ม้วนหนังสือคลี่ออกช้า ๆ“ตุบ!”“ตุบ ตุบ!”มีคนล้มลงทีละคน“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ครั้งนี้ใต้เท้าดูผิดแน่ ๆ”“เฉินเจียงกับเฉินฝานเป็นลุงกับหลานชาย อายุใกล้เคียงกัน ใต้เท้าสลับเฉินเจียงกับเฉินฝานหรือเปล่า?”“ใช่ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่”เมื่อต้องเผชิญกับความสงสัยของทุกคน เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว นายอำเภอสั่งให้คนนำกระดาษสอบของเฉินฝานออกมาติดอย่างรวดเร็วลายมือบนกระดาษ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ คำตอบไม่ได้ถูกต้องเพียงเจ็ดแปดส่วน แต่ถูกต้องทั้งหมดครั้งนี้เหตุผลที่เฉินฝานทำด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตนมี เพียงเพื่อต้องการให้เรื่องเศร้าอย่างเถียนเสี่ยวอวี่เกิดขึ้นน้อยลง“หากมองจากข้อสอบ เฉินฝานได้อันดับหนึ่งย่อมไม่ใช่ปัญหา เฉินฝานได้อันดับหนึ่ง เช่นนั้นเฉินเจียง……”“สอบตก?!”ทุกคนอุทานอย่างไม่เชื่อ!อันดับสามของการสอบในระดับอำเภอ ประกอบกับคะแนนพิเศษจากการมีบุตรชายสองคนเช่นนี้แล้วยังสอบตกอีก?เฉินเจียงที่ยังยืนรอให้ผู้คนเข้ามาแสดงความเคารพอย่างสุภาพ หน้าซีดเผือดในทันใดเขาพึมพำในปากและร่างกายของเขาสั่นเทา“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร”เขาสอบตกได้อย่างไร ไ
ฉินเย่ว์โหรวก้มหน้าลงอย่างเขินอาย นางยังเขินอายอยู่เล็กน้อย“พี่สะใภ้!”เฉินเอ้อร์ยาผลักฉินเย่ว์โหรวจากข้างหลังจนไปอยู่ตรงหน้าเฉินฝาน “อย่ามัวแต่อายอยู่เลย ช่วงนี้ เจ้าคิดถึงพี่ฝานถึงกระทั่งนอนฝันละเมอเรียกชื่อเขาออกมา”“ขะ ข้าเปล่านะ!”ฉินเย่ว์โหรวเป็นคนหน้าบาง เมื่อเฉินเอ้อร์ยากล่าวแบบนี้ ใบหน้าของนางก็แดงจนเลือดแทบซึม“เจ้าทำ เจ้าทำนั่นล่ะ ตอนกลางคืนข้าได้ยินชัดเจน”“ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน พี่สี่ พี่ไม่เพียงแต่เรียกนายท่าน แต่ยังละเมอพูดว่าคิดถึงนายท่านจวนจะตายแล้วด้วย” ฉินเย่ว์ฉู่ยิ้มและช่วยเฉินเอ้อร์ยาพูดไม่เพียงแต่เป็นพยาน แต่ยังช่วยใส่สีตีไข่“พวก พวกเจ้าพูดเพ้อเจ้อ”ฉินเย่ว์โหรวกระทืบเท้าอยากวิ่งหนี กลับถูกเฉินฝานคว้าไว้“ขอข้าดูหน่อย คิดถึงข้าจวนจะตายนั้นเป็นอย่างไร?”“นายท่าน!”ฉินเย่ว์โหรวที่ทนเขินไม่ไหวจึงมุดศีรษะเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินฝาน และทุบตีเฉินฝานด้วยหมัดเล็กของนางไม่หยุด “หยุดพูดนะเจ้าคะ หยุดพูด!”“เอาล่ะ ๆ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว”เฉินฝานปล่อยฉินเย่ว์โหรวเพราะว่าหางตาของเขาเห็นเฉินผิงและภรรยาของเขาพวกเขายืนอยู่ด้านนอกของประตูและไม่กล้าเดินเข้ามาหลังจา
