แท้จริงแล้วความไม่สบายใจพิลึกนี้ มาจากสิ่งนี้นี่เองแต่ว่า...เพราะเหตุใดตอนเฉินฝานมองไปที่คนคนนั้น เขาก้มหน้าลงด้วยใจที่ไม่เป็นสุข ไม่กล้าสบตาเฉินฝานใจไม่เป็นสุขแท้จริงแล้วหมายถึงเจตนา เจตนาหมายถึงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำให้เขาตั้งใจทำแบบนั้น“หลี่ซาน!”“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาเนี่ยนะ? เขาทำอะไร? เฉินฝานจึงต้องถูกลงโทษไปด้วย?”“ปลานั่นหรือ?”“ไม่ใช่กระมัง เรือนแขกขอเพียงไม่ขายเนื้อมนุษย์ ขายอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“ถูกต้อง”“สิ่งที่เฉินฝานและหลี่ซานเกี่ยวข้องกันนั้น มีแค่ปลากระมัง”“ไม่อาจพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่คนที่อยู่ข้างกายพวกเขา ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังพวกเขาทำอะไร?”“หรือจะเป็นหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ข้าได้ยินว่า ตอนเฉินฝานพาตัวฉินเย่ว์ฉู่กลับมา วันเดียวกันมีสตรีหลายคนเข้าไปในหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ตอนนั้นมีคนเห็นเฉินฝานอยู่ในเหตุการณ์”“หึ!”เฉินเจียงหัวเราะในลำคอ “ลำพังสตรีไม่กี่คน มีหรือจะทำให้ผู้ว่าราชการประจำมณฑลมาจับคนด้วยตนเอง? พวกเจ้าคิดตื้นเขินเกินไปแล้ว”“เฮ้อ เฉินเจียง ข้ารู้สึกว่าถ้อยคำนี้ของเจ้าแปลกๆ คล้ายหากหลานชายถูกจับตัวไป เจ้ามีความสุขมากอย่างไ
“เพราะอะไร? พูดต่อสิ!”หลี่ซานหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลี่ชางเร่งเร้าเสียงดัง“เพราะ...” หลี่ซานหลับตาลง มือสองข้างที่แนบกาย กำหมัดแล้วคลาย คลายแล้วกำหมัด สุดท้ายเขารวบรวมความกล้าแล้วพูด“เฉินฝานสอบได้อันดับหนึ่ง เพราะข้าจ่ายเงินก้อนใหญ่ จ้างยอดฝีมือในยุทธภพ ให้ยอดฝีมือลอบเข้าไปในศาลาว่าการ เขียนหัวข้อการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลในปีนี้ จากนั้นนำไปให้เฉินฝาน เฉินฝานรู้คำตอบ ก่อนการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลแล้วขอรับ”“หา เป็นไปได้อย่างไร!”“ที่แท้ ก็แบบนี้นี่เอง”หลี่ซานเพิ่งพูดจบ จากเดิมที่เงียบงัน ดั่งมีคนโยนระเบิดลงไปในทะเลสาบนิ่งสงบ แตกตื่นกันทันทีชาวบ้านมองเฉินฝานและหลี่ซานสลับกันไปมา อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา“ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง”“ก็ว่า คนที่เขียนกลอนคู่ไม่คล้องจองกันแม้แต่น้อย ทั้งยังลายมืออัปลักษณ์ แม้กระทั่งคัมภีร์สามอักษรก็อาจจะยังจำไม่ได้ทั้งหมด จะผ่านการสอบระดับอำเภอ อีกทั้งสุดท้ายยังได้อันดับหนึ่งในการสอบระดับมณฑลได้อย่างไร แท้จริงแล้วขโมยข้อสอบนี่เอง”คนที่โมโหที่สุด คือพวกปัญญาชนเหล่านั้น“ข้าสอบสนามสอบเดียวกับเขา ข้าเห็นเขานอนตั้งแต่การสอบระดับอำเ
