“หรือว่าการที่ข้าไม่บอกนาง แล้วจะเปลี่ยนแปลงความจริงได้?”“จะไม่เปลี่ยนได้อย่างไร อย่างน้อยถ้าเถียนเทียนหัวก็ไม่หย่ากับน้าหลิว ตอนนี้น้าหลิวก็จะยังสุขสบาย”“นางไม่มีทางสุขสบายแน่นอน” ชายชราส่ายหน้า “เพราะเถียนเทียนหัวไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดที่จะยกเถียนเสี่ยวอวี่ให้เฉินเจียง ความจริงก็คือ ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ นี่เป็นสถานการณ์ในตอนนี้ของแคว้น”“ในเมื่อท่านลูก เหตุใดต้องให้ความหวังน้าหิว?” เฉินฝานโมโห“เพราะว่า...” ชายชราจ้องมองเฉินฝานด้วยแววตาลุ่มลึก “ข้าอยากให้เจ้าเห็น”“เห็นอะไร?”“ความโหดร้ายของราชวงศ์นี้”“ข้าเห็นแล้วอย่างไรเล่า?”“หรือว่า...เจ้าไม่อยากเปลี่ยนแปลงมันหรือ?”ข้าเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้?”“หากเจ้ายินยอม เจ้าก็จะไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดา”“...” เฉินฝานเงียบไปครู่หนึ่ง “หากตอนนี้ท่านช่วยน้าหลิวหย่าร้าง ไม่ให้เถียนเทียนหัวทำร้ายน้าหลิวกับลูก ข้าจะเข้าร่วมการสอบขุนนางต่อ”พูดทิ้งท้ายถ้อยคำหนึ่ง เฉินฝานกระโดดลงจากรถม้า เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาความจริงเขาไม่อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในสังคมศักดินา อาวุธสงครามเย็นยะเยื
สีหน้าของเขาเย็นชาดั่งน้ำแข็ง ดวงตาเฉียบแหลมเขาที่เปิดม่านขึ้น กวาดตามองนายอำเภอด้วยแววตานิ่งสงบไม่กล้าหยุดแม้เพียงเสี้ยววินาที นายอำเภอรีบถอนสายตากลับ“เอาตัวไป!”นายอำเภอสั่งให้คนเอาตัวเถียนเทียนหัวไปไม่นาน ข่าวเถียนเทียนหัวถูกปลดจากตำแหน่ง และหย่าร้างกับนางหลิว ก็ลือออกมาจากศาลาว่าการพวกบุรุษที่ทุบตีทำร้ายภรรยาของตนเองอย่างไร้เหตุผล สงบเสงี่ยมขึ้นมากแต่ว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตอนหลังเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวเพิ่งกลับถึงชั้นสามของเรือนแขกสำราญสุข เห็นนางหลิวพาเถียนเสี่ยวอวี่ยืนรออยู่หน้าห้อง ดูจากท่าทางของพวกนางแล้ว น่าจะกำลังรอพวกเขา“เสี่ยวอวี่ เร็วเข้า รีบกล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณของพวกเรา!”เมื่อเห็นเฉินฝาน นางหลิวดึงเถียนเสี่ยวอวี่คุกเข่าให้กับเฉินฝาน“น้าหลิว ไม่ต้องขอรับๆ นายอำเภอเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้ท่าน ผู้มีพระคุณของพวกท่านไม่ใช่ข้า แต่เป็นนายอำเภอขอรับ”เฉินฝานรีบย่อตัวพยุงนางหลิวทันที ฉินเย่ว์เจียวที่ได้รับสัญญาณจากเฉินฝานก็รีบพยุงเถียนเสี่ยวอวี่เช่นเดียวกัน“เสี่ยวฝาน อย่าถ่อมตัวเลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าผ่านการสอบระดับอำเภอ นายอำเภอจะผดุงความยุติธรร
