เมื่อเฉินฝานมาถึงวัดจิ้งซาน เถียนเสี่ยวอวี่ที่เขาพบกลายเป็นแม่ชีไปแล้ว“โยม!”นางแสดงความเคารพทางศาสนาต่อเฉินฝาน สายตาที่มองเฉินฝานก็ดูสุภาพและเรียบนิ่งวินาทีนี้ เฉินฝานเข้าใจแล้วเช่นกันเถียนเสี่ยวอวี่จะไม่กลับไปกับเขาแล้วนี่คงเป็นสิ่งที่ผู้คนในปัจจุบันเรียกว่าผู้สมบูรณ์แบบเถียนเสี่ยวอวี่ทนความไม่สมบูรณ์ของตัวเองไม่ได้แม้ว่านางไม่ได้เสียความบริสุทธิ์ให้กับเฉินเจียงก็ตามแต่นางก็กลายเป็นผู้หญิงของเฉินฝานด้วยวิธีเช่นนั้นหากเหตุการณ์นั้นไม่เกิดขึ้น เฉินฝานก็ไม่คิดแต่งงานกับนาง“เสี่ยวอวี่ ข้ารู้ว่าปมในใจของเจ้ายังไม่ถูกคลายออก ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้านะ”“แต่ ข้าอยากจะบอกเจ้าว่า นับจากนี้ไป ประตูตระกูลเฉินของข้าจะเปิดรอเจ้าอยู่เสมอ หากเจ้ากลับมาใช้ชีวิตแบบฆราวาสเมื่อใด ข้าจะรับเจ้าเข้าเรือนอย่างสมเกียรติ”เถียนเสี่ยวอวี่ยืนอยู่หน้าประตูวัดจิ้งซานและมองแผ่นหลังของเฉินฝานที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ“พี่เสี่ยวฝาน ด้วยคำพูดของพี่ ชีวิตนี้ของเสี่ยวอวี่ก็เพียงพอแล้ว……”หลังจากที่ลูกสาวของนางบวช นางหลิวก็หมดความปรารถนาทางโลกไปด้วย นางบริจาคที่ดินยี่สิบหมู่[footnoteRef:1] ให้กับวัดจ
เช่นเดียวกับการประกาศผลระดับอำเภอ เมื่อเฉินฝานมาถึงสถานที่ประกาศผล เขาก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน“เสี่ยวฝาน เสี่ยวฝาน!”ปัญญาชนที่สอบระดับอำเภอไม่ผ่านแต่ยังไม่กลับเรือน พลันรุมล้อมเฉินฝานและดันเขาจนมาอยู่ใต้ป้ายประกาศ“เสี่ยวฝาน อย่ายืนไกลนักสิ ใช่ ยืนอยู่ที่นี่แหละ ตำแหน่งนี้มองเห็นชัดดี”“ใช่ ๆ พวกเราอยากเห็นเสี่ยวฝานอยู่ในรายชื่ออีกครั้ง”ปัญญาชนเหล่านี้ต่างมีความคิดของตนอยู่ในใจมีคนส่วนน้อยที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเฉินฝานจะอยู่ในรายชื่ออีกครั้งและอยากได้รับโชคที่อยู่บนตัวเฉินฝานบ้างแต่คนส่วนมากมาดูเรื่องตลกของเฉินฝานพวกเขายังเชื่ออย่างยิ่งว่าเฉินฝานไม่มีทางโชคดีสองครั้ง!“อำเภอผิงอัน ประกาศผล!”เมื่อนายอำเภอประกาศลั่น นักการในศาลาว่าการก็นำม้วนรายชื่อผู้สอบผ่านระดับมณฑลแขวนไว้บนป้ายประกาศเมื่อม้วนรายชื่อถูกเปิดออก ผู้คนที่อยู่ด้านล่างก็เบิกตากว้างที่สุดและอ่านชื่อทีละคนบรรยากาศคล้ายกับการสอบระดับอำเภอ ผู้ที่อยู่ในรายชื่อส่งเสียงโฮ่ร้องดีใจ ในขณะที่ผู้ไม่มีรายชื่อร้องไห้น้ำตาไหลอย่างขมขื่นแต่ก็แตกต่างจากการสอบระดับอำเภออย่างสิ้นเชิง ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่เข้าสอบมีเพียง
