สายตาทุกคู่ในท้องพระโรงรวมกันที่ตัวเฉินฝาน“ความจริง ยอมแพ้ตั้งแต่แรกก็ดีเหมือนกัน!”เมื่อเห็นเฉินฝานไม่ตอบโต้ทันที เสิ่นหยวนฮวาขยายรูจมูกสูง ทำตัวอยู่เหนือกว่าและพูดจาย่ามใจ “ได้ดำรงตำแหน่งซื่อหลางกรมพระคลัง ถือว่ามีควันออกมาจากหลุมศพบรรพบุรุษ[footnoteRef:1] แล้ว” [1: มีควันออกมาจากหลุมศพบรรพบุรุษ มีที่มาจากผู้นับถือลัทธิเต๋ามีความเชื่อว่าคนตายแล้วจะกลายเป็นเซียน ร่างกายจะสลายเป็นเหมือนควันบางๆ เปรียบเปรยว่า เกิดเรื่องที่น่ายินดีมากแต่ก็สามารถนำมาใช้ในการเสียดสีหรือด่าทอได้] คำพูดนี้ เป็นคำพูดที่กระตุ้นเฉินฝาน อีกทั้งยังเป็นคำพูดที่ไม่เห็นเฉินฝานอยู่ในสายตาคนบ้านนอก ไอ้เศษสวะที่เจ้าทำสำเร็จสองสามครั้งก่อนหน้านี้ เพราะโชคขี้หมา ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะโชคดีขนาดนั้นทุกครั้งกลุ่มขุนนางด้านข้างเสิ่นหยวนฮวา พากันพยักหน้าไม่มีใครเชื่อว่า เฉินฝานจะชนะเสิ่นหยวนเลี่ยงได้ครอบครัวฝ่ายหญิงของแม่ของเสิ่นหยวนเลี่ยง มีความเกี่ยวเนื่องทางการค้าที่กว้างใหญ่เกินไปฉินเย่ว์เหมยส่ายหน้าเหมือนกัน ให้สัญญาณกับเฉินฝานว่าห้ามตกลงถ้าไม่ตกลง แล้วยืนยันเลือกวิธีลงคะแนนเสียง เฉินฝานยังมีโอกาสช
“แล้วอีกอย่าง ข้าไม่ไปเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าจะไม่ถูกฮ่องเต้หลานของข้าด่าตายรึ วางใจเถอะน่า!” ตวนชินอ๋องทำทีว่าตนเก่งมาก “มีข้าอยู่ด้วย เขาไม่กล้าด่าเจ้ารุนแรงเกินไปหรอก!”“ท่านอ๋อง ท่านไม่โกรธหรือ?” เฉินฝานเอ่ยถาม“ข้าต้องโกรธเรื่องอะไร?” ตวนชินอ๋องถูกเฉินฝานถามจนสับสน“แข่งหาเงินกับเสิ่นหยวนเลี่ยงไงเล่า ท่านไม่กลัวว่าข้าจะแพ้?”“เรื่องนี้…” ตวนชินอ๋องเกาศีรษะทำท่าลำบากใจ แต่ท่าทางลำบากใจหายวับไปจากใบหน้าของเขาทันที “ข้าเชื่อใจเจ้า เจ้าทายตัวเลขเก่งขนาดนั้น เรื่องหาเงินก็ไม่ใช่ปัญหาแน่นอน!”เฉินฝาน: “…”ทายตัวเลขเก่งกับหาเงิน ความยากอยู่ระดับเดียวกัน?ไม่แปลกใจเลย หลังจากฉินหย่งคังตัวจริงเสียชีวิต ฮ่องเต้องค์ก่อนถึงเรียกให้ซูซิวฉีไปหาตัวฉินเย่ว์เหมยและไม่ให้ตวนชินอ๋องขึ้นรับตำแหน่ง“เฮ้อ เสี่ยวฝาน พวกเรารีบไปเถอะ ให้หลานฮ่องเต้ด่าให้เสร็จ พวกเราจะได้รีบออกไปดื่มเหล้า ข้าจะบอกให้ วันนี้ข้าชนะเจ้าแน่นอน”ความเป็นจริงดูเหมือนไม่เป็นไปตามความคิดของตวนชินอ๋องฉินเย่ว์เหมยไม่ดุด่าเฉินฝานหลังจากการว่าราชกิจจบลงและกลับมาถึงพระตำหนักไท่เหอ อารมณ์ของฉินเย่ว์เหมยสงบลงเรียบร้อยเหตุผลท
