“ไม่ติด สอบไม่ติดจริงๆ!”“เช่นนั้นพวกเราก็ซื้อถูกแล้ว ไป ๆ ไปเอาเงินกับเหลาชาง!”ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ นักเรียนของสถาบันศึกษาในหมู่บ้านซานเหอก็กรูไปหาเฉินฝานทั้งหมด ในนั้นก็รวมถึงเฉินเจียงด้วย“เสี่ยวฝาน ครั้งนี้สอบไม่ติดไม่สำคัญ ปีหน้าเจ้าก็ขยันหน่อย พยายามช่วงชิงตำแหน่งให้ได้”เฉินเจียงเสแสร้งปลอบใจเฉินฝานอีกครั้งเขาสอบผ่านด้วยอันดับสูง เฉินฝานสอบตกถูกคัดออกการเปรียบเทียบที่ชัดเจนแบบนี้ เขาชื่นชอบ“ข้าไม่คิดอย่างนั้น เฉินฝาน ปีหน้าเจ้าก็อย่าสอบเลยดีกว่า ตอนสอบก็หลับ คะแนนก็ไม่ติดอันดับ ชื่อเสียงของสถาบันศึกษาพวกเราจะมาเสื่อมเสียแบบนี้ไม่ได้”สีหน้าของสวี่จื่อหมิงไม่สู้ดีนัก เมื่อปริปากก็รังเกียจที่เฉินฝานทำให้ขายหน้า“ข้าเห็นด้วยกับที่น้องจื่อหมิงพูด นอกจากเฉินเจียงแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราทั้งหมดสอบไม่ผ่านระดับอำเภอ ทว่าพวกเราทั้งหมดก็ลำดับอยู่ในปิ่งปั่ง ไม่มีใครได้ต่ำกว่าติงปั่งหรือว่าไม่มีลำดับในติงปั่ง”คนที่พูดก็คือหูเฉิงหยางแห่งหมู่บ้านหลิง เขาเป็นนักเรียนที่อายุเยอะที่สุดในสถาบันศึกษา ปีนี้ก็ยี่สิบห้าแล้ว เขาตอนอายุสิบห้าก็เรียนโรงเรียนเด็กเล็ก อายุสิบเจ็ดก็เริ่มเข
“เจี๋ย...เจี๋ย...ปั่ง!”“ชื่อของเฉินฝานอยู่ท้ายสุดของเจี๋ยปั่ง!!”“หรือก็คือเฉินฝานผ่านการสอบระดับอำเภอแล้ว!!!”“คงไม่ใช่ชื่อซ้ำกันหรอกนะ”“บนป้ายก็เขียนไว้ไม่ใช่หรือ? ตำบลหลี่ผิงหมู่บ้านซานเหอเฉินฝาน หมู่บ้านซานเหอมีเฉินฝานสองคนมาสอบขุนนางไม่ได้?”“เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นคนในหมู่บ้านซานเหอ หมู่บ้านพวกเรามีแค่เฉินฝานเดียว”คำพูดของชาวบ้านหมู่บ้านซานเหอแค่คำพูดเดียวก็ชี้ขาดคำตัดสินใจสุดท้ายได้“ดังนั้น เฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอจริงๆแล้ว!!!”ท่ามกลางเสียงตื่นตกใจอย่างต่อเนื่อง คนที่อยู่ตรงที่ติดประกาศโดยรอบ ท่าทางและสีหน้าแทบจะเป็นแบบเดียวกันตาโตและอ้าปากค้างอย่างสุดขีดในเวลาเดียวกัน ตาค้างจ้องมองชื่อสุดท้ายของเจี๋ยปั่งคนที่ลงพนันทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าหงุดหงิดหงุดหงิดที่ตนเองไม่ได้ซื้อหมากพนันที่ว่าเฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอนั้นหมากพนันสามารถเพิ่มขึ้นได้เป็นร้อยเท่าเชียวนะเหลาชางผู้ทายผลก็แอบปาดเหงื่ออย่างเงียบๆ เริ่มแรกเขาทำเพื่อจะหาเงินเพิ่มเล็กน้อย ยังขะมักเขม้นในการประกาศการลงพนันที่ว่าเฉินฝานสอบผ่านระดับอำเภอโชคดีเริ่มแรกไม่คนเห็นว่าเฉินฝานมีอนาคตที่ดี ไม่เช่นน
