เฉินฝานก้มหัวลงโดยสัญชาตญาณวัตถุที่ชนกับร่างของเขาหากจะกล่าวให้ถูกต้อง ไม่ใช่วัตถุแต่เป็นมนุษย์ระหว่างสี่ตาสอดประสานกัน ฝั่งตรงข้ามปฏิกิริยาเร็วกว่าเฉินฝานแขนเรียวบางสองข้าง โอบรัดช่วงเอวเฉินไว้แน่น ใบหน้าเล็กพยายามคลอเคลียกับช่วงอกของเขาอย่างสุดชีวิต“นายท่านๆๆๆ...”ร่างเล็กสั่นราวกับตะแกรง คล้ายกับว่ามีคำพูดมากมาย ทว่าว่าพูดได้เพียงคำว่านายท่านสองพยางค์ซ้ำๆไม่หยุดเท่านั้นเป็นปฏิกิริยาตอบกลับของคนหลังจากที่เจอเรื่องเสี่ยงอันตรายอย่างหนักเฉินฝานดึงคนตัวเล็กในอ้อมอกเข้ามากอด ลูบผมปลอบโยนของนางอย่างต่อเนื่อง “ไม่ต้องกลัวนะ ข้าอยู่ตรงนี้นะ”เห็นฉินเย่ว์ฉู่ ฉินเย่ว์เหมยก็ตื่นเต้นเช่นกัน นางรีบรุดหน้าไปด้านทางเดินด้วยความรวดเร็วทว่ามีเงาร่างหนึ่งที่เร็วกว่านาง“เสี่ยวฉู่!”ฉินเย่ว์เจียววิ่งผ่านร่างของฉินเย่ว์เหมย เพราะฉินเย่ว์เจียว ฉินเย่ว์เหมยจึงสงบอารมณ์ได้ทันทีตอนนี้นางและเหล่าภรรยาของเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้นตื่นเต้นเพียงนี้ ไม่เหมาะสมอย่างมากสภาพอารมณ์ของฉินเย่ว์ฉู่ค่อยๆสงบลงแล้ว โผล่ออกมาจากอ้อมอกของเฉินฝาน ชี้ไปที่เสิ่นหยวนฮวา“เป็นเขาที่พาข้าและท่
“ท่านพ่อ ช่วยข้า ช่วยข้าด้วย!”เสิ่นหยวนฮวาเสียงแหบแห้งหมดเรี่ยวแรงอ้อนวอนเสิ่นหมิงหยวนเสิ่นหมิงหยวนหลับตาลงด้วยความเศร้าโศกเรื่องมาถึงตอนนี้ ต่อให้เทพเจ้ามาก็ช่วยไม่ได้ฝ่าบาท ซินอ๋อง เหล่าขุนนางทั้งหลายอยู่ ภายใต้สายตาของฝูงชน อย่าว่าเสิ่นหมิงหยวนที่เป็นเพียงอัครเสนาบดี ต่อให้เป็นจักรพรรดิ ก็ไม่สามารถช่วยคนผิดอย่างโจ่งแจ้งได้เช่นนี้“ขุนนางเสิ่นที่รัก ท่านว่าควรจะจัดการเช่นไรดี?” ฉินเย่ว์เหมยถามเสิ่นหมิงหยวนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น“ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!” เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยถามเช่นนี้ เสิ่นหยวนฮวาที่คิดว่าเรื่องเปลี่ยนไปในทางที่ดี กอดรัดขาเสิ่นหมิงหยวนไว้แน่นเสิ่นหมิงหยวนยกเท้าขึ้นเตะอย่างรุนแรงหนึ่งที “ลูกทรพี ปกติไยไม่ฟังคำพ่อ ตอนนี้มาอ้อนวอนมีประโยชน์อันใด”“ฝ่าบาท!” เสิ่นหมิงหยวนมือประสานกันสองข้าง โค้งตัวเก้าสิบองศา “กระหม่อมสั่งสอนลูกไม่ถูกวิธี ฝ่าบาทโปรดจัดการตามกฎหมายต้าชิ่ง”ตามกฎหมายต้าชิ่ง เสิ่นหยวนฮวาทำร้ายเด็กสาว บีบบังคับเด็กสาว ตั้งบ่อนการพนันเป็นการส่วนตัว ถอนตำแหน่งขุนนาง ลดขั้นให้เป็นสามัญชน ไม่สามารถเป็นขุนนางได้ เนรเทศไปอยู่เขตชายแดนเพื่อที่จะให้เสิ่