“ใช่เพคะ เนื้อผิวของเหนียงเหนียงขาวเป็นธรรมชาติ ราวกับหิมะใต้พื้น ถ้าผู้ชายทั่วไปมองเห็น สายตาย่อมไม่เคลื่อนไปไหนแน่นอนเพคะ”สาวใช้สองคนกล่าวเยินยอ พวกนางอยู่ข้าง ๆ ลู่ชุนเยี่ยนตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ข้ามพ้นเจ้านายกับสาวใช้แล้ว“เจ้าเด็กคนนี้ ถ้ายังพูดเรื่อยเปื่อยอีก ข้าจะจัดการพวกเจ้าซะ”สาวใช้สองคนไม่เก็บคำตำหนิของลู่ชุนเยี่ยนมาใส่ใจ ยังคงหัวเราะคิกคัก พวกนางรู้ว่าลู่ชุนเยี่ยนไม่จัดการจริง ๆ“เหนียงเหนียง!” หนึ่งในสาวใช้แสดงท่าทางบนหน้าอก “ท่านรู้หรือไม่ว่า ตรงนี้ของท่าน ทำเอาคนหลงใหลจนตายได้ ท่านเอาแต่ซ่อนมันไว้ข้างใน พวกนางอึดอัดแย่ ควรเอาออกมารับแสงบ้างเพคะ”“ใช่ ก็เหมือนกับดอกต้นชาในสวนดอกไม้ ได้รับแสงแดด ถึงจะเติบโตขึ้นอย่างสวยงาม”“พวกเจ้า…” ลู่ชุนเยี่ยนอารมณ์เสียจนต้องไล่สองสาวใช้ออกจากห้อง“เหนียงเหนียง” ตรงหน้าต่าง มีสองศีรษะโผล่ขึ้นมา “ความสุขของตนเองต้องคว้าไว้ให้ดี ต้องใจกล้าหน่อยนะเพคะ”“ปัง!”ลู่ชุนเยี่ยนดึงหน้าตาปิดลงอย่างแรงปกตินางเอ็นดูพวกนางมากเกินไป จนไม่มีความยำเกรงต่อสิ่งใดแล้วลู่ชุนเยี่ยนเดินออกมาจากหน้าต่าง มาถึงข้างหน้าราวแขวนเสื้อผ้าแล้วเลือกเสื
สัญชาตญาณของผู้ชายในร่างกายของเขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง บอกให้เขารีบรุกกอดสตรีที่เป็นผู้ใหญ่คนนี้ไว้ในอ้อมแขนให้แน่นและย่ำยีนางอย่างสุดชีวิตถ้าไม่ใช่เพราะเคยผ่านการฝึกอย่างเข้มงวดในยุคสมัยปัจจุบัน เฉินฝานพุ่งเข้าหาตั้งนานแล้ว“เหนียงเหนียง…”เฉินฝานถอยหลังกลับหนึ่งก้าว “กระหม่อมรับคำสั่งมาจากฝ่าบาท ให้มาส่งของขวัญแก่เหนียงเหนียง…”“ข้าไม่ต้องการของขวัญอะไรทั้งนั้น”ลู่ชุนเยี่ยนเดินเข้ามาหาเฉินฝานอีกครั้ง เฉินฝานทำได้เพียงถอยหลังต่อไปแต่กระนั้นเขาถอยหลังหนึ่งก้าว ลู่ชุนเยี่ยนก็ก้าวเข้ามาหนึ่งก้าวและแล้ว ร่างกายของเฉินฝานก็ชนเข้ากับแผงประตูไม่มีทางให้เขาสามารถถอยได้อีกลู่ชุนเยี่ยนยังคงเดินขึ้นหน้าเฉินฝานตกใจชะงัก เขาสัมผัสได้ถึง…สิ่งนุ่มกลมตรงหน้าลู่ชุนเยี่ยนที่ชนเข้ากับร่างกายของเขานุ่มมากอ่อนมาก!“เหนียงเหนียง ท่านทำอะไร?”“ทำอะไร?” ลู่ชุนเยี่ยนยกมือยาวขาวดุจหยกขึ้นมาถูไถบนหน้าและลำคอของเฉินฝานอย่างแผ่วเบา “ใต้เท้าไม่รู้เลยรึ?”“พวก พวกเราไม่เหมาะสมกัน”ให้ตายเถอะ!เฉินฝานอึดอัดมาก ถูกผู้หญิงคนหนึ่งบีบบังคับจนเหงื่อท่วมทั้งตัว โตมาขนาดนี้และมีชีวิตมาแล้วสองยุค