แม้ความจริงจะอยู่ตรงหน้า แต่ไม่มีปัญญาชนคนใดยอมรับว่าเฉินฝานเก่งกว่าพวกเขา หลังจากผ่านการวิเคราะห์ต่างๆ แล้ว ล้วนรู้สึกว่าเฉินฝานโชคดี เดาถูกก็เท่านั้นเหตุผลที่ว่าเฉินฝานโชคดีเดาคำตอบถูก ทำให้พวกปัญญาชนเหล่านั้นรู้สึกดีขึ้นหลังจากรู้สึกดีขึ้น พวกเขาก็ถอนหายใจและโอดครวญโอดครวญว่าตนโชคร้าย สวรรค์ไม่เห็นใจพวกเขาท่ามกลางเสียงโอดครวญ คนที่ได้คะแนนต่ำกว่าอี๋ปั่ง เก็บสัมภาระของตนเองด้วยความไม่สบอารมณ์ ต่างคนต่างเดินกลับบ้านบางคนก็มีความมั่นใจว่า แม้แต่เฉินฝานยังสอบผ่าน เช่นนั้นปีหน้าตนก็ต้องสอบผ่านบางคนก็เศร้าใจ แม้กระทั่งเฉินฝานยังโชคดี แต่ตนที่พยายามมาหลายปี กลับไม่อาจสอบลำดับเจี๋ยปั่งได้แม้เบื้องหน้าเฉินเจียงจะทำเหมือนไม่มีอะไร แต่กลับลอบถอนหายใจแม้เขาจะเข้าร่วมการสอบขุนนางเป็นครั้งแรกเหมือนกัน แต่เขาร่ำเรียนในสำนักศึกษานานกว่าสามปี ครั้งนี้ที่เขาสอบได้อันดับสูงๆ เขารู้ดีแก่ใจ ทั้งหมดเป็นเพราะเขามีลูกชายสองคนหากไม่มีลูกชายทั้งสองคน ชื่อของเขาไม่ต่างจากเฉินฝานเฉินเจียงไม่ยอมรับว่า หากไม่ใช่เพราะลูกชายทั้งสองคน เขาอาจจะสอบเจี๋ยปั่งไม่ได้เสียด้วยซ้ำตรงกันข้ามกับเฉินฝาน เ
“เพราะว่า...” ฉินเย่ว์เจียวดูน้อยเนื้อต่ำใจอย่างเห็นได้ชัด “นายท่านควรมีภรรยาที่เพียบพร้อมสักคนหนึ่งเจ้าค่ะ”“หื้ม?” เฉินฝานไม่เข้าใจ“นายท่าน อีกไม่กี่วันนายท่านสอบผ่านการสอบระดับมณฑล ก็จะกลายเป็นถงเซิงแล้ว ฮูหยินของถงเซิง ต้องเป็นสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่จึงจะคู่ควร พวกข้า...”ฉินเย่ว์เจียวก้มหน้าพูดงึมงำ “ถึงอย่างไรก็มาจากตระกูลเล็กๆ ไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้เจ้าค่ะ”เฉินฝานคว้ามือของฉินเย่ว์เจียว พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คำพูดเช่นนี้ข้าจะฟังเพียงครั้งเดียว ต่อไปนี้ห้ามพูดอีก”เขาไม่ใช่คนยุคสมัยนี้ ไม่มีแนวคิดเรื่องฐานะของตระกูลเดินทางข้ามเวลามา เขาพบเจอพวกนางก่อน พวกนางงดงามและจิตใจดี ปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจเขาอยู่ดีมีสุข พวกนางก็ดีใจเขาทุกข์ พวกนางก็เศร้าใจเขาไม่อาจคาดการณ์ว่าอนาคตตนจะกลายเป็นคนอย่างไร แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร อยู่ในฐานะใด พี่น้องตระกูลฉิน เป็นภรรยาที่ถูกต้องอันดับหนึ่งของเขาเสมอ“นายท่าน...”“รีบปล่อยท่านแม่ พวกสารเลว ข้าบอกให้พวกเจ้าปล่อยท่านแม่ไม่ได้ยินหรือ?”เสียงของฉินเย่ว์เจียว ถูกเสียงที่เคล้าไปด้วยความโมโหของเถียนเสี่ยวอวี่ดังกลบบ่าวรับใช้ที่จับตั
