“ปกป้องนายท่าน!”หลี่ชางถอยกลับเพื่อป้องกันอย่างเร่งรีบกลุ่มทหารที่ยืนล้อมเฉินฝานถอยกลับไปพรวดพราดต่อหน้าเฉินฝาน โดยล้อมรถม้าไว้ข้างในสามชั้นข้างนอกสามชั้นเฉินฝานมองกลุ่มทหารพวกนั้นแล้วส่ายหัวอีกครั้งทหารแบบนี้ ถ้าลงสนามรบ ยอมจำนนโดยตรงเถอะทักษะไม่ดี จิตสำนึกก็ไม่ดีสมองของพวกเขาอยู่ในรถม้าคันนั่น แต่กลับล้อมเขาโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดหากว่า......ของชิ้นนั้นไม่ใช่หิน แต่เป็นลูกธนูคันหนึ่ง คนในรถม้ายังสามารถมีชีวิตรอดได้?ปกป้องสมองไม่ได้ ยังคิดไปสู้รบกับผีอะไร!เฉินฝานทำได้เพียงปลอบใจตนเองเงียบ ๆ ในใจ ทหารที่ต่อสู้จริงๆ ไม่เป็นแบบนี้“ใคร?”หลี่ชางมองดูรอบ ๆ มองหาเสียงที่ดังเมื่อครู่นี้“เป็นไปได้อย่างไร......”คนบนรถม้าทำหน้าตกใจและรีบเปิดม่านรถม้าชายชราสวมชุดสีดำ มีผมสีเงินปรากฏตัวต่อหน้าสายตาทุกคน“เขาเป็นใคร? ใช่ใต้เท้าเจ้าเมืองหรือไม่?”ผู้คนมองชายชราด้วยความสงสัย คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นชาวบ้านที่อยู่รอบ ๆ ต่อให้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยในอำเภอผิงอันก็มีเพียงไม่กี่ตระกูลเคยพบท่านเจ้าเมือง“ไม่ได้สวมเครื่องแบบราชการ อาจไม่ใช่ท่านเจ้าเมือง”วินาทีที่ชายชราเปิดม่านรถม้า
“เมื่อดูปฏิกิริยาของบัณฑิตเริ่นที่มีต่ออาจารย์เฉียน ข้ารู้สึกว่าอาจารย์เฉียนก็คือบัณฑิตเฉียน!”“ดังนั้น......นี่เป็นพิสูจน์ทางอ้อมได้ว่าเฉินฝานไม่ได้ขโมยข้อสอบ อาจารย์ของเขาเป็นถึงบัณฑิตเฉียนเลยนะ”“เอ่อ จะพูดแบบนี้ไม่ได้กระมัง ถึงแม้บัณฑิตเฉียนเยี่ยมยอดมาก ก็ไม่สามารถทำให้คนที่เพิ่งเรียนคัมภีร์สามอักษรจบสอบได้คะแนนเต็มนี่”“หรือไม่ นี่คือความเก่งกาจของบัณฑิตล่ะ?”“โอ้แม่ข้า ถ้าเป็นเช่นนี้จริง ข้าจะย้ายไปสถานศึกษาของหมู่บ้านซานเหอทันที”“อย่าเพ้อฝันเลยน่า ข้าได้ยินมาว่า บัณฑิตเฉียนไม่รับนักเรียนง่าย ๆ หรือไม่เจ้าก็ดูสิ ในบรรดานักเรียนของหมู่บ้านซานเหอ หลายปีมานี้เหตุใดถึงมีเพียงเฉียนหย่งเหนียนคนเดียวที่สอบผ่านถงเซิงอย่างยากลำบาก”“แล้วเฉินฝานคนนี้มีอะไร? เมื่อก่อนเขาเป็นแค่อันธพาลไม่มีอนาคต แต่โชคกลับมาตกที่เขาจริง ๆ!”เช่นเดียวกับเหตุการณ์ประกาศรายชื่อในเวลานั้น ปัญญาชนเหล่านั้นแสดงความอิจฉาต่อเฉินฝานอีกครั้งพวกเขาพยายามอย่างหนัก ตั้งใจเรียนนานถึงเพียงนั้น แต่เหตุใดถึงไม่มีความโชคดีเลย?สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย“ข้าว่าพวกเจ้าด่วนสรุปเร็วเกินไป” มีปัญญาชนบางคนเห็นต่าง