เพียงครู่เดียวชายชราในชุดขาวก็เดินมาถึงตรงหน้าเฉินฝานเฉินฝานมองชายชราที่ฉีกยิ้มและยืนอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าวันนี้ชายชราขาวทั้งตัวจริง ๆ เสื้อสีขาว เคราสีขาว ผมสีขาว ใบหน้าก็ล้างอย่างขาวสะอาดกับหลายครั้งก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าลินินสีเทาทั้งตัว รูปลักษณ์เปรอะเปื้อนต่างกันอย่างสิ้นเชิงชายชราลูบเคราเบา ๆ และยืนตรงนั้นท่าทางได้ใจเล็กน้อยเขากำลังรอให้เฉินฝานกล่าวชื่นชมเพราะว่า ปกติถ้าเขาแต่งตัวแบบนี้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน…...“ทำไม ฟ้ายังไม่มืดสนิท ท่านก็แต่งตัวเป็นผีมาหลอกคนแล้วรึ?”“นี่ข้า......”ชายชราเบิกตากว้างราวกับตาวัว สองมือขยับมือขึ้นลงบนตัวไม่หยุด “เห็นอยู่ว่ามีความลอยล่องดุจเทพเซียน!”“เทพเซียนมองไม่ออก แต่ลอยล่องนั้นคล้ายอยู่พอสมควร!”“พรวด!”คนใช้ที่อยู่ข้างชายชราอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะ“ตลกมากไหม?” ชายชราหันศีรษะและจ้องเขม่นคนใช้ส่ายหัวไม่หยุดและกล่าวน้ำเสียงคลุมเครือ “ไม่ตลกขอรับ”“แล้วเมื่อครู่เจ้าหัวเราะอะไร?”“เปล่าขอรับ ข้าคันปาก เลยส่งเสียงออกมาอย่างอดไม่ได้ขอรับ”“คันปาก? ข้าว่าเจ้าคันผิวหนังนะ”ทันใด ชายชราพลันก้มถอดรองเท้าของตนเองแล
“มีจดหมายจากบ้านเกิดขอให้ข้ากลับไป!”เมื่อพูดถึงบ้านเกิด ชายชราไม่ยิ้มทะเล้นอีกต่อไป สายตาอันแหลมคมแวบผ่านไปเฉินฝานจับได้พอดีคงมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่เมืองหลวงมีการรุกรานจากศัตรู? มีผู้ทรยศก่อความวุ่นวาย? มีภัยพิบัติเกิดขึ้น?เหอะ!เฉินฝานเยาะเย้ยตนเองตอนนี้เขาเป็นแค่ถงเซิงคนหนึ่ง สถานะสูงกว่าชาวบ้านทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้นเรื่องของบ้านเมือง เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเล่า“เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ? ข้าไม่ใช่พ่อท่านเสียหน่อย ท่านจะไปไหนไม่ต้องมารายงานข้าหรอก”คนใช้ที่ยืนข้าง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินฝานก็รู้สึกมีเลือดพุ่งขึ้นศีรษะโธ่เอ๋ยสะใจจริง ๆเขาอยากพูดกับชายชราแบบนี้ถึงกระทั่งเก็บไปฝันเอ่อ......เขาก็พูดได้แต่ในฝันเท่านั้นแหละขนาดนี้แล้วชายชราคงทนไม่ไหวแล้วสิทนไม่ไหวก็มีประโยชน์ คนใช้แอบตัดสินใจช่วยเฉินฝานไปแล้วช้าก่อน คำพูดที่ชายชราสั่งให้เขาสั่งสอนเฉินฝาน เขาคงไม่สั่งสอนจริง ๆ หรอกกระมัง“ข้า......”ชายชราแสดงหน้าเศร้าโศกคนใช้ถูกโจมตีอย่างหนักอีกครั้ง คำพูดของเฉินฝาน ไร้ความปรานีมากถึงเพียงนั้น จนเขาคิดว่าชายชราจะโมโห ต่อให้ไม่โมโหอย่างรุนแรง แต่ก็น่าจะโมโ
