“ข้าบอกให้เจ้าจับตาดูเฉินฝาน แต่เจ้ากลับไปเที่ยวเล่นกินดื่ม!” เสิ่นหมิงหยวนด่ากราดเสิ่นหยวนฮวาเสิ่นหมิงหยวนหูดี เขาได้ยินชัดเจยว่าเสิ่นหยวนฮวาพูดสิ่งใด แต่เขาไม่เชื่อไม่ว่าเฉินฝานจะโง่เพียงใดก็ไม่โง่ถึงขั้นนี้ จัดงานเลี้ยงใหญ่โตในอำเภอหลีที่ได้รับภัยพิบัติมาหลายปี เขาอยากตายหรืออย่างไร?“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ไปกินดื่ม เฉินฝานจัดงานเลี้ยงใหญ่โต บนโต๊ะมีไก่และเนื้อมากมาย ทุกอย่างล้วนเป็นอาหารโอชะ ลูกเห็นกับตา”หากไม่ใช่คำพูดของเสิ่นหยวนเลี่ยงที่บอกว่า ‘ท่านพ่อ พี่ใหญ่พูดถูก เฉินฝานจัดงานเลี้ยงจริงๆ ขอรับ เกรงว่าเสิ่นหยวนฮวาอธิบายสามรอบ เสิ่นหมิงหยวนก็ไม่มีทางเชื่อเขา’“จัดงานเลี้ยงจริงๆ หรือ?” เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย เฉินฝานโง่เขลาถึงขั้นนั้นเชียวหรือ?“ชาวอำเภอหลีผู้ประสบภัยไม่รู้จริงๆ หรือ?”“ท่านพ่อ น่าจะมีคนบางส่วนรู้ แต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่รู้”“เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนก็อย่ายืนนิ่ง ไปกันให้หมด ให้คนทั้งอำเภอหลีรู้ว่าเฉินฝานจัดงานเลี้ยง”หลังจากลูกชายทั้งสองคนออกไป เสิ่นหมิงหยวนยกน้ำชาขึ้นมา ดื่มด้วยความลำพองใจเฉินฝานมีความเจ้าเล่ห์เล็กน้อย ก็เท่ากับลำพองตัวเกิ
“คิดไม่ถึงว่าฝีมือของเจ้าจะเหนือชั้นกว่าหงอิง” ฉินเย่ว์เหมยมองเฉินฝาน สีหน้าฉายความตกตะลึง“ไม่ถึงขั้นนั้น แค่พอไล่เลี่ยกัน”ในฐานะอดีตทหารพิเศษ การต่อสู้ระยะประชิดหงอิงไม่อาจเอาชนะเขาได้ ทว่าวิชาดาบและวิชาตัวเบาเขาก็ไม่อาจเอาชนะหงอิงได้นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดประสงค์ที่เฉินฝานแกล้งหงอิงแสดงความสามารถของตนเอง หลังจากนี้ฉินเย่ว์เหมยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของเขา เขาดูแลตัวเองได้“ดังนั้น...เท้าของหงอิงเหม็นจริงๆ หรือ?” ฉินเย่ว์เหมยอดไม่ได้ที่จะถามขนตางอนยาวกระพือพั่บๆ ใบหน้างดงาม ฉายความสงสัยนี่เป็นครั้งแรกที่เฉินฝานเห็นฉินเย่ว์เหมยในมุมหญิงสาวนึกขึ้นได้กะทันหันแม้ฉินเย่ว์เหมยจะเป็นพี่สาวคนโตของพวกฉินเย่ว์เจียว แต่นางก็เพิ่งอายุยี่สิบเอ็ดเท่านั้นช่วงอายุวัยนี้ แม้จะมีความเป็นผู้ใหญ่เพียงใดก็เป็นเพียงเกราะป้องกันที่แสดงออกมาเท่านั้นฉินเย่ว์เหมยที่สัมผัสได้ถึงแววตาของเฉินฝาน ดึงสติกลับมาทันทีนางหลบสายตาเขาเล็กน้อย ทว่าไม่ถึงหนึ่งวินาที ก็กลับมาเย็นชาดังเดิม“ข้า...”“ไม่เหม็น ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย เมื่อครู่ข้าเพียงแกล้งหงอิงเท่านั้น”เฉินฝานรู้ว่าฉินเย่ว์เหมยรักส