“ไม่!” นางหลิวร้องตะโกนเสียงดัง กระโดดกอดเถียนเสี่ยวอวี่ ป้องนางเอาไว้ด้านหลัง “เสี่ยวอวี่ ลูกไม่ต้องพูดแล้ว ลูกไม่ต้องพูดแล้ว!”ผิดที่นางดีใจจนเกินไป ลืมไปเสียสนิทว่าแม้จะหย่าร้าง แม้เถียนเทียนหัวจะยอมให้เถียนเสี่ยวอวี่ไปกับนาง แต่ถึงอย่างไรเถียนเสี่ยวอวี่ก็เป็นลูกสาวของเถียนเทียนหัวในราชวงศ์ต้าชิ่งที่เคารพบุรุษและดูหมิ่นสตรีนี้ ลูกสาวขัดคำสั่งบิดา ถือเป็นความผิดร้ายแรงเถียนเทียนหัวนำแส้ออกมา หมายจะลงโทษเถียนเสี่ยวอวี่ด้วยทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้ประเด็นสำคัญที่สุดคือในราชวงศ์ต้าชิ่ง บิดาลงโทษลูกสาวด้วยทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้นั้น เป็นเรื่องถูกกฎหมายทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้ไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือทัณฑ์เฆี่ยนด้วยแส้ต้องถอดเสื้อผ้าตัวนอก สวมเพียงเสื้อผ้าตัวในท่ามกลางสาธารณชน หญิงสาวยังไม่ออกเรือน สวมเพียงเสื้อตัวใน ชีวิตนี้อย่าคิดที่จะแต่งงานออกเรือนได้เยเพราะหญิงสาวที่เปลื้องผ้าท่ามกลางสาธารณชน แม้จะเป็นบุรุษยากจนที่สุด ก็ไม่มีวันรับนางเป็นภรรยาถูกต้อง ไม่มีทางรับนางเป็นภรรยา แม้กระทั่งตำแหน่งอนุภรรยาก็ไม่มีวันยกให้นางหมดหนทาง ในเมื่อรัชสมัยนี้สตรีมาก ชายน้อย“นายท่าน ข้าขอร้อง ได้โ
“หรือว่าการที่ข้าไม่บอกนาง แล้วจะเปลี่ยนแปลงความจริงได้?”“จะไม่เปลี่ยนได้อย่างไร อย่างน้อยถ้าเถียนเทียนหัวก็ไม่หย่ากับน้าหลิว ตอนนี้น้าหลิวก็จะยังสุขสบาย”“นางไม่มีทางสุขสบายแน่นอน” ชายชราส่ายหน้า “เพราะเถียนเทียนหัวไม่มีทางเปลี่ยนแปลงความคิดที่จะยกเถียนเสี่ยวอวี่ให้เฉินเจียง ความจริงก็คือ ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ นี่เป็นสถานการณ์ในตอนนี้ของแคว้น”“ในเมื่อท่านลูก เหตุใดต้องให้ความหวังน้าหิว?” เฉินฝานโมโห“เพราะว่า...” ชายชราจ้องมองเฉินฝานด้วยแววตาลุ่มลึก “ข้าอยากให้เจ้าเห็น”“เห็นอะไร?”“ความโหดร้ายของราชวงศ์นี้”“ข้าเห็นแล้วอย่างไรเล่า?”“หรือว่า...เจ้าไม่อยากเปลี่ยนแปลงมันหรือ?”ข้าเป็นเพียงปุถุชนคนธรรมดา จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้?”“หากเจ้ายินยอม เจ้าก็จะไม่ใช่ปุถุชนคนธรรมดา”“...” เฉินฝานเงียบไปครู่หนึ่ง “หากตอนนี้ท่านช่วยน้าหลิวหย่าร้าง ไม่ให้เถียนเทียนหัวทำร้ายน้าหลิวกับลูก ข้าจะเข้าร่วมการสอบขุนนางต่อ”พูดทิ้งท้ายถ้อยคำหนึ่ง เฉินฝานกระโดดลงจากรถม้า เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาความจริงเขาไม่อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในสังคมศักดินา อาวุธสงครามเย็นยะเยื
สีหน้าของเขาเย็นชาดั่งน้ำแข็ง ดวงตาเฉียบแหลมเขาที่เปิดม่านขึ้น กวาดตามองนายอำเภอด้วยแววตานิ่งสงบไม่กล้าหยุดแม้เพียงเสี้ยววินาที นายอำเภอรีบถอนสายตากลับ“เอาตัวไป!”