นางหลิวเปลี่ยนบทสนทนา “เสี่ยวฝาน ครอบครัวของข้าเมตตาข้ามาก ตอนที่ข้าออกเรือน ให้ที่ข้ายี่สิบหมู่ แล้วก็ร้านค้าอีกสองแห่ง แต่ว่า...”พูดถึงครึ่งหนึ่ง สีหน้าของนางหลิวแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดขึ้นมากะทันหัน“มีที่นาและร้านค้าเป็นเรื่องดี เหตุใดน้าหลิวจึงเศร้าเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวที่อยู่ข้างๆ ฉงนสงสัย“เย่ว์เจียว ข้าเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง ไม่เข้าใจการบริหารจัดการ” นางหลิวพูดกับฉินเย่ว์เจียว แต่สายตาของนางกลับมองไปที่เฉินฝานเวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวโง่เพียงใดก็เข้าใจแล้วแท้จริงแล้ว การมาในครั้งนี้ของนางหลิว ไม่เพียงมาเพื่อขอบคุณ แต่ยังมาเพื่อยกลูกสาวและทรัพย์สินให้เฉินฝาน“เรื่องนี้ง่ายขอรับ!” เฉินฝานพูด “ข้าสนิทสนมกับหลี่ซาน เขารู้จักผู้ดูแลหลายคน ถึงเวลาข้าให้เขาเลือกผู้ดูแลที่เชื่อถือได้สักคนให้น้าหลิวได้ขอรับ”ได้ยินถ้อยคำนี้ของเฉินฝาน นางหลิวทั้งผิดหวังและดีใจผิดหวังที่เฉินฝานไม่เพียงปฏิเสธเถียนเสี่ยวอวี่แล้วยังปฏิเสธทรัพย์สินของนางส่วนความดีใจก็มาจากการปฏิเสธของเฉินฝานเช่นเดียวกันหญิงามและความร่ำรวยอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่โลภนางมองคนไม่ผิดจริงๆ ตอนนี้นางวางใจยกชีวิตที่เหลือ
คนหมู่บ้านซานเหอสอบผ่านการสอบระดับอำเภอพร้อมกันสองคน นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้น นับร้อยปีตั้งแต่ก่อตั้งหมู่บ้านซานเหอขึ้นมา“ดีจริงๆ ตอนนี้ดูสิว่าหมู่บ้านไหนกล้าดูถูกพวกเราอีก!”หลังจากข่าวลือแพร่สะพัด ผู้ใหญ่บ้านดีใจจนน้ำตาไหลตอนนี้ช่างดีจริงๆ ปีหนึ่งสองคน เขาจะดูสิว่า คนพวกนั้นจะกล้าชักสีหน้าให้เขาอีกหรือไม่ผู้ใหญ่บ้านที่กำลังดีใจ ในวันเดียวกันเขาพาเฉินฟู่และจางเหลียนฮวาเดินทางไปยังตัวอำเภอผิงอันงานเช่นนี้ ความจริงจางเหลียนฮวาไม่อาจเข้าร่วมได้ แต่เพราะนางให้กำเนิดบุตรชายสำหรับเฉินฟู่ ลูกชายได้อันดับสามในการสอบระดับอำเภอ ลูกสะใภ้ให้กำเนิดลูกชาย แน่นอนว่าเขาต้องตามมาโอ้อวดผู้ใหญ่บ้านรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในเรือนแขกสำราญสุขงานเลี้ยงนี้ แทบจะทุกตระกูลใหญ่ในตัวอำเภอผิงอันมาร่วมงานทั้งยังพาคนในครอบครัวมาร่วมงานเลี้ยงด้วย คนในครอบครัวที่สำคัญที่สุด คนที่โดดเด่นที่สุดก็คือบรรดาหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนมองหญิงสาวแต่งตัวงดงามยืนเรียงรายเหล่านั้นคนฉลาดใช้หัวแม่เท้าคิดก็ดูออกว่า พวกนางถูกพาตัวมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์ใดหลายปีมานี้ราชวงศ์ต้าชิ่งมีปัญหาสองอย่า
