เจ้าเด็กคนนี้...เฉินฝานถูกฉินเย่ว์โหรวทำให้ทั้งโมโหและซาบซึ้ง“ลำดับของข้าจะต้องต่ำ? ดูถูกนายท่านของเจ้าแบบนี้หรือกระไร?”“นายท่าน ท่านรู้ว่าข้าน้อยไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ข้าน้อยแค่กังวลว่าในกรณีที่สอบออกมาไม่ดี เอ้ย ไม่ใช่ ความหมายของข้าน้อย ถ้าหากสอบไม่ได้อย่างที่หวังไว้ ถุย ถุย...”ฉินเย่ว์โหรวที่ลุกลี้ลุกลน ยิ่งอธิบายยิ่งเละเทะ ร้อนใจจนน้ำตาแทบจะไหลออกมาแล้ว“ไม่เป็นไรนะ!” เฉินฝานยิ้มปลอบโยน “นายท่านของเจ้าไม่ได้แย่ขนาดนั้น สอบติดแน่นอนอันนี้ข้าไม่กล้าพูด ทว่าไม่ใช่ที่โหล่แน่นอน”“นายท่าน น้องสี่ พวกท่านกำลังทำอะไรกัน?”เสียงของฉินเย่ว์โหรว ดึงดูดสายตาของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่ให้จับจ้องไปที่จุดเดียวสายตาอันแหลมคมของฉินเย่ว์ฉู่ ต่อให้ไฟสลัว นางมองปราดเดียวก็เห็นน้ำตาตรงหางตาของฉินเย่ว์โหรว “พี่สี่ร้องไห้ทำไมกัน เมื่อครู่เหมือนข้าได้ยินเรื่องอะไรสักอย่าง”“ไม่ ไม่มีอะไร” ฉินเย่ว์โหรวรีบร้อนเช็ดน้ำตาตรงหางตา“ไม่มีอะไรจริงๆ ก็แค่เย่ว์เจียวนับจำนวนเงินวันนี้ผิด นางกำลังร้อนใจอยู่”เฉินฝานอธิบายมาแล้ว ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์ฉู่ถึงจะวางใจน้องสี่ชอบจริงจังเกินเหตุ จำ
แม้กระทั่งตัวฉินเย่ว์โหรวเองก็ไม่แน่ใจว่าจะค้างอยู่ท่านี้ไปอีกนานแค่ไหน?ต่อให้คอจะเมื่อยจะชาแล้ว ก็อาลัยอาวรณ์ที่จะแยกจากตอนกลางวันให้ความกล้าหาญนางสิบอัน นางก็ไม่มีความกล้าที่จะมองเฉินฝานในระยะใกล้เช่นนี้ มีเพียงเวลาแบบนี้เท่านั้นที่นางถึงจะสามารถมองเขาตามอำเภอใจได้“เฮ้อ!”ในที่สุดฉินเย่ว์โหรวก็ทนไม่ไหวแล้ว นางถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดกระซิบ “นายท่านรูปงามเสียจริง”“อืม เช่นนั้นเจ้ามองมานานขนาดนี้ ควรจะจ่ายเงินแล้วหรือไม่?”ตอนแรกฉินเย่ว์โหรวคิดว่าตัวเองหลอนไปเอง นางจ้องเฉินฝานที่ลืมตาแล้วทั้งสองข้าง ชื่นชมอย่างไม่หยุดหย่อน“ดูสิ ดวงตาคู่นี้ ลึกซึ้ง สุกสกาวอะไรเช่นนี้ ทำให้ใจของข้ามัน...”ขนตาที่ขยับเล็กน้อยทำให้ฉินเย่ว์โหรวสังเกตเห็นความผิดปกติไม่ใช่ว่านายท่านควรจะหลับไปแล้วหรอกหรือ? ขนตาของเขาขยับได้อย่างไรกัน?และยังมี ดวงตาเวลาที่นอนหลับทำไม...ร่างกายของฉินเย่ว์โหรวแข็งทื่อทันที! !“ใจของเจ้าเป็นอะไร?”เสียงทุ้มใสดังขึ้นที่ข้างหูของฉินเย่ว์โหรวเสียงที่มีความสงสัยเช่นนี้ ฉินเย่ว์โหรวคุ้นเคยเป็นอย่างมาก“นาย นายท่าน... อ๊าก!”ฉินเย่ว์โหรวที่แอบมองถูกจับได้ อายจนไม
