ดูเหมือนว่าความสุขของเฉียนเจิ้งหยางและความสุขของเศรษฐีอย่างมั่วหงเหวินนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในที่สุดเขาก็กลับมามีความสุขได้อีกครั้งหลังจากที่อึดอัดมาหลายปีก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มขึ้น ในตอนที่อยู่ในบ้านของเฉินฝาน เฉียนเจิ้งหยางที่มีอายุเกินห้าสิบปีแล้วยังคงจับมือของเฉินฝานด้วยความตื้นตันจนน้ำตาไหลเขายังคงพร่ำพูดไม่หยุด "มันไม่ง่ายเลย มันไม่ง่ายเลยจริงๆ"ก่อนหน้าของเฉินฝาน มีเพียงเฉียนหย่งหนิงจากหมู่บ้านซานเหอคนเดียวเท่านั้นที่สอบผ่านระดับต้น ทั้งยังสอบแค่พอผ่านอันดับล่างขึ้นมาเท่านั้นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านโดยรอบต่างเยาะเย้ยเฉียนเจิ้งหยางมาหลายปีแล้ว พวกเขาขบขันที่เขายอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเชิญท่านอาจารย์เฉียนมาสอนในหมู่บ้าน แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านซานเหอก็ยังคงไร้ประโยชน์เช่นเดิมต่อมาหลังจากที่นักพรตจากวัดซานชิงกวนทำนายว่าเฉินเจียงจะได้กลายเป็นทายาทตระกูลสูงศักดิ์ ผู้ใหญ่บ้านในหมู่บ้านโดยรอบพยายามกลั้นขำและเก็บการที่มีต่อเฉียนเจิ้งหยางแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นถึงอย่างไรทุกคนต่างก็รู้ดีว่าคำทำนายของนักพรตซานชิงกวนไม่มีทางเป็นเรื่องโกหกข่าวที่เฉินฝานสอบได้ค
“เสี่ยวฝาน จะเริ่มงานเลี้ยงตอนนี้ก็เร็วไปหน่อย นักเรียนด้านล่างก็รอคอยให้เจ้าแบ่งปันนิสัยและจิตสำนึกในการเรียนหนังสือให้กับพวกเขา”ที่จริงแล้วมั่วหงเหวินไม่อยากให้เฉินฝานพูดอะไรมากมาย ทว่าเป็นตัวเขาเองที่อยากพูดเยอะๆหลี่เจิ้งมั่วหงเหวินไม่อยากเริ่มงานเลี้ยงเร็วขนาดนั้น รู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้พูดอะไรเลย งานแบบนี้ ในฐานะที่เขาเป็นหลี่เจิ้ง การพูดในงานจะขาดไปได้อย่างไรกัน ถ้าเป็นคนธรรมดา ต้องตามใจมั่วหงเหวินอย่างแน่นอนทว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้ามั่วหงเหวินไม่ใช่คนอื่น เป็นเฉินฝาน“ใต้เท้า”เฉินฝานเกาหัวด้วยสีหน้าเหยเก “เมื่อวานข้าเคลิบเคลิ้มกับการอ่านหนังสือ อ่านจนฟ้าเกือบสว่าง สูบพลังไปค่อนข้างมาก ตอนนี้... ”เฉินฝานลูบท้องตัวเองเบาๆอย่างเหนียมอายผู้ใหญ่บ้านเฉียนเจิ้งหยางพยักหน้าเงียบๆอยู่ด้านข้าง เมื่อครู่ตอนที่เฉินฝานเสนอให้เริ่มงานเลี้ยงก่อนกำหนด เขายังรู้สึกร้อนรนอยู่ในใจเจ้าเด็กคนนี้จะว่าฉลาดก็ฉลาด ทว่าในด้านการรู้ทันโลกจะขาดแคลนไปเสียหน่อยตอนนี้เขาคือผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุด เป็นถงเซิงไม่ผิดแน่ ทว่าคนอยู่ด้านหน้าเขาคือหลี่เจิ้งถึงแม้หลี่เจิ้งจะเป็นขุนนางผู้น้อย ทว