ม้วนหนังสือคลี่ออกช้า ๆ“ตุบ!”“ตุบ ตุบ!”มีคนล้มลงทีละคน“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ ครั้งนี้ใต้เท้าดูผิดแน่ ๆ”“เฉินเจียงกับเฉินฝานเป็นลุงกับหลานชาย อายุใกล้เคียงกัน ใต้เท้าสลับเฉินเจียงกับเฉินฝานหรือเปล่า?”“ใช่ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่”เมื่อต้องเผชิญกับความสงสัยของทุกคน เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว นายอำเภอสั่งให้คนนำกระดาษสอบของเฉินฝานออกมาติดอย่างรวดเร็วลายมือบนกระดาษ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ คำตอบไม่ได้ถูกต้องเพียงเจ็ดแปดส่วน แต่ถูกต้องทั้งหมดครั้งนี้เหตุผลที่เฉินฝานทำด้วยความสามารถทั้งหมดที่ตนมี เพียงเพื่อต้องการให้เรื่องเศร้าอย่างเถียนเสี่ยวอวี่เกิดขึ้นน้อยลง“หากมองจากข้อสอบ เฉินฝานได้อันดับหนึ่งย่อมไม่ใช่ปัญหา เฉินฝานได้อันดับหนึ่ง เช่นนั้นเฉินเจียง……”“สอบตก?!”ทุกคนอุทานอย่างไม่เชื่อ!อันดับสามของการสอบในระดับอำเภอ ประกอบกับคะแนนพิเศษจากการมีบุตรชายสองคนเช่นนี้แล้วยังสอบตกอีก?เฉินเจียงที่ยังยืนรอให้ผู้คนเข้ามาแสดงความเคารพอย่างสุภาพ หน้าซีดเผือดในทันใดเขาพึมพำในปากและร่างกายของเขาสั่นเทา“เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร”เขาสอบตกได้อย่างไร ไ
ฉินเย่ว์โหรวก้มหน้าลงอย่างเขินอาย นางยังเขินอายอยู่เล็กน้อย“พี่สะใภ้!”เฉินเอ้อร์ยาผลักฉินเย่ว์โหรวจากข้างหลังจนไปอยู่ตรงหน้าเฉินฝาน “อย่ามัวแต่อายอยู่เลย ช่วงนี้ เจ้าคิดถึงพี่ฝานถึงกระทั่งนอนฝันละเมอเรียกชื่อเขาออกมา”“ขะ ข้าเปล่านะ!”ฉินเย่ว์โหรวเป็นคนหน้าบาง เมื่อเฉินเอ้อร์ยากล่าวแบบนี้ ใบหน้าของนางก็แดงจนเลือดแทบซึม“เจ้าทำ เจ้าทำนั่นล่ะ ตอนกลางคืนข้าได้ยินชัดเจน”“ข้าก็ได้ยินเหมือนกัน พี่สี่ พี่ไม่เพียงแต่เรียกนายท่าน แต่ยังละเมอพูดว่าคิดถึงนายท่านจวนจะตายแล้วด้วย” ฉินเย่ว์ฉู่ยิ้มและช่วยเฉินเอ้อร์ยาพูดไม่เพียงแต่เป็นพยาน แต่ยังช่วยใส่สีตีไข่“พวก พวกเจ้าพูดเพ้อเจ้อ”ฉินเย่ว์โหรวกระทืบเท้าอยากวิ่งหนี กลับถูกเฉินฝานคว้าไว้“ขอข้าดูหน่อย คิดถึงข้าจวนจะตายนั้นเป็นอย่างไร?”“นายท่าน!”ฉินเย่ว์โหรวที่ทนเขินไม่ไหวจึงมุดศีรษะเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินฝาน และทุบตีเฉินฝานด้วยหมัดเล็กของนางไม่หยุด “หยุดพูดนะเจ้าคะ หยุดพูด!”“เอาล่ะ ๆ ข้าจะไม่พูดอีกแล้ว”เฉินฝานปล่อยฉินเย่ว์โหรวเพราะว่าหางตาของเขาเห็นเฉินผิงและภรรยาของเขาพวกเขายืนอยู่ด้านนอกของประตูและไม่กล้าเดินเข้ามาหลังจา
