“เย่ว์เจียว เย่ว์เจียว เย่ว์เจียว!”เฉินฝานร้องเรียกสามครั้ง กว่าฉินเย่ว์เจียวจะดึงสติกลับมา“นายท่าน ท่านเรียกข้าหรือเจ้าคะ?”“อื้ม ข้าเรียกเจ้า!” สายตาของเฉินฝานมองไปยังห้องของเฉินเจียง “เมื่อครู่เจ้าเอาแต่จ้องห้องของเฉินเจียง กำลังมองสิ่งใดหรือ?”“ข้า...” ฉินเย่ว์เจียวลังเลครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ นายท่าน ข้าอาจจะตาฝาดก็ได้”“ตาฝาดเป็นเพราะเหนื่อยกระมัง? พวกเรารีบกลับไปพักผ่อนกันเถอะ”Wไม่ว่าภายในห้องของเฉินเจียงจะมีสิ่งใด เฉินฝานไม่สนใจในที่สุดก็จบการสอบระดับอำเภอแล้ว เขาอยากกลับไปปลูกต้นรักกับสตรีข้างกาย ผู้มีนิสัยดุร้าย เรือนร่าวอรชรยั่วยวน แต่ไม่ประสาเรื่องชายหญิงหลังจากกลับถึงห้อง ฉินเย่ว์เจียวเหม่อลอยตลอดเวลา เฉินฝานพูดกับนางหลายครั้ง นางก็ไม่ตอบแม้กระทั่งน้ำล้างเท้าที่ยกมาให้เขาเป็นน้ำเย็น นางก็ไม่รู้ตัว“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานย่อตัวลงจับใบหน้าของฉินเย่ว์เจียว ให้นางเผชิญหน้ากับเขา“นายท่าน!”การกระทำใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ ทำให้ใบหูของฉินเย่ว์เจียวแดงก่ำ นางเบี่ยงตัวหนี แต่เฉินฝานไม่ยอมปล่อย เขามองฉินเย่ว์เจียว เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม“เย่ว์เจีย
ถึงอย่างไรก็เป็นบิดาของตน อีกทั้งหลังจากหย่าร้างเถียนเทียนหัวก็ดูน่าเวทนายิ่งนัก เถียนเสี่ยวอวี่ไม่อาจทำใจได้ จึงไม่ได้สั่งบ่าวรับใช้ไล่เถียนเทียนหัวไปหลังจากสองพ่อลูกนั่งลง เถียนเทียนหัวไม่ได้ด่านางหลิวเหมือนที่ผ่านมา ทั้งยังพูดเรื่องราวในอดีตที่น่าจดจำให้เถียนเสี่ยวอวี่ฟังขณะพูดอย่างออกรส เขาขอสุรากับเถียนเสี่ยวอวี่ชาวราชวงศ์ต้าชิ่งชื่นชอบรสสุรา ทุกคนดื่มได้ประมาณหนึ่ง จะจากลากันแล้ว เถียนเสี่ยวอวี่รู้สึกว่าดื่มเล็กน้อย ก็ไม่เป็นไรทว่าคิดไม่ถึงหลังจากดื่มเพียงไม่กี่แก้ว เสี่ยวอวี่ก็รู้สึกเวียนศีรษะนางที่เดิมทีเป็นคนหนาวง่าย กลับเป็นฝ่ายเปิดหน้าต่าง หวังว่าลมหนาวจะช่วยลดความร้อนในร่างกายความร้อน?ตอนนี้เป็นต้นเดือนสอง หิมะด้านนอกยังไม่ละลาย เหตุใดจึงรู้สึกร้อน?เถียนเสี่ยวอวี่เอามือแตะหน้าผากของตนเองพบว่าหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเวียนศีรษะมากขึ้นเรื่อยๆนี่...คืออาการเมาหรือ?ไม่น่าใช่แม้นางจะดื่มไม่เก่งเท่ามารดา แต่ดื่มสามถึงห้าแก้วไม่ใช่ปัญหาเถียนเสี่ยวอวี่อยากจะลุกขึ้น กลับพบว่าตนหมดแรงหลังจากขยับเขยื้อน ยิ่งรู้สึกไม่สบายตัวมากกว่าเดิมนางรู้สึกว่าตนเอง ประ
