“ติดแล้ว! ข้าติดแล้ว พ่อ แม่ ข้าติดแล้ว ติดแล้ว!”ไม่นานนัก ในกลุ่มคนก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีอกดีใจ ตะโกนเสียงดังกอดรัดคนข้างๆด้วยความดีใจเฉินฝานตามเสียงไปดู คนที่ตะโกนเสียงดังดูแล้วอย่างน้อยก็อายุสามสิบปีแล้ว อายุสามสิบถึงจะสอบผ่านระดับอำเภอ ก็ไม่แปลกที่เขาจะตื่นเต้นดีใจเช่นนี้เสียงแห่งความยินดีปรีดาดังอย่างต่อเนื่อง ทว่าเสียงถอนหายใจแห่งความโศกเศร้ามีมากกว่าขนาดที่ว่าบางคนที่คิดว่าตัวเองทำดีเป็นที่น่าพอใจก็ยังหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาชี้ไปป้ายประกาศก่นด่านายอำเภอมีตาหามีแววไม่ ไม่รับรู้ถึงความสามารถของตน“เฮ้ย พวกเจ้าอย่าเบียดสิ ข้ากำลังหาชื่อของนายท่านข้าอยู่?”ฉินเย่ว์เจียวที่เขย่งเท้าหาชื่อของเฉินฝานถูกคนเบียดออกมา คนส่วนมากกรูเข้าไปที่ด้านหน้าป้ายประกาศคนที่กรูเข้าด้านหลัง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นมวลชนที่ลงพนัน พละกำลังของพวกเขามากกว่าพวกปัญญาชนและนักเรียนคณานับ เพียงครู่เดียวฉินเย่ว์เจียวถูกเบียดออกมาอยู่ด้านนอก“อย่าเบียดสิ ให้ข้าหาชื่อนายท่านข้าก่อน” ฉินเย่ว์เจียวเบียดเสียดเข้าไปในกลุ่มคน อยากจะทะลวงเข้าไป ทว่าอย่างไรเสียนางก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง จะเบียดเข้าไปได้อย่างไรกัน“พอเถ
“ไม่ติด สอบไม่ติดจริงๆ!”“เช่นนั้นพวกเราก็ซื้อถูกแล้ว ไป ๆ ไปเอาเงินกับเหลาชาง!”ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ นักเรียนของสถาบันศึกษาในหมู่บ้านซานเหอก็กรูไปหาเฉินฝานทั้งหมด ในนั้นก็รวมถึงเฉินเจียงด้วย“เสี่ยวฝาน ครั้งนี้สอบไม่ติดไม่สำคัญ ปีหน้าเจ้าก็ขยันหน่อย พยายามช่วงชิงตำแหน่งให้ได้”เฉินเจียงเสแสร้งปลอบใจเฉินฝานอีกครั้งเขาสอบผ่านด้วยอันดับสูง เฉินฝานสอบตกถูกคัดออกการเปรียบเทียบที่ชัดเจนแบบนี้ เขาชื่นชอบ“ข้าไม่คิดอย่างนั้น เฉินฝาน ปีหน้าเจ้าก็อย่าสอบเลยดีกว่า ตอนสอบก็หลับ คะแนนก็ไม่ติดอันดับ ชื่อเสียงของสถาบันศึกษาพวกเราจะมาเสื่อมเสียแบบนี้ไม่ได้”สีหน้าของสวี่จื่อหมิงไม่สู้ดีนัก เมื่อปริปากก็รังเกียจที่เฉินฝานทำให้ขายหน้า“ข้าเห็นด้วยกับที่น้องจื่อหมิงพูด นอกจากเฉินเจียงแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราทั้งหมดสอบไม่ผ่านระดับอำเภอ ทว่าพวกเราทั้งหมดก็ลำดับอยู่ในปิ่งปั่ง ไม่มีใครได้ต่ำกว่าติงปั่งหรือว่าไม่มีลำดับในติงปั่ง”คนที่พูดก็คือหูเฉิงหยางแห่งหมู่บ้านหลิง เขาเป็นนักเรียนที่อายุเยอะที่สุดในสถาบันศึกษา ปีนี้ก็ยี่สิบห้าแล้ว เขาตอนอายุสิบห้าก็เรียนโรงเรียนเด็กเล็ก อายุสิบเจ็ดก็เริ่มเข
