“ฝ่าบาท ท่านจะอภิเษกไปต้าชิ่งได้อย่างไรกัน ทั้ง ๆ ที่ท่าน...”หงอิงมองฉินเย่ว์เหมยด้วยความเจ็บปวดใจทั้ง ๆ ที่ท่านรักใต้เท้าเฉินปานนั้น แม้ท่านจะปฏิเสธมาโดยตลอด ทว่าความรู้สึกของท่านก็ยังคงอยู่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่วันกี่คืน ท่านล้วนพร่ำเพรียกชื่อใต้เท้าเฉินให้ลืมตาฟื้นคืนมา จากนั้นก็นั่งมองไปทางจวนที่พักตระกูลเฉินจนฟ้าสว่าง“หงอิง เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว!”ฉินเย่ว์เหมยสะบัดแขนเสื้อทันที ดูผิวเผินแล้วเป็นการดุด่าหงอิง แต่ความจริงแล้วเป็นฉวยโอกาสใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้าต่างหากฝูงชนโดยรอบรวมถึงเสิ่นหมิงหยวนล้วนไม่คิดว่าฉินเย่ว์เหมยจะตัดสินใจเช่นนี้ทั่งบริเวณเงียบสงัดมีทั้งคนที่ตื่นตระหนก คนที่เคารพยกย่อง และคนที่ไม่เข้าใจการตัดผมสาบานของฉินเย่ว์เหมย ทำให้ฝูงชนนิ่งเงียบไปชั่วคราวเกรงว่าพวกหงอิงจะพูดโน้มน้าว เกรงว่าถ้ายังยืดเยื้อต่อไปจะมีตัวแปรอื่นเข้ามาเพิ่ม และกลัวที่สุดคือ สายตาที่เจ็บปวดใจของเฉินฝาน ฉินเย่ว์เหมยโบกมือเปลี่ยนเรื่องพูด“ทหาร เสิ่นหมิงหยวนและเสิ่นหยวนเลี่ยง มีโทษประการแรกคือวางยาสังหารอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายคนก่อนซูซิวฉี ประการที่สองวางยาพิษราษฎรต้าชิ่ง ความผิดให
“ใต้เท้า!”หลี่ตันออกมาคนแรก สองสามคนด้านหลังนั้น..พวกเขาก็ออกมาเช่นกัน ทว่า...“รีบเดินไป!”ภาพทหารหญิงสองสามคนถือปืนคุมตัวผู้ชายสองสามคนพลันปรากฎต่อสายตาสาธารณชนหลังจากที่รู้ว่าต้าชิ่งถูกวางยาพิษในวงกว้าง เฉินฝานคิดไว้อยู่แล้วว่าเสิ่นหมิงหยวนต้องทำเช่นนี้ เรื่องแรกที่เขาทำเมื่อมาถึงเมืองลู่ตู ก็คือเรียกโจวอวี่เข้าพบ ให้เขาไปสืบแนวโน้มการเคลื่อนไหวของกองกำลังแต่ละที่ในต้าชิ่ง เรื่องรองลงมาจึงเป็นการถอนพิษ “จางเหอ โจวจิ้น ไฉนพวกเจ้าจึง...” ตอนที่เห็นจางเหอ โจวจิ้นและคนอื่น ๆ ถูกคุมตัวเดินออกมา เสิ่นหมิงหยวนรู้สึกหวาดหวั่นอย่างสุดซึ้งกองกำลังทหารหลวงไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งหลี่ตันเท่าใดนัก หากไม่สามารถเคลื่อนทัพของจางเหอและโจวจิ้นได้อีก เช่นนั้นก็แทบจะไม่มีโอกาสชนะแล้ว“ทหารม้าทไม่ฬ พาหยวนเลี่ยงออกไป!”เสิ่นหมิงหยวนคิดที่จะรักษาชีวิตของเสิ่นหยวนเลี่ยงไว้ ตราบใดที่เสิ่นหยวนเลี่ยงยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลเสิ่นก็ยังมีความหวังเฉินฝานโบกมือเบา ๆ “โจวอวี่!”โจวอวี่นำกองกำลังถือดาบปลายปืนห้าสิบคนมาปิดล้อมพวกเสิ่นหมิงหยวนทันที“นี่มันไม่น่าขันไปหน่อยหรือ”“ไม่ใช่น่าขันไปหน่อย แต่น่
