพี่น้องพูดขึ้นพร้อมกัน“เช่นนั้นก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ?”“ไม่สั่งสอนก็ได้เจ้าค่ะ!” หลิวหมัวมัวพูดความคิดของเฉินฝานไม่เหมือนคนทั่วไป หลิวหมัวมัวเคยชินแล้ว“นายท่าน ท่านรีบแลกดื่มกับเจ้าสาวทั้งสองเถอะเจ้าค่ะ มิเช่นนั้นจะล่วงเลยฤกษ์ยามแล้ว”หลิวหมัวมัวให้เฉินฝานนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างฉินฮวาและฉินเหนียน ทั้งสามคล้องแขนแลกกันดื่ม“ขอให้คู่บ่าวสาว ครองรักกันยืนยาว รักกันตลอดไป มีลูกมีหลานในเร็ววัน!”หลิวหมัวมัวมัดชายเสื้อของทั้งสามคนเข้าด้วยกัน แล้วออกไปห้องหอตกสู่ความเงียบทั้งสามคนในห้องนั่งเงียบ ความตื่นเต้นแผ่ซ่านไปทั่วห้องหอหลังจากนี้ เป็นพิธีสำคัญที่สุดของคืนเข้าหอให้สตรีข้างกายทั้งสองคนเป็นฝ่ายพูด นั่นย่อมเป็นไปไม่ได้“เอ่อ...”เฉินฝานเพิ่งพูด ฉินฮวาที่นั่งอยู่ทางฝั่งขวายืนขึ้น “ข้าเป็นพี่ ควรยอมน้องสาว นายท่าน ให้เหนียนเอ๋อร์ปรนนิบัติก่อนเจ้าค่ะ”พูดจบ แก้ชายเสื้อตนเองแล้ววิ่งออกไป“ท่านพี่!”ฉินเหนียนแก้ชายเสื้อแล้ววิ่งไล่ตามไป“ข้าเป็นน้องสาว มีอย่างที่ไหนให้น้องสาวเริ่มก่อนพี่สาว”“
พวกคนด้านหน้าที่หลบไม่ทัน บ้างก็ถูกม้าเหยียบบ้างก็ถูกเตะจนปลิว พวกเขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดแต่คนที่นั่งอยู่บนหลังม้า กลับไม่ยี่หระแม้แต่น้อย ไม่เพียงไม่ลดความเร็ว แต่ยังฟาดแส้ม้าในมือแรงขึ้น“จ้า!”“ระวัง!”เฉินฝานที่เดิมทีเบี่ยงตัวไปด้านข้างแล้ว รีบหันกลับมา ดึงตัวเมี่ยวอวี่ที่ยังคงยืนอยู่กลางถนน ด้วยความตกตะลึง“ว้าย!”เมี่ยวอวี่ที่ล้มตัวลงในอ้อมกอดของเมี่ยวอวี่ อุทานตามสัญชาตญาณ“วี้ด!”เสียงเป่าปากดังก้องทหารตรงกลาง ทันใดนั้นเองเขาก็จับแส้ม้าแน่นม้ายกขาหน้าทั้งสองขึ้น ทหารจับแส้ม้าแน่น หันขวับกลับมาอย่างรวดเร็ว“...”เพียงครู่หนึ่งเฉินฝานก็กระจ่างชัด รู้ว่าใครคือคนบนหลังม้าเขาคือหลี่ชิ่งสุนัขรับใช้ผู้แสนซื่อสัตย์ของเสิ่นหมิงหยวน หัวหน้าทหารรักษาการณ์เมืองหลวงเพิ่งหันกลับไป ดวงตาคู่นั้นของหลี่ชิ่งราวกับอินทรีย์ กวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็วเขาก็มองมาที่เฉินฝานเฉินฝานอ้าแขนทั้งสองข้าง คว้าตัวเย่ว์เจียว เย่ว์หนูและเมี่ยวอวี่เข้าหาตน“ท่าน...”เมี่ยวอวี่เบิกตากว้าง หูของนางแดงก่ำอย่างรวดเร็วเพราะ...มือขวาของเฉินฝาน คลำสะโพกของนางไม่หยุดเฉินฝานก้มหน้าลง พูด
