ในหัวสมองของเฉินฝานทบทวนบันทึกรัชสมัยต้าชิ่งที่เพิ่งอ่านจบไปเมื่อสองสามวันก่อนอีกหนึ่งรอบพูดง่ายๆคือบันทึกรัชสมัยต้าชิ่งก็เหมือนกับหนังสือเรียนภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของชั้นมัธยมต้นในยุคปัจจุบันรวมกันในนั้นแนะนำระยะการปกครองของจักรพรรดิราชวงศ์ต้าชิ่ง รวมถึงสถานการณ์โดยพื้นฐานในที่ต่างๆในรัชสมัยต้าชิ่งราชสำนักต้าชิ่งมีทั้งสิบมหานครหนึ่งเมืองหลวงมหานครก็เหมือนกับมณฑลในยุคปัจจุบันในมหานครตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดคือ เจ้าเมืองตำแหน่งขุนที่น้อยกว่าเจ้าเมือง ผู้ว่าราชการประจำมณฑล ถงจื้อ ถงพั่น เป็นต้นผู้ว่าราชการประจำมณฑลที่นั่งอยู่บนหลังม้าคนนี้ ก็เป็นตำแหน่งใหญ่รองจากตำแหน่งเจ้าเมืองหรงตูยังหนุ่มยังแน่น ถ้าหากไม่ใช่ว่าใช้เส้นสาย เป็นผลงานของตัวเองล่ะก็ เขาต้องมีความสามารถที่ล้ำเลิศ“ลู่เฉิงกวง!”ผู้ว่าราชการประจำมณฑลท่านนั้นปราดตามองผ่านนายอำเภอลู่เฉิงกวงไปด้านหลังอย่างเยือกเย็น มือยกขึ้นเล็กน้อย ชี้ไปทางเฉินฝานที่โต๊ะหลัก “เขาก็คือคนที่สอบอันดับแรกในการสอบระดับมณฑลของอำเภอเจ้าครั้งนี้สินะ”ลมวสันตฤดูพาดผ่านใบหน้า ทำให้ชุดข้าราชการผู้ว่าราชการประจำมณฑลสีฟ้าสดชุดนั้น ปลิวข
“!!!”“???”รวมถึงหลูเฉิงกวง ทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยง สีหน้าของพวกเขาล้วนตกใจทุกคนแน่นอน นอกจากเฉินเจียง เขาคุกเข่าบนพื้น มุมปากยกขึ้นกว้าง แววตาของเขาที่มองเฉินฝาน เปี่ยมไปด้วยความทระนงและเหี้ยมโหดมาแล้ว ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงอยากเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเฉินเช่นนั้นหรือ? เพ้อฝันจริงๆ ไม่รู้จักเจียมตน“นายท่าน” จางเหลียนฮวาอุ้มลูก ขยับเข้าไปใกล้เฉินเจียง นางดีใจจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว“เจ้ารู้ได้อย่างไร รู้ว่าเฉินฝานจะเดือดร้อน”นางสารเลวทั้งสามคนของตระกูลฉิน คิดอยากจะอยู่เหนือกว่านางอย่างนั้นหรือ?ฝันไปเถอะ พวกนางถูกลิขิตให้อยู่ใต้ฝ่าเท้านางชั่วชีวิต“หึ!” สีหน้าของเฉินเจียงฉายความดูแคลน “คนอาศัยคุณไสย กรรมจะไม่ตามสนองได้อย่างไร?”“แต่ว่า...” เฉินเจียงแสร้งทำเป็นครุ่นคิด หยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วค่อยพูด “แม้จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เฉินฝานคงคิดไม่ถึงว่าใครเป็นคนหักหลังเขากระมัง?”“หักหลัง?” สีหน้าของจางเหลียนฮวาฉายความสงสัยและฉงน “นายท่าน ท่านบอกว่าเฉินฝานเดือดร้อนเพราะมีคนหักหลังเขาหรือเจ้าคะ?”“ถูกต้อง”“ใครเจ้าคะ? ใครหักหลังเขา? หักหลังเขาอะไร?”“ถอยๆๆ!”เสียงของจางเหลียนฮว
