ฉินเย่ว์โหรวนับว่าเป็นคนที่หลับง่ายที่สุดในบรรดาสามพี่น้องตระกูลฉิน อีกทั้งท่าทางของนางก่อนหลับและหลังหลับก็ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนางเป็นคนที่สะดุ้งตื่นกลางดึกน้อยมาก แต่ท่านอนของนางกลับไม่เข้าท่าเอาเสียเลย นางมักจะชอบถีบผ้าห่ม หลังจากที่เฉินฝานข้ามมิติมา เขาต้องคอยหมั่นเข้ามาช่วยห่มผ้าให้นางอย่างน้อยหนึ่งถึงสองครั้งในทุกวันแต่ตอนนี้นางกลับไม่อยู่บนเตียงนางไปไหน? เกิดอะไรขึ้นเฉินฝานรีบกระโดดลงจากเตียงและวิ่งออกไปท้องฟ้ายามราตรีในคืนนี้ค่อนข้างมืดเป็นพิเศษ ไม่มีแม้แต่แสงดวงดาว ภายในลานกว้างก็มืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลยเฉินฝานวิ่งเข้าไปในครัวเป็นที่แรกแต่ภายในครัวกลับเงียบสงัด นอกจากหม้อและกระทะแล้วก็ไม่มีร่างเงาของฉินเย่ว์โหรวเลยสักนิดเฉินฝานวิ่งไปยังเล้าไก่นอกจากห้องครัวแล้ว สถานที่ที่ฉินเย่ว์โหรวมักจะชอบไปอยู่บ่อยครั้งก็คือเล้าไก่พี่น้องตระกูลฉินชอบกินไก่ที่สุด ในบ้านจะมีการฆ่าไก่เป็นประจำ แต่ในช่วงแรกที่เฉินฝานกลับมาจากการล่าสัตว์บนภูเขาหัวเสือพร้อมกับไก่ป่าที่เขาบอกว่าจะให้มันฟักไข่ออกมาไว้บำรุงร่างกายฉินเยว์โหรวตัวนั้น นางสั่งห้ามฉินเย่ว์เจียวฆ่ามันเด็ดขาดฉิน
“อ่า?”เฉินฝานมองเด็กสาวที่กำลังเมามายตำหนิเรื่องที่เขาไม่อยากอยู่กับนางในอ้อมกอดของตัวเอง ในใจของเขาตอนนี้ทั้งโกรธทั้งจนปัญญา อีกทั้งความโกรธนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเรื่องเดียวที่แท้ ที่นางตีตัวออกห่างเขาเป็นเพราะความหึงหวงนี่เองก็ว่าอยู่ เพราะก่อนที่เขาจะส่งครอบครัวของเฉินผิง นางยังดี ๆ อยู่เลย พอเขาหันกลับมา นางก็เปลี่ยนไปทันทีคาดว่าในระหว่างที่เขาส่งครอบครัวของเฉินผิง ฉินเย่ว์เจียวและนางกันคุยเรื่องของเถียนเสี่ยวอวี่แต่...ความหึงหวงของเด็กสาวคนนี้ดูออกได้อย่างชัดเจน ราวกับคนขี้หึง หลังจากโดนกระทำจนตัวเองแตกเป็นเสี่ยง ๆนางจึงได้ลุกขึ้นมาดื่มเหล้ากลางดึกเช่นนี้“เหลวไหล!”เฉินฝานใช้นิ้วดีดหัวของฉินเย่ว์โหรวเสียงดัง “ทำไมข้าจะไม่ต้องการเจ้าเล่า สมองกลวง ๆ ของเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”เขาแค่คิดว่านางยังเด็กเกินไป อยากรอให้นางโตกว่านี้หน่อยก็เท่านั้นเขาไม่อยากให้นางตกอยู่ในอันตราย จึงพยายามข่มความคิดที่อยากได้ตัวนางเอาไว้เพราะยังเด็กนี่ไง ตอนนี้เฉินฝานจึงยังไม่อยากให้นางตั้งท้องเขาข้ามมิติมา ในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือน มีหญิงสาวลาจากโลกนี้ไปในขณะคลอดลูกถึงสองคนแล้วเนื่อง