ตอนที่กลับมา ในมือของนางมีกะละมังล้างหน้าเพิ่มมาหนึ่งใบ“นานๆทีนายท่านจะได้นอนหลับอย่างเต็มที่ น้องสี่เจ้านี่จริงๆเลย พอตื่นก็โวยวายรบกวนให้นายท่านตื่นไปด้วย”ฉินเย่ว์เจียวกำลังยกกะละมังล้างหน้า ตำหนิฉินเย่ว์โหรวไปพลางเดินไปทางเฉินฝาน“ไม่ใช่นะพี่สาม นายท่านจะเข้าเรียนสายแล้ว”“พี่สี่ ข้าว่าพี่นอนจนเบลอแล้ว”เสียงใสแจ๋วเจื้อยแจ้วดังตามมา ม่านประตูถูกเปิดขึ้น ใบหน้ารูปไข่น้อยๆของฉินเย่ว์ฉู่โผล่เข้ามาจากด้านหน้าบนใบหน้ารูปไข่น้อยๆก็ยังมีหยาดเหงื่อ คิดว่าคงจะเพิ่งจะกลับมาจากไปเล่นข้างนอกมาซักสักพัก“เมื่อวานพวกปัญญาชนทะเลาะกับเมียตัวเองไม่ใช่หรือ อาจารย์เฉียนโมโห วันนี้หยุดเรียน“โอ้”ฉินเย่ว์โหรวตบหน้าผาก ดูข้าสิ ลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน”“ข้าว่าพี่ก็ดูไม่กระปรี้กระเปร่า ราวกับว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนไปทำอะไรไม่ดีอย่างนั้น”“ใช่ที่ไหนกัน!” ฉินเย่ว์โหรวจ้องเขม็งไปที่ฉินเย่ว์ฉู่ “เมื่อคืนวานข้านอนหลับสนิทจะตายไป!”เฉินฝานมองอย่างเย้ยหยันพลางกล่าว “ก็ใช่น่ะสิ เมื่อคืนวานเย่ว์โหรวหลับสนิทมาก น้ำลายแทบจะไหลมาที่บนหน้าข้าแล้ว”เฉินฝานไม่ได้พูดเกินจริง ฉินเย่ว์โหรวมองเขาจนน้ำลายแท
“หึ เจ้าคนขโมยลูกท้อของชาวบ้าน”ฉินเย่ว์ฉู่เบ้ปาก ถลึงตามองเฉินเจียงที่เอาแต่พูดเรื่องคุณธรรมจริยธรรม“อยากยิงธนูสักดอกเพื่อเป็นการสั่งสอนเขาจริงๆ” ฉินเย่ว์เจียวกัดฟันแน่นเฉินฝานมองสาวน้อยข้างกายทั้งสองคนที่กำลังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ส่ายหน้าด้วยความจนปัญญา “เพิ่งออกมาไม่นาน พวกเจ้าลืมสิ่งที่เย่ว์โหรวกำชับแล้วหรือ? ประเดี๋ยวกลับไปข้าจะบอกนาง...”“นายท่าน อย่าเจ้าค่ะ!”ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์ฉู่รีบอ้อนวอน พวกนางต่างมีสิ่งที่ต้องการเย่ว์เจียวอยากได้ลูกศรคันใหม่ เย่ว์ฉู่คิดถึงเบี้ยเลี้ยงของนาง…วันเวลาหมุนผ่าน ไวดั่งยิงธนูราชวงศ์ต้าชิ่ง การสอบฤดูวสันต์ที่จัดขึ้นปีละครั้งกำลังจะเริ่มต้นแล้วการสอบฤดูวสันต์แบ่งเป็นการสอบระดับอำเภอ การสอบระดับมณฑลและการสอบราชสำนักการสอบระดับอำเภอ การสอบระดับมณฑล ล้วนจัดขึ้นในอำเภอ โดยมีนายอำเภอเป็นผู้คุมสอบ หลังจากผ่านการสอบระดับอำเภอจึงจะเข้าร่วมการสอบราชสำนักได้หลังจากผ่านการสอบมณฑล ก็จะเป็นถงเซิง มีเพียงถงเซิงเท่านั้นที่จะเข้าร่วมการสอบราชสำนักได้การสอบราชสำนักต้องสอบในสนามที่ใหญ่กว่าอำเภอ ซึ่งก็คือเมือง ผู้คุมสอบของการสอบราชสำนักคือท่า
