นางตะเกียกตะกายลุกขึ้น พูดพึมพำกับชายหนุ่มตรงหน้า “พี่ฝาน พี่ฝาน”ความปรารถนาที่ไร้เรี่ยวแรงนั้น ทำให้นางทรมานอย่างยิ่งยวด“เสี่ยวฝานดีกว่าข้าหรือ?”ชายหนุ่มกุมหัวไหล่ของเถียนเสี่ยวอวี่ บีบแรงเล็กน้อยเสี่ยวฝานอีกแล้วเขาสอบได้อันดับสามของเจี๋ยปั่ง มีอะไรไม่อาจเทียบเฉินฝานที่บังเอิญโชคดี“เจ้า...”เสียงของชายหนุ่ม ทำให้เถียนเสี่ยวอวี่ได้สติเล็กน้อยนางพยายามลืมตาขึ้น เห็นว่าคนตรงหน้าไม่ใช่เฉินฝานแต่เป็นเฉินเจียง“เป็นเจ้าได้อย่างไร!”เถียนเสี่ยวอวี่อยากผลักเฉินเจียงทิ้ง แต่ตอนที่นางผลักเขา ร่างกายกลับซบไปที่เขาเวลานี้ แม้เถียนเสี่ยวอวี่จะไม่มีประสบการณ์เพียงใด นางก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น“เถียนเทียนหัว เจ้าสัตว์เดรัจฉาน โบราณว่าเสือไม่กินลูกตนเอง แต่เจ้ากลับ...”“อื้อ...”ยิ่งโมโห ยิ่งทรมาน ยิ่งอยากเข้าใกล้เฉินฝาน“นี่เป็นความผิดของเจ้า ในฐานะลูกสาว เจ้าต่อว่าบิดาอย่างนี้ได้อย่างไร?”เฉินเจียงกอดเถียนเสี่ยวอวี่ลูบไล้ไปทั่วจากบนลงล่างความร้อนแล่นเข้าไปในร่างกายของเถียนเสี่ยวอวี่ไม่หยุด ทำลายจิตสำนึกของนางเสียงของเฉินเจียงที่ดังขึ้น นางไม่ได้ยิน รับรู้เพียงคว
ฉินเย่ว์เจียวในห้องส่วนตัวยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกตินางตาลายหรือ? แต่นางเห็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในห้องของเฉินเจียงอย่างชัดเจนผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่จางเหลียนฮวาแน่ เพราะในเวลานั้นจางเหลียนฮวายังอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่ง เอ้อระเหยลอยชายอยู่ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้หญิงอื่น ๆ“ตุบ!”ลมแรงกระโชกพัดเข้ามาจากด้านนอกจนชั้นวางพู่กันที่อยู่ตรงหน้าเฉินฝานล้มลง“อากาศเริ่มหนาวอีกแล้ว!”เฉินฝานยืนขึ้นไปปิดหน้าต่าง เขาพูดกับฉินเย่ว์เจียวที่เดินผ่านมาแล้วก้มทำความสะอาด “หลังจากสอบระดับมณฑลเสร็จ ซื้อเสื้อคลุมคนละหนึ่งตัวให้พวกเจ้าแต่ละคนเถอะ ข้าเห็นเถียนเสี่ยวอวี่ใส่เสื้อคลุมทั้งดูดีและอบอุ่น”“เสื้อคลุม!”ฉินเย่ว์เจียวพลันลุกขึ้น “ใช่ เสื้อคลุม!”นางงึมงำถึงเสื้อคลุมและรีบวิ่งออกจากประตู“เย่ว์เจียว เจ้าไป……”เฉินฝานพูดได้เพียงครึ่งประโยค ก็ได้ยินเสียงร้องดังของฉินเย่ว์เจียว“เป็นอะไรไป?” เฉินฝานรีบเดินตามออกไปวินาทีที่เขาเห็นฉินเย่ว์เจียว เฉินเจียงซึ่งก้าวออกจากห้องแล้วและกำลังจะลากเถียนเสี่ยวอวี่กับ เถียนเทียนหัว ก็ถอยกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแม้ว่าตอนนี้ผู้ชายในราชวงศ์ต้าช