“สรุปแล้วเจ้ากำลังจะพูดอะไรกันแน่?”เฉินฟู่จ้องเฉินเจียงที่สีหน้ายิ้มเยาะ ในหัวสมองงงงวยคงจะไม่ใช่หลังจากที่เฉินเจียงตกอันดับ สมองเลอะเลือนไปแล้วหรอกนะทุกปีหลังจากการสอบฤดูวสันต์ผ่านพ้นไป ล้วนจะมีปัญญาชนและนักเรียนที่ตกอันดับเสียสติ“ลูกเจียง ถึงแม้ปีนี้เจ้าพลาดท่าไปแล้ว ทว่าซานหยวนของการสอบระดับอำเภอก็ไม่แย่ เจ้าอย่ายอมแพ้ ปีหน้าพยายามต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน จะต้องสอบได้แน่นอน”เฉินเจียงตกอันดับ เฉินฟู่ผิดหวังมาก ทว่าเฉินเจียงเสียสติแบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่เฉินฟู่ไม่อยากเห็นอย่างเด็ดขาดและ...เฉินฟู่ก็ยังเชื่อมั่นว่าผู้สูงศักดิ์ตระกูลเฉินที่นักพรตซานซิงกวนพูดถึงคือเฉินเจียงไม่ใช่เฉินฝานเพราะว่านักพรตซานซิงกวนยังพูดอีกว่าผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเฉินคนนั้น ยิ่งมีลูกมากยิ่งมีความสุขมากเฉินเจียงมีลูกชาย เฉินฝานไม่มีสมัยนี้คลอดลูกชายยากกว่าการสอบขุนนางเสียอีกพี่น้องนางฉินเข้าบ้านฝ่ายชายไปปีกว่าแล้ว ท้องยังแบนราบเหมือนตอนที่เพิ่งจะเข้าบ้านฝ่ายชายเมื่อตอนนั้น ข่าวคราวสักนิดก็ไม่มีกล่าวว่าภรรยาหนึ่งคนท้องไม่โต อาจจะเป็นเพราะปัญหาของภรรยาคนนั้น ทว่าภรรยาทุกคนทั้งหมดท้องไม่โตเช
“แม่ยายท่านพูดถูก วันนี้เป็นวันสิริมงคล พูดเรื่องที่ไม่น่ายินดี ก็เป็นเจ้านั้นแหละที่ไม่ถูกเหลียนฮวา”“ถูกต้อง เรื่องที่ได้รับวาสนาจากผู้ชายเรื่องนี้ บางคนก็เร็วหน่อย บางคนก็ช้าหน่อย บางคนช้าหน่อยก็สามารถให้กำเนิดลูกชายได้ เจ้าดูภรรยาของเหล่าหวังที่อยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน แต่งงานสิบปีแล้ว เดือนที่แล้วก็ให้กำเนิดลูกชายไม่ใช่หรือ?”อาสะใภ้ข้างบ้านเฉินฝานสองสามคนก็ต่างพากันตำหนิจางเหลียนฮวาหลังจากที่จางเหลียนฮวาให้กำเนิดลูกชาย ทำตัวเป็นจุดสนใจและกำเริบเสิบสาน ทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงในวงศ์ตระกูลเช่นนี้ จางเหลียนฮวามักจะกระแหนะกระแหนพวกภรรยาพวกนั้นที่ไม่ได้กำเนิดลูกชายโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่เพียงแต่ภรรยาพวกนั้นรู้สึกอัดอั้นในใจ อาสะใภ้สองสามคนเหล่านั้นก็รู้สึกไม่สบายใจมานานแล้ว ล้วนแต่ใช้โอกาสในสั่งสอนจางเหลียนฮวาหนึ่งยกเพราะว่าไม่ชอบใจจางเหลียนฮวามานานเกินไปแล้ว อาสะใภ้สองสามคนนั้นยิ่งพูดเยอะขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงก็ยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก“อย่าคิดว่าตัวเองให้กำเนิดลูกชาย แล้วอยากพูดอะไรก็พูดได้นะ”“ไม่รู้จักกาลเทศะ ไร้มารยาทอย่างยิ่ง”“งงอะไรอยู่ ยังไม่รีบขอโทษเย่ว์เจีนวกับเย่ว