นายอำเภอสั่งให้คนเอาตัวเถียนเทียนหัวไปไม่นาน ข่าวเถียนเทียนหัวถูกปลดจากตำแหน่ง และหย่าร้างกับนางหลิว ก็ลือออกมาจากศาลาว่าการพวกบุรุษที่ทุบตีทำร้ายภรรยาของตนเองอย่างไร้เหตุผล สงบเสงี่ยมขึ้นมากแต่ว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นตอนหลังเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวเพิ่งกลับถึงชั้นสามของเรือนแขกสำราญสุข เห็นนางหลิวพาเถียนเสี่ยวอวี่ยืนรออยู่หน้าห้อง ดูจากท่าทางของพวกนางแล้ว น่าจะกำลังรอพวกเขา“เสี่ยวอวี่ เร็วเข้า รีบกล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณของพวกเรา!”เมื่อเห็นเฉินฝาน นางหลิวดึงเถียนเสี่ยวอวี่คุกเข่าให้กับเฉินฝาน“น้าหลิว ไม่ต้องขอรับๆ นายอำเภอเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้ท่าน ผู้มีพระคุณของพวกท่านไม่ใช่ข้า แต่เป็นนายอำเภอขอรับ”เฉินฝานรีบย่อตัวพยุงนางหลิวทันที ฉินเย่ว์เจียวที่ได้รับสัญญาณจากเฉินฝานก็รีบพยุงเถียนเสี่ยวอวี่เช่นเดียวกัน“เสี่ยวฝาน อย่าถ่อมตัวเลย หากไม่ใช่เพราะเจ้าผ่านการสอบระดับอำเภอ นายอำเภอจะผดุงความยุติธรร
นางหลิวเปลี่ยนบทสนทนา “เสี่ยวฝาน ครอบครัวของข้าเมตตาข้ามาก ตอนที่ข้าออกเรือน ให้ที่ข้ายี่สิบหมู่ แล้วก็ร้านค้าอีกสองแห่ง แต่ว่า...”พูดถึงครึ่งหนึ่ง สีหน้าของนางหลิวแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดขึ้นมากะทันหัน“มีที่นาและร้านค้าเป็นเรื่องดี เหตุใดน้าหลิวจึงเศร้าเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวที่อยู่ข้างๆ ฉงนสงสัย“เย่ว์เจียว ข้าเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง ไม่เข้าใจการบริหารจัดการ” นางหลิวพูดกับฉินเย่ว์เจียว แต่สายตาของนางกลับมองไปที่เฉินฝานเวลานี้ ฉินเย่ว์เจียวโง่เพียงใดก็เข้าใจแล้วแท้จริงแล้ว การมาในครั้งนี้ของนางหลิว ไม่เพียงมาเพื่อขอบคุณ แต่ยังมาเพื่อยกลูกสาวและทรัพย์สินให้เฉินฝาน“เรื่องนี้ง่ายขอรับ!” เฉินฝานพูด “ข้าสนิทสนมกับหลี่ซาน เขารู้จักผู้ดูแลหลายคน ถึงเวลาข้าให้เขาเลือกผู้ดูแลที่เชื่อถือได้สักคนให้น้าหลิวได้ขอรับ”ได้ยินถ้อยคำนี้ของเฉินฝาน นางหลิวทั้งผิดหวังและดีใจผิดหวังที่เฉินฝานไม่เพียงปฏิเสธเถียนเสี่ยวอวี่แล้วยังปฏิเสธทรัพย์สินของนางส่วนความดีใจก็มาจากการปฏิเสธของเฉินฝานเช่นเดียวกันหญิงามและความร่ำรวยอยู่ตรงหน้า แต่เขากลับไม่โลภนางมองคนไม่ผิดจริงๆ ตอนนี้นางวางใจยกชีวิตที่เหลือ
ยามค่ำคืนสำนักบัณฑิตเมืองเซียนตูตอนนี้เป็นที่พำนักของฉินเย่ว์เหมยชั่วคราวณ เรือนหลักลานกลางฉินเย่ว์เหมยสวมชุดบรรทมสีเหลือง ก้มหน้าก้มตาอ่านสาสน์กราบทูล“นี่โกรธข้าอยู่งั้นหรือ มิใช่ว่าข้ามิอยากพบเจ้าในทันทีเสียหน่อย กองกำลังทหารหลวงของหลี่ชิ่งปิดล้อมจวนเจ้าเมืองอย่างแน่นหนา เข้าได้ไปยากยิ่งนัก!”เฉินฝานพูดอธิบายกับฉินเย่ว์เหมย ฉินเย่ว์เหมยกลับเพิกเฉยมิได้สนใจเขาแม้แต่น้อยเฉินฝานเดินไปทางซ้าย นางก็จะหันหน้าไปทางขวาเฉินฝานเดินไปทางขวา นางก็จะหันหน้าไปทางซ้ายอย่างไรเสียมิว่าเฉินฝานจะพยายามเพียงใด นางก็จะมิสบตากับเฉินฝานหมดหนทางแล้วจริง ๆ เฉินฝานจึงแย่งสาสน์กราบทูลในมือฉินเย่ว์เหมยมา จากนั้นมิพูดมิจาดึงฉินเย่ว์เหมยเข้ามาในอ้อมอกทันที“เจ้า เจ้าผู้ชายมักมาก!”