“ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมไม่รู้ว่าผู้ตรวจการเฉินและคนอื่น ๆ กำลังคุยกันเรื่องการค้าขาย”“กระหม่อมเข้ามาโดยพลการเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”“ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมสมควรตาย!”อย่างมองว่าเสิ่นหยวนฮวาตะโกนดังสนั่นแท้จริงแล้วเขาทำอย่างขอไปที เพราะเขาคุกเข่าไม่ตรงทิศทาง หน้าของเขาไม่ได้หันไปทางฉินเย่ว์เหมยด้วยซ้ำฉินเย่ว์เหมยย่อมรู้แผนการในใจของเสิ่นหยวนฮวานางยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ แสดงให้เห็นถึงการยิ้มเยาะ“เจ้าไม่ได้รบกวนข้า แต่เป็นนายจ้างใหญ่แซ่ฉู่ หากนายจ้างใหญ่แซ่ฉู่ให้อภัยเจ้า ข้าย่อมให้อภัยเจ้าแน่นอน”ฉู่หยางหงยิ้มกล่าว “ไม่จำเป็นต้องขออภัยกับข้า”เสิ่นหมิงหยวนประจบประแจงทันที “นายจ้างใหญ่แซ่ฉู่ใจกว้างยิ่งนัก ไม่น่าแปลกใจที่บริหารสมาคมการค้าได้เป็นอันดับหนึ่ง”“หยุดประจบประแจงข้าเถอะ ใช้ไม้นี้กับข้าไม่ได้หรอก” ฉู่หยางหงพลันพลิกหน้ามือเป็นหลังมือไม่ไว้หน้าเสิ่นหมิงหยวนแม้แต่น้อยเสิ่นหมิงหยวนหน้าซีด สีหน้าแย่เล็กน้อยเมื่อถูกฉู่หยางหงหักหน้าต่อหน้าทุกคน“คนที่พวกเจ้าทำให้ตกใจกลัวไม่ใช่ข้า แต่เป็นน้องฝาน ดังนั้น พวกเจ้าขอโทษเขาเถอะ ถ้าเขาให้
“ทำตัวประหลาด ผู้ชายสองคนอยู่ในห้องเดียวกันตลอดเวลา คงทำเรื่องขยะแขยงอยู่ก็ได้”เมื่อเสิ่นหยวนฮวากลับมาถึงห้องของเสิ่นหมิงหยวน เขาเริ่มบ่นพึมพำพูดจาหยาบคายว่าร้ายผู้อื่น“หยุดพูดจาไร้สาระ พูดสิ่งที่มีประโยชน์บ้าง!” เสิ่นหมิงหยวนพูดด้วยความโกรธ“คนน่าขยะแขยงสองคน จะพูดสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้อย่างไร?” เมื่อถูกสั่งสอน เสิ่นหยวนฮวาทำหน้าไม่พอใจ“ไสหัวออกไป!”เสิ่นหมิงหยวนไล่เสิ่นหยวนฮวาออกไป“ท่านพ่อ ระวังโมโหเกินเสียสุขภาพขอรับ” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบกล่าวเสิ่นหมิงหยวนมองเสิ่นหยวนเลี่ยงนิ่งเป็นเวลาหลายวินาทีก่อนจะพูด “หยวนเลี่ยง พวกเขากินดื่มอย่างที่หยวนฮวาพูดจริงรึ?”“ขอรับ!” เสิ่นหยวนเลี่ยงพยักหน้า “ท่านพ่อ เป็นเช่นนั้นขอรับ แต่ระหว่างนั้น ฉู่หยางหงพูดหลายครั้งว่าเป็ดขาวที่ทำกับเฉินฝานอร่อยมากและสบายใจมากที่ได้ทำการค้าขายกับเขา”“ไม่รู้ว่าเจ้าเฉินฝานใช้อะไรทำเป็ดขาวเหล่านั้น ถึงทำให้คนชาวฉู่กล่าวชมไม่หยุด ท่านพ่อ หรือไม่ให้ข้าบุกเข้าไปในกระโจม ด้วยเหตุผลว่าเข้าไปจับตัวนักลอบฆ่าแล้วดูว่าเจ้าเฉินฝานทำเป็ดขาวพวกนั้นอย่างไร”เสิ่นหมิงหยวนสะบัดแขนเสื้อพร้อมกับแสดงสีหน้าเหยียดหยาม “ไม่จ