“ตอนนี้พวกเราไม่อาจเข้าเมืองได้!”“เพราะเหตุใด?” สีหน้าของฉินเย่ว์เจียวฉายความฉงน “พวกเราไม่เข้าเมือง แล้วจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทได้อย่างไร ตอนนี้ฝ่าบาทต้องเสียพระทัยมากแน่นอน”“เมือง!” ดวงตาสีดำดั่งน้ำหมึกของเฉินฝานมองไปที่ประตูเมือง ‘เมืองเซียนตู’ อักษรสามตัวขนาดใหญ่ “พวกเราต้องเข้าไปแน่นอน อีกทั้งต้องเข้าไปให้ได้”โรงเตี๊ยมและเรือนเซียนผาสุกปิดตัวลงกะทันหัน ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน“แต่ว่า พวกเราไม่อาจเข้าไปเช่นนี้”เฉินฝานหันหลังเดินออกไป“เจ้าอย่าคิดหนี ตามพวกข้ามา!”ตอนออกไป ฉินเย่ว์เจียวคว้าตัวเมี่ยวอวี่ “เจ้าเคยรับปากข้า หลังจากออกมาได้สำเร็จ เจ้าจะบอกให้ข้ารับรู้ว่าผู้ใดเป็นคนให้จี้หยกแก่เจ้า”คิ้วของเมี่ยวอวี่เลิกต่ำเล็กน้อย “ข้าไม่คิดจะไปจากพวกเจ้า!”เมี่ยวอวี่มาเพื่อลอบสังหารเขา ตอนนี้ไม่อาจให้ใครคนนั้นในเมืองเซียนตูรู้ว่าเขายังมีชีวิตเฉินฝานใช้ใบไม้ทองซื้อชุดไว้อาลัยสี่ตัวที่นอกเมือง ปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาเข้าเมือง“สวรรค์ริษยาความปรีชา ให้ชีวิตมอดม้วย ฮือๆๆ!”เพิ่งเข้าเมือง พวกเฉินฝานก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นถนนสองข้างทาง คนมากมายกำลังคุกเข่าร่ำไห้“
“นายท่าน!” เพิ่งจะเดินไปได้มิกี่ก้าว จู่ ๆ ฉินเย่ว์เจียวก็หยุดชะงัก หันหน้าไปมองเฉินฝานด้วยความมึนงง “อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายใต้เท้าเฉินฝาน คงจะมิได้หมายถึงท่านหรอกกระมัง”“มีโอกาสเป็นได้สูง!” เฉินฝานกล่าวอย่างเรียบนิ่ง“ว้าว ท่านได้เป็นอัครเสนาบดีแล้ว!” ใบหน้าอันงดงามของฉินเย่ว์เจียวตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก“ทว่า...” เฉินฝานหัวเราะสมเพชตนเอง “ตอนนี้กำลังพิธีศพให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่อยู่”“นั้นเป็นเพราะพวกเขาเข้าใจผิด นายท่าน พวกเรารีบไปกันเถอะ เมื่อเจอพวกเราแล้วความเข้าใจผิดก็จะคลี่คลาย” ฉินเย่ว์เจียวรีบสาวเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นด้านหน้าเหล่าคนที่มีชีวิตรอดเดินออกมาจากหุบเขาพร้อมกับพวกเฉินฝาน มีคนจำนวนหนึ่งที่เดินไปถึงประตูเมืองแล้วเป็นดั่งที่หญิงชรากล่าว เพราะพวกเขาสวมเสื้อผ้าที่สกปรก ทหารที่รักษาเมืองจึงมิยอมให้พวกเขาเข้าไป“ใต้เท้า ได้โปรด! พวกเราเดินมาจากเศษซากทางเรือนเซียนผาสุก บ้านอยู่ในเมืองเซียนตู ให้พวกเราเข้าไปจึงจะสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าได้”คนที่กล่าววาจาคือจางเซิง“ถูกต้อง พวกเราถูกกักขังอยู่ด้านในมาหลายวันแล้ว กว่าจะออกมาได้มิง่ายเลย เจ้าให้พวกเราเข้าไปเถอะ”คนจำนวนมา
