“เย่ว์เจียว เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”เมื่อเห็นว่าฉินเย่ว์เจียวกำลังขุ่นมัว เฉินฝานจึงคว้ามือของนางขึ้นไปชั้นบน“นี่ เสี่ยวฝาน สมุนไพร ๆ!”เฉินเจียงถือสมุนไพรห่อนั้นเดินตามขึ้นไป ฉินเย่ว์เจียวรับไป ก่อนจะโยนใส่ตัวของเฉินเจียง“อยากดื่มก็ดื่มเองสิ”เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นทันทีที่ฉินเย่ว์เจียวปิดประตูเฉินเจียงที่ไล่ตามขึ้นมาไม่ทันระวัง สันจมูกของเขาเกือบกระแทกกับประตู“เด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน นังเด็กไร้การศึกษา!”เฉินเจียงที่โดนปิดประตูใส่หน้า ก็ได้แต่ยืนด่าด้วยความโกรธฉุนเฉียวและอับอายเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวไม่สนใจเขา หลังจากด่าเสร็จแล้วเขาก็เดินจากไปอย่างเบื่อหน่ายการสอบวันที่สาม เฉินฝานก็ยังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะเช่นเดิมช่วยไม่ได้ เวลาในการสอบช่างนานและน่าเบื่อ จะไม่ให้ง่วงก็คงไม่ได้สวีจื่อหมิงโกรธมาก เขาตะโกนไล่ด่าเฉินฝานที่กำลังเดินไปยังสำนักศึกษา “พี่หมิง!” มีคนคว้าตัวเขาไว้ “ถึงอย่างไรก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว จะไปจู้จี้กับเด็กโง่นั้นอีกทำไม หลังจากประกาศรายชื่อผู้ที่สอบผ่าน เฉินฝานก็ต้องถูกคัดออกเดินคอตกกลับบ้านอยู่แล้ว ปีนี่เขาหลับในสนามสอบ ไม่มีทางได้ลงสอบระดับอำเภอในปีหน้าอย่า
“คงจะชื่อเหมือนกัน ไม่มีทางเป็นเฉินฝานจากหมู่บ้านซานเหอคนนั้นอย่างแน่นอน”“ไม่!” ผู้จัดอันดับยกนิ้วขึ้นสูง และขยับไปมาอยู่ตรงหน้าของผู้พูด “เจ้ากล่าวผิดแล้ว เฉินฝานที่อยู่ในแผ่นประกาศนั้นก็คือเฉินฝานจากหมู่บ้านซานเหอนั่นแหละ”“นี่ เถ้าแก่ซาง!” จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนเสียงดังท่ามกลางฝูงชน “หรือว่าปีนี้เถ้าแก่จะเมตตากรุณา อยากให้แข่งขันกันน้อยลง”นางมือยังคงแกว่งนิ้วของเขาต่อไป “ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ เดิมพันปีนี้คืออันดับหนึ่งของระดับซานหยวนและรายชื่ออันดับสุดท้าย”“จะลงเดิมพันอันดับสุดท้ายอย่างนั้นหรือ?”“ใช่ ! ยังคงเป็นห้าเหรียญต่อหนึ่งเดิมพัน รีบวางเร็วสิ ซื้อเยอะยิ่งได้เยอะ”“เช่นนี้!” แววตาของสวีจื่อหมิงเปล่งประกายทันใด “เถ้าแก่ซาง ข้าขอวางเดิมพันอีกสี่ร้อยเหรียญ ทุ่มให้เชิญฝานหมดตัว”“ข้าขอเดิมพันสิบเหรียญ”“ข้าขอเดิมพันห้าสิบเหรียญ!”ทุกคนต่างลงเดิมพันว่าเฉินฝานจะได้อันดับสุดท้าย เวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ความนิยมของเฉินฝานนั้นเป็นที่ต้องการกว่าเฉินเจียงหลายเท่าเมื่อเห็นสถานการณ์นี้ เฉินฝานก็อดยิ้มไม่ได้ผู้จัดอันดับปีนี้คงจะหาเงินได้เยอะกว่าที่คาดการณ์ไว้เฉินเจียงมองไปทางเฉิน
