หรือว่าทายาทผู้สูงศักดิ์ของตระกูลเฉินที่นักพรตวัดซานชิงกวนกล่าวถึง......คือเฉินฝาน!!!หากเป็นเช่นนั้นจริง…...อาจารย์เฉียนพยักหน้าเงียบ ๆสิ่งที่นักพรตวัดซานชิงกวนพูดอาจเป็นเรื่องจริงเขาเป็นอาจารย์มาหลายปี ได้พบผู้คนนับไม่ถ้วนแม้ว่าเฉินเจียงเป็นคนฉลาด การเรียนก็ดี แต่เขาไม่เห็นด้วย หากกล่าวว่าเขาเป็นทายาทผู้สูงศักดิ์ท้ายที่สุดแล้ว ในตัวของเฉินเจียงยังขาดคุณสมบัติบางอย่าง……ในหมู่บ้านเล็ก ๆ บนภูเขา ไม่มีรายการบันเทิง การนินทาจึงกลายเป็นความบันเทิงเพียงอย่างเดียวในหมู่บ้านกลอนคู่ของเฉินฝานแพร่กระจายจากสถานศึกษาออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในหนึ่งชั่วโมง ทุกคนในหมู่บ้านก็รู้เรื่องนี้ยกเว้นครอบครัวของผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มของเฉียนลิ่วที่ช่วยเฉินฝานจับปลา ส่วนคนอื่น ๆ ต่างหัวเราะเยาะเขาฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์ฉู่ที่รอเฉินฝานอยู่นอกสถานศึกษา กลายเป็นเป้าหมายของการเยาะเย้ยไปด้วยพวกนางถูกภรรยาของนักเรียนเหล่านั้นชี้และเย้ยหยัน“นายท่าน!”เมื่อเฉินฝานเดินออกจากสถานศึกษา ฉินเย่ว์เจียวก็วิ่งเข้าไปและรับตะกร้าไผ่ในมือของเขาระหว่างทางกลับเรือน ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์ฉู่ไม่พูดสักคำ พ
“หากกล่าวเช่นนี้ พี่สี่ไม่ได้โกรธนายท่านที่เขียนไปเรื่อยจริง ๆ”“ข้าโกรธทำไม? นายท่านเขียนเช่นนี้ย่อมมีเหตุผลของเขา”“ไม่โกรธจริงนะ? ตามข้อกำหนดของอาจารย์ กลอนคู่บทนั้นต้องติดไว้ที่ประตูเรือนของเรา”“ข้าจะโกรธจริง ๆ ก็เมื่อนายท่านไม่ติดเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์โหรวไม่เพียงแต่เสียงเบา แต่ยังรู้สึกตัวลอยเห็นได้ว่าบทกลอนที่เฉินฝานเขียนทำให้นางมีความสุขมากแม้ว่าฉินเย่ว์โหรวไม่เข้าใจว่า นักเช่าเรือน โสดไร้คู่คือสิ่งใด แต่ตัวอักษรภรรยางามสง่า สุขสมานเหล่านี้ นางเข้าใจ”เฉินฝานแสดงความรู้สึกว่าเขามีความสุขมากที่มีพี่น้องอย่างพวกนาง และนี่เป็นการแสดงความรักของเฉินฝานที่มีต่อพวกนางด้วยเขายืนกรานที่จะติดกลอนนี้ไว้ที่ประตู ก็เพื่อต้องการแสดงความรักของเขาให้ทุกคนได้เห็นนายท่านของตนเองแสดงความรักต่อพวกนางอย่างโอ้อวดเช่นนี้ยังเกือบมีความสุขไม่ทัน แล้วเหตุใดจึงต้องโกรธด้วยเล่า?เฉินฝานที่นั่งอยู่ในห้อง ได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินเย่ว์โหรวกับฉินเย่ว์ฉู่เสร็จ หัวอกที่สั่นขวัญแขวนเย็นลงเสียทีนอกจากนี้ยังทำให้เขามองฉินเย่ว์โหรวในมุมมองที่เปลี่ยนไปมีผู้คนอยู่มากมาย แต่มีนางคนเดียวที่เข้าใจกลอนคู่ขอ