“ไร้คุณธรรมสิ้นดี! ไม่แปลกที่ลำดับจากสู่ไปต่ำเรียงเป็นบัณฑิต กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์ พ่อค้าวาณิชย์เป็นอันดับสุดท้าย พ่อค้าไร้คุณธรรม ไร้ข้อจำกัด ทำทุกเรื่องชั่วช้า!”“นึกถึงปัญญาชนที่ถูกเฉินฝานเอาตำแหน่งไป เสียดายแทนเขาจริงๆ”“นั้นนะสิ ผู้อื่นร่ำเรียนด้วยความลำบากมานาน กลับแพ้ให้เฉินฝานอย่างไม่ถูกต้อง”“ปัญญาชนทระนงตน เฉินฝานสอบผ่าน แต่พวกเขากลับสอบตก เกรงว่าจะมีคนคิดสั้นเพราะเรื่องนี้”ชาวบ้านเริ่มรู้สึกเจ็บใจแทนปัญญาชนที่สอบตก ผู้ที่คนในครอบครัวเข้าร่วมการสอบในครั้งนี้คุกเข่าตรงหน้าหลี่ชาง ร้องไห้อ้อนวอน“ใต้เท้า ผู้ว่าราชการประจำมณฑล ท่านต้องลงโทษพ่อค้าไร้คุณธรรมสองคนนี้สถานหนัก”“ใต้เท้า การสอบขุนนางเป็นรากฐานสำคัญของแคว้น เกี่ยวโยงไปถึงอนาคตของราชสำนัก การขโมยข้อสอบเป็นการล่วงเกินรากฐานของแคว้น ใต้เท้าโปรดลงโทษพวกเขาด้วยฐานก่อกบฏ ประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ”“ใต้เท้า โปรดประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ!”“ใต้เท้า โปรดประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ!”พวกปัญญาชนคุกเข่าอ้อนวอน เมื่อพวกเขาคุกเข่า ชาวบ้านรอบๆ หลายคนก็คุกเข่าไปด้วยชั่วขณะหนึ่ง เสียงร้องขอให้ประหารเฉินฝานและหลี่ซาน
หลี่ชางหัวเราะด้วยความเย็นชา “พวกดื้อด้าน เจ้าคิดว่าถ่วงเวลาแล้ว ข้าจะไม่จับเจ้าเช่นนั้นหรือ?”“ใต้เท้า~”“เฉินฝานเมาจนยืนทรงตัวไม่อยู่ เขายืนพิงโต๊ะพร้อมกับกอดไหสุรา พวงแก้มแดงระเรื่อ “หากท่านมีหลักฐาน ท่านไม่ต้องจับข้า ข้ายินดีไปกับท่าน!”“พูดจาเหลวไหล! คำสารภาพของหลี่ซานเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?”“อย่าฟังคำพูดเหลวไหลของเขา เอาตัวเขาไป!”เฉินฝานกระแทกไหสุราลงบนโต๊ะอย่างแรง ไหสุรากระแทกโต๊ะ ส่งเสียงตึงทหารที่พุ่งตัวมาทางเขา หลังจากได้ยินเสียง หยุดฝีเท้าลงอย่างไม่อาจควบคุมได้แม้พวกเขาไม่เคยประจันหน้ากับเฉินฝานมาก่อน แต่เมื่อครู่ตอนเฉินฝานวิ่งผ่านพวกเขา พลังแข็งแกร่งในตัวเฉินฝาน พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนฝีมือของเฉินฝาน ไม่ธรรมดาแน่นอนเฉินฝานที่สองมือวางบนไหสุรา มองหลี่ชางบนหลังม้าจากที่ไกลๆ เขาหัวเราะแล้วพูด “ดูเหมือนว่า หลายปีมานี้ชาวบ้านในหรงตูของเรามีชีวิตที่ดี แม้กระทั่งนักโทษก็น้อยลงแล้ว”ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเฉินฝาน ต่างรู้สึกแปลกใจหลายปีมานี้เศรษฐกิจย่ำแย่ โจรและขโมยชุกชุมกว่าเมื่อก่อนมาก เฉินฝานพูดจาเหลวไหลที่นี่ เพื่อถ่วงเวลาจริงๆสีหน้าของนายอำเภ
