แท้จริงแล้วความไม่สบายใจพิลึกนี้ มาจากสิ่งนี้นี่เองแต่ว่า...เพราะเหตุใดตอนเฉินฝานมองไปที่คนคนนั้น เขาก้มหน้าลงด้วยใจที่ไม่เป็นสุข ไม่กล้าสบตาเฉินฝานใจไม่เป็นสุขแท้จริงแล้วหมายถึงเจตนา เจตนาหมายถึงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำให้เขาตั้งใจทำแบบนั้น“หลี่ซาน!”“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาเนี่ยนะ? เขาทำอะไร? เฉินฝานจึงต้องถูกลงโทษไปด้วย?”“ปลานั่นหรือ?”“ไม่ใช่กระมัง เรือนแขกขอเพียงไม่ขายเนื้อมนุษย์ ขายอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“ถูกต้อง”“สิ่งที่เฉินฝานและหลี่ซานเกี่ยวข้องกันนั้น มีแค่ปลากระมัง”“ไม่อาจพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่คนที่อยู่ข้างกายพวกเขา ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังพวกเขาทำอะไร?”“หรือจะเป็นหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ข้าได้ยินว่า ตอนเฉินฝานพาตัวฉินเย่ว์ฉู่กลับมา วันเดียวกันมีสตรีหลายคนเข้าไปในหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ตอนนั้นมีคนเห็นเฉินฝานอยู่ในเหตุการณ์”“หึ!”เฉินเจียงหัวเราะในลำคอ “ลำพังสตรีไม่กี่คน มีหรือจะทำให้ผู้ว่าราชการประจำมณฑลมาจับคนด้วยตนเอง? พวกเจ้าคิดตื้นเขินเกินไปแล้ว”“เฮ้อ เฉินเจียง ข้ารู้สึกว่าถ้อยคำนี้ของเจ้าแปลกๆ คล้ายหากหลานชายถูกจับตัวไป เจ้ามีความสุขมากอย่างไ
“เพราะอะไร? พูดต่อสิ!”หลี่ซานหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลี่ชางเร่งเร้าเสียงดัง“เพราะ...” หลี่ซานหลับตาลง มือสองข้างที่แนบกาย กำหมัดแล้วคลาย คลายแล้วกำหมัด สุดท้ายเขารวบรวมความกล้าแล้วพูด“เฉินฝานสอบได้อันดับหนึ่ง เพราะข้าจ่ายเงินก้อนใหญ่ จ้างยอดฝีมือในยุทธภพ ให้ยอดฝีมือลอบเข้าไปในศาลาว่าการ เขียนหัวข้อการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลในปีนี้ จากนั้นนำไปให้เฉินฝาน เฉินฝานรู้คำตอบ ก่อนการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลแล้วขอรับ”“หา เป็นไปได้อย่างไร!”“ที่แท้ ก็แบบนี้นี่เอง”หลี่ซานเพิ่งพูดจบ จากเดิมที่เงียบงัน ดั่งมีคนโยนระเบิดลงไปในทะเลสาบนิ่งสงบ แตกตื่นกันทันทีชาวบ้านมองเฉินฝานและหลี่ซานสลับกันไปมา อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา“ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง”“ก็ว่า คนที่เขียนกลอนคู่ไม่คล้องจองกันแม้แต่น้อย ทั้งยังลายมืออัปลักษณ์ แม้กระทั่งคัมภีร์สามอักษรก็อาจจะยังจำไม่ได้ทั้งหมด จะผ่านการสอบระดับอำเภอ อีกทั้งสุดท้ายยังได้อันดับหนึ่งในการสอบระดับมณฑลได้อย่างไร แท้จริงแล้วขโมยข้อสอบนี่เอง”คนที่โมโหที่สุด คือพวกปัญญาชนเหล่านั้น“ข้าสอบสนามสอบเดียวกับเขา ข้าเห็นเขานอนตั้งแต่การสอบระดับอำเ
