“ข้าบอกแล้วว่าพวกเจ้าคงฟังผิด”“พวกเจ้าได้ยินถูกแล้ว!”เฉินฝานเดินออกมาจากด้านหลังหลูเฉิงกวงและยืนข้างเขาอย่างเรียบนิ่ง“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับใต้เท้าหลูแต่อย่างใด ข้าคิดว่า…...”เฉินฝานกวาดตามองคนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง“ในหมู่พวกเจ้า คงมีพี่น้องจากภูเขาวิฬาร์เป็นแน่ ตอนนี้ข้าจึงขอรบกวนเจ้าส่งสารให้นายของเจ้า เราสู้กันด้วยกำลังของคนพื้นเมือง พวกเขากล้ารับคำท้านี้หรือไม่? ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็ถือว่าเป็นเรื่องของเราสองคน ไม่เกี่ยวข้องกับพลเมืองของอำเภอผิงอัน”เมื่อเฉินฝานพูดจบ สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง แม้แต่ชายสองคนที่เป็นคนชี้นำยังตกตะลึงพวกเขาคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องราวจะดำเนินไปเช่นนี้ชายชุดเทามองรถม้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่ทำการอำเภอ คนบนรถม้าส่ายหัวให้สัญญาว่านิ่งเพื่อดูสถานการณ์ก่อน“เฉินฝาน ปัญญาชนอย่างเจ้าจะไปปราบโจร?”“มีกฎห้ามปัญญาชนไปปราบโจรรึ?” เฉินฝานยิ้มเบา ๆบางคนในฝูงชนเริ่มแสดงท่าทาง “พวกโจรในภูเขาวิฬาร์ใช้ดาบที่ยาวและใหญ่ขนาดนั้น อย่าว่าแต่สู้กัน เจ้ายกดาบนั่นไหวรึเฉินฝาน?”“กล่องใส่ตำราเรียนของพวกปัญญาชนที่เข้าเรียนในสถานศึ
“พี่ใหญ่ อย่าทำให้เด็กกลัวสิขอรับ”ชายผู้นั่งอยู่ไม่ไกลจากมังกรตาเดียวพูดน้ำเสียงที่อบอุ่นเมื่อชายคนนั้นกล่าว มังกรตาเดียวก็ขมึงตาใส่ชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาหยิบถ้วยสุราขึ้นดื่มต่อ“เฮยจื่อ ไม่ต้องกลัว ลุกขึ้นพูด!”ชายคนนั้นวางตำราเรียนในมือลง เขาสวมชุดขาว เป็นคนผิวขาวและสวมเสื้อผ้าที่สะอาด ดูสง่าและอ่อนโยน ไม่เข้ากับบรรยากาศอึมครึมที่เต็มไปด้วยความดุร้ายในถ้ำอย่างสิ้นเชิงผู้ชายที่มีนามว่าเฮยจื่อ ไม่ ควรใช้คำว่าเด็กชายเด็กชายมีผมเทาเหลือง รูปร่างผอมเล็กเหมือนคนขาดสารอาหาร“ทะ ท่านโจว!” ตอนพูดกับมังกรตาเดียว ร่างผอมเพรียวของเด็กชายสั่นเทายิ่งกว่านายท่านโจวที่เขาเรียก ก็คือผู้นำคนที่สองของภูเขาวิฬาร์โจวหลี่เหรินนายท่านโจวผู้นี้มีใบหน้าที่ดูใจดีมีเมตตาและอ่อนโยนอยู่เสมอ แต่ทุกคนบนภูเขาวิฬาร์รู้ดีว่าความโหดร้ายของเขา น่ากลัวกว่ามังกรตาเดียวมากกว่าสองเท่ากวาดล้างหมู่บ้านฆ่าเด็กทารก ใช้ทัณฑ์ทรมานด้วยการเสียบทารกไว้กับเสาไม้แล้วตั้งไว้หน้าหมู่บ้าน ก็คือฝีมือของเขา“อืม ไอ้เฉินฝานนั่นพูดว่าอย่างไร เจ้าจงพูดอีกครั้ง อย่าได้ตกไปแม้แต่คำเดียว”“ขอรับ นายท่านโจว” เด็กชายทวนคำพ