สำนักบัณฑิตหลี่เซียงออกตัวอย่างข้อสอบทุกปี ข้อสอบข้างในมักตรงตามข้อสอบจริงของทุกปี แม้สอบไม่ผ่าน แต่ประเภทคำถามก็ใกล้เคียงกันมากกล่าวได้ว่า ผู้มีตัวอย่างข้อสอบของสำนักบัณฑิตหลี่เซียงนั้นดั่งเสือติดปีก[footnoteRef:1] [1: เสือติดปีก หมายถึง มีอำนาจเก่งกล้าอยู่แล้ว เสริมความสามารถให้มากขึ้น] นักเรียนทั่วทั้งรัชสมัยต้าชิ่งต่างก็แย่งชิงตัวอย่างข้อสอบของสำนักบัณฑิตหลี่เซียง แต่โดยทั่วไปแล้วสำนักบัณฑิตจะมอบให้กับนักเรียนในสำนักบัณฑิตศึกษาของตนเองเท่านั้นในทุก ๆ ปีสถานศึกษารับนักเรียนเพียงยี่สิบคน ที่สำคัญรับเฉพาะผู้มีวาสนาต่อกันเท่านั้นต่อให้มีอำนาจมีกำลัง แต่หากผู้อำนวยการสถานศึกษารู้สึกว่าไร้วาสนาต่อกัน เขาจะปฏิเสธไม่ให้เสียเวลาทันที“ใช่ แต่พี่สาวของเจ้าบอกว่าเป็นสำเนา ไม่ใช่ต้นฉบับ”“สำเนาก็ได้ขอรับท่านพ่อ ให้ท่านพี่รีบส่งกลับมาเถอะ ไม่!” เฉินเจียงส่ายหัวทันที“ท่านพ่อ พรุ่งนี้ให้คนส่งสารบอกพี่สาวว่าข้าต้องการได้รับวันพรุ่งนี้ให้นางกลับมาพรุ่งนี้นะขอรับ”คำพูดของเฉินเจียงไม่ใช่การส่งสาร แต่เป็นคำสั่งตั้งแต่เล็กจนโต เฉินเจียงปฏิบัติต่อพี่สาวของเขาเหมือนคนใช้ที่มาหาเมื่อบอกใ
ทุก ๆ ปีใหม่ บางครอบครัวมีความสุข บางครอบครัวมีความเศร้าเพราะไม่ใช่ทุกครอบครัวจะได้รับผลเก็บเกี่ยวที่ดีหลังทำงานหนักมาทั้งปีนี่ก็คืออะไร คือเมื่อยังเป็นเด็กทุกคนตั้งตารอเทศกาลปีใหม่มาก แต่เมื่ออายุมากขึ้นกลับยิ่งชอบเทศกาลปีใหม่น้อยลงเท่านั้นเพราะการผ่านพ้นปลายปีเป็นเรื่องยากตั้งเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ไว้ต้นปี ปีใหม่นี้ต้องเก็บเงินได้ให้มากเท่าไหร่ ทำสิ่งสำคัญ/ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตให้สำเร็จแต่ทว่าคนส่วนใหญ่ประเมินกำลังของตนสูงเกินไปและประเมินความโหดร้ายของเวลาน้อยไปเวลาจะไม่หยุดเพื่อเจ้าเพียงเพราะเจ้ายากจนไม่ว่าตื่นเช้าหรือกลับดึกแค่ไหน มันจะหมุนดั่งลูกข่าง แต่ชีวิตกลับไม่มีการพัฒนาและยังคงดิ้นรนอย่างทุกข์ยากหลังจากทำงานหนักมาทั้งปี เมื่อมองย้อนกลับไปกลับพบว่าไม่มีสิ่งใดเป็นของตนเองสักอย่างอย่างไรก็ตาม สภาพแวดล้อมของหมู่บ้านซานเหอในปีนี้แตกต่างไปจากปีก่อนมากไม่ใช่บางคนมีความสุขและบางคนโศกเศร้า แต่ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความสุขสมยินดีการมาของเฉินฝาน ทำให้หมู่บ้านซานเหอเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สิบกว่าครอบครัวที่ยากจนที่สุด ล้วนได้รับการช่วยเหลือจนขึ้นมาอยู่ระดับ
