วันถัดมาเฉินฝานไปตรวจดูสถานการณ์ที่โรงงานแปรรูปไข่ปลา หญิงสาวในโรงงานตาแดงทันทีเมื่อเห็นเขาพวกนางรู้แล้วว่าเฉินฝานจะไม่แต่งงานด้วย และก็รู้ด้วยว่ารายได้ปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้แต่งงานความจริงแล้ว ทันทีที่ข่าวการยกเลิกแต่งงานของเฉินฝานแพร่กระจายออกไป ที่เรือนของครอบครัวของเหล่าหญิงสาวก็มีคนมาทาบทามจำนวนมากเพียงแต่ว่า......เคยเห็นหนึ่งร้อยแล้วจะชอบหนึ่งได้อย่างไรล่ะคนที่พวกนางต้องการแต่งงานด้วยคือเฉินฝานไม่ว่าเขาจะมีภรรยามากกว่าห้าสิบหรือมากกว่าร้อยคนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ชายของพวกนางคือเฉินฝานเฉินฝานทำได้เพียงแกล้งหูหนวกและเป็นใบ้ เขาไม่ใช่นักบุญ แน่นอนว่าเขาชอบผู้หญิงสวยจะให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง เขาก็คงทำใจไม่ได้แม้ว่าหนึ่งคนต่อหนึ่งวัน ก็ต้องใช้เวลามากกว่าห้าสิบวันในการวนกลับมาเขาไม่อยากให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง และความสามารถของเขาก็มีจำกัดต่อให้สุขภาพของเขาดีแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถมีอะไรกับคนทุกวันได้เมื่อเฉินฝานเดินผ่านปานิว นางก็ยืนขึ้นและทักทายเฉินฝานตามปกติ “นายท่านสบายดีนะเจ้าคะ!”“ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเจ้าเป็นอิสระ และไม่ต้องเรียกข้าว่า
“คุณชาย!” หลิวมามาของจวนตระกูลหลี่แทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนใช้ “เสียวกั่วไม่ได้กลับจวนทั้งคืน บ่าวก็ตามหาอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ”หลิวมามาเป็นแม่ของเสียวกั่ว“เสียวกั่วไม่ได้กลับทั้งคืน?” ถึงวินาทีนี้ หลี่ซานเริ่มกังวลแล้วเหมือนกัน เสียวกั่วเป็นผู้คุ้มกันที่ดีมากของจวนตระกูลหลี่ ถ้าเฉินฝานยังหายตัวไปภายใต้การคุ้มกันของเขา แสดงว่าเฉินฝานประสบปัญหาใหญ่แล้วเป็นแน่“ความประพฤติของเสียวกั่วคนนี้ เป็นที่รู้กันดีของทุกคนในจวนตระกูลหลี่ เขาไม่มีทางลักพาตัวนายท่านฝานแน่นอน ที่สำคัญเขาไม่มีเหตุผลจะทำเช่นนั้น การลักพาตัวนายท่านฝานไม่ได้ทำให้เสียวกั่วได้รับผลประโยชน์ใด” นางกลัวหลี่ซานและคนอื่น ๆ จะคิดว่าเสียวกั่วคือคนที่ลักพาตัวเฉินฝาน หลิวมามาจึงออกตัวปกป้องลูกชายไม่หยุดปกติเสียวกั่วเป็นคนนิสัยอ่อนโยนเชื่อฟัง ปกป้องเจ้านายของเขาอย่างภักดี แต่ใจคนยากแท้หยั่งถึง หลี่ซานก็ไม่กล้ารับรองว่าการหายตัวไปของเฉินฝานไม่เกี่ยวข้องกับเสียวกั่วหลี่ซานจึงตัดสินใจแจ้งทางการตระกูลหลี่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอผิงอัน นายน้อยของตระกูลหลี่แจ้งต่อทางการด้วยตนเอง แล้วเฉินฝานก็เป็นคนที่เขาเพิ่งมอบรางวัลให้ เมื่อได้รับการแจ