“เจี๋ย...เจี๋ย...ปั่ง!”“ชื่อของเฉินฝานอยู่ท้ายสุดของเจี๋ยปั่ง!!”“หรือก็คือเฉินฝานผ่านการสอบระดับอำเภอแล้ว!!!”“คงไม่ใช่ชื่อซ้ำกันหรอกนะ”“บนป้ายก็เขียนไว้ไม่ใช่หรือ? ตำบลหลี่ผิงหมู่บ้านซานเหอเฉินฝาน หมู่บ้านซานเหอมีเฉินฝานสองคนมาสอบขุนนางไม่ได้?”“เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นคนในหมู่บ้านซานเหอ หมู่บ้านพวกเรามีแค่เฉินฝานเดียว”คำพูดของชาวบ้านหมู่บ้านซานเหอแค่คำพูดเดียวก็ชี้ขาดคำตัดสินใจสุดท้ายได้“ดังนั้น เฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอจริงๆแล้ว!!!”ท่ามกลางเสียงตื่นตกใจอย่างต่อเนื่อง คนที่อยู่ตรงที่ติดประกาศโดยรอบ ท่าทางและสีหน้าแทบจะเป็นแบบเดียวกันตาโตและอ้าปากค้างอย่างสุดขีดในเวลาเดียวกัน ตาค้างจ้องมองชื่อสุดท้ายของเจี๋ยปั่งคนที่ลงพนันทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าหงุดหงิดหงุดหงิดที่ตนเองไม่ได้ซื้อหมากพนันที่ว่าเฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอนั้นหมากพนันสามารถเพิ่มขึ้นได้เป็นร้อยเท่าเชียวนะเหลาชางผู้ทายผลก็แอบปาดเหงื่ออย่างเงียบๆ เริ่มแรกเขาทำเพื่อจะหาเงินเพิ่มเล็กน้อย ยังขะมักเขม้นในการประกาศการลงพนันที่ว่าเฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอโชคดีเริ่มแรกไม่คนเห็นว่าเฉินฝานมีอนาคตที่ดี ไม่เช่นน
แม้ความจริงจะอยู่ตรงหน้า แต่ไม่มีปัญญาชนคนใดยอมรับว่าเฉินฝานเก่งกว่าพวกเขา หลังจากผ่านการวิเคราะห์ต่างๆ แล้ว ล้วนรู้สึกว่าเฉินฝานโชคดี เดาถูกก็เท่านั้นเหตุผลที่ว่าเฉินฝานโชคดีเดาคำตอบถูก ทำให้พวกปัญญาชนเหล่านั้นรู้สึกดีขึ้นหลังจากรู้สึกดีขึ้น พวกเขาก็ถอนหายใจและโอดครวญโอดครวญว่าตนโชคร้าย สวรรค์ไม่เห็นใจพวกเขาท่ามกลางเสียงโอดครวญ คนที่ได้คะแนนต่ำกว่าอี๋ปั่ง เก็บสัมภาระของตนเองด้วยความไม่สบอารมณ์ ต่างคนต่างเดินกลับบ้านบางคนก็มีความมั่นใจว่า แม้แต่เฉินฝานยังสอบผ่าน เช่นนั้นปีหน้าตนก็ต้องสอบผ่านบางคนก็เศร้าใจ แม้กระทั่งเฉินฝานยังโชคดี แต่ตนที่พยายามมาหลายปี กลับไม่อาจสอบลำดับเจี๋ยปั่งได้แม้เบื้องหน้าเฉินเจียงจะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับลอบถอนหายใจแม้เขาจะเข้าร่วมการสอบขุนนางเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่เขาร่ำเรียนในสำนักศึกษานานกว่าสามปี ครั้งนี้ที่เขาสอบได้อันดับสูงๆ เขารู้ดีแก่ใจ ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีลูกชายสองคนหากไม่มีลูกชายทั้งสองคน ชื่อของเขาไม่ต่างจากเฉินฝานเฉินเจียงไม่ยอมรับว่า หากไม่ใช่เพราะลูกชายทั้งสองคน เขาอาจจะสอบเจี๋ยปั่งไม่ได้เสียด้วยซ้ำตรงกันข้ามกับเฉินฝาน เ