ฉินเย่ว์เหมยมีวรยุทธ์ต่อสู้ติดตัว และฝีมือยอดเยี่ยมอีกด้วยตบสองสามทีก็สามารถทำให้เฉินฝานลงไปนอนกับพื้นได้“โอ๊ย ๆ ๆ เจ็บเหลือเกิน เจ็บจะตายแล้ว!”เฉินฝานกุมท้องตนเอง กลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้น“เจ้าอย่ามาแสร้ง...”ราวกับเฉินฝานมิได้ยินคำพูดของฉินเย่ว์เหมย ยังคงกุมท้องกลิ้งไปกลิ้งมา สีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวดสุดขีด“เจ
“เฉินฝาน ถึงแม้ตอนเจ้าจะเป็นอัครเสนาบดีขั้นหนึ่งระดับสูง ทว่าก็มิสามารถสังหารเลขาธิการขั้นสองระดับสูงอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้ได้!”เสิ่นหมิงหยวนที่พอจะสงบสติอารมณ์ได้แล้ว เริ่มประณามเฉินฝาน“ถูกต้อง ในฐานะที่หยางอวิ๋นหู่เป็นเลขาธิการกรมโยธาธิการขั้นสอง ต่อให้จะทำความผิด ก่อนที่จะสังหารก็ต้องฝ่าบาทออกคำสั่งก่อนจึงจะสังหารได้ อัครเสนาบดีเบื้องซ้ายทำเกินไปแล้ว”“เพิ่งจะได้รับตำแหน่งอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ก็กำเริบเสิบสานแล้วหรือ? คิดว่าสามารถสังหารขุนนางที่ยศน้อยกว่าเขาได้ ตามอำเภอใจงั้นหรือ?”“คนที่โหดเหี้ยม และมิให้เกียรติฝ่าบาทเช่นนี้ จะสามารถเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายเยี่ยงไร?”มีขุนนางจำนวนมากที่เดือดดาลกับการกระทำของเฉินฝานแน่นอนว่าเหล่าคนที่เดือดดาลเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นพรรคพวกของเสิ่นหมิงหยวน“ฝ่าบาท!” เสิ่นหยวนเลี่ยงรีบเดินออกมาจากด้านหลังเสิ่นหมิงหยวนทันที “ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย...”“ชิ้ง!”เฉินฝานตวัดกระบี่ในมือชี้ไปที่เสิ่นหยวนเลี่ยงทันที “ถ้าเจ้ายังพูดพล่ามอีก อย่าหาว่ากระบี่ในมือข้าไร้ความปรานี”น้ำเสียงเฉินฝานดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ท่าทางโหดเหี้ยมอย่างมา
“ฝ่าบาท”เฉินฝานพุ่งตัวขึ้นไป ส่ายหน้าให้กับฉินเย่ว์เหมยหลี่ชิ่งยังมีทหารหลวงประจำการอยู่ด้านนอกเมืองเซียนตูห้าหมื่นกว่าคน สามารถเคลื่อนทัพตามคำสั่งของเสิ่นหมิงหยวนได้ทุกเมื่ออำนาจของเสิ่นหมิงหยวนเป็นปึกแผ่นอย่างมาก ตอนนี้หากอยากจะโค่นล้มเสิ่นหมิงหยวนในคราเดียว ต้องบีบบังคับให้เสิ่นหมิงหยวนจนตรอกให้ได้สถานการณ์ตอนนี้ ควรปล่อยตามน้ำไปก่อนน้ำเสียงของฉินเย่ว์เหมยผ่อนคลายลงแล้ว “ทหารหลวงรวมพลมากมายอยู่ที่แห่งนี้ ข้าคิดว่าใต้เท้าเสิ่นจะก่อกบฏเสียอีก?”