เฉินฝานตื่นนอนไม่นาน เฉินผิงและครอบครัวก็มาเยือน เฉียนลิ่ว จูจื้ออันและชาวบ้านที่ช่วยเฉินฝานจับปลาก็มาเช่นเดียวกันพวกเขามาส่งเฉินฝานลานบ้านเฉินฝาน ครึกครื้นเล็กน้อยแต่ว่า เรือนข้างๆ อย่างเฉินเจียง ครึกครื้นยิ่งกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหอ และหมู่บ้านอื่น ผู้คนมากมายมาส่งเฉินเจียง ลานบ้านเฉินเจียงถึงขั้นไม่มีที่ยืน บางคนต้องยืนข้างนอกคนเหล่านี้อยากให้เฉินเจียงคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขา หวังว่าอนาคตเฉินเจียงจะจำพวกเขาได้ แม้ไม่อาจตักตวงผลประโยชน์ แต่อนาคตก็สามารถพูดคุยกันได้ครุ่นคิด หากวันข้างหน้าเฉินเจียงเป็นขุนนาง เช่นนั้นอนาคตยามพวกเขาพูดคุยกับคนอื่น ก็สามารถบอกได้ว่าตนรู้จักขุนนางใหญ่ เมื่อครั้นเขาเข้าร่วมการสอบฤดูวสันต์ ตนมีโอกาสได้ไปส่งเขานี่เป็นเรื่องที่มีเกียรติยิ่งนักแม้กระทั่งหลี่เจิ้งก็มา เฉินเจียงไม่มีรถม้า เขานำรถม้ามาสองคัน คันหนึ่งตนนั่ง อีกคันหนึ่งในเฉินเจียงนั่งเฉินเจียงถูกผู้คนล้อมรอบกระทั่งเดินถึงหน้าประตู“ขอบคุณทุกคน ขอบคุณทุกคน”ก่อนขึ้นรถม้า เฉินเจียงวางตัวมีมารยาท ถ่อมตัวอย่างมาก เขาประสานมือคารวะชาวบ้านที่มาส่งเขา“หากครั้งนี้ข้าสอบผ่าน กลับมาจะจัดง
“อย่าพูดเช่นนี้ ไม่แน่เขาอาจจะสอบผ่านก็ได้?”“เขาสอบผ่านเนี่ยนะ? เจ้าไม่รู้ใช่ไหมว่าเขาเป็นใคร?”“เขาเป็นใคร?”“เฉินฝาน!”“เฉินฝานคนที่เรียนมานานครึ่งปี เพิ่งศึกษาคัมภีร์สามอักษรจบ ลายมือไม่ต่างจากเด็กน้อยคนนั้นหรือ?”เรื่องที่เฉินฝานเพิ่งเรียนคัมภีร์สามอักษรจบ ลายมืออัปลักษณ์ แพร่สะพัดไปทั่วนานแล้วอีกทั้งปากต่อปากหนึ่งไปสิบ สิบไปร้อย ทั้งที่เขาเข้าเรียนไม่ถึงสองเดือน ข่าวลือกลับบอกว่าเขาเรียนมาครึ่งปีแล้ว“เขาคนนี้แหละ!”“หึๆ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริงๆ บ้าไปแล้ว”“หากไม่บ้า แล้วจะมีหน้าไปร่ำเรียนในสถานศึกษาได้อย่างไร”“คนไร้ยางอายอย่างเขา แม้จะสอบได้อันดับสุดท้าย ผิวหน้าก็ไม่สะเทือนกระมัง”“เป็นไปได้ พ่อค้าไร้ยางอายที่สุด” หลังจากทุกคนดูถูกเฉินฝานเสร็จ ก็ไม่มีใครมองเขาอีก ต่างหันไปประจบเฉินเจียงแน่นอน คนเหล่านี้คิดไม่ถึงว่าแม้เฉินฝานจะส่งกระดาษเปล่า ก็ไม่มีทางสอบได้อันดับสุดท้ายชายชราเชื่อมั่นในตัวเขาเช่นนั้น หากเฉินฝานส่งกระดาษเปล่า ไม่แน่อาจจะให้เขาอันดับหนึ่งก็ได้“เสี่ยวฝาน?”เสียงนุ่มนวลหนึ่งดังขึ้นเสียงนี้ไม่คุ้นเคยแม้แต่น้อยเฉินฝานมองไปตามเสียงหญ