“เย่ว์เจียว เย่ว์เจียว เย่ว์เจียว!”เฉินฝานร้องเรียกสามครั้ง กว่าฉินเย่ว์เจียวจะดึงสติกลับมา“นายท่าน ท่านเรียกข้าหรือเจ้าคะ?”“อื้ม ข้าเรียกเจ้า!” สายตาของเฉินฝานมองไปยังห้องของเฉินเจียง “เมื่อครู่เจ้าเอาแต่จ้องห้องของเฉินเจียง กำลังมองสิ่งใดหรือ?”“ข้า...” ฉินเย่ว์เจียวลังเลครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ นายท่าน ข้าอาจจะตาฝาดก็ได้”“ตาฝาดเป็นเพราะเหนื่อยกระมัง? พวกเรารีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะ”Wไม่ว่าภายในห้องของเฉินเจียงจะมีสิ่งใด เฉินฝานไม่สนใจในที่สุดก็จบการสอบระดับอำเภอแล้ว เขาอยากกลับไปปลูกต้นรักกับสตรีข้างกาย ผู้มีนิสัยดุร้าย เรือนร่าวอรชรยั่วยวน แต่ไม่ประสาเรื่องชายหญิงหลังจากกลับถึงห้อง ฉินเย่ว์เจียวเหม่อลอยตลอดเวลา เฉินฝานพูดกับนางหลายครั้ง นางก็ไม่ตอบแม้กระทั่งน้ำล้างเท้าที่ยกมาให้เขาเป็นน้ำเย็น นางก็ไม่รู้ตัว“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานย่อตัวลงจับใบหน้าของฉินเย่ว์เจียว ให้นางเผชิญหน้ากับเขา“นายท่าน!”การกระทำใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ ทำให้ใบหูของฉินเย่ว์เจียวแดงก่ำ นางเบี่ยงตัวหนี แต่เฉินฝานไม่ยอมปล่อย เขามองฉินเย่ว์เจียว เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เย่ว์เจีย
ถึงอย่างไรก็เป็นบิดาของตน อีกทั้งหลังจากหย่าร้างเถียนเทียนหัวก็ดูน่าเวทนายิ่งนัก เถียนเสี่ยวอวี่ไม่อาจทำใจได้ จึงไม่ได้สั่งบ่าวรับใช้ไล่เถียนเทียนหัวไปหลังจากสองพ่อลูกนั่งลง เถียนเทียนหัวไม่ได้ด่านางหลิวเหมือนที่ผ่านมา ทั้งยังพูดเรื่องราวในอดีตที่น่าจดจำให้เถียนเสี่ยวอวี่ฟังขณะพูดอย่างออกรส เขาขอสุรากับเถียนเสี่ยวอวี่ชาวราชวงศ์ต้าชิ่งชื่นชอบรสสุรา ทุกคนดื่มได้ประมาณหนึ่ง จะจากลากันแล้ว เถียนเสี่ยวอวี่รู้สึกว่าดื่มเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไรทว่าคิดไม่ถึงหลังจากดื่มเพียงไม่กี่แก้ว เสี่ยวอวี่ก็รู้สึกเวียนศีรษะนางที่เดิมทีเป็นคนหนาวง่าย กลับเป็นฝ่ายเปิดหน้าต่าง หวังว่าลมหนาวจะช่วยลดความร้อนในร่างกายความร้อน?ตอนนี้เป็นต้นเดือนสอง หิมะด้านนอกยังไม่ละลาย เหตุใดจึงรู้สึกร้อน?เถียนเสี่ยวอวี่เอามือแตะหน้าผากของตนเองพบว่าหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเวียนศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆนี่...คืออาการเมาหรือ?ไม่น่าใช่แม้นางจะดื่มไม่เก่งเท่ามารดา แต่ดื่มสามถึงห้าแก้วไม่ใช่ปัญหาเถียนเสี่ยวอวี่อยากจะลุกขึ้น กลับพบว่าตนหมดแรงหลังจากขยับเขยื้อน ยิ่งรู้สึกไม่สบายตัวมากกว่าเดิมนางรู้สึกว่าตนเอง ประ