“ภรรยาหลวงของหลี่เจิ้ง เป็นตำแหน่งที่มีหน้ามีตาขนาดนั้นเชียวนะ เป็นฝ่ายขอหย่าก่อน จุ๊ๆๆ คงเสียสติไปแล้วจริงๆ“ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลี่เจิ้งหัวเราะถากถางดังลั่น “ได้! คำไหนคำนั้น! เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าอย่ามาร้องไห้ไปทั่วหาว่าข้าทรยศต่อเจ้า!”“แม่!”เถียนเสี่ยวอวี่พรวดพราดไปด้านหน้านางหลิว “ลูกขอร้องท่านล่ะ ท่านอย่าทำแบบนี้”เสื้อคลุมสีขาว ชุดกระโปรงผ้าไหมสีชมพู ร่างกายที่ผอมกะหร่อง ดวงตากลมโต สายตาแห่งความกลัดกลุ้มใจ ขนตาที่กะพริบปริบๆอากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวของเดือนสอง เถียนเสี่ยวอวี่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมดูผอมและอ่อนแอเป็นพิเศษ ทำให้รู้สึกสงสารจับใจเสียจริง“เสี่ยวอวี่ เจ้าไม่ต้องโน้มน้าวแล้ว แม่ตัดสินใจดีแล้ว” ในสายตาที่อบอุ่นของนางหลิว แผ่รังสีสว่างโชติช่วงที่แน่วแน่หาสิ่งใดเปรียบมิได้“ป้าหลิว ท่านทำแบบนี้มันไม่เหมาะสมไปหน่อยจริงๆ ขอโทษหลี่เจิ้งดีๆเรื่องนี้ก็ผ่านไปได้แล้ว”เฉินฝานก็ปริปากพูดโน้มน้าวนางหลิวการสอบระดับอำเภอเขาสอบผ่านได้แน่นอน ทว่าเขาเองก็ไม่อยากให้นางหลิวเลิกกับหลี่เจิ้งเพราะตนเองในสมัยต่อให้หย่าร้าง ผู้หญิงหลังจากที่หย่าร้างก็ถูกคนนินทาลับหลัง ทั้งชีวิตก็ไม่ม
เสียงนี้เพิ่งเปล่งออกไป เสียงคนด้านล่างก็จอแจวุ่นวายทันทีผู้คนวิ่งบอกต่อกันไปมา ช่วงเวลาพริบตาเดียว ทั้งตัวอำเภอผิงอันราวกับน้ำหยดหนึ่งที่หล่นในหม้อน้ำมันเดือดปุดๆโกลาหลวุ่นวาย!“ติดประกาศแล้ว! นายท่าน เร็ว พวกเรารีบไป!”เฉินฝานที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ถูกฉินเย่ว์เจียวลากให้ยืนขึ้น เด็กสาวพละกำลังมหาศาล ทำให้หนังสือที่อยู่มือของเฉินฝานตกลงไปที่พื้น“อ่ะ ตำราของข้า!”“นายท่าน อย่าเพิ่งใส่ใจกับตำรา พวกเราไปดูประกาศก่อน”ฉินเย่ว์เจียวดึงเฉินฝานออกมาจากห้องส่วนตัว วิ่งตรงไปด้านล่างพวกปัญญาชนและนักเรียนของเรือนแขกทั้งหมดต่างคนก็พากันเคลื่อนกายาออกมาจากบ้านความตื่นเต้นกังวลของแต่ละคนพรั่งพรู คนที่รู้สึกว่าตัวเองสอบได้ดี สีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง รู้สึกว่าสอบออกมาไม่ดี ในใจก็รู้สึกกระวนกระวายไปต่างๆนานา ภาวนาขอไม่ให้ชื่อของตนเองอย่าอยู่ลำดับหลังๆเกินไปอย่างเงียบๆที่ติดประกาศก็อยู่ที่ทางเข้าของสนามสอบตอนที่พวกเฉินฝานมาถึง ที่ติดประกาศก็เป็นลักษณะที่ผู้คนเบียดเสียดมืดฟ้ามัวดินมีพวกปัญญาชนและนักเรียนที่เข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ ทว่าที่เยอะกว่าเป็นพวกมวลชนที่เข้าร่วมการทายผ