“เสี่ยวอวี่ เจ้า……”เฉินฝานโน้มตัวลงเล็กน้อยและต้องการวางเถียนเสี่ยวอวี่บนเตียง แต่เถียนเสี่ยวอวี่กลับฉวยโอกาสกัดริมฝีปากของเขา“พี่ฝาน ได้โปรด ช่วยข้าด้วย……”นางเป็นผู้หญิงที่ยังไม่ได้ออกเรือนและไม่รู้ว่าต้องการให้เฉินฝานช่วยนางอย่างไรแต่นางมั่นใจว่าเฉินฝานรู้วิธีช่วยเหลือนาง“เสี่ยวอวี่……”ดวงตาของเฉินฝานเป็นสีแดงและเสียงของเขาก็แหบแห้งเมื่อมีหญิงงามเช่นนี้มาสัมผัสร่างกายของเขา แม้แต่นักปราชญ์ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้วินาทีนี้ หัวใจของเขาว้าวุ่นไปหมด“นายท่าน......”เสียงของฉินเย่ว์เจียวทำให้เฉินฝานตื่นจากความตกใจ“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เขาดึงเถียนเสี่ยวอวี่ออกจากอ้อมแขนแล้วผลักไปหาฉินเย่ว์เจียว “เจ้าพานางไปอาบน้ำ ใช้น้ำเย็นหน่อยก็ได้”“นายท่าน”ฉินเย่ว์เจียวไม่ได้รับเถียนเสี่ยวอวี่นางมองลงไปที่เถียนเสี่ยวอวี่ซึ่งกำลังหน้าแดงและดูฟุ้งซ่าน จากนั้นผลักเถียนเสี่ยวอวี่กลับไปหาเฉินฝานแม้ว่านางยังไม่เคยทำสิ่งนั้นกับเฉินฝาน แต่ก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าสิ่งที่เถียนเสี่ยวอวี่ทำคืออะไรตอนนี้มีเพียงเฉินฝานที่ช่วยเถียนเสี่ยวอวี่ได้“นายท่าน เสี่ยวอวี่มีใจให้ท่า
เริ่มแรก เฉินฝานคิดว่าเถียนเทียนหัวพาพวกเขาไปซ่อน เขาจึงไปหาเถียนเทียนหัว แต่เถียนเทียนหัวกลับขอคนคืนกับเฉินฝานต่อมาเขาขอให้ชายชราช่วยหา แต่ชายชราหาไม่พบเหมือนกันเฉินฝานคิดยังไงก็ไม่เข้าใจคนมีชีวิตสองคน หายตัวไปในอากาศได้ด้วยหรือ?คืนก่อนสอบระดับมณฑล“น้าหลิว!”เสียงใสชัดเจนของฉินเย่ว์เจียวดังมาจากด้านนอกประตู“ปัง!”เฉินฝานทิ้งหนังสือในมือและรีบออกไป“น้าหลิว ช่วงนี้น้ากับเสี่ยวอวี่ไปอยู่ที่ไหนมา? ข้ากับนายท่านตามหาพวกท่านนานมากแต่ก็หาไม่เจอเลย? เป็นห่วงแย่แล้วรู้ไหม!”ฉินเย่ว์เจียวตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหลแทบไหลเมื่อเห็นนางหลิว เฉินฝานก็แอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขามองไปข้างหลังนางหลิวตามจิตใต้สำนึก ข้างหลังของนาง……ไม่มีร่างของเถียนเสี่ยวอวี่“น้าหลิว เสี่ยวอวี่ล่ะ?” เมื่อไม่เห็นเสี่ยวอวี่ หัวใจที่จุกของเฉินฝานก็ไม่มีวันคลายลงคนสองชีวิต หายตัวไปกลางอากาศหลายวัน มันแปลกเกินไป“เสี่ยวอวี่ นาง……”“นี่ ๆ ๆ!” ฉินเย่ว์เจียวพูดติดตลกอยู่ข้าง ๆ “นายท่าน ห่างกันแค่ไม่กี่วัน ดูท่านกังวลเข้าสิ น้องเสี่ยวอวี่ไม่มาคงเพราะเขินอายมากอย่างไรล่ะเจ้าคะ”เฉินฝานยิ้มแหยสิ่งที่ฉินเย่ว์