นางตะเกียกตะกายลุกขึ้น พูดพึมพำกับชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ฝาน พี่ฝาน”ความปรารถนาที่ไร้เรี่ยวแรงนั้น ทำให้นางทรมานอย่างยิ่งยวด“เสี่ยวฝานดีกว่าข้าหรือ?”ชายหนุ่มกุมหัวไหล่ของเถียนเสี่ยวอวี่ บีบแรงเล็กน้อยเสี่ยวฝานอีกแล้วเขาสอบได้อันดับสามของเจี๋ยปั่ง มีอะไรไม่อาจเทียบเฉินฝานที่บังเอิญโชคดี“เจ้า...”เสียงของชายหนุ่ม ทำให้เถียนเสี่ยวอวี่ได้สติเล็กน้อยนางพยายามลืมตาขึ้น เห็นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เฉินฝานแต่เป็นเฉินเจียง“เป็นเจ้าได้อย่างไร!”เถียนเสี่ยวอวี่อยากผลักเฉินเจียงทิ้ง แต่ตอนที่นางผลักเขา ร่างกายกลับซบไปที่เขาเวลานี้ แม้เถียนเสี่ยวอวี่จะไม่มีประสบการณ์เพียงใด นางก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เถียนเทียนหัว เจ้าสัตว์เดรัจฉาน โบราณว่าเสือไม่กินลูกตนเอง แต่เจ้ากลับ...”“อื้อ...”ยิ่งโมโห ยิ่งทรมาน ยิ่งอยากเข้าใกล้เฉินฝาน“นี่เป็นความผิดของเจ้า ในฐานะลูกสาว เจ้าต่อว่าบิดาอย่างนี้ได้อย่างไร?”เฉินเจียงกอดเถียนเสี่ยวอวี่ลูบไล้ไปทั่วจากบนลงล่างความร้อนแล่นเข้าไปในร่างกายของเถียนเสี่ยวอวี่ไม่หยุด ทำลายจิตสำนึกของนางเสียงของเฉินเจียงที่ดังขึ้น นางไม่ได้ยิน รับรู้เพียงคว
ฉินเย่ว์เจียวในห้องส่วนตัวยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกตินางตาลายหรือ? แต่นางเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องของเฉินเจียงอย่างชัดเจนผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่จางเหลียนฮวาแน่ เพราะในเวลานั้นจางเหลียนฮวายังอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง เอ้อระเหยลอยชายอยู่ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้หญิงอื่น ๆ“ตุบ!”ลมแรงกระโชกพัดเข้ามาจากด้านนอกจนชั้นวางพู่กันที่อยู่ตรงหน้าเฉินฝานล้มลง“อากาศเริ่มหนาวอีกแล้ว!”เฉินฝานยืนขึ้นไปปิดหน้าต่าง เขาพูดกับฉินเย่ว์เจียวที่เดินผ่านมาแล้วก้มทำความสะอาด “หลังจากสอบระดับมณฑลเสร็จ ซื้อเสื้อคลุมคนละหนึ่งตัวให้พวกเจ้าแต่ละคนเถอะ ข้าเห็นเถียนเสี่ยวอวี่ใส่เสื้อคลุมทั้งดูดีและอบอุ่น”“เสื้อคลุม!”ฉินเย่ว์เจียวพลันลุกขึ้น “ใช่ เสื้อคลุม!”นางงึมงำถึงเสื้อคลุมและรีบวิ่งออกจากประตู“เย่ว์เจียว เจ้าไป……”เฉินฝานพูดได้เพียงครึ่งประโยค ก็ได้ยินเสียงร้องดังของฉินเย่ว์เจียว“เป็นอะไรไป?” เฉินฝานรีบเดินตามออกไปวินาทีที่เขาเห็นฉินเย่ว์เจียว เฉินเจียงซึ่งก้าวออกจากห้องแล้วและกำลังจะลากเถียนเสี่ยวอวี่กับ เถียนเทียนหัว ก็ถอยกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแม้ว่าตอนนี้ผู้ชายในราชวงศ์ต้าช