เพียงครู่เดียวชายชราในชุดขาวก็เดินมาถึงตรงหน้าเฉินฝานเฉินฝานมองชายชราที่ฉีกยิ้มและยืนอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าวันนี้ชายชราขาวทั้งตัวจริง ๆ เสื้อสีขาว เคราสีขาว ผมสีขาว ใบหน้าก็ล้างอย่างขาวสะอาดกับหลายครั้งก่อนหน้านี้ เสื้อผ้าลินินสีเทาทั้งตัว รูปลักษณ์เปรอะเปื้อนต่างกันอย่างสิ้นเชิงชายชราลูบเคราเบา ๆ และยืนตรงนั้นท่าทางได้ใจเล็กน้อยเขากำลังรอให้เฉินฝานกล่าวชื่นชมเพราะว่า ปกติถ้าเขาแต่งตัวแบบนี้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน…...“ทำไม ฟ้ายังไม่มืดสนิท ท่านก็แต่งตัวเป็นผีมาหลอกคนแล้วรึ?”“นี่ข้า......”ชายชราเบิกตากว้างราวกับตาวัว สองมือขยับมือขึ้นลงบนตัวไม่หยุด “เห็นอยู่ว่ามีความลอยล่องดุจเทพเซียน!”“เทพเซียนมองไม่ออก แต่ลอยล่องนั้นคล้ายอยู่พอสมควร!”“พรวด!”คนใช้ที่อยู่ข้างชายชราอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะ“ตลกมากไหม?” ชายชราหันศีรษะและจ้องเขม่นคนใช้ส่ายหัวไม่หยุดและกล่าวน้ำเสียงคลุมเครือ “ไม่ตลกขอรับ”“แล้วเมื่อครู่เจ้าหัวเราะอะไร?”“เปล่าขอรับ ข้าคันปาก เลยส่งเสียงออกมาอย่างอดไม่ได้ขอรับ”“คันปาก? ข้าว่าเจ้าคันผิวหนังนะ”ทันใด ชายชราพลันก้มถอดรองเท้าของตนเองแล
“มีจดหมายจากบ้านเกิดขอให้ข้ากลับไป!”เมื่อพูดถึงบ้านเกิด ชายชราไม่ยิ้มทะเล้นอีกต่อไป สายตาอันแหลมคมแวบผ่านไปเฉินฝานจับได้พอดีคงมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นที่เมืองหลวงมีการรุกรานจากศัตรู? มีผู้ทรยศก่อความวุ่นวาย? มีภัยพิบัติเกิดขึ้น?เหอะ!เฉินฝานเยาะเย้ยตนเองตอนนี้เขาเป็นแค่ถงเซิงคนหนึ่ง สถานะสูงกว่าชาวบ้านทั่วไปเล็กน้อยเท่านั้นเรื่องของบ้านเมือง เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเล่า“เกี่ยวอะไรกับข้าล่ะ? ข้าไม่ใช่พ่อท่านเสียหน่อย ท่านจะไปไหนไม่ต้องมารายงานข้าหรอก”คนใช้ที่ยืนข้าง ๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเฉินฝานก็รู้สึกมีเลือดพุ่งขึ้นศีรษะโธ่เอ๋ยสะใจจริง ๆเขาอยากพูดกับชายชราแบบนี้ถึงกระทั่งเก็บไปฝันเอ่อ......เขาก็พูดได้แต่ในฝันเท่านั้นแหละขนาดนี้แล้วชายชราคงทนไม่ไหวแล้วสิทนไม่ไหวก็มีประโยชน์ คนใช้แอบตัดสินใจช่วยเฉินฝานไปแล้วช้าก่อน คำพูดที่ชายชราสั่งให้เขาสั่งสอนเฉินฝาน เขาคงไม่สั่งสอนจริง ๆ หรอกกระมัง“ข้า......”ชายชราแสดงหน้าเศร้าโศกคนใช้ถูกโจมตีอย่างหนักอีกครั้ง คำพูดของเฉินฝาน ไร้ความปรานีมากถึงเพียงนั้น จนเขาคิดว่าชายชราจะโมโห ต่อให้ไม่โมโหอย่างรุนแรง แต่ก็น่าจะโมโ