“ใต้เท้า เป็นเรื่องจริงขอรับ ข้าน้อยมั่นใจในข่าวแล้วถึงกลับมาขอรับ”“เจ้าหนุ่มนั่น” ลวี่เหลียงเจ๋อขยับถ้วยชาเบา ๆ “ในสมองเขามีของอยู่ไม่น้อย แค่พูดไม่กี่คำ วิกฤตของหลูเฉิงกวงก็คลี่คลายไปได้อย่างง่ายดาย”“ถึงกระนั้น ตราบใดที่หลูเฉิงกวงไม่ส่งคนไปปราบพวกโจรก็เท่ากับขัดขืนคำสั่ง พวกเราสามารถไปฟ้องใต้เท้าจือฝู่ได้” เมื่อคิดว่าจับจุดอ่อนของหลูเฉิงกวงได้ นายทะเบียนอำเภอตูอันก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย“เอ่อ!” ลวี่เหลียงเจ๋อยกมือขึ้น “ไม่จำเป็น พวกเรารอดูความสนุกอยู่ข้าง ๆ ก็พอ ข้าอยากดูสักหน่อยว่าเจ้าเฉินฝานจะเอาชนะพวกโจรภูเขาวิฬาร์อย่างไร”สิ่งที่เขาอยากเห็น สุดท้ายเฉินฝานตายอย่างไรพูดตามตรง ผลลัพธ์นี้ เขาอยากเห็นมากกว่าเมื่อเฉินฝานตาย จะจัดการหลูเฉิงกวงก็ง่ายมากหากไม่มีเฉินฝาน หลูเฉิงกวงก็คงออกจากตำแหน่งไปนานแล้วในดวงตาของลวี่เหลียงเจ๋อมีความชั่วร้ายวาบผ่านเจ้าหนุ่ม สมองของเจ้าฉลาดไม่น้อย แต่เด็กเกินไปมักหลงตัวเอง เจ้าคิดว่าการปะทะกับโจรภูเขาวิฬาร์ คือการปะทะกับติงลั่ว ฟางทิงและเจี่ยงหงเหวินอย่างนั้นรึ?……วันที่โจรภูเขาวิฬาร์รับคำท้า มีคนหนุ่มสาวจำนวนมากของอำเภอผิงอันไปลงสมัคร
“เจ้าต้องการไหเหล้ามากมายขนาดนั้นไปทำอะไร? เพื่อให้เจ้ามีกำลังใจมากขึ้น?”เฉินฝานยังไม่ทันตอบ หลี่ซานก็พูดต่อ “สู้พวกโจรเหล่านั้นไม่ได้ ก็สู้ไม่ได้ ดื่มเหล้ามากแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์”“นี่!” เฉินฝานส่ายหัว “พี่หลี่ พี่เพิ่งจะอายุยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกก็เข้าสู่วัยทองแล้วหรือ? ขี้บ่นเหมือนแม่ของข้าเลย”“วัยทองคืออะไร? ข้าเหมือนแม่ของเจ้า แล้วแม่เจ้าเป็นใคร?” หลี่ซานมีนิสัยชอบขุดไปถึงราก“นางเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับข้า แต่นางก็เหมือนมัวมัวในเรือนของเจ้า จู้จี้จุกจิกตลอดทั้งวัน” เมื่อเฉินฝานพูดจบ ก็พูดในใจเงียบ ๆ ว่าแม่ ผมขอโทษ แม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดของผม แม้ว่าจะจู้จี้จุกจิก แต่ผมก็รักแม่ครับ“เสี่ยวฝาน เจ้าหมายความว่าอะไร? ข้าเหมือนมัวมัวตรงไหน ไม่ใช่เพราะข้าเป็นห่วงเจ้าหรอกรึ? เจ้า……”“พี่หลี่ ๆ ข้าผิดไปแล้ว ๆ” เฉินฝานใช้ไม้ตายเดิมของเขาด้วยการยิ้มซื่อบื่อ“ถ้าไม่ใช่เพราะสงสารพวกน้องสะใภ้ ข้าก็ไม่อยากสนใจเจ้าหรอก ถ้าเจ้าตาย ใครจะดูแลทรัพย์สินเหล่านั้นของเจ้าและใครจะดูแลพวกน้องสะใภ้”“พี่หลี่ พี่พูดถูก พูดถูกขอรับ!” กลัวว่าหลี่ซานจะบ่นต่อ เฉินฝานจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “นอกจากไหเหล้าแล้ว พ