“ไร้คุณธรรมสิ้นดี! ไม่แปลกที่ลำดับจากสู่ไปต่ำเรียงเป็นบัณฑิต กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์ พ่อค้าวาณิชย์เป็นอันดับสุดท้าย พ่อค้าไร้คุณธรรม ไร้ข้อจำกัด ทำทุกเรื่องชั่วช้า!”“นึกถึงปัญญาชนที่ถูกเฉินฝานเอาตำแหน่งไป เสียดายแทนเขาจริงๆ”“นั้นนะสิ ผู้อื่นร่ำเรียนด้วยความลำบากมานาน กลับแพ้ให้เฉินฝานอย่างไม่ถูกต้อง”“ปัญญาชนทระนงตน เฉินฝานสอบผ่าน แต่พวกเขากลับสอบตก เกรงว่าจะมีคนคิดสั้นเพราะเรื่องนี้”ชาวบ้านเริ่มรู้สึกเจ็บใจแทนปัญญาชนที่สอบตก ผู้ที่คนในครอบครัวเข้าร่วมการสอบในครั้งนี้คุกเข่าตรงหน้าหลี่ชาง ร้องไห้อ้อนวอน“ใต้เท้า ผู้ว่าราชการประจำมณฑล ท่านต้องลงโทษพ่อค้าไร้คุณธรรมสองคนนี้สถานหนัก”“ใต้เท้า การสอบขุนนางเป็นรากฐานสำคัญของแคว้น เกี่ยวโยงไปถึงอนาคตของราชสำนัก การขโมยข้อสอบเป็นการล่วงเกินรากฐานของแคว้น ใต้เท้าโปรดลงโทษพวกเขาด้วยฐานก่อกบฏ ประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ”“ใต้เท้า โปรดประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ!”“ใต้เท้า โปรดประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ!”พวกปัญญาชนคุกเข่าอ้อนวอน เมื่อพวกเขาคุกเข่า ชาวบ้านรอบๆ หลายคนก็คุกเข่าไปด้วยชั่วขณะหนึ่ง เสียงร้องขอให้ประหารเฉินฝานและหลี่ซาน
หลี่ชางหัวเราะด้วยความเย็นชา “พวกดื้อด้าน เจ้าคิดว่าถ่วงเวลาแล้ว ข้าจะไม่จับเจ้าเช่นนั้นหรือ?”“ใต้เท้า~”“เฉินฝานเมาจนยืนทรงตัวไม่อยู่ เขายืนพิงโต๊ะพร้อมกับกอดไหสุรา พวงแก้มแดงระเรื่อ “หากท่านมีหลักฐาน ท่านไม่ต้องจับข้า ข้ายินดีไปกับท่าน!”“พูดจาเหลวไหล! คำสารภาพของหลี่ซานเป็นหลักฐานที่ดีที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?”“อย่าฟังคำพูดเหลวไหลของเขา เอาตัวเขาไป!”เฉินฝานกระแทกไหสุราลงบนโต๊ะอย่างแรง ไหสุรากระแทกโต๊ะ ส่งเสียงตึงทหารที่พุ่งตัวมาทางเขา หลังจากได้ยินเสียง หยุดฝีเท้าลงอย่างไม่อาจควบคุมได้แม้พวกเขาไม่เคยประจันหน้ากับเฉินฝานมาก่อน แต่เมื่อครู่ตอนเฉินฝานวิ่งผ่านพวกเขา พลังแข็งแกร่งในตัวเฉินฝาน พวกเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนฝีมือของเฉินฝาน ไม่ธรรมดาแน่นอนเฉินฝานที่สองมือวางบนไหสุรา มองหลี่ชางบนหลังม้าจากที่ไกลๆ เขาหัวเราะแล้วพูด “ดูเหมือนว่า หลายปีมานี้ชาวบ้านในหรงตูของเรามีชีวิตที่ดี แม้กระทั่งนักโทษก็น้อยลงแล้ว”ทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเฉินฝาน ต่างรู้สึกแปลกใจหลายปีมานี้เศรษฐกิจย่ำแย่ โจรและขโมยชุกชุมกว่าเมื่อก่อนมาก เฉินฝานพูดจาเหลวไหลที่นี่ เพื่อถ่วงเวลาจริงๆสีหน้าของนายอำเภ