ตอนที่เสิ่นหมิงหยวนและเสิ่นหยวนเลี่ยงขัดขืน หงอิงไม่ได้ออกคำสั่งกับสมุนลงมือด้วยตนเอง นางนำดาบจากสมุนซ้ายขวาฝั่งละหนึ่งเล่ม กดศีรษะเสิ่นหมิงหยวนและเสิ่นหยวนเลี่ยงลงกับพื้นทันทีระหว่างทางเสิ่นหมิงหยวนและเสิ่นหยวนเลี่ยงคิดที่จะขัดขืนอีก หงอิงจึงใช้สันดาบฟาดไปที่ศีรษะของพวกเขา เสิ่นหยวนเลี่ยงอายุยังน้อยพละกำลังค่อนข้างมาก แรงในการขัดขืนของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงถูกหงอิงฟาดศีรษะจนเลือดไหลความเคียดแค้นที่หงอิงมีต่อพ่อลูกตระกูลเสิ่นไม่ได้น้อยกว่าฉินเย่ว์เหมยอย่างแน่นอน หากไม่ใช่ว่ายังต้องคำนึงถึงกฎหมาย คำนึงถึงฉินเย่ว์เหมย นางคงจะตัดศีรษะสองพ่อลูกตระกูลเสิ่นทิ้งไปนานแล้ว “นี่ ผู้บัญชาการหง พ่อกับน้องชายข้าสุขภาพไม่แข็งแรงนัก ท่านโปรดเบามือหน่อยเถอะ”เสิ่นไต้มั่นตะโกนให้หงอิงเบามือหงอิงจ้องเขม็งเสิ่นไต้มั่นด้วยความเยือกเย็น “พวกเขาสุขภาพไม่แข็งแรงงั้นรึ? ตอนที่สังหารคน วางยาพิษ ไฉนตอนนั้นถึงสุขภาพเข็งแรงกันล่ะ”รู้สึกว่าเพียงคำพูดยังไม่สาแก่ใจ หงอิงจึงยกมือทั้งสองข้างฟาดลงไปที่ศีรษะพ่อลูกเสียงดังลั่น สองพ่อลูกเจ็บปวดจนร้องโอดครวญไม่หยุด“ฝ่าบาท!” เสิ่นไต้มั่นหันหน้าไปขอ
เฉินฝานทอดสายตามองร่างเงาที่งดงามนั้น ในใจกลับมีความรู้สึกมากมายผสมปนเปกันอยู่ เขารู้สึกเสียดายและเจ็บปวดใจกับการตัดสินใจของฉินเย่ว์เหมยตอนที่ฉินเย่ว์เหมยขึ้นครองบัลลังก์มังกรครั้งแรก ไม่อาจทำตามใจตนได้เต็มที่ ทว่าก็ยังพอมีทางให้เอาตัวรอด ขึ้นครองบัลลังก์มังกรครั้งที่สองแม้จะเริ่มทำตามใจได้แล้ว ทว่าไม่มีทางให้เอาตัวรอดอีกต่อไปแล้วขึ้นครองบัลลังก์มังกรครั้งที่สอง เหตุผลหลักเป็นเพราะต้องการปกป้องความปลอดภัยของเฉินฝาน“เฮ้อ!” เฉินฝานลอบถอดหายใจเบา ๆ “ช่างเป็นเด็กสาวที่ซื่อบื้อเสียจริง”นางเชื่อมั่นเฉินฝานไม่มากพอ เรื่องนี้ต่อให้เสิ่นหมิงหยวนไม่ตาย ต้าชิ่งถูกแบ่งเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย ขอเพียงให้เวลาเขาเสียหน่อย เขาก็สามารถรวมเป็นหนึ่งกลับมาได้เช่นกันนางสาบานต่อหน้าคนมากมายปานนั้นว่าจะถวายตัวให้แก่ต้าชิ่ง เขาไม่มีแม้แต่วิธีจะกู้สถานการณ์คืนมาได้ที่จริงแล้วตอนที่ฉินเย่ว์เหมยเดินผ่านเฉินฝาน ไม่ได้เพียงแต่หยุดฝีเท้าเท่านั้น นางยังพูดออกมาอีกด้วยนางกล่าวว่า: ดีแล้วล่ะ ต่อจากนี้พวกเรา...นางพูดไม่จบ เฉินฝานครุ่นคิดมาสามวันสามคืนก็ยังไม่เข้าใจว่าฉินเย่ว์เหมยต้องการจะพูดสิ่งใดกันแน่