นางตะเกียกตะกายลุกขึ้น พูดพึมพำกับชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ฝาน พี่ฝาน”ความปรารถนาที่ไร้เรี่ยวแรงนั้น ทำให้นางทรมานอย่างยิ่งยวด“เสี่ยวฝานดีกว่าข้าหรือ?”ชายหนุ่มกุมหัวไหล่ของเถียนเสี่ยวอวี่ บีบแรงเล็กน้อยเสี่ยวฝานอีกแล้วเขาสอบได้อันดับสามของเจี๋ยปั่ง มีอะไรไม่อาจเทียบเฉินฝานที่บังเอิญโชคดี“เจ้า...”เสียงของชายหนุ่ม ทำให้เถียนเสี่ยวอวี่ได้สติเล็กน้อยนางพยายามลืมตาขึ้น เห็นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เฉินฝานแต่เป็นเฉินเจียง“เป็นเจ้าได้อย่างไร!”เถียนเสี่ยวอวี่อยากผลักเฉินเจียงทิ้ง แต่ตอนที่นางผลักเขา ร่างกายกลับซบไปที่เขาเวลานี้ แม้เถียนเสี่ยวอวี่จะไม่มีประสบการณ์เพียงใด นางก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เถียนเทียนหัว เจ้าสัตว์เดรัจฉาน โบราณว่าเสือไม่กินลูกตนเอง แต่เจ้ากลับ...”“อื้อ...”ยิ่งโมโห ยิ่งทรมาน ยิ่งอยากเข้าใกล้เฉินฝาน“นี่เป็นความผิดของเจ้า ในฐานะลูกสาว เจ้าต่อว่าบิดาอย่างนี้ได้อย่างไร?”เฉินเจียงกอดเถียนเสี่ยวอวี่ลูบไล้ไปทั่วจากบนลงล่างความร้อนแล่นเข้าไปในร่างกายของเถียนเสี่ยวอวี่ไม่หยุด ทำลายจิตสำนึกของนางเสียงของเฉินเจียงที่ดังขึ้น นางไม่ได้ยิน รับรู้เพียงคว
ฉินเย่ว์เจียวในห้องส่วนตัวยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกตินางตาลายหรือ? แต่นางเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องของเฉินเจียงอย่างชัดเจนผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่จางเหลียนฮวาแน่ เพราะในเวลานั้นจางเหลียนฮวายังอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง เอ้อระเหยลอยชายอยู่ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้หญิงอื่น ๆ“ตุบ!”ลมแรงกระโชกพัดเข้ามาจากด้านนอกจนชั้นวางพู่กันที่อยู่ตรงหน้าเฉินฝานล้มลง“อากาศเริ่มหนาวอีกแล้ว!”เฉินฝานยืนขึ้นไปปิดหน้าต่าง เขาพูดกับฉินเย่ว์เจียวที่เดินผ่านมาแล้วก้มทำความสะอาด “หลังจากสอบระดับมณฑลเสร็จ ซื้อเสื้อคลุมคนละหนึ่งตัวให้พวกเจ้าแต่ละคนเถอะ ข้าเห็นเถียนเสี่ยวอวี่ใส่เสื้อคลุมทั้งดูดีและอบอุ่น”“เสื้อคลุม!”ฉินเย่ว์เจียวพลันลุกขึ้น “ใช่ เสื้อคลุม!”นางงึมงำถึงเสื้อคลุมและรีบวิ่งออกจากประตู“เย่ว์เจียว เจ้าไป……”เฉินฝานพูดได้เพียงครึ่งประโยค ก็ได้ยินเสียงร้องดังของฉินเย่ว์เจียว“เป็นอะไรไป?” เฉินฝานรีบเดินตามออกไปวินาทีที่เขาเห็นฉินเย่ว์เจียว เฉินเจียงซึ่งก้าวออกจากห้องแล้วและกำลังจะลากเถียนเสี่ยวอวี่กับ เถียนเทียนหัว ก็ถอยกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแม้ว่าตอนนี้ผู้ชายในราชวงศ์ต้าช
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