เสิ่นหมิงหยวนเลิกคิ้วขึ้นทันที เขารู้ว่าฉินเย่ว์เหมยยอมอ่อนข้อแล้วเหมือนกับที่เฉินฝานคาดการณ์ เสิ่นหมิงหยวนได้เตรียมการโต้กลับไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงฉินเย่ว์เหมยออกคำสั่งโจมตีเขา เขาก็จะสั่งให้กองกำลังทหารหลวงห้าหมื่นคนของหลี่ชิ่งปิดล้อมเมืองทันทีเสิ่นหมิงหยวนรีบกล่าวอย่างลนลาน “ฝ่าบาทคิดจะทำให้ข้าน้อยตกใจตายหรือกระไร ข้าน้อยเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋นคนหนึ่ง ไฉนจะคิดก่อกบฏได้”คำพูดนี้เสิ่นหมิงหยวน มิเพียงแสดงความจงรักภักดีเท่านั้น และยังเป็นการพูดจาเหน็บแนมเฉินฝานอีกด้วยอำนาจในการนำทัพกองกำลังลาดตระเวนยังคงอยู่ในมือของเฉินฝาน ถึงแม้
ตอนที่ห่างจากเฉินฝานอย่างน้อยสิบเมตร ฉินเย่ว์เหมยก็ลงจากเกี้ยวเดินลงมาสาวเท้ามาหาเฉินฝานอย่างเร่งรีบตอนที่ห่างจากเฉินฝานประมาณสามสี่เมตร ฉินเย่ว์เหมยกลับหยุดฝีเท้าของตนเองไว้หิมะค่อยๆโปรยปรายลงมาตอนที่ห่างกันประมาณสองสามเมตร ฉินเย่ว์เหมยและเฉินฝานยืนมองหน้ากันและกันห่างกันไปเพียงเวลาสั้นๆมิกี่เดือน ทว่ารู้สึกห่างจากเฉินฝานไปสองภพชาติจึงได้กลับมาพบกันอีกครั้งน้ำตาคลอเบ้า จวนจะเอ่อล้นไหลออกมาแต่ท้ายที่สุดก็ต้องฝืนกล้ำกลืนน้ำตากลับไปแต่ไรมานางมิเคยลืมนางเป็นจักรพรรดินี เขาเป็นขุนนางนางต้องเก็บอาการไว้!“เขาคือใต้เท้าเฉินจริงๆ”“ใต้เท้าเฉินฝานยังมีชีวิตอยู่!”ท่ามกลางเหล่าขุนนาง มีคนตะโกนลั่นด้วยความดีใจคนผู้นี้คือเลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน“ใต้เท้าเฉินคืนชีพจากความตาย ช่างเป็นโชคดีของพวกเราต้าชิ่งเสียจริง!”เหล่าขุนนางที่ปกติมิฝักใฝ่เป็นพวกของเสิ่นหมิงหยวนพากันซาบซึ้งใจ“เฉินฝาน!”เสียงตื่นเต้นดีใจครั้งนี้ดังกว่าเสียงดีใจก่อนหน้านี้เสียอีก“ไอ้หยา!”ร่างเงาหนึ่งพุ่งผ่านเหล่าขุนนาง ข้ามผ่านฉินเย่ว์เหมยไป เดินตรงไปหาเฉินฝานทันที“เป็นเจ้าจริงๆด้วย ช่างดีเ
ตวนซินอ๋องมิอยากเชื่อสายตาของตนเอง เขายกกำปั้นไปด้านหน้าเฉินฝานทันที หลังนั้นก็ชูสามนิ้วออกไปชูสามนิ้วแล้วตะโกนพูดขึ้นหนึ่งประโยค“หนึ่งกฎเกณฑ์ สองสตรี สามเงินเหวิน!”เมื่อตะโกนจบก็จ้องไปที่เฉินฝาน สื่อความหมายว่าถึงตาเจ้าแล้วเฉินฝานรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้ง ถูกพลทหารหนึ่งพันปิดล้อมมิสำคัญ จวนจะถูกตัดหัวประหารก็มิสำคัญเช่นกันสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เฉินฝานก็ยกกำปั้นขึ้นมาชูนิ้วยื่นไปด้านหน้าตวนซินอ๋องเช่นกัน“สี่ฤดูกาล ห้าปรมาจารย์ หกที่นั่ง!”ทหารหลวงที่ปิดล้อมเฉินฝานและตวนซินอ๋องไว้มึนงงในบัดดลแม้กระทั่งหลี่ชิ่งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขายังกวาดสายตามองไปรอบข้าง เขากำลังสงสัยว่านี้เป็นสัญญาณลับระหว่างเฉินฝานและตวนซินอ๋องหรือไม่“ถูกต้องทั้งหมด ๆ!”ตวนซินอ๋องดีใจออกนอกหน้าเดินไปกอดเฉินฝาน “เจ้าพูดรหัสลับของการเล่นทายตัวเลขถูกทั้งหมด เจ้าเป็นลูกเขยที่แสนดีของข้าจริงๆด้วย เจ้ายังมีชีวิตดังคาดสินะ”กำปั้นแห่งความปีติของตวนซินอ๋อง ทุบไปหลังเฉินฝานครั้งแล้วครั้งเล่าเฉินฝานรู้สึกวิงเวียนศีรษะ เขาจวนจะถูกพ่อตาของตนเองตบหลังจนแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว“ชาวบ้านใจกล้า ก่อความวุ่