“เพราะว่า...” ฉินเย่ว์เจียวดูน้อยเนื้อต่ำใจอย่างเห็นได้ชัด “นายท่านควรมีภรรยาที่เพียบพร้อมสักคนหนึ่งเจ้าค่ะ”“หื้ม?” เฉินฝานไม่เข้าใจ“นายท่าน อีกไม่กี่วันนายท่านสอบผ่านการสอบระดับมณฑล ก็จะกลายเป็นถงเซิงแล้ว ฮูหยินของถงเซิง ต้องเป็นสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่จึงจะคู่ควร พวกข้า...”ฉินเย่ว์เจียวก้มหน้าพูดงึมงำ “ถึงอย่างไรก็มาจากตระกูลเล็กๆ ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้เจ้าค่ะ”เฉินฝานคว้ามือของฉินเย่ว์เจียว พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คำพูดเช่นนี้ข้าจะฟังเพียงครั้งเดียว ต่อไปนี้ห้ามพูดอีก”เขาไม่ใช่คนยุคสมัยนี้ ไม่มีแนวคิดเรื่องฐานะของตระกูลเดินทางข้ามเวลามา เขาพบเจอพวกนางก่อน พวกนางงดงามและจิตใจดี ปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจเขาอยู่ดีมีสุข พวกนางก็ดีใจเขาทุกข์ พวกนางก็เศร้าใจเขาไม่อาจคาดการณ์ว่าอนาคตตนจะกลายเป็นคนอย่างไร แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร อยู่ในฐานะใด พี่น้องตระกูลฉิน เป็นภรรยาที่ถูกต้องอันดับหนึ่งของเขาเสมอ“นายท่าน...”“รีบปล่อยท่านแม่ พวกสารเลว ข้าบอกให้พวกเจ้าปล่อยท่านแม่ไม่ได้ยินหรือ?”เสียงของฉินเย่ว์เจียว ถูกเสียงที่เคล้าไปด้วยความโมโหของเถียนเสี่ยวอวี่ดังกลบบ่าวรับใช้ที่จับตั
“ไม่!” นางหลิวร้องตะโกนเสียงดัง กระโดดกอดเถียนเสี่ยวอวี่ ป้องนางเอาไว้ด้านหลัง “เสี่ยวอวี่ ลูกไม่ต้องพูดแล้ว ลูกไม่ต้องพูดแล้ว!”ผิดที่นางดีใจจนเกินไป ลืมไปเสียสนิทว่าแม้จะหย่าร้าง แม้เถียนเทียนหัวจะยอมให้เถียนเสี่ยวอวี่ไปกับนาง แต่ถึงอย่างไรเถียนเสี่ยวอวี่ก็เป็นลูกสาวของเถียนเทียนหัวในราชวงศ์ต้าชิ่งที่เคารพบุรุษและดูหมิ่นสตรีนี้ ลูกสาวขัดคำสั่งบิดา ถือเป็นความผิดร้ายแรงเถียนเทียนหัวนำแส้ออกมา หมายจะลงโทษเถียนเสี่ยวอวี่ด้วยทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้ประเด็นสำคัญที่สุดคือในราชวงศ์ต้าชิ่ง บิดาลงโทษลูกสาวด้วยทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้นั้น เป็นเรื่องถูกกฎหมายทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้ไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้ต้องถอดเสื้อผ้าตัวนอก สวมเพียงเสื้อผ้าตัวในท่ามกลางสาธารณชน หญิงสาวยังไม่ออกเรือน สวมเพียงเสื้อตัวใน ชีวิตนี้อย่าคิดที่จะแต่งงานออกเรือนได้เยเพราะหญิงสาวที่เปลื้องผ้าท่ามกลางสาธารณชน แม้จะเป็นบุรุษยากจนที่สุด ก็ไม่มีวันรับนางเป็นภรรยาถูกต้อง ไม่มีทางรับนางเป็นภรรยา แม้กระทั่งตำแหน่งอนุภรรยาก็ไม่มีวันยกให้นางหมดหนทาง ในเมื่อรัชสมัยนี้สตรีมาก ชายน้อย“นายท่าน ข้าขอร้อง ได้โ