“ฝ่าบาท! ทหารกองทัพหมาป่าต่อสู้อย่างดุเดือดกับพวกชาวหูที่อยู่ทางตอนเหนือ แต่เหตุใดราชสำนักถึงลดเสบียงทหารของกองทัพหมาป่าอย่างเข้มงวด ในกองทัพมีเพียงข้าวสารและไม่มีเนื้อสัตว์!”“ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์ ทหารกินไม่อิ่ม แล้วเราจะสู้กับพวกชาวหูที่สูงกว่าเราได้อย่างไร!”ผู้นำร่างใหญ่ผิวคล้ำคนหนึ่งพูดถึงความต้องการของเขาสำหรับการเดินทางครั้งนี้ชายผู้นี้มีชื่อว่าชุยต๋าหลุน เป็นมือขวาที่เก่งกาจของเพ่ยจี้และนายกองทหารม้าของกองทัพหมาป่า มีชื่อเสียงในด้านอารมณ์ฉุนเฉียวด้วยบุคลิกที่ฉุนเฉียวของเขา เขาจึงไม่เคยพูดคุยกับคนอื่นมากเกินไป เมื่อพูดสู้ไม่ได้ก็จะใช้หมัดโดยตรง มีขุนนางในราชสำนักหลายคนเกรงกลัวเขาและด้วยเหตุนี้ เพ่ยจี้ถึงได้ส่งเขากลับมาขออาหารแห้งและเนื้อสัตว์“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยรึ?” ฉินเย่ว์เหมยหันไปถามเลขาธิการกรมกลาโหม “เฉิงจื้อซิน นี่เป็นความบกพร่องในหน้าที่ของเจ้า ข้าขอสั่งเจ้าตอนนี้ ชดเฉยเนื้อสัตว์ที่ขาดส่งของกองทัพหมาป่าให้ครบและเจ้าเป็นผู้นำส่งไปที่ตอนเหนือด้วยตนเอง!”“ฝ่าบาท!” เฉิงจื้อซินกล่าวสีหน้าขมขื่น “ไม่ใช่ว่ากระหม่อมตั้งใจจะหักลบ แต่เงินไม่พอจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่
“ผู้ตรวจการเฉิน เจ้าไม่ได้เพิ่งทำการค้ากับแคว้นฉู่หรอกหรือ? เช่นนั้นก็เอาเงินห้าแสนตำลึงให้กับนายกองทหารชุยโดยเร็วแถอะ ทหารอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเนื้อสัตว์” เสิ่นหยวนเลี่ยงเร่งเร้าตาม ชุยต๋าหลุนเขาติดสินบนคนในสมาคมการค้าแคว้นฉู่เขาได้ข่าวว่าแม้ว่าการค้าจะมีข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่ได้เงิน คราวเดียวจำนวนห้าแสน ตีให้ตายเฉินฝานก็ไม่มีปัญหาหามาได้“เจ้าเอาเงินมา ข้าจะกลับกองทัพหมาป่าทันที จอมพลกับนายทหารยังรอข้ากลับไป”“เห็นแก่เจ้าที่รู้จักกับจอมพล ข้าจะไม่ทูลต่อฝ่าบาทให้เจ้ารับผิดชอบอีก” ชุยต๋าหลุนกล่าว“ส่วนเรื่องเงิน…...”“ผู้ตรวจการเฉิน รีรออะไรอีกเล่า? นายกองทหารชุยรีบกลับกองทัพหมาป่า!” เสิ่นหยวนเลี่ยงเร่งเร้า เฉินฝานเสิ่นหมิงหยวนยังคงเงียบแต่หลังจากเสิ่นหยวนเลี่ยงกล่าวเร่งเร้า สายตาของเขาก็ดูแปลกชอบกลเฉินฝานเจ้าเป็นคนฉลาด แต่น่าเสียดายที่ได้พบกับซูซิวฉีก่อน เจ้าจึงมีชะตากรรมที่ไม่ดี“นายกองทหารชุย สำหรับเงินนั้น ตอนนี้ข้าไม่มีจริง ๆ……แต่!” เฉินฝานพลันเปลี่ยนบทสนทนา “นายกองทหารชุย อย่าเพิ่งใจร้อน ข้าไม่มีเงิน แต่ข้ามีเนื้อสัตว์”“เนื้อสัตว์? เนื้อสัตว์ก็ได้ แล้วเนื้