“เย่ว์โหรว”เฉินฝานเรียกฉินเย่ว์โหรวที่อยู่ไกลเขามากที่สุดให้ปูผ้าห่มให้เขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาดวงตาคู่งามของฉินเย่ว์โหรวมองขึ้นมาแล้วตกลงบนตัวเฉินฝานไม่ถึงหนึ่งวินาที นางก็ก้มศีรษะลงทันที “ข้าน้อยอยู่เจ้าค่ะ นายท่านมีอะไรจะรับสั่งหรือเจ้าคะ?”ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือกิริยาท่าทาง ก็ล้วนไม่มีที่ติเพียงแต่......เฉินฝานรู้สึกได้ถึงความผิดปกติสุภาพมากเกินไป ไม่เหมือนสามีภรรยา แต่เหมือนสาวใช้ที่คอยรับใช้เขามากกว่ายอมจำนน แต่ทำตัวห่างเหินฉินเย่ว์โหรวเคยปฏิบัติกับเขาเช่นนี้มาก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งข้ามมิติมาที่นี่และเจ้าของร่างเดิมขายนางให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วนนางในเวลานั้น ทั้งไม่พอใจ เกลียดชังและกลัวเขา นางปฏิบัติเช่นนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติแต่ตอนนี้......เฉินฝานพยายามทบทวนทุกสิ่งที่เขาทำและคำพูดที่กล่าวออกไป ก่อนที่เขาเดินทางออกไปสอบขุนนาง รวมถึงสิ่งที่ทำไปหลังจากกลับมาถึงยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนงุนงงเขาไม่เคยล่วงเกินฉินเย่ว์โหรวและไม่เคยพูดรุนแรงใด ๆ กับนาง“นายท่าน ท่านมีอะไรจะรับสั่งข้าน้อยหรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อเห็นเฉินฝานไม่ส่งเสียง ฉินเย่ว์โหรวจึงถามอีกครั้ง“เอ่อ......”
ฉินเย่ว์โหรวนับว่าเป็นคนที่หลับง่ายที่สุดในบรรดาสามพี่น้องตระกูลฉิน อีกทั้งท่าทางของนางก่อนหลับและหลังหลับก็ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนางเป็นคนที่สะดุ้งตื่นกลางดึกน้อยมาก แต่ท่านอนของนางกลับไม่เข้าท่าเอาเสียเลย นางมักจะชอบถีบผ้าห่ม หลังจากที่เฉินฝานข้ามมิติมา เขาต้องคอยหมั่นเข้ามาช่วยห่มผ้าให้นางอย่างน้อยหนึ่งถึงสองครั้งในทุกวันแต่ตอนนี้นางกลับไม่อยู่บนเตียงนางไปไหน? เกิดอะไรขึ้นเฉินฝานรีบกระโดดลงจากเตียงและวิ่งออกไปท้องฟ้ายามราตรีในคืนนี้ค่อนข้างมืดเป็นพิเศษ ไม่มีแม้แต่แสงดวงดาว ภายในลานกว้างก็มืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลยเฉินฝานวิ่งเข้าไปในครัวเป็นที่แรกแต่ภายในครัวกลับเงียบสงัด นอกจากหม้อและกระทะแล้วก็ไม่มีร่างเงาของฉินเย่ว์โหรวเลยสักนิดเฉินฝานวิ่งไปยังเล้าไก่นอกจากห้องครัวแล้ว สถานที่ที่ฉินเย่ว์โหรวมักจะชอบไปอยู่บ่อยครั้งก็คือเล้าไก่พี่น้องตระกูลฉินชอบกินไก่ที่สุด ในบ้านจะมีการฆ่าไก่เป็นประจำ แต่ในช่วงแรกที่เฉินฝานกลับมาจากการล่าสัตว์บนภูเขาหัวเสือพร้อมกับไก่ป่าที่เขาบอกว่าจะให้มันฟักไข่ออกมาไว้บำรุงร่างกายฉินเยว์โหรวตัวนั้น นางสั่งห้ามฉินเย่ว์เจียวฆ่ามันเด็ดขาดฉิน