เมื่อเฉินฝานมาถึงวัดจิ้งซาน เถียนเสี่ยวอวี่ที่เขาพบกลายเป็นแม่ชีไปแล้ว“โยม!”นางแสดงความเคารพทางศาสนาต่อเฉินฝาน สายตาที่มองเฉินฝานก็ดูสุภาพและเรียบนิ่งวินาทีนี้ เฉินฝานเข้าใจแล้วเช่นกันเถียนเสี่ยวอวี่จะไม่กลับไปกับเขาแล้วนี่คงเป็นสิ่งที่ผู้คนในปัจจุบันเรียกว่าผู้สมบูรณ์แบบเถียนเสี่ยวอวี่ทนความไม่สมบูรณ์ของตัวเองไม่ได้แม้ว่านางไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ให้กับเฉินเจียงก็ตามแต่นางก็กลายเป็นผู้หญิงของเฉินฝานด้วยวิธีเช่นนั้นหากเหตุการณ์นั้นไม่เกิดขึ้น เฉินฝานก็ไม่คิดแต่งงานกับนาง“เสี่ยวอวี่ ข้ารู้ว่าปมในใจของเจ้ายังไม่ถูกคลายออก ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้านะ”“แต่ ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า นับจากนี้ไป ประตูตระกูลเฉินของข้าจะเปิดรอเจ้าอยู่เสมอ หากเจ้ากลับมาใช้ชีวิตแบบฆราวาสเมื่อใด ข้าจะรับเจ้าเข้าเรือนอย่างสมเกียรติ”เถียนเสี่ยวอวี่ยืนอยู่หน้าประตูวัดจิ้งซานและมองแผ่นหลังของเฉินฝานที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ“พี่เสี่ยวฝาน ด้วยคำพูดของพี่ ชีวิตนี้ของเสี่ยวอวี่ก็เพียงพอแล้ว……”หลังจากที่ลูกสาวของนางบวช นางหลิวก็หมดความปรารถนาทางโลกไปด้วย นางบริจาคที่ดินยี่สิบหมู่[footnoteRef:1] ให้กับวัดจ
เช่นเดียวกับการประกาศผลระดับอำเภอ เมื่อเฉินฝานมาถึงสถานที่ประกาศผล เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน“เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน!”ปัญญาชนที่สอบระดับอำเภอไม่ผ่านแต่ยังไม่กลับเรือน พลันรุมล้อมเฉินฝานและดันเขาจนมาอยู่ใต้ป้ายประกาศ“เสี่ยวฝาน อย่ายืนไกลนักสิ ใช่ ยืนอยู่ที่นี่แหละ ตำแหน่งนี้มองเห็นชัดดี”“ใช่ ๆ พวกเราอยากเห็นเสี่ยวฝานอยู่ในรายชื่ออีกครั้ง”ปัญญาชนเหล่านี้ต่างมีความคิดของตนอยู่ในใจมีคนส่วนน้อยที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเฉินฝานจะอยู่ในรายชื่ออีกครั้งและอยากได้รับโชคที่อยู่บนตัวเฉินฝานบ้างแต่คนส่วนมากมาดูเรื่องตลกของเฉินฝานพวกเขายังเชื่ออย่างยิ่งว่าเฉินฝานไม่มีทางโชคดีสองครั้ง!“อำเภอผิงอัน ประกาศผล!”เมื่อนายอำเภอประกาศลั่น นักการในศาลาว่าการก็นำม้วนรายชื่อผู้สอบผ่านระดับมณฑลแขวนไว้บนป้ายประกาศเมื่อม้วนรายชื่อถูกเปิดออก ผู้คนที่อยู่ด้านล่างก็เบิกตากว้างที่สุดและอ่านชื่อทีละคนบรรยากาศคล้ายกับการสอบระดับอำเภอ ผู้ที่อยู่ในรายชื่อส่งเสียงโฮ่ร้องดีใจ ในขณะที่ผู้ไม่มีรายชื่อร้องไห้น้ำตาไหลอย่างขมขื่นแต่ก็แตกต่างจากการสอบระดับอำเภออย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่เข้าสอบมีเพียง