“เสี่ยวอวี่ เจ้า……”เฉินฝานโน้มตัวลงเล็กน้อยและต้องการวางเถียนเสี่ยวอวี่บนเตียง แต่เถียนเสี่ยวอวี่กลับฉวยโอกาสกัดริมฝีปากของเขา“พี่ฝาน ได้โปรด ช่วยข้าด้วย……”นางเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือนและไม่รู้ว่าต้องการให้เฉินฝานช่วยนางอย่างไรแต่นางมั่นใจว่าเฉินฝานรู้วิธีช่วยเหลือนาง“เสี่ยวอวี่……”ดวงตาของเฉินฝานเป็นสีแดงและเสียงของเขาก็แหบแห้งเมื่อมีหญิงงามเช่นนี้มาสัมผัสร่างกายของเขา แม้แต่นักปราชญ์ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้วินาทีนี้ หัวใจของเขาว้าวุ่นไปหมด“นายท่าน......”เสียงของฉินเย่ว์เจียวทำให้เฉินฝานตื่นจากความตกใจ“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาดึงเถียนเสี่ยวอวี่ออกจากอ้อมแขนแล้วผลักไปหาฉินเย่ว์เจียว “เจ้าพานางไปอาบน้ำ ใช้น้ำเย็นหน่อยก็ได้”“นายท่าน”ฉินเย่ว์เจียวไม่ได้รับเถียนเสี่ยวอวี่นางมองลงไปที่เถียนเสี่ยวอวี่ซึ่งกำลังหน้าแดงและดูฟุ้งซ่าน จากนั้นผลักเถียนเสี่ยวอวี่กลับไปหาเฉินฝานแม้ว่านางยังไม่เคยทำสิ่งนั้นกับเฉินฝาน แต่ก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าสิ่งที่เถียนเสี่ยวอวี่ทำคืออะไรตอนนี้มีเพียงเฉินฝานที่ช่วยเถียนเสี่ยวอวี่ได้“นายท่าน เสี่ยวอวี่มีใจให้ท่า
เริ่มแรก เฉินฝานคิดว่าเถียนเทียนหัวพาพวกเขาไปซ่อน เขาจึงไปหาเถียนเทียนหัว แต่เถียนเทียนหัวกลับขอคนคืนกับเฉินฝานต่อมาเขาขอให้ชายชราช่วยหา แต่ชายชราหาไม่พบเหมือนกันเฉินฝานคิดยังไงก็ไม่เข้าใจคนมีชีวิตสองคน หายตัวไปในอากาศได้ด้วยหรือ?คืนก่อนสอบระดับมณฑล“น้าหลิว!”เสียงใสชัดเจนของฉินเย่ว์เจียวดังมาจากด้านนอกประตู“ปัง!”เฉินฝานทิ้งหนังสือในมือและรีบออกไป“น้าหลิว ช่วงนี้น้ากับเสี่ยวอวี่ไปอยู่ที่ไหนมา? ข้ากับนายท่านตามหาพวกท่านนานมากแต่ก็หาไม่เจอเลย? เป็นห่วงแย่แล้วรู้ไหม!”ฉินเย่ว์เจียวตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหลแทบไหลเมื่อเห็นนางหลิว เฉินฝานก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองไปข้างหลังนางหลิวตามจิตใต้สำนึก ข้างหลังของนาง……ไม่มีร่างของเถียนเสี่ยวอวี่“น้าหลิว เสี่ยวอวี่ล่ะ?” เมื่อไม่เห็นเสี่ยวอวี่ หัวใจที่จุกของเฉินฝานก็ไม่มีวันคลายลงคนสองชีวิต หายตัวไปกลางอากาศหลายวัน มันแปลกเกินไป“เสี่ยวอวี่ นาง……”“นี่ ๆ ๆ!” ฉินเย่ว์เจียวพูดติดตลกอยู่ข้าง ๆ “นายท่าน ห่างกันแค่ไม่กี่วัน ดูท่านกังวลเข้าสิ น้องเสี่ยวอวี่ไม่มาคงเพราะเขินอายมากอย่างไรล่ะเจ้าคะ”เฉินฝานยิ้มแหยสิ่งที่ฉินเย่ว์