กระดาษข้อสอบกองโต“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก!” หลี่ชางนับทีละแผ่นหลังจากเขานับเสร็จ เขายื่นกระดาษข้อสอบให้จางหย่งชุนจางหย่งชุนรับกระดาษข้อสอบเอาไว้ แสดงให้ทุกคนดูทีละแผ่น“นี่เป็นข้อสอบระดับอำเภอและระดับมณฑลไม่ใช่หรือ?”เมื่อปัญญาชนเห็นกระดาษข้อสอบเหล่านั้น ร้องเสียงดัง“แค่ว่าลายมือไม่ค่อยเหมือนกัน”“แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกัน เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินที่หลี่ซานพูดหรือ? ข้อสอบนี้เขาจ่ายเงินก้อนใหญ่จ้างยอดฝีมือในยุทธภพ ลักลอบเข้าไปในที่ทำการแล้วคัดลอกไม่ใช่หรือ?“เฉินฝานขโมยข้อสอบ แล้วยังคิดอยากจะปฏิเสธอีก!”“เขาเป็นคนชั่วช้าอยู่แล้ว หลายเดือนมานี้แกล้งทำตัวเป็นคนดี หลอกผู้คนมากมาย!”“เมื่อครู่เขายังกล้าสงสัยในตัวผู้ว่าราชการประจำมณฑล บอกว่าใต้เท้าทำคดีไม่เป็น? ช่างน่าขันเสียจริง ใต้เท้าขึ้นเป็นผู้ว่าราชการประจำมณฑลด้วยวัยเพียงแค่นี้ โง่เขลากว่าเขาที่เป็นแค่พ่อค้าขายปลาจอมขี้โกงเนี่ยนะ?”“เฉินฝาน มีครบทั้งพยานบุคคลและหลักฐานแล้ว เจ้ายังมีอะไรพูดอีก?”หลี่ชางไม่ต้องพูด พวกปัญญาชนเหล่านั้นก็ถามเฉินฝานแล้ว“กระดาษข้อสอบนี้ไม่ใช่ของพวกข้า มีคนป้ายสี คิดอยากจะทำร้ายนายท่านของข้า พ
ภายใต้คำสั่งของหลี่ชาง จางหย่งชุนเหยียบแผ่นหลังของเฉินฝาน ยิ่งเฉินฝานอยากลุกขึ้นมาเท่าไหร่ จางหย่งชุนก็ออกแรงเหยียบมากขึ้นเท่านั้น“สมน้ำหน้าจริงๆ!”“ขโมยข้อสอบควรมีจุดจบแบบนี้”“ครุ่นคิดดูแล้วหากไม่ใช่เพราะผู้ว่าราชการประจำมณฑลหลักแหลม ตอนนี้เขายังนั่งอยู่บนโต๊ะ ดื่มด่ำกับสายตาอิจฉาของผู้คนโดยไร้ยางอาย”“ถุย! อันดับหนึ่งเนี่ยนะ!”“ก็แค่โจรคนหนึ่ง! ถุย!”“ถุย!”นำโดยปัญญาชนเหล่านั้น มีคนเดินมาถ่มน้ำลายบนตัวเฉินฝานไม่หยุด“สารเลว! สารเลว!”ดวงตาของฉินเย่ว์เจียวเต็มไปด้วยเส้นเลือด กัดฟันแน่นหากตอนนี้นางไม่ถูกจับมัดเอาไว้ นางต้องคว้าธนูมายิงให้ตายทีละคนแน่นอน“อย่า! นายท่านของข้าไม่ได้ขโมยข้อสอบ เขาถูกใส่ร้าย!”ฉินเย่ว์โหรวกรีดร้องจนแทบขาดใจ“พวกขุนนางชั่ว นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ยังไม่ผ่านการตรวจสอบแน่ชัด จับคนสุ่มสี่สุ่มห้า ขุนนางชั่ว!”ฉินเย่ว์ฉู่ตัวเล็กนิดเดียว แต่เสียงกลับดังชัด ดึงดูดสายตาของหลี่ชางหลี่ชางไม่โมโหแต่กลับหัวเราะ เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย บอกให้ทหารปล่อยตัวสามพี่น้องสามพี่น้องที่เพิ่งถูกปล่อยตัว ไม่สนใจเชือกที่มัดพวกนางเอาไว้ พุ่งตัวไปหาเฉินฝาน ใช้ร่างก