ทางด้านหน้า มีเงินกระดาษหยวนเป่าสีขาวมากมาย“มีคนทำพิธีกรรมอันใดงั้นรึ?”“ดูเหมือนว่าจะใช่”นับตั้งแต่ทางเข้าหุบเขามาจนถึงประตูทิศตะวันออกของเมืองเซียนตู ตลอดเส้นทางนี้ล้วนมีเงินกระดาษหยวนเป่าสีขาวตอนที่ฝูงชนเดินมาถึงประตูเมือง ก็พบว่าหอประตูเมืองถูกประดับไปด้วยผ้าสีขาวจำนวนมากหอประตูเมืองที่เดิมทีประดับด้วยโคมไฟสีแดงเป็นทิวแถว ตอนนี้โคมไฟเปลี่ยนเป็นสีขาวแล้ว แม้กระทั่งตรงช่วงเอวของพลทหารรักษาก็ยังแขวนผ้าสีขาว“นี่เป็นพิธีศพ และยังยิ่งใหญ่อีกด้วย แม้กระทั่งตรงช่วงเอวของพลทหารยังแขวนผ้าสีขาวอีกด้วย คงจะมีคนใหญ่คนโตของเมืองเซียนตูเสียชีวิตกระมัง จึงทำให้ทั้งเมืองร่วมไว้อาลัยได้เช่นนี้”ฝูงชนพากันถกเถียงอภิปราย“หรือว่าจะเป็นเจ้าเมืองซื่อต้าเผิง?” ฉินเย่ว์เจียวก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน“สาวน้อย คำพูดนี้มิสามารถพูดมั่วซั่วได้ ท่านเจ้าเมืองยังอยู่ดี เจ้าสาปแช่งใต้เท้าเช่นนี้ ระวังใต้เท้าจับเจ้าเข้าคุก”มีหญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาจากในเมืองมากล่าวเตือนฉินเย่ว์เจียว “ อีกอย่าง เจ้าเมืองจะมีงานใหญ่โตเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”“โอ้?” เฉินฝานรุดหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ทำมือเคารพให้หญิงชรา “เช่นนั
“เจ้า...โอ๊ย ข้าโมโหจวนจะบ้าแล้ว!”ฉินเย่ว์เจียวค่อยๆลุกขึ้นยืน คิดที่โยนเมียวอวี่ออกไป ปรากฏว่าเมี่ยวอวี่ก็ค่อยๆลุกขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้น...“......”เฉินฝานมองไปที่เมี่ยวอวี่ที่ติดหนึบเรือนร่างเขาราวกับปลาหมึกตัวหนึ่งด้วยความมึนงง“แม่นางเมี่ยวอวี่ รบกวนชีวิตสามีภรรยา เป็นเรื่องที่ไร้มารยาทอย่างมาก”เฉินฝานอุ้มเมี่ยวอวี่ออกไปด้านนอก“อย่าเอาข้าออกไป”แขนของเมี่ยวอวี่โอบรัดคอของเฉินฝานไว้แน่น นำศีรษะฝังแนบกับไหล่เขา กล่าวเสียงแผ่วเบารีบร้อน“ขอร้องล่ะ!”“ได้สิ” เฉินฝานเริ่มคิดเล่นสนุก “ให้เจ้าอยู่ก็ได้ ทว่าเจ้าต้องเปลื้องผ้าให้หมดและคลานเข้าไปในถุงนอนของข้า”ใบหูที่ขาวผ่องของเมี่ยวอวี่ เปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด“มิมีทาง น้ำเสียงของเมี่ยวอวี่นุ่มนวล ทว่าสามารถฟังออกได้ว่ากัดฟันพูด“เหอะ!” เฉินฝานหัวเราะเยาะออกมาทันที “มิมีผลประโยชน์ให้ข้าแม้แต่น้อย ไฉนข้าต้องยอมให้เจ้าอยู่ที่นี้?”“สิ่งนี้!”เมี่ยวอวี่เปิดเสื้อตนเองออกทัศนียภาพที่งดงามพลันปรากฏต่อหน้าเฉินฝานเมี่ยวอวี่ที่ภายนอกที่ดูสูงสง่าราวเทพธิดา ภายในกลับ...“ต้องกล่าวว่าอาหารของกระท่อมหิมะนี้คุณภาพค่อนข้า