คนที่พูด คือหลี่เจิ้ง ขณะที่เขาตำหนินางหลิว เขาก็คว้ามือของเถียนเสี่ยวอวี่ ดึงตัวนางกลับเข้าไปในรถม้านี่เป็นการออกเรือนครั้งแรกของเถียนเสี่ยวอวี่ หลี่เจิ้งพานางออกมา เพื่อให้เฉินเจียงกับเถียนเสี่ยวอวี่เจอหน้ากัน อยากตกลงเรื่องการแต่งงานระหว่างเฉินเจียงกับเถียนเสี่ยวอวี่ล่วงหน้าเฉินเจียงเข้าร่วมการสอบฤดูวสันต์ในครั้งนี้ หากผ่านการสอบระดับอำเภอและการสอบระดับมณฑล เช่นนั้นต้องมีคนมากมายแย่งกันอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเฉินเจียงแน่นอนเมื่อถึงเวลา หากมีตระกูลที่กว่าตระกูลของหลี่เจิ้งอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเฉินเจียง เถียนเสี่ยวอวี่ก็ไม่มีโอกาสแล้วเถียนเสี่ยวอวี่อายุเยอะกว่าฉินเย่ว์เจียวหนึ่งปี ปีนี้อายุสิบเก้าในยุคสมัยนี้ อายุสิบเก้ายังไม่ออกเรือนถือว่าแก่แล้วตลอดหลายปีมานี้ หลี่เจิ้งอยากใช้เถียนเสี่ยวอวี่เป็นเครื่องมือในการเลื่อนยศของเขา อยากให้นางแต่งงานกับตระกูลใหญ่ๆ มาโดยตลอดแต่ตอนนี้บุรุษน้อยหญิงมาก หญิงสาวในตระกูลที่ดีกว่านี้ ก็มีมากมาย ดังนั้นตระกูลที่หลี่เจิ้งหมายตาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ชายตามองลูกสาวของเขา ในทางตรงกันข้ามตระกูลที่หมายตาลูกสาวของเขา เขาก็รังเกียจที่ตระกู
มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ท่ามกลางคำสรรเสริญเกินจริงเป็นบ่อเกิดให้หลงทางการอ่านบทกลอนไม่อาจเติมเต็มความมั่นใจที่ทะลักออกมาของบรรดาปัญญาชนอีกต่อไปมีคนเสนอ พวกเขาแต่งกลอนในศาลานี้ อนาคตหากสอบผ่าน ศาลาแห่งนี้ต้องการเป็นสถานที่สักการะของปัญญาชนแน่นอนราชวงศ์ต้าชิ่งมีธรรมเนียมปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คือสถานที่ที่จอหงวน ปั๋งเหยี่ยนและถังฮวาเคยหยุดพัก ปีถัดไปผู้เข้าสอบมากมายจะไปกราบไหว้บูชาที่นั่นหวังจะได้รับความโชคดีของคนที่สอบผ่าน หวังว่าตนจะเป็นเหมือนพวกเขา ทำข้อสอบได้เป็นอย่างดีเพียงคิดว่าอนาคตตนอาจจะกลายเป็นคนที่ปัญญาชนให้ความนับถือ พวกปัญญชนเลือดพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที แย่งกันสะบัดพู่กันเช่นเดียวกับตอนอ่านบทกลอน กลอนบทหนึ่งถูกแต่งขึ้นมา จะมีคนวิจารณ์ หลังจากนั้นก็ชื่นชมกันใหญ่โต คล้ายว่าทุกคนกลายเป็นจอหงวนกันหมดอย่างไรอย่างนั้นแท้จริงแล้วกลอนที่พวกเขาแต่ง ธรรมดายิ่งนัก บางบทกลอนถึงขั้นไม่คล้องจองเสียงหึ่งดังก้องในหูไม่หยุด ฟังแล้วช่างน่าเบื่อและไม่น่าสนใจ“เย่ว์เจียว พวกเราไปกันเถอะ” เฉินฝานลุกขึ้นกำลังจะเดินไป“พี่ชาย จะไปแล้วหรือ?”เฉินฝานกำลังจะก้าวเดิน ก็มีคนร้องเรียกเขา
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