“อะไรนะ?”คำพูดของเฉินฝานเป็นเหมือนระเบิดลูกใหญ่อีกลูก ทุกคนต่างมองเฉินฝานอ้าปากตาค้างการประลองระหว่างถงเซิงผู้หนึ่งกับบัณฑิตผู้มีคุณธรรมดีเด่น มีชื่อเสียงมีผลงานยิ่งใหญ่และเป็นที่นับถือ?“ข้าไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่ เฉินฝานบอกว่าจะแข่งกับบัณฑิตเริ่น?”“เจ้าไม่ได้ฟังผิด”“ขโมยคำถามไปสองสามข้อและจำคำตอบได้สองสามข้อ ก็คิดว่าตนเองมีความรู้มากมายแล้วรึ?”“ที่แท้อาการเพ้อเจ้อฝันสูง ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง ดูท่าทางแล้วป่วยหนักไม่เบา ข้าว่าหมอส่วนใหญ่คงส่ายหัวเมื่อเห็นเขา”“ฮ่า ๆ ๆ ไม่อาจรักษาได้แล้ว!”ผู้คนเริ่มจากอาการตื่นตกใจจนถึงหัวเราะเยาะเยาะเย้ยและดูถูกเฉินฝานยิ้มเบา ๆ และทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเหล่านั้น เขาสะบัดแขนเสื้ออย่างไม่สนใจ“เอาสุรามา!”“สุราที่ท่านขอ!”คนที่นำโถสุราให้เฉินฝานคือทหารล้อมรอบเขาและต้องการจับเขา“อืม!”จนกระทั่งจางหย่งชุนส่งเสียงให้สัญญาณ ทหารที่ยื่นโถสุราให้เฉินฝานถึงตรงหน้าถึงมีสติอีกครั้งพูดได้เพียงว่า พลานุภาพของเฉินฝานแข็งแกร่งเกินไป คำว่าเอาสุรามาของเขา เสียงตะโกนนั้นยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม ฟังแล้วสามารถยอมจำนนได้อย่างไม่รู้ต
“ข้าว่าเจ้ายังเหมือนตอนนั้นไม่เปลี่ยน ไม่มีอะไรในสมอง กลัวสู้ไม่ไหว เลยกลับไปใช้กลอุบายเก่า ๆ วิธีสกปรก ๆ แบบนี้อีก”“ข้าจะบอกอะไรเจ้านะ เจ้ามันคือขยะ”เริ่นรุ่ยฟ่านไม่พูด อาจารย์เฉียนก็ด่าไม่หยุดและไม่ไว้หน้าเริ่นรุ่ยฟ่านแม้แต่เล็กน้อย“ศิษย์พี่ ในฐานะผู้พ่ายแพ้ของข้า ถ้าไม่ยอมรับก็ทนเอา!”เริ่นรุ่ยฟ่านแสดงสีหน้าร้ายกาจ “ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หัวหน้าสำนัก ข้าก็คง……”“คงทำอะไร? เจ้ามันจอมปลอม ไม่เช่นนั้นเจ้าก็แข่งกับนักเรียนของข้าตอนนี้ ถ้าเจ้าไม่แข่ง เจ้าก็คือไอ้งั่ง!”“แปะ ๆ ๆ!”บางคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้นรู้สึกชอบใจในคำพูดอันเกรี้ยวโกรธของอาจารย์เฉียนและอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้อาจารย์เฉียนหลังจากปรบมือเสร็จก็พบว่าไม่ควรทำเช่นนั้น พวกเขาจึงหยุดทันทีชาวบ้านที่มาร่วมงานเลี้ยง รวมถึงคนที่หลี่ชางกับหลูเฉิงกวงพามาด้วย ทางเข้าหมู่บ้านซานเหอ มีผู้คนเกือบพันคนยืนอยู่ วินาทีนี้ไม่มีแม้แต่เสียงร้องอีกา ทุกอย่างเงียบราวกับไม่มีคนสายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เริ่นรุ่ยฟ่านเมื่อมาถึงขั้นนี้ ทุกคนต่างหวังว่าเริ่นรุ่ยฟ่านจะแข่งกับเฉินฝานแน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ต้องการเห็นว่าเริ่นรุ่ยฟ่านสั่