กระดาษข้อสอบกองโต“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก!” หลี่ชางนับทีละแผ่นหลังจากเขานับเสร็จ เขายื่นกระดาษข้อสอบให้จางหย่งชุนจางหย่งชุนรับกระดาษข้อสอบเอาไว้ แสดงให้ทุกคนดูทีละแผ่น“นี่เป็นข้อสอบระดับอำเภอและระดับมณฑลไม่ใช่หรือ?”เมื่อปัญญาชนเห็นกระดาษข้อสอบเหล่านั้น ร้องเสียงดัง“แค่ว่าลายมือไม่ค่อยเหมือนกัน”“แน่นอนว่าย่อมไม่เหมือนกัน เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ยินที่หลี่ซานพูดหรือ? ข้อสอบนี้เขาจ่ายเงินก้อนใหญ่จ้างยอดฝีมือในยุทธภพ ลักลอบเข้าไปในที่ทำการแล้วคัดลอกไม่ใช่หรือ?“เฉินฝานขโมยข้อสอบ แล้วยังคิดอยากจะปฏิเสธอีก!”“เขาเป็นคนชั่วช้าอยู่แล้ว หลายเดือนมานี้แกล้งทำตัวเป็นคนดี หลอกผู้คนมากมาย!”“เมื่อครู่เขายังกล้าสงสัยในตัวผู้ว่าราชการประจำมณฑล บอกว่าใต้เท้าทำคดีไม่เป็น? ช่างน่าขันเสียจริง ใต้เท้าขึ้นเป็นผู้ว่าราชการประจำมณฑลด้วยวัยเพียงแค่นี้ โง่เขลากว่าเขาที่เป็นแค่พ่อค้าขายปลาจอมขี้โกงเนี่ยนะ?”“เฉินฝาน มีครบทั้งพยานบุคคลและหลักฐานแล้ว เจ้ายังมีอะไรพูดอีก?”หลี่ชางไม่ต้องพูด พวกปัญญาชนเหล่านั้นก็ถามเฉินฝานแล้ว“กระดาษข้อสอบนี้ไม่ใช่ของพวกข้า มีคนป้ายสี คิดอยากจะทำร้ายนายท่านของข้า พ
ภายใต้คำสั่งของหลี่ชาง จางหย่งชุนเหยียบแผ่นหลังของเฉินฝาน ยิ่งเฉินฝานอยากลุกขึ้นมาเท่าไหร่ จางหย่งชุนก็ออกแรงเหยียบมากขึ้นเท่านั้น“สมน้ำหน้าจริงๆ!”“ขโมยข้อสอบควรมีจุดจบแบบนี้”“ครุ่นคิดดูแล้วหากไม่ใช่เพราะผู้ว่าราชการประจำมณฑลหลักแหลม ตอนนี้เขายังนั่งอยู่บนโต๊ะ ดื่มด่ำกับสายตาอิจฉาของผู้คนโดยไร้ยางอาย”“ถุย! อันดับหนึ่งเนี่ยนะ!”“ก็แค่โจรคนหนึ่ง! ถุย!”“ถุย!”นำโดยปัญญาชนเหล่านั้น มีคนเดินมาถ่มน้ำลายบนตัวเฉินฝานไม่หยุด“สารเลว! สารเลว!”ดวงตาของฉินเย่ว์เจียวเต็มไปด้วยเส้นเลือด กัดฟันแน่นหากตอนนี้นางไม่ถูกจับมัดเอาไว้ นางต้องคว้าธนูมายิงให้ตายทีละคนแน่นอน“อย่า! นายท่านของข้าไม่ได้ขโมยข้อสอบ เขาถูกใส่ร้าย!”ฉินเย่ว์โหรวกรีดร้องจนแทบขาดใจ“พวกขุนนางชั่ว นี่เป็นการใส่ร้ายป้ายสี ยังไม่ผ่านการตรวจสอบแน่ชัด จับคนสุ่มสี่สุ่มห้า ขุนนางชั่ว!”ฉินเย่ว์ฉู่ตัวเล็กนิดเดียว แต่เสียงกลับดังชัด ดึงดูดสายตาของหลี่ชางหลี่ชางไม่โมโหแต่กลับหัวเราะ เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย บอกให้ทหารปล่อยตัวสามพี่น้องสามพี่น้องที่เพิ่งถูกปล่อยตัว ไม่สนใจเชือกที่มัดพวกนางเอาไว้ พุ่งตัวไปหาเฉินฝาน ใช้ร่างก