“หรือว่าการที่ข้าไม่บอกนาง แล้วจะเปลี่ยนแปลงความจริงได้?”“จะไม่เปลี่ยนได้อย่างไร อย่างน้อยถ้าเถียนเทียนหัวก็ไม่หย่ากับน้าหลิว ตอนนี้น้าหลิวก็จะยังสุขสบาย”“นางไม่มีทางสุขสบายแน่นอน” ชายชราส่ายหน้า “เพราะเถียนเทียนหัวไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดที่จะยกเถียนเสี่ยวอวี่ให้เฉินเจียง ความจริงก็คือ ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ นี่เป็นสถานการณ์ในตอนนี้ของแคว้น”“ในเมื่อท่านลูก เหตุใดต้องให้ความหวังน้าหิว?” เฉินฝานโมโห“เพราะว่า...” ชายชราจ้องมองเฉินฝานด้วยแววตาลุ่มลึก “ข้าอยากให้เจ้าเห็น”“เห็นอะไร?”“ความโหดร้ายของราชวงศ์นี้”“ข้าเห็นแล้วอย่างไรเล่า?”“หรือว่า...เจ้าไม่อยากเปลี่ยนแปลงมันหรือ?”ข้าเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้?”“หากเจ้ายินยอม เจ้าก็จะไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดา”“...” เฉินฝานเงียบไปครู่หนึ่ง “หากตอนนี้ท่านช่วยน้าหลิวหย่าร้าง ไม่ให้เถียนเทียนหัวทำร้ายน้าหลิวกับลูก ข้าจะเข้าร่วมการสอบขุนนางต่อ”พูดทิ้งท้ายถ้อยคำหนึ่ง เฉินฝานกระโดดลงจากรถม้า เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาความจริงเขาไม่อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในสังคมศักดินา อาวุธสงครามเย็นยะเยื
สีหน้าของเขาเย็นชาดั่งน้ำแข็ง ดวงตาเฉียบแหลมเขาที่เปิดม่านขึ้น กวาดตามองนายอำเภอด้วยแววตานิ่งสงบไม่กล้าหยุดแม้เพียงเสี้ยววินาที นายอำเภอรีบถอนสายตากลับ“เอาตัวไป!”นายอำเภอสั่งให้คนเอาตัวเถียนเทียนหัวไปไม่นาน ข่าวเถียนเทียนหัวถูกปลดจากตำแหน่ง และหย่าร้างกับนางหลิว ก็ลือออกมาจากศาลาว่าการพวกบุรุษที่ทุบตีทำร้ายภรรยาของตนเองอย่างไร้เหตุผล สงบเสงี่ยมขึ้นมากแต่ว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตอนหลังเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวเพิ่งกลับถึงชั้นสามของเรือนแขกสำราญสุข เห็นนางหลิวพาเถียนเสี่ยวอวี่ยืนรออยู่หน้าห้อง ดูจากท่าทางของพวกนางแล้ว น่าจะกำลังรอพวกเขา“เสี่ยวอวี่ เร็วเข้า รีบกล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณของพวกเรา!”เมื่อเห็นเฉินฝาน นางหลิวดึงเถียนเสี่ยวอวี่คุกเข่าให้กับเฉินฝาน“น้าหลิว ไม่ต้องขอรับๆ นายอำเภอเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้ท่าน ผู้มีพระคุณของพวกท่านไม่ใช่ข้า แต่เป็นนายอำเภอขอรับ”เฉินฝานรีบย่อตัวพยุงนางหลิวทันที ฉินเย่ว์เจียวที่ได้รับสัญญาณจากเฉินฝานก็รีบพยุงเถียนเสี่ยวอวี่เช่นเดียวกัน“เสี่ยวฝาน อย่าถ่อมตัวเลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าผ่านการสอบระดับอำเภอ นายอำเภอจะผดุงความยุติธรร
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