โจวลี่เหรินไม่มีกองกำลังทหาร ทว่าอำนาจบารมีของเขาเกรียงไกรกว่ามังกรตาเดียวมาก เมื่อเขาพูด วานรและถูซิงซุนหุบปากทันที“การรุกรานของเฉินฝานครั้งก่อน พวกเราปล่อยปละละเลยไม่ได้เด็ดขาด จะปล่อยให้เขาขึ้นเขามาไม่ได้ เพียงแค่เขาปรากฎตัว ฆ่าทิ้งทันที” โจวลี่เหรินกล่าว“ใต้เท้านายกองของหรงตูนำกำลังทหารมาด้วยตัวเอง ก็ยังทะลวงประตูภูเขาพวกเราไม่ได้ แค่ปัญญาชนคนเดียวจะกลัวอะไร?”“นั้นนะสิ ถ้าข่าวแพร่ออกไป คนอื่นก็ต้องหัวเราะเยาะพวกเราแน่ ปัญญาชนคนเดียวทำให้เราตกใจกลัวจนเป็นแบบนี้ ต่อจากนี้ไปใครจะกลัวพวกเราอีก”วานรกับถูซิงซุนที่ทะเลาะกันวุ่นวายใหญ่โตเมื่อครู่ ตอนนี้กระซิบกระซาบเข้าขากันได้อย่างดี“น้องรอง เจ้าระแวงเกินเหตไปละมั้ง?” มังกรตาเดียวก็แสดงความเห็นต่าง“พี่ใหญ่ ข้าเคยเจอเฉินฝานนั้นที่อำเภอผิงอัน เขาไม่ใช่คนไร้ความสามารถแน่นอน เขาสามารถหลบลูกธนูของโจวอวี่ได้”โจวลี่เหรินสีหน้าเคร่งขรึม ถ้าคนที่จะมาเป็นหลูเฉิงกวง เขาจะไม่สนใจเลย ปล่อยให้มังกรตาเดียวจัดการตามอำเภอใจตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นเฉินฝาน.....เขากังวลใจมาตลอด การประลองสามครั้งระหว่างเฉินฝานกับอำเภอตูอัน การเกษตร เค้ก รถเครื่
“หนึ่งร้อยคน?!”เสียงของหลูเฉิงกวงดังราวผ่าเปรี้ยงลงไปในโสตประสาทของเฉินฝานเฉินฝานแสยะยิ้ม “ใช่แล้ว หนึ่งร้อยเหวินหนึ่งคนหนึ่งเหวิน ข้าไม่มีเงินจ้างเยอะขนาดนั้น”“เสี่ยวฝาน ข้ารู้ว่าเจ้าปราดเปรื่องใช่ย่อย ทว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาล้อเล่น” สีหน้าของหลูเฉิงกวงจริงจังเฉินฝานก็หุบยิ้มเช่นกัน “ใต้เท้า ข้าไม่ได้ล้อเล่น หนึ่งร้อยคนก็เพียงพอ”หลี่ซานเคยวาดลักษณะทางภูมิประเทศของภูเขาวิฬาร์ให้เฉินฝานดูเส้นทางที่จะขึ้นเขาไปมีทางเดียวที่กว้างไม่ถึงสิบเมตร เป็นที่คับแคบ ถึงขั้นไม่ถึงห้าเมตรด้วยซ้ำ ตรงที่อื่นๆก็เป็นหน้าผาสูงชันถ้าต้องขึ้นไปทั้งหนึ่งพันคนจริงๆ คนเยอะขนาดนั้นคงจะตายตั้งแต่ยังไม่ได้รบการสูญเสียที่ไม่ได้มาจากการรบเป็นข้อห้ามของการทหารเฉินฝานไปเรือนแขกสำราญสุขคัดสรรหนึ่งร้อยคนด้วยตัวเองเลือกหนึ่งร้อยคนจากพันคน ก็ควรจะได้คนที่ร่างกายกำยำผลลัพธ์ทำให้เขาผิดหวังเล็กน้อยเนื่องด้วยผู้ชายเยอะผู้หญิงน้อย ชายหนุ่มพวกนี้ถูกเลี้ยงด้วยการเอาอกเอาใจ สภาพร่างกายของพวกเขาธรรมดามากจริงๆก็ไม่แปลกที่พวกโจรภูเขาวิฬาร์จะออกอาละวาดขนาดนั้นแต่ก็ช่างเถอะอย่างไรเสียครั้งนี้ ก็ไม่ได้ต้