“ติดแล้ว! ข้าติดแล้ว พ่อ แม่ ข้าติดแล้ว ติดแล้ว!”ไม่นานนัก ในกลุ่มคนก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ ตะโกนเสียงดังกอดรัดคนข้างๆด้วยความดีใจเฉินฝานตามเสียงไปดู คนที่ตะโกนเสียงดังดูแล้วอย่างน้อยก็อายุสามสิบปีแล้ว อายุสามสิบถึงจะสอบผ่านระดับอำเภอ ก็ไม่แปลกที่เขาจะตื่นเต้นดีใจเช่นนี้เสียงแห่งความยินดีปรีดาดังอย่างต่อเนื่อง ทว่าเสียงถอนหายใจแห่งความโศกเศร้ามีมากกว่าขนาดที่ว่าบางคนที่คิดว่าตัวเองทำดีเป็นที่น่าพอใจก็ยังหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาชี้ไปป้ายประกาศก่นด่านายอำเภอมีตาหามีแววไม่ ไม่รับรู้ถึงความสามารถของตน“เฮ้ย พวกเจ้าอย่าเบียดสิ ข้ากำลังหาชื่อของนายท่านข้าอยู่?”ฉินเย่ว์เจียวที่เขย่งเท้าหาชื่อของเฉินฝานถูกคนเบียดออกมา คนส่วนมากกรูเข้าไปที่ด้านหน้าป้ายประกาศคนที่กรูเข้าด้านหลัง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นมวลชนที่ลงพนัน พละกำลังของพวกเขามากกว่าพวกปัญญาชนและนักเรียนคณานับ เพียงครู่เดียวฉินเย่ว์เจียวถูกเบียดออกมาอยู่ด้านนอก“อย่าเบียดสิ ให้ข้าหาชื่อนายท่านข้าก่อน” ฉินเย่ว์เจียวเบียดเสียดเข้าไปในกลุ่มคน อยากจะทะลวงเข้าไป ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะเบียดเข้าไปได้อย่างไรกัน“พอเถ
“ไม่ติด สอบไม่ติดจริงๆ!”“เช่นนั้นพวกเราก็ซื้อถูกแล้ว ไป ๆ ไปเอาเงินกับเหลาชาง!”ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ นักเรียนของสถาบันศึกษาในหมู่บ้านซานเหอก็กรูไปหาเฉินฝานทั้งหมด ในนั้นก็รวมถึงเฉินเจียงด้วย“เสี่ยวฝาน ครั้งนี้สอบไม่ติดไม่สำคัญ ปีหน้าเจ้าก็ขยันหน่อย พยายามช่วงชิงตำแหน่งให้ได้”เฉินเจียงเสแสร้งปลอบใจเฉินฝานอีกครั้งเขาสอบผ่านด้วยอันดับสูง เฉินฝานสอบตกถูกคัดออกการเปรียบเทียบที่ชัดเจนแบบนี้ เขาชื่นชอบ“ข้าไม่คิดอย่างนั้น เฉินฝาน ปีหน้าเจ้าก็อย่าสอบเลยดีกว่า ตอนสอบก็หลับ คะแนนก็ไม่ติดอันดับ ชื่อเสียงของสถาบันศึกษาพวกเราจะมาเสื่อมเสียแบบนี้ไม่ได้”สีหน้าของสวี่จื่อหมิงไม่สู้ดีนัก เมื่อปริปากก็รังเกียจที่เฉินฝานทำให้ขายหน้า“ข้าเห็นด้วยกับที่น้องจื่อหมิงพูด นอกจากเฉินเจียงแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราทั้งหมดสอบไม่ผ่านระดับอำเภอ ทว่าพวกเราทั้งหมดก็ลำดับอยู่ในปิ่งปั่ง ไม่มีใครได้ต่ำกว่าติงปั่งหรือว่าไม่มีลำดับในติงปั่ง”คนที่พูดก็คือหูเฉิงหยางแห่งหมู่บ้านหลิง เขาเป็นนักเรียนที่อายุเยอะที่สุดในสถาบันศึกษา ปีนี้ก็ยี่สิบห้าแล้ว เขาตอนอายุสิบห้าก็เรียนโรงเรียนเด็กเล็ก อายุสิบเจ็ดก็เริ่มเข
