“แม่ยายท่านพูดถูก วันนี้เป็นวันสิริมงคล พูดเรื่องที่ไม่น่ายินดี ก็เป็นเจ้านั้นแหละที่ไม่ถูกเหลียนฮวา”“ถูกต้อง เรื่องที่ได้รับวาสนาจากผู้ชายเรื่องนี้ บางคนก็เร็วหน่อย บางคนก็ช้าหน่อย บางคนช้าหน่อยก็สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ เจ้าดูภรรยาของเหล่าหวังที่อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน แต่งงานสิบปีแล้ว เดือนที่แล้วก็ให้กำเนิดลูกชายไม่ใช่หรือ?”อาสะใภ้ข้างบ้านเฉินฝานสองสามคนก็ต่างพากันตำหนิจางเหลียนฮวาหลังจากที่จางเหลียนฮวาให้กำเนิดลูกชาย ทำตัวเป็นจุดสนใจและกำเริบเสิบสาน ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงในวงศ์ตระกูลเช่นนี้ จางเหลียนฮวามักจะกระแหนะกระแหนพวกภรรยาพวกนั้นที่ไม่ได้กำเนิดลูกชายโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่เพียงแต่ภรรยาพวกนั้นรู้สึกอัดอั้นในใจ อาสะใภ้สองสามคนเหล่านั้นก็รู้สึกไม่สบายใจมานานแล้ว ล้วนแต่ใช้โอกาสในสั่งสอนจางเหลียนฮวาหนึ่งยกเพราะว่าไม่ชอบใจจางเหลียนฮวามานานเกินไปแล้ว อาสะใภ้สองสามคนนั้นยิ่งพูดเยอะขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก“อย่าคิดว่าตัวเองให้กำเนิดลูกชาย แล้วอยากพูดอะไรก็พูดได้นะ”“ไม่รู้จักกาลเทศะ ไร้มารยาทอย่างยิ่ง”“งงอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษเย่ว์เจีนวกับเย่ว
มองขบวนทหารและม้าที่มโหฬารพันลึก คนที่อยู่ที่นั่นล้วนตกตะลึงอ้าปากค้างในงานเลี้ยงต่อให้คนที่ความรู้กว้างขวางอย่างคุณท่านตระกูลอู๋ ก็ไม่เคยพบเจอกระบวนทัพเช่นนี้พลทหารในชุดเกราะเหล็กยืนตามลำดับทั้งสองข้าง“ก็อบ ก็อบ ก็อบ!”ม้าราชสำนักที่รูปร่างกำยำอุดมสมบูรณ์ ค่อยๆเดินออกมาจากด้านหลังพลทหารชายหนุ่มที่อยู่บนม้าราชสำนัก ดูแล้วอายุยี่สิบกว่า แต่งกายชุดสีน้ำเงินหมวกทรงสูง เมื่อเห็นแล้วก็ดูมีภูมิฐานจากชุดข้าราชการสีน้ำเงินชุดนั้น กับหมวกทรงสูงบนหัวนั้นก็รู้เลยว่าตำแหน่งขุนนางของเขาใหญ่นายอำเภอมากโขตอนที่เฉินฝานมองไปทางชายหนุ่มคนนั้น ชายหนุ่มคนนั้นก็มองมาที่เขาพอดีสี่ตาจ้องมองกัน ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาก่อน สีหน้าเขาชะงักไปเล็กน้อยชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งสบตากับเขา คาดไม่ถึงว่าจะไม่เกรงกลัวตื่นตระหนกนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอแบบนี้หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งทุกคนกำลังสงสัยว่านี่เป็นคนใหญ่คนโตมาจากไหน?“ใต้ ใต้เท้า!”มั่วหงเหวินที่นั่งอยู่ข้างเฉินฝานราวกับว่าถูกไฟดูด ลุกขึ้นทันทีทันใด หลังจากนั้นงอขาคุกเข่าลงกับพื้น“คุกเข่า เร็ว พวกเจ้าทั้งหมดคุกเข่า”มั่วหงเหวินที่คุกเข่ารีบหันหน