“ถ้าข้าไม่พุ่งไปข้างหน้า จะยิงมังกรตาเดียวนั้นตายได้อย่างไร!” ฉินเย่ว์เจียวทำตาโตมองเฉินฝานด้วยความไร้เดียงสาในสามพี่น้องนี่ นิสัยใจร้อนที่สุดคือฉินเย่ว์เจียว อ่านความคิดออกง่ายที่สุดก็เป็นนางเช่นกัน“เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็อยู่ข้างๆข้า ข้าให้เจ้ารุดหน้าเจ้าค่อยออกไป”“ได้เลย” ฉินเย่ว์เจียวพยักหน้าอย่างว่าง่าย นายท่าน ท่านไม่มีเรื่องอะไรแล้วใช่ไหม?”“ไม่มีอะไรแล้วล่ะ”“ไม่มีอะไรแล้วเช่นนั้นข้าจะไปฝึกซ้อมธนูต่อ!”“เฮ้อ......”มองแผ่นหลังของฉินเย่ว์เจียวผอมกระหร่องเช่นนั้น เฉินฝานสีหน้าจนปัญญาเด็กนี่เมื่อครู่ก็บอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ต้องฝึกแล้ว ทำไมพูดไปประเดี๋ยวเดียวก็ลืมอีกแล้ว?“เจ้านาย!”สาวใช้โบตั๋นเดินมาโค้งคำนับเฉินฝานครึ่งตัว“อืม” เฉินฝานพยักหน้าส่งสัญญาณให้นางลุกขึ้น“เตรียมน้ำร้อนไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว เชิญเจ้านายอาบน้ำได้เลย”“เยี่ยม!”วันนี้มีเรื่องราวมากมาย ไม่ได้อาบน้ำให้ดีๆจริงๆ“ทุกคนออกไปเถอะ!” เมื่อเข้ามาให้องอาบน้ำแล้ว เฉินฝานโบกมือบอกเจตจำนงให้สาวใช้ที่อยู่ในห้องออกไปเจ้าขุนมูลนายครอบครัวมหาเศรษฐีในยุคโบราณ เวลาที่อาบน้ำล้วนมีสาวใช้คอยปรนนิบัติอยู
หลังจากที่ผ่านไปสามวินาทีเต็มๆ เฉินฝานถึงจะได้สติกลับมาว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรคนที่ซุกตัวในอ้อมอกเขาตัวสั่นเล็กน้อยไม่ใช่เพราะกลัว และไม่ใช่เพราะหนาว กำลังยิ้มอยู่ณ ตอนนี้ ในที่สุดเฉินฝานก็เข้าใจ มาวัดอุณหภูมิน้ำ สำนึกผิดอะไรนั้น ล้วนเป็นเรื่องเสแสร้งทั้งเพความจริงแล้ว เกรงว่าคงจะเป็น......เฉินฝานง้างมือตีทันที“เผียะ!”“อ้าก!” ฉินเย่ว์โหรวร้องออกมา ยันร่างขึ้นทำปากจู๋ “นายท่าน ตีข้าทำไม!”“เจ้าคิดว่าไงล่ะ?” เฉินฝานน้ำเสียงแหบพร่าเสื้อผ้าของฉินเย่ว์โหรวเปียกปอน ใต้แสงเทียน ผิวขาวเรียบเนียนเปล่งประกายออกมามองเห็นทรวดทรงองค์เอวอรชรอ้อนแอ้นได้อย่างไม่มีอะไรปิดกั้น“คืออะไรหรือ ข้าน้อยไม่รู้เลย!” ฉินเย่ว์โหรวที่เมื่อครู่ยังเหมือนกับแกะน้อยตัวหนึ่ง ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทันทีตอนกลางวันเป็นเด็กน้อยที่นุ่มนวลสงบเสงี่ยม เมื่อถึงกลางคืนก็กลายร่างเป็นสาวพราวเสน่ห์ที่ยั่วยวนคนคืนนี้คงจะลิขิตให้......น้ำในอ่างขนาดใหญ่สาดกระเซ็นไปทั่วจันทราบนท้องนภาเมื่อได้เห็นก็เขินอายจนเคลื่อนย้ายไปหลบหลังเมฆา.......รุ่งสางหลังจากที่พวกสาวใช้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เฉินฝานเปิดประตูออกไ