“ไม่ใช่ขอรับ พวกเขารีบกลับไปฆ่าเป็ด” เสิ่นหยวนเลี่ยงพูด“ชาวบ้านที่โง่เขลาจริงๆ เงินไม่กี่เวินนั้นจะมีค่าเพียงใด?” เสิ่นหยวนฮวาด่าทอเสิ่นหมิงหยวนถลึงตามองเสิ่นหยวนฮวา สำหรับชาวบ้านทั่วไปเงินไม่กี่เวิน ถือว่ามีค่ามาก“พวกทหารรักษาการณ์เล่า ให้พวกเขาไป พาตัวเฉินฝานมาให้ข้า!”“ท่านพ่อ!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบตอบทันที “ข้าสั่งพวกเขาไปนานแล้ว แต่ฝ่าบาทอยู่ข้างใน หงอิงและทหารรักษาพระองค์นับสิบนายก็อยู่ด้วย แล้วยังมีเหอจื่อหลิน ขวางด้วยชีวิต คนของเราไม่อาจเข้าไปได้ขอรับ”“เช่นนั้นข้าไปด้วยตนเอง!” เสิ่นหมิงหยวนสะบัดแขนเสื้อ ก้าวเดินออกไปเป็นเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิด ตำหนักนอนของเขา เสิ่นหมิงหยวนคนนี้ยังสามารถเข้าออกได้ตามใจ นับประสาอะไรกับการไปจับตัวบุรุษให้สตรียั่วเย้า ไม่ได้เช่นนั้นหรือ?“ดื่ม ดื่ม เราดื่มกันเถอะ!”“ทุกคนดื่มด้วยกัน!”“ถูกต้อง ต้องดื่มให้สะใจ!”เสิ่นหมิงหยวนเพิ่งลงจากรถม้า ก็ได้ยินเสียงร้องเรียกให้ดื่มอย่างมีความสุขเวลานี้ ในเรือนแขก แขกเหรื่อล้นหลาม บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารสีหน้าของทุกคน เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม ทุกคนอยู่ด้วยกัน ชนแก้วกินดื่ม บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะหา
“พวกเจ้าเป็นอะไรกัน ไม่มีการสอบสวน ก็จะสังหารแล้ว”“น้องฝานคุยการค้ากับพวกเรา เป็นกบฏอย่างไร?”พวกแขกเหรื่อยืนขวางด้านหน้าเฉินฝาน ไม่ให้ทหารรักษาการณ์เมืองหลวงของหลี่ชิ่งเข้าไป“หลี่ชิง คนขวาง ก็คือกบฏ ฆ่าให้หมด!” เสียงตะคอกของเสิ่นหมิงหยวนดังมาจากด้านหลัง“กบฏ หากพวกเจ้าแตะต้องพวกข้า เช่นนั้นก็รอให้สองแคว้นทำสงครามก็แล้วกัน!” บุรุษวัยกลางคนสวมชุดหรูหรา เดินออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ชิ่ง“สองแคว้นทำสงคราม? ฮ่าๆๆ!”เสิ่นหยวนฮวาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ช่างกล้าพูดจริงๆ เป็นเพียงพ่อค้า ความคิดช่างผิดแปลกยิ่งนัก!”เสิ่นหยวนฮวารู้ดีว่าคนที่เฉินฝานเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงเป็นพ่อค้าเฉินฝานเป็นเพียงพ่อค้าจนๆ คนหนึ่งเท่านั้น คนที่เขาเชิญมาร่วมงานย่อมเป็นพ่อค้าที่มีฐานันดรศักดิ์ไม่ต่างจากเขา“ฉู่จิงการค้าของเรา ไม่มีชื่อเสียงในต้าชิ่ง” ชายวัยกลางคนในชุดผ้าฝ้ายพูดเสียงเรียบฉู่จิงการค้าตระกูลฝ่ายมารดาของมารดาเสิ่นหยวนฮวา ครอบครองการค้ามากมายในต้าชิ่ง การค้านี้ เสิ่นหยวนฮวาไม่เคยได้ยินในต้าชิ่งเขาเดินผ่านหลี่ชิ่งมายังตรงหน้าชายวัยกลางคน “รู้ว่าการค้าของตนไม่ได้ยิ่งใหญ่ แล้วยังไม่รีบไสหัวไปอี
“ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมไม่รู้ว่าผู้ตรวจการเฉินและคนอื่น ๆ กำลังคุยกันเรื่องการค้าขาย”“กระหม่อมเข้ามาโดยพลการเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมสมควรตาย!”อย่างมองว่าเสิ่นหยวนฮวาตะโกนดังสนั่นแท้จริงแล้วเขาทำอย่างขอไปที เพราะเขาคุกเข่าไม่ตรงทิศทาง หน้าของเขาไม่ได้หันไปทางฉินเย่ว์เหมยด้วยซ้ำฉินเย่ว์เหมยย่อมรู้แผนการในใจของเสิ่นหยวนฮวานางยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ แสดงให้เห็นถึงการยิ้มเยาะ“เจ้าไม่ได้รบกวนข้า แต่เป็นนายจ้างใหญ่แซ่ฉู่ หากนายจ้างใหญ่แซ่ฉู่ให้อภัยเจ้า ข้าย่อมให้อภัยเจ้าแน่นอน”ฉู่หยางหงยิ้มกล่าว “ไม่จำเป็นต้องขออภัยกับข้า”เสิ่นหมิงหยวนประจบประแจงทันที “นายจ้างใหญ่แซ่ฉู่ใจกว้างยิ่งนัก ไม่น่าแปลกใจที่บริหารสมาคมการค้าได้เป็นอันดับหนึ่ง”“หยุดประจบประแจงข้าเถอะ ใช้ไม้นี้กับข้าไม่ได้หรอก” ฉู่หยางหงพลันพลิกหน้ามือเป็นหลังมือไม่ไว้หน้าเสิ่นหมิงหยวนแม้แต่น้อยเสิ่นหมิงหยวนหน้าซีด สีหน้าแย่เล็กน้อยเมื่อถูกฉู่หยางหงหักหน้าต่อหน้าทุกคน“คนที่พวกเจ้าทำให้ตกใจกลัวไม่ใช่ข้า แต่เป็นน้องฝาน ดังนั้น พวกเจ้าขอโทษเขาเถอะ ถ้าเขาให้
“ทำตัวประหลาด ผู้ชายสองคนอยู่ในห้องเดียวกันตลอดเวลา คงทำเรื่องขยะแขยงอยู่ก็ได้”เมื่อเสิ่นหยวนฮวากลับมาถึงห้องของเสิ่นหมิงหยวน เขาเริ่มบ่นพึมพำพูดจาหยาบคายว่าร้ายผู้อื่น“หยุดพูดจาไร้สาระ พูดสิ่งที่มีประโยชน์บ้าง!” เสิ่นหมิงหยวนพูดด้วยความโกรธ“คนน่าขยะแขยงสองคน จะพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้อย่างไร?” เมื่อถูกสั่งสอน เสิ่นหยวนฮวาทำหน้าไม่พอใจ“ไสหัวออกไป!”เสิ่นหมิงหยวนไล่เสิ่นหยวนฮวาออกไป“ท่านพ่อ ระวังโมโหเกินเสียสุขภาพขอรับ” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบกล่าวเสิ่นหมิงหยวนมองเสิ่นหยวนเลี่ยงนิ่งเป็นเวลาหลายวินาทีก่อนจะพูด “หยวนเลี่ยง พวกเขากินดื่มอย่างที่หยวนฮวาพูดจริงรึ?”“ขอรับ!” เสิ่นหยวนเลี่ยงพยักหน้า “ท่านพ่อ เป็นเช่นนั้นขอรับ แต่ระหว่างนั้น ฉู่หยางหงพูดหลายครั้งว่าเป็ดขาวที่ทำกับเฉินฝานอร่อยมากและสบายใจมากที่ได้ทำการค้าขายกับเขา”“ไม่รู้ว่าเจ้าเฉินฝานใช้อะไรทำเป็ดขาวเหล่านั้น ถึงทำให้คนชาวฉู่กล่าวชมไม่หยุด ท่านพ่อ หรือไม่ให้ข้าบุกเข้าไปในกระโจม ด้วยเหตุผลว่าเข้าไปจับตัวนักลอบฆ่าแล้วดูว่าเจ้าเฉินฝานทำเป็ดขาวพวกนั้นอย่างไร”เสิ่นหมิงหยวนสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับแสดงสีหน้าเหยียดหยาม “ไม่จ