“ขอบพระทัยท่านจักรพรรดินี!”เหล่าขุนนางกอดหยกสมปรารถนาพลางลุกขึ้นแม้จะเตรียมใจไว้แล้ว ทว่าตอนที่ลุกขึ้นมองเห็นฉินเย่ว์เหมย สีหน้าของเหล่าเสนาบดีถือว่าพลันดูมีชีวิตชีวาขึ้นมามีทั้งคนที่ประหลาดใจ มีคนที่รู้สึกไม่เคยชิน แน่นอนว่าก็มีคนไม่เต็มใจยอมรับเช่นกันประหลาดใจเพราะว่าฉินเย่ว์เหมยแต่งกายแตกต่างจากเดิมหมวกบนศีรษะก็ยังคงมีแผงม่านลูกปัดสีทองประดับอยู่ บนเรือนร่างก็คงสวมใส่ชุดมังกรสีของจักรพรรดิ ทว่าการประทินโฉมแตกต่างออกไปสิ้นเชิงแต่งแต้มแป้งทาแก้มสีชาดด้วยเฉดสีที่เหมาะสมลงบนใบหน้าที่ขาวเผือก ดูแล้วสุขภาพแข็งแรงและงดงาม ริมฝีปากที่เดิมสีคล้ำก็เปล่งประกายเป็นสีแดง ลวดลายดอกโบตั๋นสีทองบนหน้าผากเมื่อกระทบกับแสงแล้วเปล่งประกายวาววับฉินเย่ว์เหมยในแต่งกายดั่งสตรีงดงามจนตกตะลึงยิ่งกว่าตอนแต่งกายเป็นชายเสียอีก นางตัวตรงอยู่บนบัลลังก์ มองเหล่าเสนาบดีด้วยท่าทีเคร่งขรึมทว่าสง่างามขุนนางส่วนใหญ่ล้วนลอบชื่นชมอยู่ในใจ นี่เป็นท่าทางสูงศักดิ์ที่จักรพรรดิต้าชิ่งควรมี เป็นลางบอกเหตุล่วงหน้าว่าต้าชิ่งจะกลับสู่ความรุ่งโรจน์ดั่งเมื่อก่อนได้แล้วความประหลาดใจของเหล่าเสนาบดีมากจากการแต่งกาย
หลังจากที่โอวหยางน่าหลันกราบลาฉินเย่ว์เหมยแล้ว ก็พาลูกแฝดชายสี่คนเดินทางกลับแคว้นหลู่ เฉินฝานไปส่งนาง เมื่อถึงชายแดนก็ให้เฉินฝานกลับไปทันที“ทำไมล่ะ? ตอนนี้มีลูกชายแล้ว ไม่ต้องการพ่อคนนี้แล้วงั้นรึ?” เฉินฝานพูดหยอกล้อเมื่อก่อนทุกครั้งที่ต้องแยกจากโอวหยางน่าหลัน นางมักจะเกาะติดเขาแน่น หากไม่ใช่นางมาส่งเขา นางก็จะให้เขามาส่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าการออกเดินทางครั้งนี้ เฉินฝานได้เตรียมใจไว้ หากยังไม่ยอมจากเขาไป เขาก็จะไปส่งโอวหยางน่าหลันและลูกชายสี่ถึงที่แคว้นหลู่ หากถึงแคว้นหลู่แล้วโอวหยางน่าหลันยังไม่ยอมให้เขาจากไป เขาก็สามารถอยู่ที่นั้นได้ในระยะเวลาสั้น ๆอย่างไรเสียนางก็เพิ่งจะคลอดลูกสี่คนให้เขา ย่อมต้องอยู่เป็นเพื่อนเสียหน่อยไฉนเลยจะรู้ว่าความจริงจะตรงข้ามกับสิ่งที่เฉินฝานคิด เพิ่งจะมาถึงชายแดนโอวหยางน่าหลันก็ให้เขากลับไปทันที“พูดอะไรของพี่หนะ?” โอวหยางน่าหลันทุบอกเฉินฝานเบา ๆ นางที่เพิ่งคลอดลูกได้ไม่นาน ใบหน้ามีความอ่อนโยนมากมายที่ไม่เคยมีมาก่อน เสริมให้นางดูพราวเสน่ห์มากขึ้น หากไม่ใช่รอบข้างมีคนอยู่เยอะ เฉินฝานคงอยากจะจุมพิตนางสักครั้งโอวหยางน่าหลันกล่าวต่อ “ข้าจะไม่ต้องการท่