“เหนียงเหนียง ฝ่าบาทยอมให้ท่านมีอิสระ ย่อมเป็นเรื่องดี เพียงแต่ว่า…”เฮ้อ เพียงแต่ว่าอะไร เฉินฝานไม่สามารถหาเหตุผลได้สักพัก เตรียมวางแผนพังประตูวิ่งหนี“ใต้เท้า”เฉินฝานกำลังจะพังประตู ลู่ซื่ออี๋พลันเดินเข้ามาขวางไว้ลู่ซืออี๋ปิดประตูแล้วคุกเข่าลงไปทันที“ท่านร่วมนอนกับท่านแม่ข้าเถอะ!”ให้ตายเถอะ!เฉินฝานถึงกระทั่งมึนงง เดิมทีรู้สึกว่าลู่ชุนเยี่ยนใส่ผ้าโปร่งบางก็บุ่มบ่ามมากพอแล้ว ตอนนี้ลูกสาวยังคุกเข่าขอร้องให้เขาร่วมหลับนอนกับแม่ของนางนี่เขาต้องตั้งรับอย่างไรถึงจะดีลู่ชุนเยี่ยนคุกเข่าอีกคน “ใต้เท้า คืนนี้ค้างแรมที่นี่เถอะ อยากให้ข้ารับใช้อย่างไรก็ได้ ท่าทางแบบไหน…” ลู่ชุนเยี่ยนกัดริมฝีปากสีแดงเบา ๆ “ข้าก็ทำได้หมด”นางเสี่ยงชีวิตพูดสิ่งนี้ออกไป ไม่เพียงเพราะต้องการเป็นอิสระเท่านั้น แต่ยังพูดเพราะหลงใหลผู้ชายคนนี้อย่างลึกซึ้งด้วยทั้ง ๆ ที่เขาอายุน้อยกว่านาง แต่กลับเป็นคนจัดการงานได้เหนือกว่านางมากติดตามเขาอยู่ข้าง ๆ จะเปี่ยมล้นไปด้วยความภาคภูมิใจและสบายใจ“ข้า ข้าก็ทำได้เหมือนกัน! ข้ายอมรับใช้ใต้เท้าพร้อมกับท่านแม่” ลู่ซืออี๋กล่าวสิ่งที่น่าตกตะลึงอีกครั้ง โดยไม่สนใจความ
“เจ้า เจ้าก็ดูดี!”หากเฉินฝานไม่พูดเช่นนี้ เด็กคนนั้นก็จะมาเกาะแกะร่างเขาแล้วแน่นอนว่าลู่ซืออี๋ก็ดูดีอย่างมากเช่นกัน“พระนาง ข้ามาหาเจ้าครั้งนี้นอกจากส่งมอบรางวัลแล้ว ยังมีอีกเรื่องสำคัญที่อยากให้เจ้าช่วย”“ใต้เท้าต้องการให้หม่อมฉันทำเรื่องไม่จำเป็นต้องกล่าวว่าขอความช่วยเหลือ ท่านออกคำสั่งก็ใช้ได้แล้ว”เมื่อพูดว่ามีเรื่องที่ต้องทำ ลู่ชุนเยี่ยนกลับมาอยู่ในท่าทีสวยเพียบพร้อมนิ่งสงบเหมือนที่ผ่านมาดังเดิมเฉินฝานถอนหายใจอย่างโล่งอกในที่สุดก็สามารถคุยเรื่องธุรกิจได้แล้วเฉินฝานนำเรื่องราวในท้องพระโรงวันนี้เล่าให้ลู่ชุนเยี่ยนฟังหนึ่งรอบ“ใต้เท้า ท่านวางใจเถิด ต่อให้ต้องใช้ทรัพย์สินตระกูลลู่จนหมดสิ้น ต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าแลก หม่อมฉันก็จะช่วยใต้เท้าทำให้เสิ่นหยวนเลี่ยงพ่ายแพ้”ในแววตาลู่ชุนเยี่ยน พรวดพุ่งด้วยความแค้นอย่างท่วมท้นนางและตระกูลเสิ่นมีความแค้นอย่างมากจนอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้“พระนาง เจ้าพูดรุนแรงเกินไป พวกเราต้องชนะเสิ่นหยวนเลี่ยง ทว่าในขณะเดียวกันก็ต้องใช้ชีวิตให้ดี ถ้าเจ้าตาย ข้า......ฝ่าบาทก็จะเจ็บปวดใจและเศร้าโศก”การเผยความในใจอย่างเผลอตัวของเฉินฝานครั้งนี้ ทำให