“ปกป้องนายท่าน!”หลี่ชางถอยกลับเพื่อป้องกันอย่างเร่งรีบกลุ่มทหารที่ยืนล้อมเฉินฝานถอยกลับไปพรวดพราดต่อหน้าเฉินฝาน โดยล้อมรถม้าไว้ข้างในสามชั้นข้างนอกสามชั้นเฉินฝานมองกลุ่มทหารพวกนั้นแล้วส่ายหัวอีกครั้งทหารแบบนี้ ถ้าลงสนามรบ ยอมจำนนโดยตรงเถอะทักษะไม่ดี จิตสำนึกก็ไม่ดีสมองของพวกเขาอยู่ในรถม้าคันนั่น แต่กลับล้อมเขาโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดหากว่า......ของชิ้นนั้นไม่ใช่หิน แต่เป็นลูกธนูคันหนึ่ง คนในรถม้ายังสามารถมีชีวิตรอดได้?ปกป้องสมองไม่ได้ ยังคิดไปสู้รบกับผีอะไร!เฉินฝานทำได้เพียงปลอบใจตนเองเงียบ ๆ ในใจ ทหารที่ต่อสู้จริงๆ ไม่เป็นแบบนี้“ใคร?”หลี่ชางมองดูรอบ ๆ มองหาเสียงที่ดังเมื่อครู่นี้“เป็นไปได้อย่างไร......”คนบนรถม้าทำหน้าตกใจและรีบเปิดม่านรถม้าชายชราสวมชุดสีดำ มีผมสีเงินปรากฏตัวต่อหน้าสายตาทุกคน“เขาเป็นใคร? ใช่ใต้เท้าเจ้าเมืองหรือไม่?”ผู้คนมองชายชราด้วยความสงสัย คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ต่อให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยในอำเภอผิงอันก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลเคยพบท่านเจ้าเมือง“ไม่ได้สวมเครื่องแบบราชการ อาจไม่ใช่ท่านเจ้าเมือง”วินาทีที่ชายชราเปิดม่านรถม้า
“เมื่อดูปฏิกิริยาของบัณฑิตเริ่นที่มีต่ออาจารย์เฉียน ข้ารู้สึกว่าอาจารย์เฉียนก็คือบัณฑิตเฉียน!”“ดังนั้น......นี่เป็นพิสูจน์ทางอ้อมได้ว่าเฉินฝานไม่ได้ขโมยข้อสอบ อาจารย์ของเขาเป็นถึงบัณฑิตเฉียนเลยนะ”“เอ่อ จะพูดแบบนี้ไม่ได้กระมัง ถึงแม้บัณฑิตเฉียนเยี่ยมยอดมาก ก็ไม่สามารถทำให้คนที่เพิ่งเรียนคัมภีร์สามอักษรจบสอบได้คะแนนเต็มนี่”“หรือไม่ นี่คือความเก่งกาจของบัณฑิตล่ะ?”“โอ้แม่ข้า ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะย้ายไปสถานศึกษาของหมู่บ้านซานเหอทันที”“อย่าเพ้อฝันเลยน่า ข้าได้ยินมาว่า บัณฑิตเฉียนไม่รับนักเรียนง่าย ๆ หรือไม่เจ้าก็ดูสิ ในบรรดานักเรียนของหมู่บ้านซานเหอ หลายปีมานี้เหตุใดถึงมีเพียงเฉียนหย่งเหนียนคนเดียวที่สอบผ่านถงเซิงอย่างยากลำบาก”“แล้วเฉินฝานคนนี้มีอะไร? เมื่อก่อนเขาเป็นแค่อันธพาลไม่มีอนาคต แต่โชคกลับมาตกที่เขาจริง ๆ!”เช่นเดียวกับเหตุการณ์ประกาศรายชื่อในเวลานั้น ปัญญาชนเหล่านั้นแสดงความอิจฉาต่อเฉินฝานอีกครั้งพวกเขาพยายามอย่างหนัก ตั้งใจเรียนนานถึงเพียงนั้น แต่เหตุใดถึงไม่มีความโชคดีเลย?สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย“ข้าว่าพวกเจ้าด่วนสรุปเร็วเกินไป” มีปัญญาชนบางคนเห็นต่าง
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