มองขบวนทหารและม้าที่มโหฬารพันลึก คนที่อยู่ที่นั่นล้วนตกตะลึงอ้าปากค้างในงานเลี้ยงต่อให้คนที่ความรู้กว้างขวางอย่างคุณท่านตระกูลอู๋ ก็ไม่เคยพบเจอกระบวนทัพเช่นนี้พลทหารในชุดเกราะเหล็กยืนตามลำดับทั้งสองข้าง“ก็อบ ก็อบ ก็อบ!”ม้าราชสำนักที่รูปร่างกำยำอุดมสมบูรณ์ ค่อยๆเดินออกมาจากด้านหลังพลทหารชายหนุ่มที่อยู่บนม้าราชสำนัก ดูแล้วอายุยี่สิบกว่า แต่งกายชุดสีน้ำเงินหมวกทรงสูง เมื่อเห็นแล้วก็ดูมีภูมิฐานจากชุดข้าราชการสีน้ำเงินชุดนั้น กับหมวกทรงสูงบนหัวนั้นก็รู้เลยว่าตำแหน่งขุนนางของเขาใหญ่นายอำเภอมากโขตอนที่เฉินฝานมองไปทางชายหนุ่มคนนั้น ชายหนุ่มคนนั้นก็มองมาที่เขาพอดีสี่ตาจ้องมองกัน ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาก่อน สีหน้าเขาชะงักไปเล็กน้อยชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งสบตากับเขา คาดไม่ถึงว่าจะไม่เกรงกลัวตื่นตระหนกนี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอแบบนี้หลังจากที่เขาได้รับตำแหน่งทุกคนกำลังสงสัยว่านี่เป็นคนใหญ่คนโตมาจากไหน?“ใต้ ใต้เท้า!”มั่วหงเหวินที่นั่งอยู่ข้างเฉินฝานราวกับว่าถูกไฟดูด ลุกขึ้นทันทีทันใด หลังจากนั้นงอขาคุกเข่าลงกับพื้น“คุกเข่า เร็ว พวกเจ้าทั้งหมดคุกเข่า”มั่วหงเหวินที่คุกเข่ารีบหันหน
ในหัวสมองของเฉินฝานทบทวนบันทึกรัชสมัยต้าชิ่งที่เพิ่งอ่านจบไปเมื่อสองสามวันก่อนอีกหนึ่งรอบพูดง่ายๆคือบันทึกรัชสมัยต้าชิ่งก็เหมือนกับหนังสือเรียนภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของชั้นมัธยมต้นในยุคปัจจุบันรวมกันในนั้นแนะนำระยะการปกครองของจักรพรรดิราชวงศ์ต้าชิ่ง รวมถึงสถานการณ์โดยพื้นฐานในที่ต่างๆในรัชสมัยต้าชิ่งราชสำนักต้าชิ่งมีทั้งสิบมหานครหนึ่งเมืองหลวงมหานครก็เหมือนกับมณฑลในยุคปัจจุบันในมหานครตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดคือ เจ้าเมืองตำแหน่งขุนที่น้อยกว่าเจ้าเมือง ผู้ว่าราชการประจำมณฑล ถงจื้อ ถงพั่น เป็นต้นผู้ว่าราชการประจำมณฑลที่นั่งอยู่บนหลังม้าคนนี้ ก็เป็นตำแหน่งใหญ่รองจากตำแหน่งเจ้าเมืองหรงตูยังหนุ่มยังแน่น ถ้าหากไม่ใช่ว่าใช้เส้นสาย เป็นผลงานของตัวเองล่ะก็ เขาต้องมีความสามารถที่ล้ำเลิศ“ลู่เฉิงกวง!”ผู้ว่าราชการประจำมณฑลท่านนั้นปราดตามองผ่านนายอำเภอลู่เฉิงกวงไปด้านหลังอย่างเยือกเย็น มือยกขึ้นเล็กน้อย ชี้ไปทางเฉินฝานที่โต๊ะหลัก “เขาก็คือคนที่สอบอันดับแรกในการสอบระดับมณฑลของอำเภอเจ้าครั้งนี้สินะ”ลมวสันตฤดูพาดผ่านใบหน้า ทำให้ชุดข้าราชการผู้ว่าราชการประจำมณฑลสีฟ้าสดชุดนั้น ปลิวข