“ตุ้บ!”หลี่ชิ่งที่แต่เดิมกำลังพยุงหลิวเกาจัวปล่อยมือออกทันทีหลิวเกาจัวที่หกล้มหน้าคะมำตะโกนร้องโอดโอย เห็นว่ามีเท้าสองข้างอยู่ด้านหน้าจึงคิดที่จะใช้เพื่อยันตัวลุกขึ้นปรากฏว่าเมื่อเขาสัมผัสเท้านั้น เจ้าของฝ่าเท้านั้นก็จงใจยกขึ้น จึงทำให้เขาลื่นล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“บัณฑิตหลิว กลางวันแสกๆเช่นนี้ นักพรตชิงเฟิงก็กำลังทำพิธีอยู่ที่แห่งนี้ จะมีภูตผีตนใดกล้าออกมากัน?”ผู้ที่ถีบหลิวเกาจัวคือเลขาธิการกรมโยธาธิการหยางอวิ๋นหู่ เดิมทีหยางอวิ๋นหู่เป็นผู้เก่งกาจในการประจบประแจงคนหนึ่ง ก่อนที่หลิวเกาจัวจะทรยศซูซิวฉี เสิ่นหมิงหยวนให้ความสนใจกับหยางอวิ๋นหู่เป็นอย่างมาก ปรากฏว่าเมื่อหลิวเกาจัวปรากฏตัวขึ้นมา หยางอวิ๋นหู่ก็เทียบเคียงหลิวเกาจัวมิได้แม้แต่น้อยครั้งนี้สามารถทำให้เฉินฝานติดอยู่ในเมืองเซียนตูได้ เดิมทีก็เป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหยางอวิ๋นหู่ แต่เพราะสาเหตุที่ว่าเรือนเซียนผาสุกมิสามารถปิดตายเฉินฝานได้อย่างสมบูรณ์ หลิวเกาจัวก็คอยใส่สีตีไข่อยู่เสมอ หยางอวิ๋นหู่มิเพียงแต่มิได้รับรางวัลจากเสิ่นหมิงหยวนเท่านั้น กลับถูกตำหนิอย่างรุนแรงอีกด้วย“ใต้เท้าหยางพูดถูก ต่อให้เป็นกลางวั
เฉินฝานเดินออกมาจากห้องตั้งดวงวิญญาณ ก่อนจะเดินไปยังแท่นบูชาบนแท่นบูชายังมีคนกำลังทำพิธีอยู่นอกจากนี้คนบนแท่นบูชาผู้นี้แต่งกายงดงามกว่าหมอผีที่อยู่ในห้องตั้งดวงวิญญาณ เครื่องมืออุปกรณ์ก็ดูอลังการมากกว่าว้าวเฉินฝานอดลอบอุทานไม่ได้เสิ่นหมิงหยวนลงทุนสำหรับงานศพนี้ของเขาไปไม่น้อยเลยตรงพื้นที่เปิดโล่งใต้แท่นบูชา มีขุนนางฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊คุกเข่ากันเต็มไปหมดหิมะเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งเฉินฝานมองแวบเดียวก็เห็นอ๋องตวนที่ยืนอยู่หน้าขุนนางทั้งหมด อ๋องตวนไม่มีท่าทางเมามายเหมือนก่อนหน้านี้แล้วผมที่เดิมทีขาวแค่ครึ่งเดียว ตอนนี้ขาวโพลนไปหมดแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าลูกเขยจากไปแล้วท่ามกลางเพลิงไหม้อย่างรุนแรงเมื่อไม่กี่วันก่อน อีกทั้งยังสูญเสียบุตรีไปอีกสองคนนี่ก็คือคนผมขาวส่งศพคนผมดำสินะเฉินฝานเห็นแล้วรู้สึกประทับใจเล็กน้อยแม้ว่าพ่อตาที่โผล่มาตอนครึ่งทางผู้นี้ของเขา ปกติจะชอบดื่มเหล้า และเป็นคนที่ดูไม่น่าเชื่อถืออย่างมาก แต่ก็ปฏิบัติกับเขาดีมากจริง ๆ จนไม่มีอะไรจะพูด อีกไม่นาน อีกไม่นาน เขาก็ไม่ต้องเสียใจแล้วส่วนบนพระที่นั่งมังกรที่อยู่ไกล ๆ... ว่างเปล่าไม่