เฉินฝานที่รับการฝึกฝนมาแล้วไม่ใช่ว่าไม่สามารถดิ้นหลุดออกมาได้ ทว่าเขาพบว่าคนที่จับตัวเขาไป เป็นคนของจวนตวนซินอ๋องเฉินฝานพึมพำอยู่ในใจผู้เฒ่าคนนั้นคงจะไม่ใช่เพราะทายตัวเลขแพ้ ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ จึงลักพาตัวเขามากหรอกกระมังรู้เช่นนี้ เขาจะยอมอ่อนข้อให้เขาเสียหน่อยวันนี้มีความสุข ลืมคำนึงถึงความคิดของผู้เฒ่านั้นไปชั่วคราวเฮ้อพูดไปแล้วเฉินฝานรู้สึกว่าผู้เฒ่าต้าชิ่งนี้รับใช้ยากเกินไปแล้วเฉินฝานถูกหามเข้าไปในห้องหนังสือของตวนซินอ๋อง“ไอ้หยา พวกเจ้าทำอะไรกันเนี่ย ข้าให้พวกเจ้าไปเชิญมาดีๆ ไยใช้กระสอบใส่มา”คนเหล่านี้นำเฉินฝานออกมาจากกระสอบ ตวนซินอ๋องรีบวิ่งเข้ามาทันที ตำหนิทหารประจำจวนที่จับเฉินฝานเสียงดังไปพลาง ก้มตัวคิดจะพยุงเฉินฝานเฉินฝานปัดมือของตวนซินอ๋องออก “อย่าทำเป็นเสแสร้ง ข้าไม่ใช่คนโง่เสียหน่อย เจ้าไม่ออกคำสั่งเช่นนี้ พวกเขาจะกล้างั้นรึ?”ตวนซินอ๋องที่ถูกมองออกหัวเราะฮี่ๆเล็กน้อยเฉินฝานลุกขึ้น ไม่กล่าวทักทายตวนซินอ๋อง มุ่งตรงไปหาที่นั่งทันทีตวนซินอ๋องเดินตามหลังเฉินฝานอย่างเชื่อฟัง พยักหน้าและโค้งคำนับ คนใช้ด้านข้างยังไม่ชำนาญ ถูกเขาใช้มือเขกหัว “ตาบอดหร
“ข้า...”ตวนซินอ๋องรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที “ไม่ได้มีเพียงแค่พี่น้องเยียนอวี่ที่ยังไม่ได้ออกเรือน...”ขณะที่พูด ตวนซินอ๋องก็กางนิ้วขึ้นมา “ข้ามีลูกสาวทั้งหมดสามสิบแปดคน มีสิบห้าคนที่ยังไม่ได้ออกเรือน”ที่ต้าชิ่ง ในครอบครัวมีลูกสาวมากมายที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะดังนั้น ตวนซินอ๋องจึงป่าวประกาศไปทั่วว่าตนเองมีเพียงลูกสาวสองคนที่ยังไม่ได้แต่งงานผู้ชายน้อย ท่านหญิงครอบครัวท่านอ๋องก็ออกเรือนยากเช่นกันเลวหรือจนเกินไป ตวนซินอ๋องและพระชายาตัดใจให้พวกนางแต่งงานไม่ลง ผู้ชายที่ยอดเยี่ยมก็น้อยเกินไปอีกดังนั้น ตวนซินอ๋องกังวลใจเป็นอย่างมากชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยมอย่างเฉินฝานเช่นนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขา เขาจะพลาดได้เช่นไรหากไม่กลัวว่าเฉินฝานจะปฏิเสธ เขายังคิดที่ยัดให้เฉินฝานสิบกว่าคน“ฝาแฝดอีกคู่นั้นเจ้าไม่ต้องการก็ไม่เป็นไร ข้าให้พระชายานัวบุตรสาวที่ยังไม่ได้แต่งงานทั้งหมดออกมา ให้เจ้าดูทั้งหมดครั้งหนึ่ง ชื่นชอบก็นำกลับบ้านไป อย่างน้อยต้องเลือกสักสองคน แน่นอนว่า...”ตวนซินอ๋องยิ้มตาหยี “ถ้าเจ้าชื่นชอบทั้งหมด ข้าจะมีความสุขมากขึ้น”ระหว่างที่พูด ตวนซินอ๋องก็ตะโกนเรียกพระช