“ใต้เท้า ใต้เท้า!”เฉินฝานเพิ่งเดินมาทางดอกไม้ของสวนหม่อน ด้านหลังก็เสียงสดใสดังกังวานขึ้นเสียงเพิ่งจะดังขึ้น ใบหน้ารูปไข่มีชีวิตชีวาวัยแรกแย้มของลู่ซืออี๋นั้นพลันปรากฏมาอยู่ด้านหน้าเขาแสงไฟยามราตรีสลัวสาวงามปราดเปรียวลู่ซืออี๋นำทางอยู่ด้านหน้า เฉินฝานเดินตามอยู่ด้านหลังอย่างไม่รีบร้อน“โอ้ หิมะตกแล้ว!”เสียงตื่นเต้นใสแจ๋วของลู่ซืออี๋ดังขึ้นอีกครั้งเฉินฝานเงยศีรษะขึ้นเกล็ดหิมะสีขาวค่อยๆร่วงหล่นมาจากฟากฟ้าตกกระทบลงบนดอกคาเมลเลียสีทอง ทำให้ดอกคาเมลเลียสะท้อนแสงเปล่งประกายดอกคาเมลเลียสีทองบานสะพรั่งอย่างกะทันหัน ราวกับพวกมันเข้าใจว่านี่เป็นโอกาสผลิบานครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกมันแล้ว หลังจากที่หิมะหยุดตกแล้ว อากาศหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ พวกมันก็ผลิบานไม่ได้อีกต่อไปมองดอกคาเมลเลียสีทองที่กำลังเบ่งบาน ในหัวสมองของเฉินฝานพลันปรากฏใบหน้าที่สวยสดงดงามของลู่ชุนเยี่ยนนางเป็นดั่งดอกคาเมลเลียที่อยู่ด้านหน้า“เป็นหิมะแรกเลยนะ ใต้เท้า!” ลู่ซืออี๋วิ่งมาหาเฉินฝาน จูงมือของเขา “รีบอธิษฐานเร็ว อธิษฐานกับหิมะแรก ศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะ”“เร็วสิ!”เมื่อเห็นว่าเฉินฝานนิ่งเฉย ลู่ซืออี๋เร่ง
พลิกจากฝ่ายตั้งรับเป็นรุกบดขยี้จูบนี้ เข้าบุกโจมตีริมฝีปากสีแดงของนาง ให้นางให้รู้ซึ่งว่าสิ่งใดจึงเรียกว่าจุมพิต“อื้ม~”เด็กสาววัยแรกแย้ม จะรับมือได้อย่างไรกัน ไม่มีเวลาพักหายแม้แต่น้อย ทรุดตัวลงในอ้อมอกของเฉินฝาน ครวญครางอย่างต่อเนื่อง สื่อถึงการขอร้องเล็กน้อยเฉินฝานกลับไม่คิดที่จะปล่อยนางไปแบบนี้เป็นคนเริ่มก่อน ก็ควรที่จะสั่งสอนนางเสียหน่อยวิธีการจูบของเฉินฝานล้ำเลิศ ทำให้ลู่ซืออี๋คลั่งไคล้อยู่ในวังวน นางเหมือนกับปลาที่เกยตื้น พยายามเกาะเฉินฝานอย่างสุดชีวิตเฉินฝานในตอนนี้กลายเป็นมหาสมุทรที่นางใช้ชีวิตอยู่รสชาติของสาวน้อย แตกต่างอย่างที่คิดไว้ระหว่างที่ไม่รู้ตัว เฉินฝานก็เริ่มคลั่งไคล้อยู่ในวังวนเช่นกัน เขาโอบเอวของลู่ซืออี๋แน่นขึ้นเรื่อยๆตอนที่เฉินฝานเปิดปากจนไปชนฟันของนางร่างบอบบางของลู่ซืออี๋สั่นเทา ตอนที่ตัวโน้มลงพิงตามแรงของเฉินฝาน ร่างบางตัวแข็งทื่อทันทีนางรู้สึกได้ว่าบางที่......อธิบายไม่ถูกนางรู้สึกหวาดกลัว“ใต้เท้า อย่านะ!”มือสองข้างผลักไปช่วงอกของเฉินฝาน สีหน้าเขินอายแดงก่ำของลู่ซืออี๋โผล่ออกมาจากอ้อมอกของเฉินฝานเฉินฝานก้มหน้าลงมาเชยชมริมฝีปากส
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