จูจื้ออันตบหน้าผากหนึ่งครั้ง “พี่สะใภ้พูดถูก ข้าเองก็รู้สึกว่าจูต้าอันผิดปกติไป หลายวันมานี้เขามักจะมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกบ้านของพี่ฝาน และพูดจาเหน็บแนมอยู่หลายครั้ง เขาทนเห็นพี่ฝานได้ดีไม่ได้ แต่วันนี้กลับเงียบเช่นนี้ จะต้องมีเรื่องแน่นอน”“เช่นนั้นจะมัวรอช้าอยู่ใย เรารีบไปกันเถอะ”เฉียนลิ่วพาจูจื้ออัน พวกเขาตามหลังฉินเย่ว์โหรวไป คนกลุ่มหนึ่งเร่งฝีเท้าต่อไปยังบ้านจูต้าอัน “พวกเจ้ามาทำอะไร คิดจะบุกรุกบ้านผู้อื่นโดยพลการเช่นนั้นหรือ? พวกข้าจะไปฟ้องพวกเจ้าที่อำเภอ!”ทันทีที่ทุกคนถึงบ้านจูต้าอัน ภรรยาของจูต้าอันก็ถลันออกมา รวดเร็วเช่นนี้ ไม่น่าจะเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียงเตา คงจะเฝ้าอยู่หน้าประตูเป็นแน่การกระทำของภรรยาจูต้าอันยิ่งทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยมากขึ้นหากไม่ได้ทำความผิด ไฉนถึงปลุกภรรยาตัวเองออกมาเฝ้าอยู่หน้าประตูในเวลาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้เฉียนลั่วผลักไสภรรยาของจูต้าอันออกไป “อย่ามัวเสียเวลากับนาง เรารีบเข้าไปค้นกันเถอะ!”“เหล่าพี่น้องข้า รีบออกมา คนพวกนี้กำลังจะบุกรุกเข้าไปแล้ว!” เมื่อสิ้นสุดเสียงภรรยาของจูต้าอันที่เฝ้าอยู่หน้าประตู หญิงสาวสี่คนได้วิ่งถลาออกมาจากในห้
เจ้าต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เฉินฝานเอ่ยอย่างจนปัญญาหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเฉินฝานนางปลดกางเกงบนตัวของเฉินฝานออกในขณะที่เขาถูกมัดไว้ พวกนางได้ทำการเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาพร้อมกับปากที่พร่ำบ่นไม่หยุดว่าวันนี้จะต้องสำเร็จแน่นอนร่างกายของเฉินฝานแข็งทื่อเล็กน้อยในนี้มืดสนิทอยู่ตลอด เขาจึงแยกไม่ออกว่าตอนนี้คือกลางวันหรือกลางคืนนี่เขาหายตัวไปสองวันแล้วหรือ?“สองวันแล้ว เหล่าภรรยาของข้าต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน หากเจ้าปล่อยข้ากลับไปตอนนี้ ข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”หญิงสาวยังคงเมินเฉยต่อคำพูดของเฉินฝาน......ลมหายใจของเฉินฝานหนักหน่วงขึ้น “ติ๋ง!”ความอุ่นของบางอย่างหยดลงมาบนหน้าอกของเขา นั้นคือน้ำตาของหญิงสาวนางทำสำเร็จแล้วนี่สินะคือความเจ็บปวดของการเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก“ปานิว!” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าคนที่ลักพาตัวเฉินฝานไม่ใช่ใครคนอื่น จะต้องเป็นสองแม่ลูกปานิวแน่นอนระหว่างทางกลับหมู่บ้านซานเหอเมื่อวานนี้ เขาเจอปานิวที่กำลังกลับจากที่ทำงานและแม่ที่มารับนางกลับบ้านปกติแล้วพวกนางจะพักอยู่ในโรงงาน ปานิวกล่าว