“อื้อ....”ฉินเย่ว์โหรวที่ถูกโอบเอว ถือโอกาสตอนที่ถูกดึงตัวกลับมาใช้ปากประกบปากของเฉินฝานทันที“นายท่าน”เมื่อเห็นเฉินฝานนิ่งไม่ขยับ ความกล้าหาญของฉินเย่ว์โหรวก็ยิ่งทวีคูณริมฝีปากที่อ่อนนุ่มและหนุบหนับของนางขยับอยู่บนริมฝีปากของเฉินฝาน“นายท่านไม่ชอบโหรวเอ๋อร์จริง ๆหรือเจ้าคะ? แต่ตอนนี้โหรวเอ๋อร์ชอบนายท่านมากจริง ๆ นะเจ้าคะ”“นายท่าน ข้าไม่ได้แสนดีเหมือนกับพี่เถียน พี่เถียนเป็นบุตรสาวจากครอบครัวที่มั่งคั่ง มีการศึกษาและสุภาพ ส่วนข้าก็แค่หญิงสาวชาวไร่ ข้า....”เฉินฝานเชยคางของฉินเย่ว์โหรวขึ้น ให้นางและเขาได้สบตากัน “ต่อไปห้ามเจ้าพูดว่าตัวเองเช่นนี้อีก เข้าใจไหม? ในใจของข้า พวกเจ้าทุกคนเหมือนกัน ทุกคนเป็นภรรยาของข้า ไม่มีแบ่งแยกสูงหรือต่ำ”“เช่นนั้นทำไมนายท่านถึงไม่ต้องการข้า?”ภายใต้แสงไฟสีเหลืองเรืองรองจากตะเกียง ใบหน้าที่งดงามของฉินเย่ว์โหรวนั้นดูมัวหมอง ผิวพรรณที่ซีดขาวจู่ ๆ ก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อคล้ายดอกกุหลาบสีสันสดสวยแพรวพรายภายใต้การฉีดน้ำใครเห็นแล้วไม่อยากกัดบ้าง“ใครบอกว่าข้าไม่ต้องการเจ้า!” มือของเฉินฝานลูบไล้อยู่บนแผ่นหลังของฉินเย่ว์โหรว จากนั้นก็กล่าวด้วยน
ผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดระดับมณฑล อย่าว่าแต่จะเป็นอันดับต้นของหมู่บ้านซานเหอในรอบหนึ่งร้อยปีเลย ทั้งยังเป็นอันดับต้นในรอบหนึ่งร้อยปีของตำบลหลีผิงด้วย คนที่มาแสดงความยินดี ไม่เพียงแต่มาจากหมู่บ้านซานเหอเท่านั้น ยังมาจากแคว้นและเมืองที่อยู่รอบ ๆ หมู่บ้าน ไปจนถึงในตัวเมืองของอำเภอผิงอันอีกด้วยสรุปโดยประมาณได้ว่า นอกจากคนที่ดำรงตำแหน่งขุนนางอยู่ในอำเภอผิงอันเพียงไม่กี่คนที่ไม่ได้มา คนอื่น ๆ ที่ทั้งรวยทั้งมีตำแหน่งต่างก็มาแสดงความยินดีทั้งสิ้นบ้างก็อยากมาประจบประแจงเฉินฝาน บ้างก็อยากมาดึงตัวเฉินฝานไปเป็นพวก แต่โดยส่วนใหญ่ล้วนอยากรู้อยากเห็นทั้งนั้นถึงอย่างไรเฉินฝานก็โด่งดังเพราะกลอนคู่ ‘หมาโสด’ บทนั้น แม้แต่ลายมือของเขาก็ยังสู้เด็กน้อยอายุสามสี่ขวบไม่ได้ เรื่องที่เขาสอบได้อันดับรั้งท้ายของอำเภอจึงดังกระฉ่อนไปทั่วเมืองคนที่ดังกระฉ่อนไปทั่วผู้นี้สอบได้คะแนนสูงสุดใครบ้างจะไม่สงสัย ทุกคนถึงได้พากันไปมุงดูว่าเฉินฝานมีหน้าตาอย่างไรเฉินฝานสอบติดอันดับต้น ๆ คนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คงหนีไม่พ้นหลี่เจิ้งและมั่วหงเหวินจากตำบลหลีผิงเขาเพิ่งได้รับการเลื่อนขั้น นักศึกษาในตำบลของเขาต่างก็สอบไ