เฉินฝานที่พักสายตาโดยตลอดลืมตาขึ้น “ครอบครัวผู้เฒ่ามีหลานสาวสิบคนที่ยังมิได้ออกเรือนงั้นหรือ?”“เฮ้อ หากจะกล่าวให้ถูกต้องคือมีทั้งหมดสิบห้าคน มีห้าคนที่คิดว่าตนเองอายุมากแล้ว กลายเป็นภาระของคนในบ้านจึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย”เสียงของผู้เฒ่าตาบอดตะกุกตะกักเป็นอย่างมาก “ปีที่แล้วผูกคอตาย เดือนที่แล้ว ก็มีอีกสองคนที่จวนจะ...โชคดีที่ยายเฒ่าไปเจอเสียก่อน มิเช่นนั้นก็คง...”ผู้เฒ่าตาบอดพูดมิออกแล้ว มีเพียงดวงตาที่ขาวโพลนมิมีตาดำพรั่งพรูน้ำตาอุ่นๆออกมามิหยุดอากาศหนาวจนถึงจุดเยือกแข็ง มินานนักน้ำตาก็แข็งตัวเป็นน้ำแข็งคำพูดของผู้เฒ่าตาบอดแทงใจดำของเย่ว์หนูในตอนแรกที่นางอยู่ในครอบครัว ก็มีพี่น้องสิบคนเช่นกัน รายชื่อล้วนถูกแจ้งไปที่จวนอำเภอแล้ว ทว่าต่อให้ถูกส่งตัวไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกส่งตัวคืนมาอยู่ดีหากมิใช่ตอนนั้นเห็นว่าเฉินฝานกำลังรับกองกำลังหญิงพอดี ตอนนี้นางก็คงจะเป็นวิญญาณสาวเร่ร่อนตนหนึ่งในอำเภอผิงอันไปเรียบร้อยแล้ว“เช่นนั้นพ่อแม่เหล่าหลานสาวของท่านล่ะ? พวกเขามิสนใจพวกนางเลยหรือ?”ถึงแม้จะยากลำบาก พ่อแม่ของเย่ว์หนู ก็ยังดูแลพวกนางอย่างดีที่สุด“เฮ้อ~”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์ห
“ตอบคำถามข้ามา!”“คำถามของเจ้างั้นรึ? คำถามอันใดกัน?”“อย่ามาแกล้งโง่!”“นี่ ๆ ข้ามิได้แกล้งเสียหน่อย!” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นของเซียนเจี้ยนหวงทำเหมือนกับว่ามิมีความผิด “เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไป ได้ยินมิชัดเจนจริง ๆ เจ้ากล่าวว่าตำหนักเซียวเหยารึ? ตำหนักเซียวเหยาคืออะไรกัน?”“จุดประสงค์ที่ตำหนักเซียวเหยายังคงอยู่คืออันใด เจ้าก็รู้แก่ใจดีมิใช่รึ หรือว่าเจ้าจะรอให้ผู้ชายจำนวนมากต้องถูกสังหารโดยที่เจ้ามิทำอันใดเลยงั้นรึ”“เพื่อนของซูซิวฉีเป็นเช่นนี้งั้นรึ?”เฉินฝานมองซียนเจี้ยนหวงอย่างมิละสายตา“ข้า ข้า...” ในท้ายที่สุดเสียงของเซียนเจี้ยนหวงก็ขาดหายไป “ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าว่าจะมิยอมให้คนของตำหนักเซียวเหยาสังหารชายผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าอย่างเด็ดขาด”“เรื่องอื่นข้าก็มิรู้แล้ว เจ้ามิต้องถามข้าแล้ว” เซียนเจี้ยนหวงวิ่งหายไปในกลีบเมฆทันทีตอนที่เฉินฝานเดินออกจากหลุมศพของเมี่ยวอวี่แล้วเดินมาตรงถนน เห็น...“เย่ว์หนู ไฉนเจ้ายืนอยู่คนเดียว? รถม้าล่ะ?”เฉินฝานกล่าวถามเย่ว์หนูสีหน้าคับข้องใจยืนอยู่บนถนนโดยลำพังนิสัยของเย่ว์หนูค่อนข้างคล้ายคลึงกับผู้ชาย น้อยครั้งที่จะเป็นเช่นน