“หย่งเหนียน แม้เฉินฝานจะเคยช่วยชีวิตลูกชายเจ้า? เจ้าก็ไม่อาจพูดจาเหลวไหล!”“...” เฉียนหย่งเหนียนไม่อาจโต้ตอบได้อีก จากสถานการณ์แล้วคล้ายเรื่องจะรุนแรงจริงๆเฉินฝานกำลังจะเผชิญหน้ากับทหารแล้วสีหน้าของเฉินฝานฉายความกังวล “เสี่ยวฝานๆ เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ พวกเราให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เจ้าไม่ได้ทำความผิด ต้อง..”คำพูดของเขาสายไปแล้ว เฉินฝานและพวกทหารอยู่ใกล้กันมากแล้ว“...” ไม่ใช่แค่เฉียนหย่งเหนียนและทุกคนรอบๆ ตกตะลึง แม้กระทั่งพวกทหารที่จะมาจับเฉินฝาน ต่างเบิกตากว้าง พูดไม่ออกทว่าทางด้านเฉินฝาน...เขาช้อนตัวฉินเย่ว์โหรวที่ล้มลงบนพื้นขึ้นมา“นายท่าน...”“เหตุใดต้องกระวนกระวายเช่นนี้ด้วย ไม่รู้หรือว่าตนเองสุขภาพไม่แข็งแรง? พวกเราไม่เป็นอะไรแน่นอน เจ้าไม่เชื่อใจนายท่านของเจ้าแล้ว”เฉินฝานก้มหน้าลงแล้วบ่นร่ายยาว เขาโมโหจริงๆเห็นพวกทหารจะจับเขา ฉินเย่ว์โหรวตกใจมาก วิ่งมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เฉินฝานลุกขึ้นแล้วเดินมากะทันหันแบบนี้ ก็เพราะฉินเย่ว์โหรวล้มหัวเข่าและหน้าผากถลอกจนเลือดออก หกล้มครั้งนี้รุนแรงจริงๆโชคดีที่ล้มตรงนี้ หากเมื่อครู่นางวิ่งไปหาพวกทหาร ผลลัพธ์ที่ตามมายิ่
พวกเขาไม่ได้ออมมือกระทั่งเวลานี้ พวกเขายังไม่รู้ว่าเฉินฝานผ่านพวกเขาไปได้อย่างไรเฉินฝานฝีมือเก่งกาจมาก ทั้งยังเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงชั่วพริบตา เฉินฝานก็วิ่งผ่านพวกเขาไปแล้ว“ฟิ้ว!”จู่ๆ สุราหนึ่งไห ก็พุ่งมาทางทหารที่กำลังจะจับตัวเฉินฝาน พวกทหารยกดาบในมือขึ้นตามสัญชาตญาณ อยากฟันไหสุราแต่...อย่างรวดเร็วพวกเขาก็พบว่า พวกเขาตัดสินใจความสูงของไหสุราผิดไปแล้วไหสุราผ่านศีรษะพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่...“ปกป้องใต้เท้า ปกป้องใต้เท้า!”ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวาย พวกทหารหันกลับไป วิ่งกรูกลับไปหาหลี่ชางเฉินฝานในเวลานี้ นั่งดื่มสุราบนโต๊ะด้านข้างด้วยความสบายใจแล้วมองกลุ่มคนชลมุนวุ่นวายเหล่านั้น เฉินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อยสิ่งที่เขาเห็นน่าจะเป็นพวกที่ไม่ค่อยได้เรื่องกระมัง ความสามารถของทหารต้าชิ่งไม่น่าจะอยู่ในระดับนี้กระมังหากเป็นเช่นนี้ จะชนะสงครามได้หรือเฉินฝานไม่รู้ว่า ขณะที่เขากำลังนั่งดื่มสุราอยู่นั้น ทางทิศตะวันตกสุดของแคว้นต้าชิ่ง เพิ่งสูญเสียเมืองไปอีกหนึ่งเมือง“ใต้เท้า ท่านไม่เป็นอะไรกระมังขอรับ!”นายกองจางหย่นชุนผู้คุ้มกันเมืองหรงตูหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเส
“หากข้าน้อยจำไม่ผิด ตามกฎหมายต้ามาตราที่หก บรรทัดที่หนึ่งเขียนอย่างชัดเจน ‘ผู้วางแผนก่อกบฏ ผู้ก่อกบฏ สามารถจับกุมได้โดยมิจำเป็นต้องผ่านการสั่งการ ทว่าการจับกุม ฐานความผิดอื่นนั้น จำต้องผ่านการสั่งการจึงจะจับกุมได้’ความหมายก็คือ นอกเหนือจากจับกุมผู้วางแผนก่อกบฏและกบฏนั้นไม่ต้องอธิบายฐานความผิด ความผิดอื่นต้องอธิบายให้ชัดเจนว่ามีความผิดใดคล้ายกับยุคสมัยปัจจุบัน ยามตำรวจจับกุม จะต้องพูดก่อนว่าผู้ต้องสงสัยทำความผิดอะไร แล้วค่อยเริ่มการจับกุม“ผู้ว่าราชการประจำมณฑลสอบผ่านขุนนางเข้ารับราชการตั้งแต่อายุสิบเจ็ด กฎหมายข้อนี้ ไม่จำเป็นต้องให้ข้าน้อยย้ำเตือนกระมังขอรับ”“ข้าน้อยเป็นเพียงชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหออำเภอผิงอัน ไม่น่าจะทำผิดฐานวางแผนก่อกบฏหรือก่อกบฏกระมังขอรับ”“ไม่ขนาดนั้น ไม่ขนาดนั้น”หลูเฉิงกวงยิ้มแห้งแล้วพูด ส่วนลึกในแววตาของเขาฉายความสะใจหลี่ชางโด่งดังตั้งแต่อายุยังน้อย เลื่อนขั้นเป็นขุนนางขั้นสี่ด้วยอายุเพียงแค่นี้ หลายปีมานี้เขาเริ่มโอหัง ยามพบเจอขุนนางที่ยศน้อยกว่าเช่นพวกเขา หลี่ชางไม่ให้เกียรติแม้แต่น้อย“ข้ารู้ดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานี้เฉินฝานนอกจากเข้าร่วมการสอบขุ
แท้จริงแล้วความไม่สบายใจพิลึกนี้ มาจากสิ่งนี้นี่เองแต่ว่า...เพราะเหตุใดตอนเฉินฝานมองไปที่คนคนนั้น เขาก้มหน้าลงด้วยใจที่ไม่เป็นสุข ไม่กล้าสบตาเฉินฝานใจไม่เป็นสุขแท้จริงแล้วหมายถึงเจตนา เจตนาหมายถึงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำให้เขาตั้งใจทำแบบนั้น“หลี่ซาน!”“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขาเนี่ยนะ? เขาทำอะไร? เฉินฝานจึงต้องถูกลงโทษไปด้วย?”“ปลานั่นหรือ?”“ไม่ใช่กระมัง เรือนแขกขอเพียงไม่ขายเนื้อมนุษย์ ขายอะไรก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“ถูกต้อง”“สิ่งที่เฉินฝานและหลี่ซานเกี่ยวข้องกันนั้น มีแค่ปลากระมัง”“ไม่อาจพูดเช่นนี้ พวกเราไม่ใช่คนที่อยู่ข้างกายพวกเขา ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังพวกเขาทำอะไร?”“หรือจะเป็นหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ข้าได้ยินว่า ตอนเฉินฝานพาตัวฉินเย่ว์ฉู่กลับมา วันเดียวกันมีสตรีหลายคนเข้าไปในหอนางโลมอี๋ชุนย่วน ตอนนั้นมีคนเห็นเฉินฝานอยู่ในเหตุการณ์”“หึ!”เฉินเจียงหัวเราะในลำคอ “ลำพังสตรีไม่กี่คน มีหรือจะทำให้ผู้ว่าราชการประจำมณฑลมาจับคนด้วยตนเอง? พวกเจ้าคิดตื้นเขินเกินไปแล้ว”“เฮ้อ เฉินเจียง ข้ารู้สึกว่าถ้อยคำนี้ของเจ้าแปลกๆ คล้ายหากหลานชายถูกจับตัวไป เจ้ามีความสุขมากอย่างไ