“!!!”“???”รวมถึงหลูเฉิงกวง ทุกคนที่มาร่วมงานเลี้ยง สีหน้าของพวกเขาล้วนตกใจทุกคนแน่นอน นอกจากเฉินเจียง เขาคุกเข่าบนพื้น มุมปากยกขึ้นกว้าง แววตาของเขาที่มองเฉินฝาน เปี่ยมไปด้วยความทระนงและเหี้ยมโหดมาแล้ว ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงอยากเป็นผู้สืบทอดของตระกูลเฉินเช่นนั้นหรือ? เพ้อฝันจริงๆ ไม่รู้จักเจียมตน“นายท่าน” จางเหลียนฮวาอุ้มลูก ขยับเข้าไปใกล้เฉินเจียง นางดีใจจนหน้าบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว“เจ้ารู้ได้อย่างไร รู้ว่าเฉินฝานจะเดือดร้อน”นางสารเลวทั้งสามคนของตระกูลฉิน คิดอยากจะอยู่เหนือกว่านางอย่างนั้นหรือ?ฝันไปเถอะ พวกนางถูกลิขิตให้อยู่ใต้ฝ่าเท้านางชั่วชีวิต“หึ!” สีหน้าของเฉินเจียงฉายความดูแคลน “คนอาศัยคุณไสย กรรมจะไม่ตามสนองได้อย่างไร?”“แต่ว่า...” เฉินเจียงแสร้งทำเป็นครุ่นคิด หยุดชะงักครู่หนึ่งแล้วค่อยพูด “แม้จะถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เฉินฝานคงคิดไม่ถึงว่าใครเป็นคนหักหลังเขากระมัง?”“หักหลัง?” สีหน้าของจางเหลียนฮวาฉายความสงสัยและฉงน “นายท่าน ท่านบอกว่าเฉินฝานเดือดร้อนเพราะมีคนหักหลังเขาหรือเจ้าคะ?”“ถูกต้อง”“ใครเจ้าคะ? ใครหักหลังเขา? หักหลังเขาอะไร?”“ถอยๆๆ!”เสียงของจางเหลียนฮว
“หย่งเหนียน แม้เฉินฝานจะเคยช่วยชีวิตลูกชายเจ้า? เจ้าก็ไม่อาจพูดจาเหลวไหล!”“...” เฉียนหย่งเหนียนไม่อาจโต้ตอบได้อีก จากสถานการณ์แล้วคล้ายเรื่องจะรุนแรงจริงๆเฉินฝานกำลังจะเผชิญหน้ากับทหารแล้วสีหน้าของเฉินฝานฉายความกังวล “เสี่ยวฝานๆ เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ พวกเราให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เจ้าไม่ได้ทำความผิด ต้อง..”คำพูดของเขาสายไปแล้ว เฉินฝานและพวกทหารอยู่ใกล้กันมากแล้ว“...” ไม่ใช่แค่เฉียนหย่งเหนียนและทุกคนรอบๆ ตกตะลึง แม้กระทั่งพวกทหารที่จะมาจับเฉินฝาน ต่างเบิกตากว้าง พูดไม่ออกทว่าทางด้านเฉินฝาน...เขาช้อนตัวฉินเย่ว์โหรวที่ล้มลงบนพื้นขึ้นมา“นายท่าน...”“เหตุใดต้องกระวนกระวายเช่นนี้ด้วย ไม่รู้หรือว่าตนเองสุขภาพไม่แข็งแรง? พวกเราไม่เป็นอะไรแน่นอน เจ้าไม่เชื่อใจนายท่านของเจ้าแล้ว”เฉินฝานก้มหน้าลงแล้วบ่นร่ายยาว เขาโมโหจริงๆเห็นพวกทหารจะจับเขา ฉินเย่ว์โหรวตกใจมาก วิ่งมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เฉินฝานลุกขึ้นแล้วเดินมากะทันหันแบบนี้ ก็เพราะฉินเย่ว์โหรวล้มหัวเข่าและหน้าผากถลอกจนเลือดออก หกล้มครั้งนี้รุนแรงจริงๆโชคดีที่ล้มตรงนี้ หากเมื่อครู่นางวิ่งไปหาพวกทหาร ผลลัพธ์ที่ตามมายิ่
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