ดูจากความความมุ่งมั่นทุ่มเทของฉินเย่ว์เหมย เฉินฝานคงจะปลีกตัวออกมาไม่ได้แม้แต่วันเดียว เขาเพิ่งจะลงจากเตียงแต่งตัวเรียบร้อยได้ไม่นาน ก็มีคนมาเตะประตูห้องกระจุยกระจายอย่างรุนแรงเฉินฝานกำลังจะโวยวาย ร่างเงาสีครามเคลื่อนผ่านสายตาของเขาไป ตอนที่เห็นชัดเจนแล้วว่าเป็นผู้ใด เฉินฝานยิ้มหน้าแป้นแล้นทันที“แม่นางหวง ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง!”หวงหวั่นเอ๋อร์ไม่สนใจเฉินฝาน เดินตรงดิ่งเข้าไปในห้องทันที“ปึก!” หวงหวั่นเอ๋อร์นำกระบี่วางกระแทกบนโต๊ะ เทชาดื่มหนึ่งจอกในอึดใจเดียว จากนั้นจึงเงยหน้ามองเฉินฝานอย่างโหดเหี้ยม“น่ากลัวยิ่งนัก!” เฉินฝานจงใจทำเป็นหวาดกลัว “เจ้าสวะคนใดทำให้แม่นางหวงของพวกเราไม่พอใจเช่นนี้ นี่เป็นการรนหาที่ตายไม่ใช่หรือกระไร?”เมื่อครู่หวงหวั่นเอ๋อร์เพียงแค่แววตาขุ่นเคืองเท่านั้น ตอนนี้ความขุ่นเคืองพรวดพุ่งขึ้นมาทันที “หากรู้ว่าต้องตาย ไฉนเจ้ายังไม่รีบอีก คิดที่จะเล่นตุกติกงั้นรึ?”เฉินฝานยังไม่ทันมีการตอบสนองใด ไฉนหวงหวั่นเอ๋อร์จึงกล่าวว่าเขาคิดจะเล่นตุกติก หวงหวั่นเอ๋อร์สะบัดเสื้อแขนสีคราม...เฉินฝานรู้สึกเพียงลมโชยมา ผมที่เขาเพิ่งรวบเสร็จเมื่อครู่สยายออกมาทันที“เค
“ไป!”หวงหวั่นเอ๋อร์ฟาดแส้ม้าทันทีก๊อบ ๆ เฉินฝานนั่งอยู่บนม้าที่วิ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง เสียงลมที่มากระทบโสตประสาททำให้เฉินฝานหูอื้อ ถูกลมบาดใบหน้าจนรู้สึกเจ็บ เขาเอนไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ...ภายใต้ผ้าสีคราม เรือนร่างของหวงหวั่นเอ๋อร์อบอุ่นนุ่มนิ่ม มีกลิ่นสดชื่นที่ใกล้เคียงกับกลิ่นดอกมะลิบนเรือนร่างของนางโชยเข้ามาแตะจมูกของเฉินฝานกลิ่นหอมยิ่งนัก! เฉินฝานสูดกลิ่นหอมบนเรือนร่างหวงหวั่นเอ๋อร์อย่างห้ามใจไม่อยู่ตอนที่เฉินฝานโน้มตัวพิงมา หวงหวั่นเอ๋อร์ตัวแข็งทื่อทันทีตอนที่อยู่ศูนย์บรรเทาทุกข์ นางเคยถูกเฉินฝานอุ้มมาจุมพิตแล้ว ทว่าไม่เหมือนกับตอนนี้ ตอนนั้นนางอยู่ในอ้อมอกของเฉินฝาน แต่ตอนนี้เฉินฝานอยู่ในอ้อมอกของนางแทนดูแล้วเขาคงจะหนาวเหน็บอย่างมากเหล่าชายทั้งหลายล้วนหลงคิดไปว่า สตรีชื่นชอบการอยู่ในอ้อมอกบุรุษเท่านั้น ความจริงแล้วตอนที่บุรุษเอนตัวเข้าไปในอ้อมอกของสตรี เหล่าสตรีไม่ได้รู้สึกไม่ชอบใจ กลับรู้สึกเติมเต็มเพราะเป็นที่ต้องการพวกนางอาจจะไม่เก่งกาจจนสามารถปกป้องบุรุษได้ทุกเรื่อง ทว่าอย่างน้อยก็สามารถเป็นที่พักพิงชั่วคราวได้ราวกับมีผีผลัก มือซ้ายที่ว่างอยู่ของหวง
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