วันที่สองหลังจากสถานศึกษาหยุดสอนหลังจากฝึกคัดลายมือครึ่งค่อนวันจนรู้สึกปวดหลัง เฉินฝานจึงวางพู่กันในมือแล้วเดินออกไปยืดกล้ามเนื้อที่ลานเขามาถึงลานไม่นาน เฉินฝานก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างเรือนคงมีคนส่งของไปที่เรือนของเฉินเจียงดั่งเคยกลอนคู่ของเฉินเจียงได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากอาจารย์เฉียนถูกแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่งพร้อมกับกลอนคู่ของเฉินฝานในขณะที่ทุกคนหัวเราะเยาะเฉินฝาน พวกเขาก็ยกย่องเฉินเจียงและเชื่อมั่นว่าเฉินเจียงจะสอบผ่านในอนาคตคนที่มอบของขวัญให้กับเฉินเจียง มีจำนวนมากมายไม่สิ้นสุดเช่นเคย“ท่านป้ากลับมาแล้ว ๆ!”เสียงไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมของหยวนเป่าลูกชายคนโตของเฉินเจียงดังขึ้น และดึงดูดความสนใจของเฉินฝานที่กำลังกลับเข้าห้อง จนต้องหยุดฝีเท้าลงได้อย่างสำเร็จท่านป้า?ท่านป้าของหยวนเป่า ก็เป็นป้าของเขาด้วย?หญิงสาวร่างสูงที่สวมเสื้อผ้าอย่างเรียบร้อยและสง่างามท่าทางใจดี ปรากฏขึ้นในความทรงจำของเฉินฝานในความทรงจำอันเลือนรางผู้หญิงที่เรียกว่าท่านป้าคนนั้น ทุกครั้งที่ปรากฏต่อหน้าเจ้าของร่างเดิม แตกต่างสิ้นเชิงกับเฉินฝู เฉินเจียงและคนอื่น ๆ ที่มีแต่ความรังเก
เมื่อเฉินฝานรู้สึกตัว ก็พบว่าใบหน้าของตนเองเปียกชุ่มเมื่อครู่นี้ น้ำตาของเขาไหลเจ้าของร่างเดิมเริ่มดูถูกตัวเองหลังจากที่เฉินจินเซียงออกเรือนตอนที่เขายังไม่ได้เดินทางข้ามเวลามา ทุกครั้งที่เฉินจินเซียงกลับมาเรือนพ่อแม่ เจ้าของร่างเดิมจะหลบหน้านางเสมอเขารู้ว่าทำเช่นนั้นไม่ดี เขากลัวว่าเฉินจินเซียงจะผิดหวังในตัวเขาเพราะเมื่อก่อนเฉินฝานก็หลบหน้าเฉินจินเซียงทุกครั้งครั้งนี้เมื่อเฉินจินเซียงกลับมา เฉินฝูก็เรียกแต่เฉินผิง ไม่เรียกเฉินฝานลูกสาวที่ออกเรือนแล้ว ไม่สามารถค้างคืนกับครอบครัวฝ่ายหญิงได้หลังจากกินอาหารเช้าที่เรือนของเฉินเจียงเสร็จ เฉินจินเซียงก็เตรียมกลับเรือนสามีทันทีครั้งนี้เฉินจินเซียงทำตัวผิดปกติเล็กน้อย นางถือของถุงใหญ่เดินเข้าไปในเรือนของเฉินฝานโดยไม่สนใจเสียงคัดค้านของเฉินฝูกับเฉินเจียงเฉินจินเซียงยืนอยู่หน้าเรือนของเฉินฝาน มองดูเรือนใหม่เอี่ยมหลังนี้ นางพลอยตื่นเต้นมากจนร้องไห้และกล่าวพึมพำไม่หยุด“เป็นเรื่องจริง พวกเขาไม่ได้โกหกข้า ฝานเอ๋อร์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว ดีขึ้นแล้วจริง ๆ”ฉินเย่ว์เจียวกับฉินเย่ว์โหรวรีบเดินออกไปต้อนรับและเชิญเฉินจินเซียงเข้