“ปกป้องนายท่าน!”หลี่ชางถอยกลับเพื่อป้องกันอย่างเร่งรีบกลุ่มทหารที่ยืนล้อมเฉินฝานถอยกลับไปพรวดพราดต่อหน้าเฉินฝาน โดยล้อมรถม้าไว้ข้างในสามชั้นข้างนอกสามชั้นเฉินฝานมองกลุ่มทหารพวกนั้นแล้วส่ายหัวอีกครั้งทหารแบบนี้ ถ้าลงสนามรบ ยอมจำนนโดยตรงเถอะทักษะไม่ดี จิตสำนึกก็ไม่ดีสมองของพวกเขาอยู่ในรถม้าคันนั่น แต่กลับล้อมเขาโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดหากว่า......ของชิ้นนั้นไม่ใช่หิน แต่เป็นลูกธนูคันหนึ่ง คนในรถม้ายังสามารถมีชีวิตรอดได้?ปกป้องสมองไม่ได้ ยังคิดไปสู้รบกับผีอะไร!เฉินฝานทำได้เพียงปลอบใจตนเองเงียบ ๆ ในใจ ทหารที่ต่อสู้จริงๆ ไม่เป็นแบบนี้“ใคร?”หลี่ชางมองดูรอบ ๆ มองหาเสียงที่ดังเมื่อครู่นี้“เป็นไปได้อย่างไร......”คนบนรถม้าทำหน้าตกใจและรีบเปิดม่านรถม้าชายชราสวมชุดสีดำ มีผมสีเงินปรากฏตัวต่อหน้าสายตาทุกคน“เขาเป็นใคร? ใช่ใต้เท้าเจ้าเมืองหรือไม่?”ผู้คนมองชายชราด้วยความสงสัย คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ต่อให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยในอำเภอผิงอันก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลเคยพบท่านเจ้าเมือง“ไม่ได้สวมเครื่องแบบราชการ อาจไม่ใช่ท่านเจ้าเมือง”วินาทีที่ชายชราเปิดม่านรถม้า
“เมื่อดูปฏิกิริยาของบัณฑิตเริ่นที่มีต่ออาจารย์เฉียน ข้ารู้สึกว่าอาจารย์เฉียนก็คือบัณฑิตเฉียน!”“ดังนั้น......นี่เป็นพิสูจน์ทางอ้อมได้ว่าเฉินฝานไม่ได้ขโมยข้อสอบ อาจารย์ของเขาเป็นถึงบัณฑิตเฉียนเลยนะ”“เอ่อ จะพูดแบบนี้ไม่ได้กระมัง ถึงแม้บัณฑิตเฉียนเยี่ยมยอดมาก ก็ไม่สามารถทำให้คนที่เพิ่งเรียนคัมภีร์สามอักษรจบสอบได้คะแนนเต็มนี่”“หรือไม่ นี่คือความเก่งกาจของบัณฑิตล่ะ?”“โอ้แม่ข้า ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะย้ายไปสถานศึกษาของหมู่บ้านซานเหอทันที”“อย่าเพ้อฝันเลยน่า ข้าได้ยินมาว่า บัณฑิตเฉียนไม่รับนักเรียนง่าย ๆ หรือไม่เจ้าก็ดูสิ ในบรรดานักเรียนของหมู่บ้านซานเหอ หลายปีมานี้เหตุใดถึงมีเพียงเฉียนหย่งเหนียนคนเดียวที่สอบผ่านถงเซิงอย่างยากลำบาก”“แล้วเฉินฝานคนนี้มีอะไร? เมื่อก่อนเขาเป็นแค่อันธพาลไม่มีอนาคต แต่โชคกลับมาตกที่เขาจริง ๆ!”เช่นเดียวกับเหตุการณ์ประกาศรายชื่อในเวลานั้น ปัญญาชนเหล่านั้นแสดงความอิจฉาต่อเฉินฝานอีกครั้งพวกเขาพยายามอย่างหนัก ตั้งใจเรียนนานถึงเพียงนั้น แต่เหตุใดถึงไม่มีความโชคดีเลย?สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย“ข้าว่าพวกเจ้าด่วนสรุปเร็วเกินไป” มีปัญญาชนบางคนเห็นต่าง
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