คืนนี้เฉินฝานก็ไม่รู้ตัวว่าโผล่มาที่นี่ได้อย่างไรช่างน่าเหลือเชื่อ....หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า ทันที่ที่ลืมตาก็พบว่าปานิวนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายของเขาแล้วนางรู้ตัวดีว่าการที่จับเฉินฝานมัดไว้เป็นเวลาสองวัน อีกทั้งตัวเองก็ยังบังคับขืนใจเขาอีก นับเป็นเรื่องไร้เหตุผล“นายท่าน ท่านตื่นแล้ว” ปานิวคุกเข่าและวางถาดอาหารให้เฉินฝาน ในถาดนั้นมีไข่หนึ่งใบและข้าวต้มหนึ่งถ้วย “ในบ้านของข้าน้อยมีแค่ของเหล่านี้ หวังว่านายท่านจะไม่ถือโทษ กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าน้อยจะส่งท่านกลับบ้าน!”เฉินฝานผลักช้อนที่ปานิวยื่นมาให้ “ข้ายังไม่หิว กลับกันเถอะ”ตอนนี้เขาหายตัวไปสองวันแล้ว ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวจะต้องร้อนใจมากเป็นแน่ โดยเฉพาะฉินเย่ว์โหรว......เฉินฝานไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากที่เขาหายตัวไปฉินเย่ว์โหรวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร“เจ้าเองก็เก็บข้าวเก็บของกลับไปด้วยกันเถอะ” เฉินฝานกล่าวพลางรัดเข็มขัดของตัวเอง แม้ว่าปานิวจะทำเกินไปบ้าง แต่ยามดึกในภายหลังเขาเองก็สมยอม ดังนั้นก็ควรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน“มัวยืนอึ้งอยู่ใย รีบไปเก็บของสิ!” เมื่อพบว่าปานิวยังคงยืนนิ่ง เฉินฝานก็หันกลับ
“เจ้า.......”เฉินฝานก้มหน้าลง นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวละคนน่าสงสารได้ประสานเข้ากับสายตาของเขาหัวขโมยข้าวสารตรงหน้าคือเด็กสาวตัวน้อย ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนเด็กอายุเจ็ดถึงแปดขวบ หนำซ้ำยังผอมแห้งและผิวคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนหงอนไก่ เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่งจนไม่น่าดู ผิวหนังที่เห็นได้จากรูขาดของเสื้อผ้าก็เปื้อนไปด้วยเลือดเลือดเหล่านั้นเป็นเลือดที่ซึมออกมาจากแผลเก่า แต่เมื่อเห็นนางถูกเฆี่ยนอย่างไม่หยุดยั้งครั้งนี้ทำให้เกิดแผลใหม่ซ้ำแผลเก่าแม้แต่เท้าก็ไร้ซึ่งรองเท้าสวมใส่ เท้าเล็กทั้งสองข้างเย็นเยือกจนกลายเป็นสีแดง แถมยังเต็มไปด้วยบาดแผล เด็กสาวงผู้นั้นเรียกเขาว่าอย่างไรนะ?นายท่าน? !คำพูดของเด็กสาวทำให้รูม่านตาของเฉินฝานสั่นไหว “แม่สาวน้อย อย่าเที่ยวเรียกใครพร่ำเพื่อ!”ฟ้าดินจงเป็นพยาน ข้าเฉินฝานชมชอบสาวน้อยน่ารักเป็นที่สุดแต่ก็ไม่กล้าสู่ขอภรรยาที่ยังเด็กขนาดนั้น“ใคร ๆ ก็บอกว่าเจ้ากลับตัวแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วยังไม่เคยเปลี่ยน”นัยน์ตาของหัวขโมยสาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและความขุ่นเคือง ก่อนจะปล่อยมือจากเฉินฝานอย่างหดหู่“จางถังเป่า!” เถ้าแก่ร้านกล่าว “หากเจ้าจะเฆี่