ในหัวสมองของเฉินฝานทบทวนบันทึกรัชสมัยต้าชิ่งที่เพิ่งอ่านจบไปเมื่อสองสามวันก่อนอีกหนึ่งรอบพูดง่ายๆคือบันทึกรัชสมัยต้าชิ่งก็เหมือนกับหนังสือเรียนภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของชั้นมัธยมต้นในยุคปัจจุบันรวมกันในนั้นแนะนำระยะการปกครองของจักรพรรดิราชวงศ์ต้าชิ่ง รวมถึงสถานการณ์โดยพื้นฐานในที่ต่างๆในรัชสมัยต้าชิ่งราชสำนักต้าชิ่งมีทั้งสิบมหานครหนึ่งเมืองหลวงมหานครก็เหมือนกับมณฑลในยุคปัจจุบันในมหานครตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดคือ เจ้าเมืองตำแหน่งขุนที่น้อยกว่าเจ้าเมือง ผู้ว่าราชการประจำมณฑล ถงจื้อ ถงพั่น เป็นต้นผู้ว่าราชการประจำมณฑลที่นั่งอยู่บนหลังม้าคนนี้ ก็เป็นตำแหน่งใหญ่รองจากตำแหน่งเจ้าเมืองหรงตูยังหนุ่มยังแน่น ถ้าหากไม่ใช่ว่าใช้เส้นสาย เป็นผลงานของตัวเองล่ะก็ เขาต้องมีความสามารถที่ล้ำเลิศ“ลู่เฉิงกวง!”ผู้ว่าราชการประจำมณฑลท่านนั้นปราดตามองผ่านนายอำเภอลู่เฉิงกวงไปด้านหลังอย่างเยือกเย็น มือยกขึ้นเล็กน้อย ชี้ไปทางเฉินฝานที่โต๊ะหลัก “เขาก็คือคนที่สอบอันดับแรกในการสอบระดับมณฑลของอำเภอเจ้าครั้งนี้สินะ”ลมวสันตฤดูพาดผ่านใบหน้า ทำให้ชุดข้าราชการผู้ว่าราชการประจำมณฑลสีฟ้าสดชุดนั้น ปลิวข
“!!!”“???”รวมถึงหลูเฉิงกวง ทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยง สีหน้าของพวกเขาล้วนตกใจทุกคนแน่นอน นอกจากเฉินเจียง เขาคุกเข่าบนพื้น มุมปากยกขึ้นกว้าง แววตาของเขาที่มองเฉินฝาน เปี่ยมไปด้วยความทระนงและเหี้ยมโหดมาแล้ว ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงอยากเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเฉินเช่นนั้นหรือ? เพ้อฝันจริงๆ ไม่รู้จักเจียมตน“นายท่าน” จางเหลียนฮวาอุ้มลูก ขยับเข้าไปใกล้เฉินเจียง นางดีใจจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว“เจ้ารู้ได้อย่างไร รู้ว่าเฉินฝานจะเดือดร้อน”นางสารเลวทั้งสามคนของตระกูลฉิน คิดอยากจะอยู่เหนือกว่านางอย่างนั้นหรือ?ฝันไปเถอะ พวกนางถูกลิขิตให้อยู่ใต้ฝ่าเท้านางชั่วชีวิต“หึ!” สีหน้าของเฉินเจียงฉายความดูแคลน “คนอาศัยคุณไสย กรรมจะไม่ตามสนองได้อย่างไร?”“แต่ว่า...” เฉินเจียงแสร้งทำเป็นครุ่นคิด หยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วค่อยพูด “แม้จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เฉินฝานคงคิดไม่ถึงว่าใครเป็นคนหักหลังเขากระมัง?”“หักหลัง?” สีหน้าของจางเหลียนฮวาฉายความสงสัยและฉงน “นายท่าน ท่านบอกว่าเฉินฝานเดือดร้อนเพราะมีคนหักหลังเขาหรือเจ้าคะ?”“ถูกต้อง”“ใครเจ้าคะ? ใครหักหลังเขา? หักหลังเขาอะไร?”“ถอยๆๆ!”เสียงของจางเหลียนฮว