“เจี๋ย...เจี๋ย...ปั่ง!”“ชื่อของเฉินฝานอยู่ท้ายสุดของเจี๋ยปั่ง!!”“หรือก็คือเฉินฝานผ่านการสอบระดับอำเภอแล้ว!!!”“คงไม่ใช่ชื่อซ้ำกันหรอกนะ”“บนป้ายก็เขียนไว้ไม่ใช่หรือ? ตำบลหลี่ผิงหมู่บ้านซานเหอเฉินฝาน หมู่บ้านซานเหอมีเฉินฝานสองคนมาสอบขุนนางไม่ได้?”“เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นคนในหมู่บ้านซานเหอ หมู่บ้านพวกเรามีแค่เฉินฝานเดียว”คำพูดของชาวบ้านหมู่บ้านซานเหอแค่คำพูดเดียวก็ชี้ขาดคำตัดสินใจสุดท้ายได้“ดังนั้น เฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอจริงๆแล้ว!!!”ท่ามกลางเสียงตื่นตกใจอย่างต่อเนื่อง คนที่อยู่ตรงที่ติดประกาศโดยรอบ ท่าทางและสีหน้าแทบจะเป็นแบบเดียวกันตาโตและอ้าปากค้างอย่างสุดขีดในเวลาเดียวกัน ตาค้างจ้องมองชื่อสุดท้ายของเจี๋ยปั่งคนที่ลงพนันทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าหงุดหงิดหงุดหงิดที่ตนเองไม่ได้ซื้อหมากพนันที่ว่าเฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอนั้นหมากพนันสามารถเพิ่มขึ้นได้เป็นร้อยเท่าเชียวนะเหลาชางผู้ทายผลก็แอบปาดเหงื่ออย่างเงียบๆ เริ่มแรกเขาทำเพื่อจะหาเงินเพิ่มเล็กน้อย ยังขะมักเขม้นในการประกาศการลงพนันที่ว่าเฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอโชคดีเริ่มแรกไม่คนเห็นว่าเฉินฝานมีอนาคตที่ดี ไม่เช่นน
แม้ความจริงจะอยู่ตรงหน้า แต่ไม่มีปัญญาชนคนใดยอมรับว่าเฉินฝานเก่งกว่าพวกเขา หลังจากผ่านการวิเคราะห์ต่างๆ แล้ว ล้วนรู้สึกว่าเฉินฝานโชคดี เดาถูกก็เท่านั้นเหตุผลที่ว่าเฉินฝานโชคดีเดาคำตอบถูก ทำให้พวกปัญญาชนเหล่านั้นรู้สึกดีขึ้นหลังจากรู้สึกดีขึ้น พวกเขาก็ถอนหายใจและโอดครวญโอดครวญว่าตนโชคร้าย สวรรค์ไม่เห็นใจพวกเขาท่ามกลางเสียงโอดครวญ คนที่ได้คะแนนต่ำกว่าอี๋ปั่ง เก็บสัมภาระของตนเองด้วยความไม่สบอารมณ์ ต่างคนต่างเดินกลับบ้านบางคนก็มีความมั่นใจว่า แม้แต่เฉินฝานยังสอบผ่าน เช่นนั้นปีหน้าตนก็ต้องสอบผ่านบางคนก็เศร้าใจ แม้กระทั่งเฉินฝานยังโชคดี แต่ตนที่พยายามมาหลายปี กลับไม่อาจสอบลำดับเจี๋ยปั่งได้แม้เบื้องหน้าเฉินเจียงจะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับลอบถอนหายใจแม้เขาจะเข้าร่วมการสอบขุนนางเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่เขาร่ำเรียนในสำนักศึกษานานกว่าสามปี ครั้งนี้ที่เขาสอบได้อันดับสูงๆ เขารู้ดีแก่ใจ ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีลูกชายสองคนหากไม่มีลูกชายทั้งสองคน ชื่อของเขาไม่ต่างจากเฉินฝานเฉินเจียงไม่ยอมรับว่า หากไม่ใช่เพราะลูกชายทั้งสองคน เขาอาจจะสอบเจี๋ยปั่งไม่ได้เสียด้วยซ้ำตรงกันข้ามกับเฉินฝาน เ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้