ความเย็นที่หัวไหล่ปลุกฉินเย่ว์เหมยที่กำลังเคลิบเคลิ้มให้ตื่นจากภวังค์“ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยที่อับอายจนโมโหถีบเฉินฝานออกไปทันที“โอ๊ย ๆ ๆ!”เฉินฝานกุมท้องที่ถูกถีบจนเจ็บปวดกลิ้งตัวไปมา ครั้งนี้เป็นความเจ็บของจริงทว่าครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยเพิกเฉยอย่างจริงจัง มิว่าเฉินฝานจะร้องอย่างไร นางก็จะมิเดินเข้าไปหาอีกนางพร่ำบอกตนเองเสมอนางเป็นจักรพรรดินีของต้าชิ่ง ๆชีวิตของนางถูกลิขิตให้อุทิศแก่ราชวงศ์ต้าชิ่ง นางจะอภิเษกสมรสมิได้“ตอนนี้ก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว เจ้ายังมีเรื่องอันใดจะกราบทูลอีกหรือไม่? หากมิมีก็กลับไปเถอะ”ความเจ็บตรงท้องของเฉินฝานเพิ่งจะจางหายไป โสตประสาทก็ได้ยินเสียงอันเยือกเย็นของฉินเย่ว์เหมยเมื่อเงยหน้ามอง เห็นว่าฉินเย่ว์เหมยที่นั่งตรงข้ามกับเขาได้กลับสู่ท่าทางเย่อหยิ่งเยือกเย็นดังเดิมแล้วเฉินฝานยักไหล่หากต้องการพิชิตจักรพรรดินีท่านนี้ ดูแล้วหนทางด้านยังอีกยาวไกลสินะ“ข้ามิได้มีเรื่องอันใดเป็นพิเศษ เดิมทีก็แค่อยากเจอเจ้า”เฉินฝานจัดเสื้อผ้าตนเองเล็กน้อย เขาก็เตรียมตัวที่จะจากไปแล้วเช่นกันหลังจากที่กลับมาพบกับพวกฉินเย่ว์โหรวอีกครั้ง ก็อยู่ในสถานการณ์เสี่ย
“เจ้า...เจ้าผู้ชายมักมาก ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”ฉินเย่ว์เหมยที่สูญเสียการทรงตัวไถลเข้าไปในอ้อมอกของเฉินฝาน ใบหน้าขึ้นสี ใช้มือผลักเฉินฝานออกไป“มิปล่อย!”เฉินฝานกอดรัดแน่นกว่าเดิม“เจ้าตัวหอมนุ่มนิ่มเช่นนี้ ข้าจะตัดใจยอมปล่อยได้อย่างไรกัน”“เจ้า!” ฉินเย่ว์เหมยโกรธจนตัวสั่น “หน้าด้านไร้ยางอาย!”“ถูกต้อง!” เฉินฝานทำท่าทีหน้าด้านหน้าทน “ข้าก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด ฝ่าบาทท่านเพิ่งมารู้ตัวตอนนี้งั้นหรือ?”“เจ้า...”ฉินเย่ว์เหมยยื่นมือออกไปคิดที่จะผลักเฉินฝานออกอีกครั้ง“ห้ามขยับตัว!” เฉินฝานจับมือสองข้างของฉินเย่ว์เหมยไว้ “เจ้าให้ข้านอนพักสักครู่ได้หรือไม่?”ระหว่างที่พูด เฉินฝานก็ปล่อยมือของฉินเย่ว์เหมย หยิบหมอนมาไว้บนตักของนางสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ หากเขามิได้อยู่ในเส้นทางการสู้รบกำจัดกบฏ ก็เผชิญความยากลำบากที่คาบเกี่ยวกับความตายห้องของฉินเย่ว์เหมยอบอุ่น เรือนร่างของฉินเย่ว์เหมยกลิ่นช่างหอมหวนยิ่งนัก ทำให้เฉินฝานได้สัมผัสกับความอบอุ่นและความปลอดภัยที่มิเคยรู้สึกมาก่อน“อยากนอน เจ้าไยมิกลับห้องตนเอง...”ฉินเย่ว์เหมยหยุดพูดทันที เพราะนางเห็นว่าเฉินฝานที่นอนหนุนตักของนางได้หลับไ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่