“นายท่าน จะไปไหนเจ้าคะ?”ฉินเย่ว์โหรวตามออกมาจากในห้อง“นายท่าน” ฉินเย่ว์เจียวที่กำลังสับฟืนอยู่ตรงลาน หยุดเฉินฝาน“อ่อใช่!”เฉินฝานใช้โอกาสนี้ดึงฉินเย่ว์เจียว “เย่ว์เจียว เจ้าไปกับข้า”“ไปที่ไหนเจ้าคะ?”“ด้านหลังของภูเขา”“ไปทำอะไรที่นั่นเจ้าคะ?”“ข้าไม่รู้เหมือนกัน แค่ตามข้ามา” เฉินฝานหวังว่าเขาคิดผิดหลังจากนั้นไม่นาน เฉินฝานกับฉินเย่ว์เจียวก็มาถึงทางแยกทางหนึ่ง“นายท่าน ตอนนี้พวกเราไปทางไหนเจ้าคะ?”เฉินฝานเงยหน้าขึ้นมองข้างหน้าทางแยกทั้งสองทาง ล้วนเป็นทางที่ทะลุไปยังภูเขาที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน ทางหนึ่งมุ่งหน้าไปตะวันออกและอีกทางหนึ่งมุ่งหน้าไปทางตะวันตก“ที่ที่ข้าตกลงไปในหุบเขา อยู่ทางไหน? พาข้าไปที่นั่นเร็ว!”“นายท่าน เราไปที่นั่นทำไมเจ้าคะ?”“อย่าเพิ่งถาม พาข้าไปที่นั่นเร็วเข้า!”แม้แต่เฉินฝานก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากไปที่นั่นมันเป็นสัญชาตญาณ“นายท่าน ไม่เป็นอะไรใช่ไหมเจ้าคะ?” ฉินเย่ว์เจียวพลันหยุดเดินและมองเฉินฝานอย่างประหลาดใจทำไมเขาถึงอยากไปที่นั่น?อยากตกลงไปอีกครั้ง?หากครั้งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วกลายเป็นคนแบบเมื่อก่อน ควรทำอย่างไร?เฉินฝานคนเก่า......
เฉินจินเซียงยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่มีท่าทีจะฟื้นแต่อย่างใดเฉินฝานคอยเฝ้าอยู่ข้างกายของเฉินจินเซียงตลอดชีพจรของนางเต้นอย่างรุนแรง ลมหายใจสม่ำเสมอ น่าจะไม่มีเรื่องร้ายแรง หากนางผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ก็คงจะฟื้นในที่สุด“เย่ว์เจียว เย่ว์โหรว คืนนี้พวกเจ้าสองคนนอนเป็นเพื่อนท่านอานะ”เฉินฝานกลัวว่าเฉินจินเซียงจะฟื้นขึ้นมากลางดึกแล้วจะฆ่าตัวตายอีกฉินเย่ว์เจียวมีไหวพริบดี นางขัดขวางไม่ให้เฉินจินเซียงทำเรื่องโง่ ๆ ได้แต่นิสัยของฉินเย่ว์เจียวเป็นคนหัวร้อนและบุ่มบ่าม ปลอบคนไม่เป็นและโน้มน้าวใจคนไม่เป็นหากเฉินจินเซียงยังรั้นจะฆ่าตัวตาย ด้วยนิสัยของฉินเย่ว์เจียว นางคงจะใช้กำลังทำให้อีกฝ่ายสลบนางไม่เคยผ่านการฝึกฝน ฝีมือของนางไม่หนักไม่เบาฉินเย่ว์โหรวนั้นแตกต่างจากฉินเย่ว์เจียว นางมีนิสัยอ่อนโยนและละเอียดรอบคอบ น้ำเสียงของนางเบาเล็กและไพเราะน่าฟัง เขาจึงให้นางมาช่วยปลอบประโลมเฉินจินเซียง เหมาะสมที่สุดแล้ว “ข้าก็อยากอยู่กับท่านอาเหมือนกัน”เฉินฝานยังไม่ตอบตกลง ฉินเย่ว์ฉู่ก็รีบปีนขึ้นมาบนเตียงแล้ว“ก็ได้! “ฉินเย่ว์ฉู่ไม่เอ่ย เฉินฝานก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้วบุตรสาวคนโตของฉิน
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