ดูเหมือนว่าความสุขของเฉียนเจิ้งหยางและความสุขของเศรษฐีอย่างมั่วหงเหวินนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในที่สุดเขาก็กลับมามีความสุขได้อีกครั้งหลังจากที่อึดอัดมาหลายปีก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น ในตอนที่อยู่ในบ้านของเฉินฝาน เฉียนเจิ้งหยางที่มีอายุเกินห้าสิบปีแล้วยังคงจับมือของเฉินฝานด้วยความตื้นตันจนน้ำตาไหลเขายังคงพร่ำพูดไม่หยุด "มันไม่ง่ายเลย มันไม่ง่ายเลยจริงๆ"ก่อนหน้าของเฉินฝาน มีเพียงเฉียนหย่งหนิงจากหมู่บ้านซานเหอคนเดียวเท่านั้นที่สอบผ่านระดับต้น ทั้งยังสอบแค่พอผ่านอันดับล่างขึ้นมาเท่านั้นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านโดยรอบต่างเยาะเย้ยเฉียนเจิ้งหยางมาหลายปีแล้ว พวกเขาขบขันที่เขายอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเชิญท่านอาจารย์เฉียนมาสอนในหมู่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านซานเหอก็ยังคงไร้ประโยชน์เช่นเดิมต่อมาหลังจากที่นักพรตจากวัดซานชิงกวนทำนายว่าเฉินเจียงจะได้กลายเป็นทายาทตระกูลสูงศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านโดยรอบพยายามกลั้นขำและเก็บการที่มีต่อเฉียนเจิ้งหยางแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นถึงอย่างไรทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคำทำนายของนักพรตซานชิงกวนไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกข่าวที่เฉินฝานสอบได้ค
“เสี่ยวฝาน จะเริ่มงานเลี้ยงตอนนี้ก็เร็วไปหน่อย นักเรียนด้านล่างก็รอคอยให้เจ้าแบ่งปันนิสัยและจิตสำนึกในการเรียนหนังสือให้กับพวกเขา”ที่จริงแล้วมั่วหงเหวินไม่อยากให้เฉินฝานพูดอะไรมากมาย ทว่าเป็นตัวเขาเองที่อยากพูดเยอะๆหลี่เจิ้งมั่วหงเหวินไม่อยากเริ่มงานเลี้ยงเร็วขนาดนั้น รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้พูดอะไรเลย งานแบบนี้ ในฐานะที่เขาเป็นหลี่เจิ้ง การพูดในงานจะขาดไปได้อย่างไรกัน ถ้าเป็นคนธรรมดา ต้องตามใจมั่วหงเหวินอย่างแน่นอนทว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้ามั่วหงเหวินไม่ใช่คนอื่น เป็นเฉินฝาน“ใต้เท้า”เฉินฝานเกาหัวด้วยสีหน้าเหยเก “เมื่อวานข้าเคลิบเคลิ้มกับการอ่านหนังสือ อ่านจนฟ้าเกือบสว่าง สูบพลังไปค่อนข้างมาก ตอนนี้... ”เฉินฝานลูบท้องตัวเองเบาๆอย่างเหนียมอายผู้ใหญ่บ้านเฉียนเจิ้งหยางพยักหน้าเงียบๆอยู่ด้านข้าง เมื่อครู่ตอนที่เฉินฝานเสนอให้เริ่มงานเลี้ยงก่อนกำหนด เขายังรู้สึกร้อนรนอยู่ในใจเจ้าเด็กคนนี้จะว่าฉลาดก็ฉลาด ทว่าในด้านการรู้ทันโลกจะขาดแคลนไปเสียหน่อยตอนนี้เขาคือผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุด เป็นถงเซิงไม่ผิดแน่ ทว่าคนอยู่ด้านหน้าเขาคือหลี่เจิ้งถึงแม้หลี่เจิ้งจะเป็นขุนนางผู้น้อย ทว