“วันที่แปดแล้วเจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้าย นายท่าน คนข้างนอกพวกนั้นด่าท่านมาแปดวันแล้ว ท่านยังอารมณ์ดีทนได้ แต่ข้าทนไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ”ฉินเย่ว์เจียวรู้สึกน้อยอกน้อยใจ นางกำหมัดแน่นมาหลายวันแล้ว แต่เฉินฝานสั่งให้เย่ว์หนูคอยดูแลนาง นางจึงทำได้เพียงงอนอยู่ที่บ้าน“เจ้าลดเสียงหน่อย จินเป่าเพิ่งจะหลับไปนะ!”เฉินฝานวางจินเป่าที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกล่อมให้นอนหลับลงบนเตียง จากนั้นก็เดินไปที่ริมหน้าต่าง ฟังเสียงด่าทอจากข้างนอกเสิ่นหมิงหยวนตั้งใจปล่อยให้ชาวบ้านในเซียนตูก่นด่าเฉินฝาน อยากจะทำให้เฉินฝานชื่อเสียงฉาวโฉ่เฉินฝานฟังชาวบ้านในเซียนตูด่าทอตนเอง เพื่อให้พวกเสิ่นหมิงหยวนสูญเสียความระแวดระวัง ชาวบ้านยิ่งด่ารุนแรงและยิ่งด่านานเท่าไร ความระแวดระวังของเสิ่นหมิงหยวนก็จะยิ่งหย่อนยานลง เชื่อว่าเขาตายไปแล้วจริง ๆแววตาของเฉินฝานเย็นชาขึ้นมาทีละนิด“พรุ่งนี้ข้าก็จะ ‘ถูกฝัง’ ได้แล้ว” พรุ่งนี้...ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ที่ของมัน ไม่สิควรพูดว่าพรุ่งนี้เขาจะกลายเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายของต้าชิ่งอย่างเป็นทางการหลังจากอยู่ในเมืองหลวงมาหนึ่งปีกว่า ในที่สุดเขาก็ได้ยืนอยู่บนตำแหน่งเดิมของซูซิว
“วันนั้นไฟไหม้ลานบ้านรุนแรงมากถึงเพียงนั้น รอบด้านถูกเราพวกเราห้อมล้อมไว้เป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนตายเลย ต่อให้เป็นมดสักตัวก็ไม่สามารถหนีออกมาจากลานบ้านนั้นได้ หรือว่าจู่ ๆ เฉินฝานจะกลายเป็นถู่สิงซุนขุดดินหนีออกไปแล้ว”“พรืด!” เลขาธิการกรมพิธีการหลิวเกาจัวที่ยืนอย่างเชื่อฟังอยู่ทางด้านข้างเหมือนกับสุนัขพลันอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อเสิ่นหมิงหยวนกับเสิ่นหยวนเลี่ยงมองมาทางเขา เขาก็รีบอธิบาย “ข้าน้อยคิดว่าต่อให้เฉินฝานกลายเป็นถู่สิงซุนขุดลงไปใต้ดิน เช่นนั้นก็คงโดนเผาจนสุกอยู่ดี ตอนนี้น่าจะเปลี่ยนจากถู่สิงซุนไปเป็นหนูสุกแล้วขอรับ” หลิวเกาจัวพูดประจบมากมายขนาดนั้น ในที่สุดครั้งนี้เขาก็ประจบถูกจุดแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของหลิวเกาจัว เสิ่นหมิงหยวนก็อารมณ์ดีขึ้นในพริบตาใช่แล้ว ไฟไม้แรงขนาดนั้น ต่อให้เฉินฝานสามารถขุดลงไปใต้ดินได้ก็คงโดนเผาจนสุกไปแล้ว“เจ้าไปเถิด!” เสิ่นหมิงหยวนที่อารมณ์ดีมากยกมือขึ้นมาโบกทีหนึ่งแล้วพูดกับหลิวเกาจัวว่า “รัฐพิธีศพของท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้ายจะหยุดไม่ได้ เจ้าไปเชิญนักพรตที่ดีที่สุดในเซียนตูมา จะต้องทำพิธีอุทิศส่วนกุศลดี ๆ ให้ท่านอัครมหาเสนาบดีเบื้องซ้