“เมื่อซดแกงปลาเรียบร้อยแล้ว ปลาย่างก็จวนจะได้ที่พอดีถึงแม้เครื่องเทศจะมิเยอะ ทว่าเฉินฝานก็โรยบนปลาทุกตัวอย่างละเล็กละน้อยเมื่อเครื่องเทศถูกโปรยลงไป กลิ่นหอมก็กระจายฟุ้งทั่วทุกสารทิศทันทีทุกคนล้วนทำจมูกฟุดฟิดสูดลมหายใจเข้าอย่างต่อเนื่องเพื่อจะดูดซับกลิ่นหอมเข้าไปให้ได้มากที่สุด“ข้าขอเอาไปก่อนแล้วกัน พวกเจ้าก็ค่อยๆแบ่งกันเองนะ!”เป็นเซียนเจี้ยนหวงอีกแล้ว เขาแบกปลาหลีฮื้อที่ตัวที่สุดออกไปทันทีเฉินฝานมอบหน้าที่ในการแบ่งปลาให้ฉินเย่ว์เจียว“มิต้องรีบ ได้ทุกคน”ฉินเย่ว์เจียวชำนาญในการกินปลาอยู่ก่อนแล้วนางมิได้นำท้องปลาที่มีก้างเยอะแบ่งให้เด็กเล็กและคนแก่ตอนที่กินปลายังเน้นย้ำให้ระวังก้างปลาซ้ำแล้วซ้ำเล่าฉินเย่ว์เจียวที่มิแยแสต่อสิ่งใดกลับละเอียดรอบคอบเช่นนี้ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเมื่อก่อนตอนที่อยู่หมู่บ้านซานเหอก้างปลาเคยติดคอของนางจึงทำให้หวาดกลัวหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็ล้วนอิ่มจนท้องป่อง สีหน้าอิ่มอกอิ่มใจพูดคุยสัพเพเหระในกระโจมอย่างสนุกสนานหากมิใช่ว่าด้านหลังมีกระท่อมหิมะและเรือนเซียนผาสุกที่ถล่มลงมา ยังคิดว่าคนเหล่านี้มาเที่ยวพักผ่อนเสียอีกเฉินฝานที่กินอิ่
เสียงของเซียนเจี้ยนหวง ไฉนฟังอย่างไรก็มิเหมือนที่ถูกแกงลวก เหมือน...เสียงซาบซึ้งใจที่ได้ลิ้มลองอาหารเลิศรสเสียมากกว่าเฉินฝานก็รู้สึกได้เช่นกัน“ผู้เฒ่า ยังมีคนอีกมากมายที่รอกินอยู่ ไฉนเจ้าซดคนเดียวมากมายเพียงนั้น?”ตอนที่เซียนเจี้ยนหวงซดน้ำแกงทัพพีที่สี่ เฉินฝานก็แย่งทัพพีไม้ไผ่จากมือเขากลับมา“นี่ ๆ ให้ข้าซดอีกทัพพีมิได้หรือ?”เซียนเจี้ยนหวงมองทัพพีไม้ไผ่ในมือเฉินฝานด้วยสายตาละห้อย“ยังจะซดอีกงั้นหรือ?” เฉินฝานจ้องเขม็งไปที่เซียนเจี้ยนหวง “ถ้าขืนซดต่อไปอีกเจ้าก็คงจะอิ่มจนท้องแตกกันพอดี!”ทัพพีไม้ไผ่นี้ ตักได้ทีละครึ่งชั่งเชียวนะ“ใส่เกลือไปเพียงเล็กน้อย เอร็ดอร่อยเพียงนั้นจริงหรือ?”เฉินฝานพูดพึมพำ“แน่นอนว่าต้องอร่อยอยู่แล้วสิ!”อาศัยช่วงที่เฉินฝานกำลังพึมพำ เซียนเจี้ยนหวงก็แย่งทัพพีไม้ไผ่ไปจากมือเฉินฝานอีกครั้ง“ผู้เฒ่า เจ้า...”ตอนที่เซียนเจี้ยนหวงกลืนแกงปลาลงท้องไปอีกหนึ่งทัพพีเรียบร้อยแล้ว ท้องก็กลมป่อง ดูแล้วอิ่มเอมใจและรู้สึกมิสบายตัวเล็กน้อยเฉินฝานส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ดูเจ้าสิช่างตะกละเสียจริง ตอนนี้ซดจนหนำใจแล้วกระมัง”“ฮี่ๆ!” เซียนเจี้ยนหวงแยกเขี้ย