ท่านปู่กับป่านย่าชรามากแล้ว ท่านอาก็ไม่ยอมเลี้ยงดูฉินเย่ว์ฉู่ หากฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวไม่พานางกลับมาอยู่ที่บ้านด้วย นางต้องถูกท่านอาขับไล่ออกไปเร่รอนอยู่ข้างนอกเป็นแน่เมื่อฟังถึงตรงนี้ เฉินฝานก็พยักหน้า“พวกเจ้าพานางมาที่นี่ถูกแล้ว”“แต่เพิ่งจะมาถึงหมู่บ้านซานเหอไม่นาน ท่านก็ถือโอกาสตอนที่ข้าน้อยและพี่สามไม่อยู่พาน้องห้าออกไปขาย ไม่ว่าพวกข้าจะขอร้องอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมดึงดันจะพาน้องห้าไปขายให้ใครไม่รู้”ฉินเย่ว์โหรวกัดฟันเอ่ยถึงเรื่องในตอนนั้นด้วยสายตาโกรธเคืองแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้วครึ่งปี แต่ในใจของนางก็ยังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานฉินเย่ว์เจียวเห็นแววตาของเฉินฝานแล้วรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาแววตาของเฉินฝานเย็นเยือกมากฉินเย่ว์เจียวกอดฉินเย่ว์ฉู่ไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองเฉินฝานอย่างระแวดระวัง“ให้ตายเถอะ!” จู่ ๆ เฉินฝานก็สบถออกมาเจ้าของร่างเดิมเป็นคนแบบไหนกัน ไม่สิ เขาไม่ใช่คน เขามันคือสัตว์เดรัจฉาน!“ปัง!”กำปั้นกระแทกเข้ากับจอกน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะสามพี่น้องต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึงอยู่ที่เดิมเสียง ‘ซวบ’ ดังขึ้นเงาดำกลุ่มหนึ่งพลันปรากฎขึ้นตรงหน้าของเฉินฝ
เฉินเย่ว์ฉู่นอนหลับใหลบนเตียงหนึ่งชั่วยามเต็ม ยังไม่ได้สติภายใต้สายตาที่ฉงนสงสัยของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรว เฉินฝานคิดว่าเป็นเพราะตนเองลงมือหนักเกินไป ลุกลี้ลุกลนให้คนงานของเรือนแขกเปี่ยมสุขช่วยตามหมอมา“ท่านหมอ น้องสาวข้านางเป็นอะไรงั้นรึ?”หมอเพิ่งจะหยุดจับชีพจร ก็ตอบฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวทันที“ไม่เป็นอะไรมาก”“ไม่เป็นอะไรมาก? เช่นนั้นทำไมนางถึงสลบไปนานขนาดนี้?””แม่นางผู้นี้ไม่ได้สติ... ”หมอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม คงเป็นเพราะเตียงนี้มันสบายเกินไป นางหลับสนิท คงไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มบนเตียงมานานแล้ว”“….”คำพูดของหมอประโยคนั้น ทำให้สองพี่น้องร้องไห้โฮออกมาทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆเตียง แอบปาดน้ำตาถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเฉินฝานจะน่ารังเกียจมาก ทว่าอย่างน้อยช่วงกลางคืนพวกนางก็สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มฉินเย่ว์ฉู่ที่นอนอยู่บนเตียงพลิกตัว ถีบผ้าห่ม ฉินเย่ว์โหรวก้มตัวไปห่มผ้าให้นาง“อ่ะ!”จู่ๆฉินเย่ว์โหรวก็ส่งเสียงอุทานขึ้นมา“น้องสี่ เป็นอะไรไป?” ฉินเย่ว์เจียวรีบร้อนเข้าไปถาม“แผล มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด!” ฉินเย่ว์โหรวดึงเสื้อผ้าของฉินเย่ว์ฉู่ขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังคราบ
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