“หย่งเหนียน แม้เฉินฝานจะเคยช่วยชีวิตลูกชายเจ้า? เจ้าก็ไม่อาจพูดจาเหลวไหล!”“...” เฉียนหย่งเหนียนไม่อาจโต้ตอบได้อีก จากสถานการณ์แล้วคล้ายเรื่องจะรุนแรงจริงๆเฉินฝานกำลังจะเผชิญหน้ากับทหารแล้วสีหน้าของเฉินฝานฉายความกังวล “เสี่ยวฝานๆ เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ พวกเราให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เจ้าไม่ได้ทำความผิด ต้อง..”คำพูดของเขาสายไปแล้ว เฉินฝานและพวกทหารอยู่ใกล้กันมากแล้ว“...” ไม่ใช่แค่เฉียนหย่งเหนียนและทุกคนรอบๆ ตกตะลึง แม้กระทั่งพวกทหารที่จะมาจับเฉินฝาน ต่างเบิกตากว้าง พูดไม่ออกทว่าทางด้านเฉินฝาน...เขาช้อนตัวฉินเย่ว์โหรวที่ล้มลงบนพื้นขึ้นมา“นายท่าน...”“เหตุใดต้องกระวนกระวายเช่นนี้ด้วย ไม่รู้หรือว่าตนเองสุขภาพไม่แข็งแรง? พวกเราไม่เป็นอะไรแน่นอน เจ้าไม่เชื่อใจนายท่านของเจ้าแล้ว”เฉินฝานก้มหน้าลงแล้วบ่นร่ายยาว เขาโมโหจริงๆเห็นพวกทหารจะจับเขา ฉินเย่ว์โหรวตกใจมาก วิ่งมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เฉินฝานลุกขึ้นแล้วเดินมากะทันหันแบบนี้ ก็เพราะฉินเย่ว์โหรวล้มหัวเข่าและหน้าผากถลอกจนเลือดออก หกล้มครั้งนี้รุนแรงจริงๆโชคดีที่ล้มตรงนี้ หากเมื่อครู่นางวิ่งไปหาพวกทหาร ผลลัพธ์ที่ตามมายิ่
พวกเขาไม่ได้ออมมือกระทั่งเวลานี้ พวกเขายังไม่รู้ว่าเฉินฝานผ่านพวกเขาไปได้อย่างไรเฉินฝานฝีมือเก่งกาจมาก ทั้งยังเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงชั่วพริบตา เฉินฝานก็วิ่งผ่านพวกเขาไปแล้ว“ฟิ้ว!”จู่ๆ สุราหนึ่งไห ก็พุ่งมาทางทหารที่กำลังจะจับตัวเฉินฝาน พวกทหารยกดาบในมือขึ้นตามสัญชาตญาณ อยากฟันไหสุราแต่...อย่างรวดเร็วพวกเขาก็พบว่า พวกเขาตัดสินใจความสูงของไหสุราผิดไปแล้วไหสุราผ่านศีรษะพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่...“ปกป้องใต้เท้า ปกป้องใต้เท้า!”ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย พวกทหารหันกลับไป วิ่งกรูกลับไปหาหลี่ชางเฉินฝานในเวลานี้ นั่งดื่มสุราบนโต๊ะด้านข้างด้วยความสบายใจแล้วมองกลุ่มคนชลมุนวุ่นวายเหล่านั้น เฉินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อยสิ่งที่เขาเห็นน่าจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยได้เรื่องกระมัง ความสามารถของทหารต้าชิ่งไม่น่าจะอยู่ในระดับนี้กระมังหากเป็นเช่นนี้ จะชนะสงครามได้หรือเฉินฝานไม่รู้ว่า ขณะที่เขากำลังนั่งดื่มสุราอยู่นั้น ทางทิศตะวันตกสุดของแคว้นต้าชิ่ง เพิ่งสูญเสียเมืองไปอีกหนึ่งเมือง“ใต้เท้า ท่านไม่เป็นอะไรกระมังขอรับ!”นายกองจางหย่นชุนผู้คุ้มกันเมืองหรงตูหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเส
“หากข้าน้อยจำไม่ผิด ตามกฎหมายต้ามาตราที่หก บรรทัดที่หนึ่งเขียนอย่างชัดเจน ‘ผู้วางแผนก่อกบฏ ผู้ก่อกบฏ สามารถจับกุมได้โดยมิจำเป็นต้องผ่านการสั่งการ ทว่าการจับกุม ฐานความผิดอื่นนั้น จำต้องผ่านการสั่งการจึงจะจับกุมได้’ความหมายก็คือ นอกเหนือจากจับกุมผู้วางแผนก่อกบฏและกบฏนั้นไม่ต้องอธิบายฐานความผิด ความผิดอื่นต้องอธิบายให้ชัดเจนว่ามีความผิดใดคล้ายกับยุคสมัยปัจจุบัน ยามตำรวจจับกุม จะต้องพูดก่อนว่าผู้ต้องสงสัยทำความผิดอะไร แล้วค่อยเริ่มการจับกุม“ผู้ว่าราชการประจำมณฑลสอบผ่านขุนนางเข้ารับราชการตั้งแต่อายุสิบเจ็ด กฎหมายข้อนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ข้าน้อยย้ำเตือนกระมังขอรับ”“ข้าน้อยเป็นเพียงชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหออำเภอผิงอัน ไม่น่าจะทำผิดฐานวางแผนก่อกบฏหรือก่อกบฏกระมังขอรับ”“ไม่ขนาดนั้น ไม่ขนาดนั้น”หลูเฉิงกวงยิ้มแห้งแล้วพูด ส่วนลึกในแววตาของเขาฉายความสะใจหลี่ชางโด่งดังตั้งแต่อายุยังน้อย เลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นสี่ด้วยอายุเพียงแค่นี้ หลายปีมานี้เขาเริ่มโอหัง ยามพบเจอขุนนางที่ยศน้อยกว่าเช่นพวกเขา หลี่ชางไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อย“ข้ารู้ดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้เฉินฝานนอกจากเข้าร่วมการสอบขุ
แท้จริงแล้วความไม่สบายใจพิลึกนี้ มาจากสิ่งนี้นี่เองแต่ว่า...เพราะเหตุใดตอนเฉินฝานมองไปที่คนคนนั้น เขาก้มหน้าลงด้วยใจที่ไม่เป็นสุข ไม่กล้าสบตาเฉินฝานใจไม่เป็นสุขแท้จริงแล้วหมายถึงเจตนา เจตนาหมายถึงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำให้เขาตั้งใจทำแบบนั้น“หลี่ซาน!”“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาเนี่ยนะ? เขาทำอะไร? เฉินฝานจึงต้องถูกลงโทษไปด้วย?”“ปลานั่นหรือ?”“ไม่ใช่กระมัง เรือนแขกขอเพียงไม่ขายเนื้อมนุษย์ ขายอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“ถูกต้อง”“สิ่งที่เฉินฝานและหลี่ซานเกี่ยวข้องกันนั้น มีแค่ปลากระมัง”“ไม่อาจพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่คนที่อยู่ข้างกายพวกเขา ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังพวกเขาทำอะไร?”“หรือจะเป็นหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ข้าได้ยินว่า ตอนเฉินฝานพาตัวฉินเย่ว์ฉู่กลับมา วันเดียวกันมีสตรีหลายคนเข้าไปในหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ตอนนั้นมีคนเห็นเฉินฝานอยู่ในเหตุการณ์”“หึ!”เฉินเจียงหัวเราะในลำคอ “ลำพังสตรีไม่กี่คน มีหรือจะทำให้ผู้ว่าราชการประจำมณฑลมาจับคนด้วยตนเอง? พวกเจ้าคิดตื้นเขินเกินไปแล้ว”“เฮ้อ เฉินเจียง ข้ารู้สึกว่าถ้อยคำนี้ของเจ้าแปลกๆ คล้ายหากหลานชายถูกจับตัวไป เจ้ามีความสุขมากอย่างไ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