ขุนนางใจเสาะรีบหลับตา กลัวว่าเปิดประตูแล้วจะเห็นฉากนองเลือดขุนนางใจกล้าแอบย่องเท้า เอียงคอและมองอย่างสงสัยว่าเฉินฝานเป็นศพที่มีครบทุกส่วนหรือไม่“ห้ะ?!”เมื่อเห็นคนที่เดินออกมา ทุกคนต่างตกตะลึง“น้องฝาน เมื่อครู่นี้ข้าผิดเอง!” ชุยต๋าหลุนวางมือข้างหนึ่งบนไหล่ของเฉินฝาน มืออีกข้างหนึ่งเช็ดปากที่มันเยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่จอมพลชอบเจ้า เจ้ามีความสามารถบางอย่างจริง ๆ!”เขามีความสุขมาก ขณะที่ยกย่องเฉินฝาน ชุยต๋าหลุนก็ตบหลังเฉินฝานอย่างแรงชุยต๋าหลุนเป็นคนมีพลังมาก เขาตบหลังเฉินฝานจนเจ็บจี๊ด“......” เฉินฝานพูดไม่ออกไปสักพัก โชคดีที่เขาไม่ใช่คนธรรมดา ไม่เช่นนั้น ชุยต๋าหลุนตบเขาแบบนี้คงจะทำให้เขาอาเจียนเป็นเลือดได้เกิดอะไรขึ้น?ขุนนางทุกคนมองหน้ากันและกันเมื่อครู่นี้จะฆ่าฆ่าเฉินฝานให้ได้ไม่ใช่รึ? ทำไมเข้าครัวเพียงครู่เดียว พอออกมาก็เรียกพี่น้องกันแล้ว“นายกองทหารชุย พวกเจ้า……” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินเข้าไปหา“ข้าไม่มีเวลาคุยไร้สาระกับเจ้า จอมพลยังรอข้ากลับไปรายงาน!”ชุยต๋าหลุนผลักเสิ่นหยวนเลี่ยงออกอย่างเบื่อหน่ายก่อนเดินทางกลับมา จอมพลกำชับเขาว่าอย่าได้พัวพันกับพ่อลูกตระกูลเสิ่น
“ท่านพ่อ ออกไปสิขอรับ!” เสิ่นหยวนฮวาขยับร่างกายตามการขยับของเสิ่นหมิงหยวน และหันหน้าเข้าหาเสิ่นหมิงหยวนเสมอเสิ่นหมิงหยวนจ้องเขม่นเสิ่นหยวนฮวาไม่อยากสนใจ แต่เมื่อเดินผ่านตัวเขา เขาพลันหยุดกะทันหันจมูกของเขาสั่นสองสามครั้งและเขาหันมองเสิ่นหยวนฮวา “เจ้าถืออะไรอยู่ในมือ?”“ข้าเปล่า!” เสิ่นหยวนฮวาส่ายหัวราวกับป๋องแป๋ง “ท่านพ่อ ไม่มีอะไรอยู่ในมือข้า…...ก่อนที่จะพูดจบ ตอนที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง เขาพลันถูกเสิ่นหมิงหยวนเอาออกมา“พี่ชาย เจ้า......”เสิ่นหยวนเลี่ยงชี้มือของเสิ่นหยวนฮวาและตกตะลึงอยู่พักหนึ่งเสิ่นหยวนฮวาถือเป็ดขาวที่ปรุงสุกหนึ่งตัวไว้ในมือเป็ดขาวที่ผ่านกระบวนการย่างแล้วมีสีแดงเลื่อม มันเยิ้มน่าดึงดูด เนื้อสัมผัสนุ่มและมีกลิ่นหอมความร้อนกำลังพอดี หนังกรอบห่อหุ้มเนื้อที่อุ่นร้อนและชวนให้อยากกัดสักหนึ่งคำ“ขะ ข้าเห็นคนหลงใกลกันมากมายเลยอยากเอากลับมาดูว่าหมอนั่นใส่ยาแฝดอะไรลงไปหรือไม่?”“ใส่ยาแฝดก็ไม่ควรนำกลับมาที่นี่ พี่ไม่รู้เหรอว่าท่านพ่อไม่ชอบเนื้อเป็ดที่สุด” เสิ่นหยวนเลี่ยงขยิบตาให้เสิ่นหยวนฮวาเพื่อส่งสัญญาณให้เขาทิ้งมัน“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะเอามันไปทิ้ง!” เสิ่นหยวนฮวา
ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของขุนนางทุกคนเงินที่ส่องประกายแวววาวกล่องแล้วกล่องเล่าถูกยกเข้ามาในโรงเตี๊ยมอำเภอหลีในห้องโถงหลักของโรงเตี๊ยมไม่มีพื้นที่มากพอ จนต้องวางไว้ที่ลานด้านนอก“เสี่ยวฝาน!” ฉู่หยางหงกล่าว “นี่คือค่าถ่ายทอดทักษะสำหรับเป็ดย่างของปีนี้และเงินสำหรับสั่งคอเป็ด ตีนเป็ดและอื่น ๆ ในเดือนนี้”“ทั้งหมดห้าล้านห้าแสนตำลึง ให้คนของเจ้าลองนับดูเถอะ!”“นอกจากนี้ ข้าผู้แซ่ฉู่ยังรู้สึกโชคดีมากที่ได้ทำการค้ากับเจ้า เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าผู้แซ่ฉู่ขอมอบเป็ดขาวชุดต่อไปจำนวนห้าล้านตัวให้กับอำเภอหลีโดยไม่คิดเงินแม้แต่แดงดียว”เหล่าขุนนางตื่นตะลึงอ้าปากค้างนับไม่ถ้วนห้าล้านห้าแสนตำลึงบวกห่านขาวห้าล้านตัวโดยไม่เก็บเงินเฉินฝานไม่ได้คุยโม้ตั้งแต่แรก เขาสามารถหาเงินมาบรรเทาภัยพิบัติได้โดยไม่ต้องใช้เงินที่สำคัญไม่ได้มีรายได้เพียงเล็กน้อย แต่มีรายได้จำนวนมากและที่ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ข้อตกลงเพียงครั้งเดียว แต่เป็นข้อตกลงระยะยาวสำหรับแคว้นต้าชิ่งที่ล้าหลังและยากจน นี่เป็นเรื่องดีที่สะท้านทั่วท้องฟ้าและแผ่นดินสีหน้าของกลุ่มขุนนางที่มีเสิ่นหมิงหยวนเป็นผู้นำแตกต่างกันไปบางคนทำตัว
“ทหารยิงธนูเตรียมพร้อม!”ทหารยิงธนูสามร้อยคนชักคันธนูพร้อมกันพรึบ ๆ พร้อมเผชิญหน้ากับฝูงชนท่ามกลางฝุ่นควันตรงหน้าหลีชิ่งชูธงสีแดงเล็กในมือ…...“ช้าก่อน!”เฉินฝานยกม่านรถขึ้นแล้วพูดอย่างรีบร้อน “อย่ายิงธนู พวกเขาคือ…...”“ผู้มีพระคุณอยู่ที่นั่น!”เสียงตะโกนข้างหน้ากลบเสียงของเฉินฝานทันใดนั้น หน้ารถม้าของเฉินฝานมีคนคุกเข่าเต็มไปหมดปรากฎว่าพวกเขาเป็นชาวบ้านจากอำเภอหลี สิ่งที่อยู่ในมือคืออาหารและเสื้อผ้าแต่ละอย่าง“ท่านนายอำเภอ นี่มันอะไรกันหรือ ทำฝ่าบาทตื่นตระหนก เจ้ารู้ว่ามีความผิดหรือไม่?” เสิ่นหมิงหยวนถามนายอำเภอของอำเภอหลีด้วยเสียงแข็งทื่อ“ท่านอัครเสนาบดี ชาวบ้านในอำเภอหลีต่างก็พูดผู้ตรวจการเฉินเป็นพ่อแม่ที่เกิดใหม่ของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้ยินว่าเขากำลังจะจากไป พวกเขาก็ยืนกรานที่จะส่งผู้ตรวจการเฉิน ไม่ว่าข้าน้อยพยายามหยุดยั้งอย่างไรก็หยุดพวกเขาไว้ไม่ได้ขอรับ”นายอำเภอของอำเภอหลีทำหน้าลำบากใจ แต่ในใจไม่ได้ลำบากใจแม้แต่น้อย เขาไม่ได้ห้ามไม่ให้ชาวบ้านมาส่งเฉินฝาน แต่ยังให้สนับสนุนพวกเขา“ใต้เท้า ความตั้งใจของชาวบ้านไม่ควรขัดขืนนะขอรับ!”ประโยคสุดท้าย หากพูดตรง ๆ ก็คือการต
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้