เริ่มแล้ว เริ่มแล้วมีผู้คนนับพันคนในพื้นที่เปิดโล่งตรงทางเข้าหมู่บ้านซานเหอ เงี่ยหูฟังพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายนี่เป็นการแข่งขันระหว่างปัญญาชนทั่วไปกับบัณฑิตครั้งแรกนับตั้งแต่การสถาปนาราชวงศ์ต้าชิ่งผู้คนต่างสงสัยว่าเฉินฝานมีความสามารถแท้จริงหรืออวดดีจากน้ำเมาเวลานี้ พระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปทางทิศตะวันตก ภายใต้การหักเหของแสงตะวัน เห็นฝุ่นที่ฟุ้งกระจายและความสลัวที่ลึกซึ้ง ไม่มีสิ่งไหนไม่ชวนให้นึกถึงสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นในสนามรบเริ่นรุ่ยฟ่านที่แต่งกายชุดดำ ยืนน้อมรับการประลองท่ามกลางสายลมราวกับท่านนายพลผู้สง่างามเฉินฝานที่อยู่ตรงข้ามเขา พิงโถสุราอย่างสบาย ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาพร่ามัวจากฤทธิ์สุรา สภาพของเขากล่าวได้ว่าทุลักทุเลไม่เริ่มการแข่งขัน คนส่วนใหญ่มีคำตอบในใจแล้ว“ใช้คำถามของอาจารย์ น่าแข่งขันอย่างไร? ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่าคิดถ่วงเวลา!” หลี่ชางอยู่ด้านข้างและกล่าวเสียงโมโห“ไม่มีมารยาท อาจารย์ของเจ้าสอนความรู้แก่เจ้า ให้เจ้ารู้จักท่องแต่จำหนังสือ แต่ไม่สอนเรื่องมารยาทและความละอายใจแก่เจ้ารึ?”ไม่สนใจหรอกว่าเป็นใต้เท้าเจ้าเมืองอะไร เวลาอาจารย์เฉียนเอ่ยปาก เขาไม่เ
เป็นไปได้อย่างไร นักเรียนในสถานศึกษาของหมู่บ้านยิ่งรู้สึกเหลือเชื่อพวกเขารู้จักเฉินฝานตั้งแต่เด็ก ก่อนเข้าเรียนในสถานศึกษา เขารู้จักตัวอักษรไม่กี่ตัวเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?หรือว่าอาจารย์เฉียนแอบสอนเขาลับหลังจริง ๆ?เฉินฝานเพิกเฉยต่อความประหลาดใจเหล่านั้นและท่องต่อ “《คัมภีร์จงยง》บทที่35 กล่าวว่า: ผู้ปราศจากกังวล เห็นจะมีแต่เหวินหวาง มีหวางจี้เป็นบิดา มีอู่หวางเป็นโอรส บิดาวางรากฐาน บุตรสานปณิธานอู่หวางสืบตำแหน่งจากไท่หวาง หวางจี้และเหวินหวาง รบพุ่งจนครองใต้ฟ้า มิไดเสียนามกระเดื่องในใต้ฟ้า สูงศักดิ์ถึงขั้นโอรสสวรรค์ มั่งคั่งด้วยมีสี่สมุทร มีศาลบูชา อนุชนเซ่นไหว้ต่อมา……”“......《หนังสือแห่งพิธีกรรม》บทที่221: ว่ากันว่าคนโบราณมารยาทในการเข้าพบ หากเป็นครั้งแรก ควรกล่าว: ‘ข้าหวังจะรายงานชื่อให้ท่านทราบผ่านผู้แนะนำ’ ห้ามเข้าพบเจ้านายโดยข้ามผู้แนะนำ หากเข้าพบผู้มีสถานะเท่าเทียม ควรกล่าว: ‘ข้ามาเข้าพบท่านเป็นการเฉพาะ’ หากเข้าพบผู้ยากจะได้เจอ ควรกล่าว: ‘ข้าหวังจะรายงานชื่อให้ท่านทราบ’ หากเข้าพบผู้พบกันบ่อยครั้ง ควรกล่าว: ‘ขอบคุณที่กล่าวแจ้งบ่อยครั้ง’ คนตาบอดขอเข้าพบ ควรกล่าว: ‘ข้าหวังจ