เมื่อเฉินฝานมาถึงวัดจิ้งซาน เถียนเสี่ยวอวี่ที่เขาพบกลายเป็นแม่ชีไปแล้ว“โยม!”นางแสดงความเคารพทางศาสนาต่อเฉินฝาน สายตาที่มองเฉินฝานก็ดูสุภาพและเรียบนิ่งวินาทีนี้ เฉินฝานเข้าใจแล้วเช่นกันเถียนเสี่ยวอวี่จะไม่กลับไปกับเขาแล้วนี่คงเป็นสิ่งที่ผู้คนในปัจจุบันเรียกว่าผู้สมบูรณ์แบบเถียนเสี่ยวอวี่ทนความไม่สมบูรณ์ของตัวเองไม่ได้แม้ว่านางไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ให้กับเฉินเจียงก็ตามแต่นางก็กลายเป็นผู้หญิงของเฉินฝานด้วยวิธีเช่นนั้นหากเหตุการณ์นั้นไม่เกิดขึ้น เฉินฝานก็ไม่คิดแต่งงานกับนาง“เสี่ยวอวี่ ข้ารู้ว่าปมในใจของเจ้ายังไม่ถูกคลายออก ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้านะ”“แต่ ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า นับจากนี้ไป ประตูตระกูลเฉินของข้าจะเปิดรอเจ้าอยู่เสมอ หากเจ้ากลับมาใช้ชีวิตแบบฆราวาสเมื่อใด ข้าจะรับเจ้าเข้าเรือนอย่างสมเกียรติ”เถียนเสี่ยวอวี่ยืนอยู่หน้าประตูวัดจิ้งซานและมองแผ่นหลังของเฉินฝานที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ“พี่เสี่ยวฝาน ด้วยคำพูดของพี่ ชีวิตนี้ของเสี่ยวอวี่ก็เพียงพอแล้ว……”หลังจากที่ลูกสาวของนางบวช นางหลิวก็หมดความปรารถนาทางโลกไปด้วย นางบริจาคที่ดินยี่สิบหมู่[footnoteRef:1] ให้กับวัดจ
เช่นเดียวกับการประกาศผลระดับอำเภอ เมื่อเฉินฝานมาถึงสถานที่ประกาศผล เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน“เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน!”ปัญญาชนที่สอบระดับอำเภอไม่ผ่านแต่ยังไม่กลับเรือน พลันรุมล้อมเฉินฝานและดันเขาจนมาอยู่ใต้ป้ายประกาศ“เสี่ยวฝาน อย่ายืนไกลนักสิ ใช่ ยืนอยู่ที่นี่แหละ ตำแหน่งนี้มองเห็นชัดดี”“ใช่ ๆ พวกเราอยากเห็นเสี่ยวฝานอยู่ในรายชื่ออีกครั้ง”ปัญญาชนเหล่านี้ต่างมีความคิดของตนอยู่ในใจมีคนส่วนน้อยที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเฉินฝานจะอยู่ในรายชื่ออีกครั้งและอยากได้รับโชคที่อยู่บนตัวเฉินฝานบ้างแต่คนส่วนมากมาดูเรื่องตลกของเฉินฝานพวกเขายังเชื่ออย่างยิ่งว่าเฉินฝานไม่มีทางโชคดีสองครั้ง!“อำเภอผิงอัน ประกาศผล!”เมื่อนายอำเภอประกาศลั่น นักการในศาลาว่าการก็นำม้วนรายชื่อผู้สอบผ่านระดับมณฑลแขวนไว้บนป้ายประกาศเมื่อม้วนรายชื่อถูกเปิดออก ผู้คนที่อยู่ด้านล่างก็เบิกตากว้างที่สุดและอ่านชื่อทีละคนบรรยากาศคล้ายกับการสอบระดับอำเภอ ผู้ที่อยู่ในรายชื่อส่งเสียงโฮ่ร้องดีใจ ในขณะที่ผู้ไม่มีรายชื่อร้องไห้น้ำตาไหลอย่างขมขื่นแต่ก็แตกต่างจากการสอบระดับอำเภออย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่เข้าสอบมีเพียง
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้