“เพราะอะไร? พูดต่อสิ!”หลี่ซานหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลี่ชางเร่งเร้าเสียงดัง“เพราะ...” หลี่ซานหลับตาลง มือสองข้างที่แนบกาย กำหมัดแล้วคลาย คลายแล้วกำหมัด สุดท้ายเขารวบรวมความกล้าแล้วพูด“เฉินฝานสอบได้อันดับหนึ่ง เพราะข้าจ่ายเงินก้อนใหญ่ จ้างยอดฝีมือในยุทธภพ ให้ยอดฝีมือลอบเข้าไปในศาลาว่าการ เขียนหัวข้อการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลในปีนี้ จากนั้นนำไปให้เฉินฝาน เฉินฝานรู้คำตอบ ก่อนการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑลแล้วขอรับ”“หา เป็นไปได้อย่างไร!”“ที่แท้ ก็แบบนี้นี่เอง”หลี่ซานเพิ่งพูดจบ จากเดิมที่เงียบงัน ดั่งมีคนโยนระเบิดลงไปในทะเลสาบนิ่งสงบ แตกตื่นกันทันทีชาวบ้านมองเฉินฝานและหลี่ซานสลับกันไปมา อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา“ใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง”“ก็ว่า คนที่เขียนกลอนคู่ไม่คล้องจองกันแม้แต่น้อย ทั้งยังลายมืออัปลักษณ์ แม้กระทั่งคัมภีร์สามอักษรก็อาจจะยังจำไม่ได้ทั้งหมด จะผ่านการสอบระดับอำเภอ อีกทั้งสุดท้ายยังได้อันดับหนึ่งในการสอบระดับมณฑลได้อย่างไร แท้จริงแล้วขโมยข้อสอบนี่เอง”คนที่โมโหที่สุด คือพวกปัญญาชนเหล่านั้น“ข้าสอบสนามสอบเดียวกับเขา ข้าเห็นเขานอนตั้งแต่การสอบระดับอำเ
“ไร้คุณธรรมสิ้นดี! ไม่แปลกที่ลำดับจากสู่ไปต่ำเรียงเป็นบัณฑิต กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์ พ่อค้าวาณิชย์เป็นอันดับสุดท้าย พ่อค้าไร้คุณธรรม ไร้ข้อจำกัด ทำทุกเรื่องชั่วช้า!”“นึกถึงปัญญาชนที่ถูกเฉินฝานเอาตำแหน่งไป เสียดายแทนเขาจริงๆ”“นั้นนะสิ ผู้อื่นร่ำเรียนด้วยความลำบากมานาน กลับแพ้ให้เฉินฝานอย่างไม่ถูกต้อง”“ปัญญาชนทระนงตน เฉินฝานสอบผ่าน แต่พวกเขากลับสอบตก เกรงว่าจะมีคนคิดสั้นเพราะเรื่องนี้”ชาวบ้านเริ่มรู้สึกเจ็บใจแทนปัญญาชนที่สอบตก ผู้ที่คนในครอบครัวเข้าร่วมการสอบในครั้งนี้คุกเข่าตรงหน้าหลี่ชาง ร้องไห้อ้อนวอน“ใต้เท้า ผู้ว่าราชการประจำมณฑล ท่านต้องลงโทษพ่อค้าไร้คุณธรรมสองคนนี้สถานหนัก”“ใต้เท้า การสอบขุนนางเป็นรากฐานสำคัญของแคว้น เกี่ยวโยงไปถึงอนาคตของราชสำนัก การขโมยข้อสอบเป็นการล่วงเกินรากฐานของแคว้น ใต้เท้าโปรดลงโทษพวกเขาด้วยฐานก่อกบฏ ประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ”“ใต้เท้า โปรดประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ!”“ใต้เท้า โปรดประหารชีวิตพวกเขาด้วยขอรับ!”พวกปัญญาชนคุกเข่าอ้อนวอน เมื่อพวกเขาคุกเข่า ชาวบ้านรอบๆ หลายคนก็คุกเข่าไปด้วยชั่วขณะหนึ่ง เสียงร้องขอให้ประหารเฉินฝานและหลี่ซาน
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