ม้วนหนังสือคลี่ออกช้า ๆ“ตุบ!”“ตุบ ตุบ!”มีคนล้มลงทีละคน“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ครั้งนี้ใต้เท้าดูผิดแน่ ๆ”“เฉินเจียงกับเฉินฝานเป็นลุงกับหลานชาย อายุใกล้เคียงกัน ใต้เท้าสลับเฉินเจียงกับเฉินฝานหรือเปล่า?”“ใช่ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่”เมื่อต้องเผชิญกับความสงสัยของทุกคน เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว นายอำเภอสั่งให้คนนำกระดาษสอบของเฉินฝานออกมาติดอย่างรวดเร็วลายมือบนกระดาษ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ คำตอบไม่ได้ถูกต้องเพียงเจ็ดแปดส่วน แต่ถูกต้องทั้งหมดครั้งนี้เหตุผลที่เฉินฝานทำด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตนมี เพียงเพื่อต้องการให้เรื่องเศร้าอย่างเถียนเสี่ยวอวี่เกิดขึ้นน้อยลง“หากมองจากข้อสอบ เฉินฝานได้อันดับหนึ่งย่อมไม่ใช่ปัญหา เฉินฝานได้อันดับหนึ่ง เช่นนั้นเฉินเจียง……”“สอบตก?!”ทุกคนอุทานอย่างไม่เชื่อ!อันดับสามของการสอบในระดับอำเภอ ประกอบกับคะแนนพิเศษจากการมีบุตรชายสองคนเช่นนี้แล้วยังสอบตกอีก?เฉินเจียงที่ยังยืนรอให้ผู้คนเข้ามาแสดงความเคารพอย่างสุภาพ หน้าซีดเผือดในทันใดเขาพึมพำในปากและร่างกายของเขาสั่นเทา“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร”เขาสอบตกได้อย่างไร ไ
ฉินเย่ว์โหรวก้มหน้าลงอย่างเขินอาย นางยังเขินอายอยู่เล็กน้อย“พี่สะใภ้!”เฉินเอ้อร์ยาผลักฉินเย่ว์โหรวจากข้างหลังจนไปอยู่ตรงหน้าเฉินฝาน “อย่ามัวแต่อายอยู่เลย ช่วงนี้ เจ้าคิดถึงพี่ฝานถึงกระทั่งนอนฝันละเมอเรียกชื่อเขาออกมา”“ขะ ข้าเปล่านะ!”ฉินเย่ว์โหรวเป็นคนหน้าบาง เมื่อเฉินเอ้อร์ยากล่าวแบบนี้ ใบหน้าของนางก็แดงจนเลือดแทบซึม“เจ้าทำ เจ้าทำนั่นล่ะ ตอนกลางคืนข้าได้ยินชัดเจน”“ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน พี่สี่ พี่ไม่เพียงแต่เรียกนายท่าน แต่ยังละเมอพูดว่าคิดถึงนายท่านจวนจะตายแล้วด้วย” ฉินเย่ว์ฉู่ยิ้มและช่วยเฉินเอ้อร์ยาพูดไม่เพียงแต่เป็นพยาน แต่ยังช่วยใส่สีตีไข่“พวก พวกเจ้าพูดเพ้อเจ้อ”ฉินเย่ว์โหรวกระทืบเท้าอยากวิ่งหนี กลับถูกเฉินฝานคว้าไว้“ขอข้าดูหน่อย คิดถึงข้าจวนจะตายนั้นเป็นอย่างไร?”“นายท่าน!”ฉินเย่ว์โหรวที่ทนเขินไม่ไหวจึงมุดศีรษะเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินฝาน และทุบตีเฉินฝานด้วยหมัดเล็กของนางไม่หยุด “หยุดพูดนะเจ้าคะ หยุดพูด!”“เอาล่ะ ๆ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว”เฉินฝานปล่อยฉินเย่ว์โหรวเพราะว่าหางตาของเขาเห็นเฉินผิงและภรรยาของเขาพวกเขายืนอยู่ด้านนอกของประตูและไม่กล้าเดินเข้ามาหลังจา
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