“อ่า?”เฉินฝานมองเด็กสาวที่กำลังเมามายตำหนิเรื่องที่เขาไม่อยากอยู่กับนางในอ้อมกอดของตัวเอง ในใจของเขาตอนนี้ทั้งโกรธทั้งจนปัญญา อีกทั้งความโกรธนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเรื่องเดียวที่แท้ ที่นางตีตัวออกห่างเขาเป็นเพราะความหึงหวงนี่เองก็ว่าอยู่ เพราะก่อนที่เขาจะส่งครอบครัวของเฉินผิง นางยังดี ๆ อยู่เลย พอเขาหันกลับมา นางก็เปลี่ยนไปทันทีคาดว่าในระหว่างที่เขาส่งครอบครัวของเฉินผิง ฉินเย่ว์เจียวและนางกันคุยเรื่องของเถียนเสี่ยวอวี่แต่...ความหึงหวงของเด็กสาวคนนี้ดูออกได้อย่างชัดเจน ราวกับคนขี้หึง หลังจากโดนกระทำจนตัวเองแตกเป็นเสี่ยง ๆนางจึงได้ลุกขึ้นมาดื่มเหล้ากลางดึกเช่นนี้“เหลวไหล!”เฉินฝานใช้นิ้วดีดหัวของฉินเย่ว์โหรวเสียงดัง “ทำไมข้าจะไม่ต้องการเจ้าเล่า สมองกลวง ๆ ของเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”เขาแค่คิดว่านางยังเด็กเกินไป อยากรอให้นางโตกว่านี้หน่อยก็เท่านั้นเขาไม่อยากให้นางตกอยู่ในอันตราย จึงพยายามข่มความคิดที่อยากได้ตัวนางเอาไว้เพราะยังเด็กนี่ไง ตอนนี้เฉินฝานจึงยังไม่อยากให้นางตั้งท้องเขาข้ามมิติมา ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน มีหญิงสาวลาจากโลกนี้ไปในขณะคลอดลูกถึงสองคนแล้วเนื่อง
“อื้อ....”ฉินเย่ว์โหรวที่ถูกโอบเอว ถือโอกาสตอนที่ถูกดึงตัวกลับมาใช้ปากประกบปากของเฉินฝานทันที“นายท่าน”เมื่อเห็นเฉินฝานนิ่งไม่ขยับ ความกล้าหาญของฉินเย่ว์โหรวก็ยิ่งทวีคูณริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและหนุบหนับของนางขยับอยู่บนริมฝีปากของเฉินฝาน“นายท่านไม่ชอบโหรวเอ๋อร์จริง ๆหรือเจ้าคะ? แต่ตอนนี้โหรวเอ๋อร์ชอบนายท่านมากจริง ๆ นะเจ้าคะ”“นายท่าน ข้าไม่ได้แสนดีเหมือนกับพี่เถียน พี่เถียนเป็นบุตรสาวจากครอบครัวที่มั่งคั่ง มีการศึกษาและสุภาพ ส่วนข้าก็แค่หญิงสาวชาวไร่ ข้า....”เฉินฝานเชยคางของฉินเย่ว์โหรวขึ้น ให้นางและเขาได้สบตากัน “ต่อไปห้ามเจ้าพูดว่าตัวเองเช่นนี้อีก เข้าใจไหม? ในใจของข้า พวกเจ้าทุกคนเหมือนกัน ทุกคนเป็นภรรยาของข้า ไม่มีแบ่งแยกสูงหรือต่ำ”“เช่นนั้นทำไมนายท่านถึงไม่ต้องการข้า?”ภายใต้แสงไฟสีเหลืองเรืองรองจากตะเกียง ใบหน้าที่งดงามของฉินเย่ว์โหรวนั้นดูมัวหมอง ผิวพรรณที่ซีดขาวจู่ ๆ ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อคล้ายดอกกุหลาบสีสันสดสวยแพรวพรายภายใต้การฉีดน้ำใครเห็นแล้วไม่อยากกัดบ้าง“ใครบอกว่าข้าไม่ต้องการเจ้า!” มือของเฉินฝานลูบไล้อยู่บนแผ่นหลังของฉินเย่ว์โหรว จากนั้นก็กล่าวด้วยน
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