เฉินฝานยิ้มแห้งและกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณ เพื่อน”เฉินฝานที่รินเหล้าลงถ้วย ส่ายหัวอย่างรังเกียจอีกครั้งไม่เพียงแต่โถเหล้าที่เล็ก ถ้วยเหล้าก็เล็กไม่น่าแปลกใจเลยที่ดื่มมานานขนาดแล้วแต่ไม่รู้สึกอืดท้องหลังจากดื่มไปอีกหนึ่งถ้วย เฉินฝานรู้สึกสมองแจ่มชัดขึ้นกว่าเดิมถ้อยคำในหนังสือโบราณเหล่านั้น เปรียบเสมือนภาพขยายที่วนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด“《คัมภีร์อี้จิง》บทที่118: ……”เฉินฝานยังท่องต่อไป ที่สำคัญ ยิ่งเวลาผ่านไปนาน การท่องของเขาก็คล่องและเร็วมากขึ้น“《ความคิดเห็นที่มีต่อหนังสือกระจกส่องการปกครอง》บทที่ 600…...”หลังจากท่องจำหน้าสุดท้ายของหนังสือโบราณทั้งห้าเล่มเสร็จ เฉินฝานก็เปิดเปลือกตาอันหนักอึ้ง และกวาดสายตามองเริ่นรุ่ยฟ่านอย่างเย็นชา“ขโมยคำถาม ขโมยคำถามบ้าอะไร ข้าถูกแม่จับท่องจำบทกวีและหนังสือโบราณตั้งแต่สามขวบ หนังสือที่ข้าจำได้มีมากกว่าอาหารที่เจ้ากิน......”“ปัง!”เฉินฝานล้มลงที่โต๊ะข้างหลัง เปลือกตาที่แทบเปิดไม่ได้ปิดลงอีกครั้ง แต่ปากกลับพึมพำด่าไม่หยุด “ขโมยคำถามบ้าอะไร แม่เจ้านั่นแหละขโมยคำถาม บ้าเอ๊ย......”ปากทางเข้าหมู่บ้านซานเหอ ตกอยู่ในความเงียบที่ย
“《หนังสือรวมบทกวีพื้นบ้าน》”“ตุบ!” เมื่อได้ยินเฉินฝานพูดชื่อหนังสือเล่มนี้ มือของหลี่ชางก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ 《หนังสือรวมบทกวีพื้นบ้าน》ในมือพลางตกลงพื้น“ใช่!” เฉินฝานลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วชี้ไปที่หนังสือบนพื้นด้วยร่างที่สั่นเทา “เล่มนี้เนี่ยล่ะ ที่มีชื่อว่า 《หนังสือรวมบทกวีพื้นบ้าน》การสอบระดับอำเภอและระดับมณฑลของปีนี้ไม่มีคำถามจากหนังสือเล่มนี้ บทที่ 77: ……”เช่นเดียวกับเมื่อครู่นี้ เฉินฝานท่องร้อยแก้วโบราณท่อนใหญ่แล้วหยุดชั่วคราวทันทีที่เฉินฝานหยุดชั่วคราว หลี่ชางพบว่ามีดวงตานับไม่ถ้วนหันมาหาเขาร่างกายของหลี่ชางสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ คนเหล่านี้ด้วยเขาเช่นนี้ทำไม“ใต้เท้า!” ในที่สุดหลูเฉิงกวงเป็นผู้กล่าวเตือนหลี่ชาง “ทำไมท่านไม่เปิดหนังสือแล้วล่ะ? รีบเปิดเร็ว สิ่งที่เฉินฝานท่องนั้นถูกต้องหรือไม่?”“อ่อ ๆ!” หลี่ชางก้มศีรษะลงโดยสัญชาตญาณและเปิด 《หนังสือรวมบทกวีพื้นบ้าน》ไปยังบทที่ 77“......ถูกต้องทั้งหมด”แม้ว่าเสียงของหลี่ชางไม่ดังมาก แต่ทุกคนได้ยินชัดแจ้ง“บทที่ 91: ......”เฉินฝานท่องจำต่อไป ไม่เพียงแต่ท่องจำ《หนังสือรวมบทกวีพื้นบ้าน》เท่านั้น แต่ยังท่องจำอีกสามเล่มติดต่
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