“ฝ่าบาท! ทหารกองทัพหมาป่าต่อสู้อย่างดุเดือดกับพวกชาวหูที่อยู่ทางตอนเหนือ แต่เหตุใดราชสำนักถึงลดเสบียงทหารของกองทัพหมาป่าอย่างเข้มงวด ในกองทัพมีเพียงข้าวสารและไม่มีเนื้อสัตว์!”“ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์ ทหารกินไม่อิ่ม แล้วเราจะสู้กับพวกชาวหูที่สูงกว่าเราได้อย่างไร!”ผู้นำร่างใหญ่ผิวคล้ำคนหนึ่งพูดถึงความต้องการของเขาสำหรับการเดินทางครั้งนี้ชายผู้นี้มีชื่อว่าชุยต๋าหลุน เป็นมือขวาที่เก่งกาจของเพ่ยจี้และนายกองทหารม้าของกองทัพหมาป่า มีชื่อเสียงในด้านอารมณ์ฉุนเฉียวด้วยบุคลิกที่ฉุนเฉียวของเขา เขาจึงไม่เคยพูดคุยกับคนอื่นมากเกินไป เมื่อพูดสู้ไม่ได้ก็จะใช้หมัดโดยตรง มีขุนนางในราชสำนักหลายคนเกรงกลัวเขาและด้วยเหตุนี้ เพ่ยจี้ถึงได้ส่งเขากลับมาขออาหารแห้งและเนื้อสัตว์“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยรึ?” ฉินเย่ว์เหมยหันไปถามเลขาธิการกรมกลาโหม “เฉิงจื้อซิน นี่เป็นความบกพร่องในหน้าที่ของเจ้า ข้าขอสั่งเจ้าตอนนี้ ชดเฉยเนื้อสัตว์ที่ขาดส่งของกองทัพหมาป่าให้ครบและเจ้าเป็นผู้นำส่งไปที่ตอนเหนือด้วยตนเอง!”“ฝ่าบาท!” เฉิงจื้อซินกล่าวสีหน้าขมขื่น “ไม่ใช่ว่ากระหม่อมตั้งใจจะหักลบ แต่เงินไม่พอจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่
“ผู้ตรวจการเฉิน เจ้าไม่ได้เพิ่งทำการค้ากับแคว้นฉู่หรอกหรือ? เช่นนั้นก็เอาเงินห้าแสนตำลึงให้กับนายกองทหารชุยโดยเร็วแถอะ ทหารอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์” เสิ่นหยวนเลี่ยงเร่งเร้าตาม ชุยต๋าหลุนเขาติดสินบนคนในสมาคมการค้าแคว้นฉู่เขาได้ข่าวว่าแม้ว่าการค้าจะมีข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ได้เงิน คราวเดียวจำนวนห้าแสน ตีให้ตายเฉินฝานก็ไม่มีปัญหาหามาได้“เจ้าเอาเงินมา ข้าจะกลับกองทัพหมาป่าทันที จอมพลกับนายทหารยังรอข้ากลับไป”“เห็นแก่เจ้าที่รู้จักกับจอมพล ข้าจะไม่ทูลต่อฝ่าบาทให้เจ้ารับผิดชอบอีก” ชุยต๋าหลุนกล่าว“ส่วนเรื่องเงิน…...”“ผู้ตรวจการเฉิน รีรออะไรอีกเล่า? นายกองทหารชุยรีบกลับกองทัพหมาป่า!” เสิ่นหยวนเลี่ยงเร่งเร้า เฉินฝานเสิ่นหมิงหยวนยังคงเงียบแต่หลังจากเสิ่นหยวนเลี่ยงกล่าวเร่งเร้า สายตาของเขาก็ดูแปลกชอบกลเฉินฝานเจ้าเป็นคนฉลาด แต่น่าเสียดายที่ได้พบกับซูซิวฉีก่อน เจ้าจึงมีชะตากรรมที่ไม่ดี“นายกองทหารชุย สำหรับเงินนั้น ตอนนี้ข้าไม่มีจริง ๆ……แต่!” เฉินฝานพลันเปลี่ยนบทสนทนา “นายกองทหารชุย อย่าเพิ่งใจร้อน ข้าไม่มีเงิน แต่ข้ามีเนื้อสัตว์”“เนื้อสัตว์? เนื้อสัตว์ก็ได้ แล้วเนื้
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