“ตกลงตามนี้ ทุกอย่างราบรื่นก็ดีแล้ว วันนี้เจ้าก็พาลูกสาวสองคนของข้ากลับไป เจ้าพักผ่อนที่นี่ครู่หนึ่ง ข้าจะไปหาหวังเฟยให้นางจัดการเดี๋ยวนี้”ระหว่างที่พูด ตวนซินอ๋องก้าวเท้าออกจากห้องหนังสือ“ท่านอ๋อง...”“ข้ารู้!” ตวนซินอ๋องหันหน้ากลับมา “เจ้ารังเกียจที่เยียนเอ๋อร์อวี่เอ๋อร์อายุน้อย วางใจเถอะ ข้าไม่ได้เจ้าแต่งงานกับพวกนาง เจ้าจะแต่งงานกับเหล่าพี่สาวของเยียนเอ๋อร์อวี่เอ๋อร์ คู่นั้นก็เป็นฝาแฝดเช่นกัน”ตอนที่ตวนซินอ๋องจากไป ยังไม่ลืมที่จะให้องครักษ์จับตาดูเฉินฝานเอาไว้กล่าวโดยสรุป เฉินฝานคิดจะหนีก็ไร้ซึ่งหนทางให้เฉินฝานแต่งงานกับลูกสาวตนเอง ตวนซินอ๋องวางแผนไว้นานแล้วเขาออกไปครู่เดียว หวังเฟยก็นำชุดแต่งงานเข้ามาชุดแต่งงานพอดีตัวอย่างมาก ขนาดไม่ผิดเพี้ยนแม้แต่น้อยหากกล่าวตวนซินอ๋องไม่ได้วางแผนมานาน ก็คงไม่มีใครเชื่อตอนที่เฉินฝานสวมชุดแต่งงาน เดินนำสองเจ้าสาวคนใหม่ และเหล่าสินเดิมที่สุดลูกหูลูกตาด้านหลังเขา ทุกคนตกตะลึงกันหมดทุกคนมาร่ำสุรา ไยเฉินฝาจึงแตกต่างจากพวกเขากันล่ะพวกเขามาอย่างไร ก็กลับไปเช่นนั้นทว่าเฉินฝานได้แต่งงานกับท่านหญิงทันที และยังแต่งทีเดียวสองคนหลี
“พร้อมกันเช่นนั้นหรือ?”ทุกคนต่างตกใจกับน้องสาวของเจ้าสาวพวงแก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อท่านหญิงไม่เหมือนผู้อื่นจริงๆแม้พวกนางจะเป็นฝาแฝด แต่พร้อมกันเช่นนี้ ไม่กล้าคาดคิดจริงๆ“ไม่คิดว่าท่านหญิงจะรุนแรงเช่นนี้!”ฉินเย่ว์ฉู่วิ่งไปหลบด้านหลังฉินเย่ว์โหรวด้วยความเขินอาย“ไม่ ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด แต่ว่า ว่า...”ทุกคนทำให้ตกใจเช่นนั้น น้องเจ้าสาวตัวสั่นยิกๆ อยากอธิบาย ทว่าเพราะความเขินอาย จึงพูดติดอ่างพี่เจ้าสาวจับมือน้องสาว “ไม่เป็นไร พร้อมกันก็พร้อมกัน พี่อยู่เคียงข้างเจ้า”นางคิดว่าน้องสาวหวาดกลัวคืนร่วมหอ ดังนั้นจึงปลอมนาง“ไม่ใช่เช่นนั้นท่านพี่ ตอนออกมา ท่านแม่บอกข้าว่า ท่านให้หมอดูทำนายดวงชะตา หมอดูกล่าวว่าหากอยากให้ชีวิตของพวกเราในอนาคต เรียบง่าย ทุกอย่างราบรื่น ต้องเจอหน้านายท่านพร้อมกัน ไม่ใช่อย่างที่พวกท่านคิด เช่นนั้น เช่นนั้น...”แม้ผ้าปิดหน้าเจ้าสาวจะปิดบังใบหน้าของเจ้าสาว แต่ด้วยน้ำเสียงอิดออดของนาง สามารถจินตนาการได้ว่าเวลานี้นางเขินอายเพียงใด“นายท่าน!” หลิวหมัวมัวเดินไปตรงหน้าเฉินฝาน “ทำตามที่พระชายากล่าวก็แล้วกัน พวกท่านหญิงเป็นฝาแฝด ทั้งคู่เกิดวันเวลาเดียวก