“เย่ว์โหรว”เฉินฝานเรียกฉินเย่ว์โหรวที่อยู่ไกลเขามากที่สุดให้ปูผ้าห่มให้เขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาดวงตาคู่งามของฉินเย่ว์โหรวมองขึ้นมาแล้วตกลงบนตัวเฉินฝานไม่ถึงหนึ่งวินาที นางก็ก้มศีรษะลงทันที “ข้าน้อยอยู่เจ้าค่ะ นายท่านมีอะไรจะรับสั่งหรือเจ้าคะ?”ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือกิริยาท่าทาง ก็ล้วนไม่มีที่ติเพียงแต่......เฉินฝานรู้สึกได้ถึงความผิดปกติสุภาพมากเกินไป ไม่เหมือนสามีภรรยา แต่เหมือนสาวใช้ที่คอยรับใช้เขามากกว่ายอมจำนน แต่ทำตัวห่างเหินฉินเย่ว์โหรวเคยปฏิบัติกับเขาเช่นนี้มาก่อน ตอนนั้นเขาเพิ่งข้ามมิติมาที่นี่และเจ้าของร่างเดิมขายนางให้กับหอนางโลมอี๋ชุนย่วนนางในเวลานั้น ทั้งไม่พอใจ เกลียดชังและกลัวเขา นางปฏิบัติเช่นนั้นย่อมเป็นเรื่องปกติแต่ตอนนี้......เฉินฝานพยายามทบทวนทุกสิ่งที่เขาทำและคำพูดที่กล่าวออกไป ก่อนที่เขาเดินทางออกไปสอบขุนนาง รวมถึงสิ่งที่ทำไปหลังจากกลับมาถึงยิ่งคิดก็ยิ่งสับสนงุนงงเขาไม่เคยล่วงเกินฉินเย่ว์โหรวและไม่เคยพูดรุนแรงใด ๆ กับนาง“นายท่าน ท่านมีอะไรจะรับสั่งข้าน้อยหรือไม่เจ้าคะ?”เมื่อเห็นเฉินฝานไม่ส่งเสียง ฉินเย่ว์โหรวจึงถามอีกครั้ง“เอ่อ......”
ฉินเย่ว์โหรวนับว่าเป็นคนที่หลับง่ายที่สุดในบรรดาสามพี่น้องตระกูลฉิน อีกทั้งท่าทางของนางก่อนหลับและหลังหลับก็ช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงนางเป็นคนที่สะดุ้งตื่นกลางดึกน้อยมาก แต่ท่านอนของนางกลับไม่เข้าท่าเอาเสียเลย นางมักจะชอบถีบผ้าห่ม หลังจากที่เฉินฝานข้ามมิติมา เขาต้องคอยหมั่นเข้ามาช่วยห่มผ้าให้นางอย่างน้อยหนึ่งถึงสองครั้งในทุกวันแต่ตอนนี้นางกลับไม่อยู่บนเตียงนางไปไหน? เกิดอะไรขึ้นเฉินฝานรีบกระโดดลงจากเตียงและวิ่งออกไปท้องฟ้ายามราตรีในคืนนี้ค่อนข้างมืดเป็นพิเศษ ไม่มีแม้แต่แสงดวงดาว ภายในลานกว้างก็มืดสนิท มองไม่เห็นอะไรเลยเฉินฝานวิ่งเข้าไปในครัวเป็นที่แรกแต่ภายในครัวกลับเงียบสงัด นอกจากหม้อและกระทะแล้วก็ไม่มีร่างเงาของฉินเย่ว์โหรวเลยสักนิดเฉินฝานวิ่งไปยังเล้าไก่นอกจากห้องครัวแล้ว สถานที่ที่ฉินเย่ว์โหรวมักจะชอบไปอยู่บ่อยครั้งก็คือเล้าไก่พี่น้องตระกูลฉินชอบกินไก่ที่สุด ในบ้านจะมีการฆ่าไก่เป็นประจำ แต่ในช่วงแรกที่เฉินฝานกลับมาจากการล่าสัตว์บนภูเขาหัวเสือพร้อมกับไก่ป่าที่เขาบอกว่าจะให้มันฟักไข่ออกมาไว้บำรุงร่างกายฉินเยว์โหรวตัวนั้น นางสั่งห้ามฉินเย่ว์เจียวฆ่ามันเด็ดขาดฉิน
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้