ท่านปู่กับป่านย่าชรามากแล้ว ท่านอาก็ไม่ยอมเลี้ยงดูฉินเย่ว์ฉู่ หากฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวไม่พานางกลับมาอยู่ที่บ้านด้วย นางต้องถูกท่านอาขับไล่ออกไปเร่รอนอยู่ข้างนอกเป็นแน่เมื่อฟังถึงตรงนี้ เฉินฝานก็พยักหน้า“พวกเจ้าพานางมาที่นี่ถูกแล้ว”“แต่เพิ่งจะมาถึงหมู่บ้านซานเหอไม่นาน ท่านก็ถือโอกาสตอนที่ข้าน้อยและพี่สามไม่อยู่พาน้องห้าออกไปขาย ไม่ว่าพวกข้าจะขอร้องอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมดึงดันจะพาน้องห้าไปขายให้ใครไม่รู้”ฉินเย่ว์โหรวกัดฟันเอ่ยถึงเรื่องในตอนนั้นด้วยสายตาโกรธเคืองแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้วครึ่งปี แต่ในใจของนางก็ยังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานฉินเย่ว์เจียวเห็นแววตาของเฉินฝานแล้วรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาแววตาของเฉินฝานเย็นเยือกมากฉินเย่ว์เจียวกอดฉินเย่ว์ฉู่ไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองเฉินฝานอย่างระแวดระวัง“ให้ตายเถอะ!” จู่ ๆ เฉินฝานก็สบถออกมาเจ้าของร่างเดิมเป็นคนแบบไหนกัน ไม่สิ เขาไม่ใช่คน เขามันคือสัตว์เดรัจฉาน!“ปัง!”กำปั้นกระแทกเข้ากับจอกน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะสามพี่น้องต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึงอยู่ที่เดิมเสียง ‘ซวบ’ ดังขึ้นเงาดำกลุ่มหนึ่งพลันปรากฎขึ้นตรงหน้าของเฉินฝ
เฉินเย่ว์ฉู่นอนหลับใหลบนเตียงหนึ่งชั่วยามเต็ม ยังไม่ได้สติภายใต้สายตาที่ฉงนสงสัยของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรว เฉินฝานคิดว่าเป็นเพราะตนเองลงมือหนักเกินไป ลุกลี้ลุกลนให้คนงานของเรือนแขกเปี่ยมสุขช่วยตามหมอมา“ท่านหมอ น้องสาวข้านางเป็นอะไรงั้นรึ?”หมอเพิ่งจะหยุดจับชีพจร ก็ตอบฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวทันที“ไม่เป็นอะไรมาก”“ไม่เป็นอะไรมาก? เช่นนั้นทำไมนางถึงสลบไปนานขนาดนี้?””แม่นางผู้นี้ไม่ได้สติ... ”หมอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม คงเป็นเพราะเตียงนี้มันสบายเกินไป นางหลับสนิท คงไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มบนเตียงมานานแล้ว”“….”คำพูดของหมอประโยคนั้น ทำให้สองพี่น้องร้องไห้โฮออกมาทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆเตียง แอบปาดน้ำตาถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเฉินฝานจะน่ารังเกียจมาก ทว่าอย่างน้อยช่วงกลางคืนพวกนางก็สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มฉินเย่ว์ฉู่ที่นอนอยู่บนเตียงพลิกตัว ถีบผ้าห่ม ฉินเย่ว์โหรวก้มตัวไปห่มผ้าให้นาง“อ่ะ!”จู่ๆฉินเย่ว์โหรวก็ส่งเสียงอุทานขึ้นมา“น้องสี่ เป็นอะไรไป?” ฉินเย่ว์เจียวรีบร้อนเข้าไปถาม“แผล มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด!” ฉินเย่ว์โหรวดึงเสื้อผ้าของฉินเย่ว์ฉู่ขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังคราบ
ลวี่ซิงฟายังพูดจาสถุนใส่ฉินเย่ว์ฉู่อย่างต่อเนื่อง “รู้ว่าต้องทำอย่างไรก็ลงมาเสียดีๆ ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่ ถ้าหากช้ากว่านี้ละก็...”“ถ้าเจ้ายังไสหัวไปจากข้าช้ามากกว่านี้ เช่นนั้นก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” เฉินฝานขัดคำพูดของลวี่ซิงฟาอย่างเลือดเย็น“ข้าไปให้พ้นจากเจ้าก็ได้ ทว่าหลังจากข้าหายไปไม่นาน คนที่มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าก็คงจะเป็นตำรวจของที่ทำการ“เจ้ามาข่มขู่ใครกัน? ให้น้องห้าข้าไป ... ”“เย่ว์เจียว!”เฉินฝานพูดเสียงดังขัดฉินเย่ว์เจียวต่อให้ฉินเย่ว์ฉู่ถูกบีบบังคับ ทว่าการเป็นโจรก็มักจะเป็นเรื่องไร้ศักดิ์ศรีเสมอที่นี้เป็นทางเข้าบ้าน รอบๆนี้คงจะมีคนแอบฟังเป็นแน่ ให้คนเหล่านั้นได้ยิน หลังจากนี้ฉินเย่ว์ฉู่ที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ“ลวี่ซิงฟา ที่นี้เป็นหมู่บ้านซานเหอของพวกข้า!”ร่างใหญ่กำยำของเฉียนลิ่ว ยืนประจันหน้ากับลวี่ซิงฟา “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอยู่ที่นี้ทำตัวกร่างให้มันน้อยๆหน่อย มาทางไหนกลับไปทางนั้น”ลวี่ซิงฟามือสองข้างกอดอก เสียงไม่ดังทว่ากำเริบเสิบสานยิ่งนัก “ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึ ข้าไปแน่นอน ก็แค่คนที่จะมาหาเฉินฝานจะเป็นตำรวจของที่ทำการ”
หาปลาให้เรือนแขกสำราญสุข ถึงแม้จะร่วมกันทำโรงงานปลากับหลี่ซานจะทำเงินได้นิดหน่อย ทว่าเงินที่มีอยู่ในมือ มันห่างจากพันตำลึงมากโข“ไม่ๆ!” ลวี่ซิงกวาดมือชี้พลางพูด “ตอนนี้นายท่านของเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ หาปลาให้หลี่ซานเป็นจำนวนมากทุกวัน โรงงานปลาก็จัดส่งสินค้าทุกวัน เขาจะไม่มีเงินได้อย่างไรกัน?”“เจ้าคิดว่าเงินมันหาง่ายขนาดนั้นรึไร!” ฉินเย่ว์เจียวจ้องเขม็งด้วยความโกรธระยะเวลาที่พวกเขาหาปลาให้เรือนแขกสำราญสุขก็นับว่ายังไม่นานนัก และกำไรก็ไม่ได้สูงมากนักสำหรับโรงงานปลา เปรียบเทียบกันแล้วได้กำไรสูงกว่านิดหน่อยก็จริง ทว่าโรงงานเพิ่งจะเปิดได้สองสามวัน ยังไม่พอกับทุนที่ลงไปในช่วงก่อน“พวกข้าไม่มีเงินให้เจ้า ถ้าจะไปทางการแจ้งความพวกข้า ก็ทำไปเถอะ ถึงตอนนั้นอย่างมากก็ติดคุกด้วยกัน ตอนนี้เจ้าก็มีมลทิน”“ปากจัดดีนี่ นายท่านของเจ้าไม่สั่งสอนหรือว่าผู้ชายคุยกันอย่าพูดแทรก?”ฉินเย่ว์เจียวอยู่ในท่าทีสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง ผนวกกับเฉินฝานไม่เปล่งเสียงแม้แต่น้อย ลวี่ซิงฟารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย“เฉินฝาน ข้าได้ยินคนพูดมาตลอดเลยว่าเจ้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ข้าดูแล้วก็ไม่ต่างจากเดิมจริงๆ ให้