เหลวไหลนี่เป็นการคลุมถุงชนอย่างแท้จริง อีกฝ่ายสวยหรือไม่ เขาไม่รู้แม้แต่น้อยเขาไม่ตื่นเต้นน่ะสิแปลกผ้าคลุมเจ้าสาวร่วงหล่นลงพื้นหากเปิดแล้วภาพที่เห็นคือหญิงงามสองคน ถือเป็นเรื่องน่ายินดี หากเปิดแล้วเป็นหญิงอัปลักษณ์ เขาจะทำอย่างไร?ควรจะกินหรือไม่กินแล้วเขาก็ทรมานไม่กินเขาก็ทรมานด้วยนิสัยของตวนชินอ๋อง ต้องไล่ตามเขาทุกวัน ตั้งแต่หน้าตลาดไปจนท้ายตลาด ตั้งแต่จวนไปถึงวังหลวง ให้เขารีบเข้าหอกับลูกสาวของเขาภาพนั้นเพียงแค่คิด ก็ทำให้หนาวเย็นยิ่งนัก“ฟู่!”เฉินฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง หัวเราะเยาะตนเองเล็กน้อยให้ตายสิเฉินฝาน เจ้ากลัวอะไรของเจ้าในฐานะทหารหน่วยพิเศษ เมื่อครั้นอยู่ในยุคปัจจุบันไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ใดบ้าง จะกลัวผู้หญิงโบราณสองคนได้อย่างไรหากเปิดแล้วเป็นหญิงอัปลักษณ์สองคน เช่นนั้นก็กลายเป็นยันต์มังกรไล่ผีเฉินฝานวางไม้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งสองไว้ใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวทั้งสอง ปิดตา แล้วรีบเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวทั้งสองร่วงหล่นลงพื้นเฉินฝานสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยลืมตาเขาจะมองเจ้าสาวของเขาเอ่อ...เจ้าสาวดูหวาดกลัวยิ่งกว่าเขา หลังจากเปิดผ้าคลุม
ตั้งแต่เล็ก พวกนางถูกพร่ำสอนให้เชื่อฟังสามีแม้เฉินฝานจะเคลื่อนไม้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวไปแล้ว ทว่าพวกนางยังคงไม่กล้าพูดอะไร“เยี่ยม!” เฉินฝานวางไม้เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวลง พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด “พวกท่านไม่ต้องเขินอาย ยิ่งไม่ต้องกลัวข้า นับจากนี้พวกเราคือครอบครัวเดียวกัน เข้าใจไหม?”“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”เสียงของท่านหญิงทั้งสองคนราวกับเสียงยุง หลังจากตอบเฉินฝานเสร็จก็รีบก้มหน้าลงทันทีหัวใจของพวกนางเต้นแรงไม่หยุดทั้งเขินอายที่จะสบตากับเฉินฝาน ทั้งสงสัยใคร่รู้ในตัวเฉินฝานสองพี่น้องเงยหน้าขึ้นแอบมองเฉินฝานเป็นครั้งคราว หลังจากเฉินฝานจับได้ ก็รีบก้มหน้าลงความเขินอายต่างๆ ความคิดต่างๆบุรุษตรงหน้าคือสามีของพวกนางเขาแตกต่างจากคุณชายตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงผิวขาว ทว่าไม่ดูอ่อนยวบเหมือนคุณชายเหล่านั้นแววตาของเขาลุ่มลึก ให้ความรู้สึกเข้มแข็งมองแล้วมีความสุขุม เสียงอ่อนโยนไพเราะอย่างมาก คำพูดคำจาก็เปี่ยมล้นด้วยมารยาทนับตั้งแต่พวกนางเข้าพิธีปักปิ่น ท่านแม่ก็เคยพร่ำบ่นเสมอสตรีเลือกบุรุษ จงจำให้ดีอย่ามองเพียงรูปร่างภายนอก ยิ่งไม่ต้องให้ความสำคัญกับความร่ำรวยของบุรุษ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