“สรุปแล้วเจ้ากำลังจะพูดอะไรกันแน่?”เฉินฟู่จ้องเฉินเจียงที่สีหน้ายิ้มเยาะ ในหัวสมองงงงวยคงจะไม่ใช่หลังจากที่เฉินเจียงตกอันดับ สมองเลอะเลือนไปแล้วหรอกนะทุกปีหลังจากการสอบฤดูวสันต์ผ่านพ้นไป ล้วนจะมีปัญญาชนและนักเรียนที่ตกอันดับเสียสติ“ลูกเจียง ถึงแม้ปีนี้เจ้าพลาดท่าไปแล้ว ทว่าซานหยวนของการสอบระดับอำเภอก็ไม่แย่ เจ้าอย่ายอมแพ้ ปีหน้าพยายามต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน จะต้องสอบได้แน่นอน”เฉินเจียงตกอันดับ เฉินฟู่ผิดหวังมาก ทว่าเฉินเจียงเสียสติแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่เฉินฟู่ไม่อยากเห็นอย่างเด็ดขาดและ...เฉินฟู่ก็ยังเชื่อมั่นว่าผู้สูงศักดิ์ตระกูลเฉินที่นักพรตซานซิงกวนพูดถึงคือเฉินเจียงไม่ใช่เฉินฝานเพราะว่านักพรตซานซิงกวนยังพูดอีกว่าผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเฉินคนนั้น ยิ่งมีลูกมากยิ่งมีความสุขมากเฉินเจียงมีลูกชาย เฉินฝานไม่มีสมัยนี้คลอดลูกชายยากกว่าการสอบขุนนางเสียอีกพี่น้องนางฉินเข้าบ้านฝ่ายชายไปปีกว่าแล้ว ท้องยังแบนราบเหมือนตอนที่เพิ่งจะเข้าบ้านฝ่ายชายเมื่อตอนนั้น ข่าวคราวสักนิดก็ไม่มีกล่าวว่าภรรยาหนึ่งคนท้องไม่โต อาจจะเป็นเพราะปัญหาของภรรยาคนนั้น ทว่าภรรยาทุกคนทั้งหมดท้องไม่โตเช
“แม่ยายท่านพูดถูก วันนี้เป็นวันสิริมงคล พูดเรื่องที่ไม่น่ายินดี ก็เป็นเจ้านั้นแหละที่ไม่ถูกเหลียนฮวา”“ถูกต้อง เรื่องที่ได้รับวาสนาจากผู้ชายเรื่องนี้ บางคนก็เร็วหน่อย บางคนก็ช้าหน่อย บางคนช้าหน่อยก็สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ เจ้าดูภรรยาของเหล่าหวังที่อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน แต่งงานสิบปีแล้ว เดือนที่แล้วก็ให้กำเนิดลูกชายไม่ใช่หรือ?”อาสะใภ้ข้างบ้านเฉินฝานสองสามคนก็ต่างพากันตำหนิจางเหลียนฮวาหลังจากที่จางเหลียนฮวาให้กำเนิดลูกชาย ทำตัวเป็นจุดสนใจและกำเริบเสิบสาน ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงในวงศ์ตระกูลเช่นนี้ จางเหลียนฮวามักจะกระแหนะกระแหนพวกภรรยาพวกนั้นที่ไม่ได้กำเนิดลูกชายโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่เพียงแต่ภรรยาพวกนั้นรู้สึกอัดอั้นในใจ อาสะใภ้สองสามคนเหล่านั้นก็รู้สึกไม่สบายใจมานานแล้ว ล้วนแต่ใช้โอกาสในสั่งสอนจางเหลียนฮวาหนึ่งยกเพราะว่าไม่ชอบใจจางเหลียนฮวามานานเกินไปแล้ว อาสะใภ้สองสามคนนั้นยิ่งพูดเยอะขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก“อย่าคิดว่าตัวเองให้กำเนิดลูกชาย แล้วอยากพูดอะไรก็พูดได้นะ”“ไม่รู้จักกาลเทศะ ไร้มารยาทอย่างยิ่ง”“งงอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษเย่ว์เจีนวกับเย่ว
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