ผ่านไปครู่เดียว เซียนเจี้ยนหวงก็สามารถเจาะรูที่กว้างประมาณห้าสิบเซนติเมตรบนพื้นน้ำแข็งได้“เจ้าหนุ่ม ใหญ่ขนาดนี้ใช้ได้หรือไม่?” เซียนเจี้ยนหวงหันหน้าไปถาม“ใช้ได้แล้ว รอให้ปลาว่ายมาแล้วกัน!”ระหว่างที่กล่าว เฉินฝานก็นั่งยองลงไปคนรอบข้างพากันชะเง้อคอดู แค่เจาะรูปลาก็จะว่ายมาเองงั้นหรือ?การจับปลาจะง่ายดายเช่นนั้นจริงหรือ?“มาแล้ว!”ตอนที่ฝูงชนกำลังสงสัย เฉินฝานก็ตะโกนลั่นทันทีเฉินฝานยื่นมือลงในน้ำ จับปลาแล้วก็โยนขึ้นไปบนฝั่งทีละตัว“แปะ!” ปลาหลีฮื้อหนักหกชั่งหนึ่งถูกโยนขึ้นมาบนพื้นน้ำแข็งเสียง “แปะ!” ดังขึ้นอีกครั้ง ปลาที่หนักห้าหกชั่งถูกเฉินฝานโยนขึ้นฝั่งอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นปลาที่ตัวใหญ่เนื้อแน่น “ว้าว!”ทุกคนล้วนตื่นตกใจ ที่แท้การจับปลาง่ายเพียงนี้เชียวหรือ?“พวกเจ้าอย่ามัวแต่ยืนงงอยู่สิ เร็ว รีบไปจับปลาสิ!”“ข้าเอง!”เซียนเจี้ยนหวงนั่งย่อตัวลงไปคนแรกผู้เฒ่าชื่นชอบในการเล่นสนุกอย่างมาก เขามิได้ใช้กำลังภายใน บรรจงใช้มือจับปลาทีละตัว ช่างสนุกยิ่งนัก“ข้าก็จับได้หนึ่งตัวแล้วเช่นกัน!” จางเซิงถือปลาหลีฮื้อด้วยมือสองข้าง ยิ้มราวกับเด็กน้อย“นี่ ๆ ข้าก็จับได้เหมือนกัน
เพื่อเป็นการประหยัดแผ่นหนัง นางจึงทำถุงนอนให้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ถุงนอนหนึ่งผืน อย่างน้อยก็ซุกตัวได้เจ็ดแปดคนอย่างไรเสียอากาศก็หนาวเหน็บอยู่แล้ว เบียดเสียดอยู่ด้วยกันก็จะทำให้อุ่นขึ้นได้อีกด้วยนางจางนำปุยนุ่นในเครื่องนอนออกมาทำถุงนอนที่ยัดปุยนุ่นสองสามผืน ถุงนอนเหล่านี้เอาไว้ให้คนแก่และเด็กเล็กใช้ในตอนท้าย นางจางก็ยังเอาใจใส่ทำถุงนอนยัดนุ่นสำหรับสองคนให้เฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวกระโจมสร้างเสร็จแล้ว ถุงนอนก็ทำเรียบร้อยแล้ว เตาไฟก็ก่อแล้วลำดับถัดไปก็เป็นเรื่องอาหารแล้วนี่เป็นปัญหาที่ทำให้คนกังวลใจที่สุดเดิมทีเสบียงอาหารก็เหลือเพียงกินไปได้มิกี่วันแล้ว หลังจากที่แผ่นดินไหว ก็ลดทอนลงไปอีก“คนขายเนื้อ!”เฉินฝานตะโกนลั่นทันที“นายท่าน ข้าอยู่นี้ขอรับ!”คนขายเนื้อที่ร่างกายสูงใหญ่วิ่งมาด้านหน้าเฉินฝาน“พกของมีคมทั้งหมดติดตัวมา ไปรวบรวมคนที่ร่างกายค่อนข้างกำยำ แล้วตามข้ามา”“ขอรับ!”“ทำไมล่ะ ครั้งนี้มิพาข้าไปด้วยรึ? เจ้ารังเกียจที่ข้าอายุมากแล้วงั้นหรือ?” เซียนเจี้ยนหวงสีหน้ามิพอใจเดินโซเซไปด้านหน้าเฉินฝาน“พาไปด้วยสิ!” เฉินฝานฉีกยิ้มกว้างเมื่อครู่เขาจงใจมิเรียก เพราะรอให้