ลวี่ซิงฟารู้สึกว่าพระเจ้าลิขิตประทานลาภลอยมาให้เขาเริ่มแรกตอนที่ซื้อฉินเย่ว์ฉู่ เพราะสะเพร่าลืมให้เฉินฝานเอาสูติบัตรของฉินเย่ว์ฉู่ให้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดมากไม่คิดเลยว่า...ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่เสมอตั้งแต่วันนั้นที่กลับมาถึงอำเภอผิงอัน ลวี่ซิงฟาก็ให้ฉินเย่ว์ฉู่ไปขโมยข้าวที่เรือนแขกสำราญสุขฉินเย่ว์ฉู่ฝีมือว่องไว และไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเข้าไปในฉางข้าวเรือนแขกสำราญสุข ครั้งนี้หนีไม่รอด ก็เพราะลวี่ซิงฟาขวางทางออกที่นางหลบหนีทำไมถึงเลือกสถานที่ของเรือนแขกสำราญสุข เป็นเพราะว่าในกรณีที่ฉินเย่ว์ฉู่ถูกจับ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีพยานบุคคลคนเห็นเยอะแยะขนาดนั้น พวกเฉินฝานอยากอำพรางความผิดให้ฉินเย่ว์ฉู่ก็ทำไม่ได้“เจ้านี่!”เห็นว่าเฉินฝานไม่พูดอะไร “ลวี่ซิงฟารู้สึกหมดความอดทน อย่าแกล้งทำเงียบเป็นเป่าสาก สองสามวันมานี้เจ้าก็คิดเมนูสองสามอย่างถ่ายทอดให้เรือนแขกสำราญสุข? เจ้าจะไม่มีเงินงั้นรึ?”“ดูเหมือนเจ้าจะสืบเรื่องข้าเป็นอย่างดี สองสามวันมานี้สะกดรอยตามข้าตลอดสินะ” เฉินฝานกล่าว“รู้เขารู้เราต่างหาก! ทำเรื่องยิ่งใหญ่ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนเสมอ” ลวี่ซิงฟาเร
ด้านนอกบ้านของเฉินฝาน จูต้าอันหลบอยู่ในมุมหนึ่งมาโดยตลอด เห็นลวี่ซิงฟาออกมา รีบวิ่งไปหาทันที“ซิงฟาเป็นอย่างไรบ้าง?”ลวี่ซิงฟาตบไหล่จูต้าอัน “ต่อจากนี้ พวกเราสามารถไปหอนางโลมอี๋ชุนยวนได้ทุกวันแล้ว สาวๆที่นั่นอยากสั่งอะไรก็สั่ง อยากเล่นอะไรในบ่อนก็เล่นได้ตามอำเภอใจทุกวัน!”“นี่เจ้าทำสำเร็จแล้วรึ?” จูต้าอันคึกคักอย่างสุดขีด ช่วงก่อนลวี่ซิงฟารับปากเขาว่าถ้าสำเร็จจะแบ่งให้เขาสามส่วนสามส่วนที่ว่าคือสามร้อยตำลึงถ้ามีสามร้อยตำลึง เขาก็ทำกิจการ ไม่เชื่อว่าเขาจะโง่กว่าเฉินฝาน......“พาเสียวฉู่ไปพักเถอะ!” เฉินฝานออกคำสั่ง พลางย้ายกายาเข้าครัวไปทำอาหารทั่วทั้งร่างกายของฉินเย่ว์ฉู่มีแต่บาดแผล ถ้าต้องจัดการให้รวดเร็วเขาก็ไม่สะดวกใจที่จะดูอีกอย่าง พี่น้องไม่ได้เจอกันนาน คงต้องพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันบ้างเขาอยู่ พวกนางคงจะอายที่จะพูดเป็นแน่“น้องห้า...”ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉินเย่ว์ฉู่ มองดูร่างกายที่บอบช้ำของนาง ฉินเย่ว์โหรวทนไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมานัยน์ตาของฉินเย่ว์เจียวลุกเป็นไฟ กัดฟันแน่น โกรธแค้นจนอยากยิงลวี่ซิงฟาให้ตายด้วยธนูดอกเดียว“พี่สามพี่สี่ ข้าไม่เป็นอะไร ชินแล้วล่ะ
“ใช่ น้องห้ารีบกินก่อนเถอะ ประเดี๋ยวอาหารเย็นแล้วไม่อร่อย”ฉินเย่ว์โหรวเร่งฉินเย่ว์ฉู่ให้รีบรับประทาน“กินนี่!” ฉินเย่ว์เจียวตักปลาใส่เข้าไปในถ้วยของฉินเย่ว์ฉู่หนึ่งถ้วย “น้องห้า เจ้าลองชิมดู ปลาผักกาดดองที่นายท่านทำอร่อยมาก”ฉินเย่ว์ฉู่มองพี่สาวทั้งสองคนของตน และเฉินฝานที่กำลังก้มหน้ารับประทานอาหารด้วยความตะลึงงันเขา...มองดูแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนไป หน้าตาเหมือนเดิม สีหน้าก็ดุร้ายยิ่งนักทว่ากลับไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อยเขาในอดีตทำงานหาเงินไม่เป็น ทั้งยังไม่ทำงานบ้านตอนนี้ไม่เพียงทำงานบ้าน ทั้งยังทำด้วยความชำนาญ“อร่อยจริงๆ!”อาหารเอร็ดอร่อย ทำให้ฉินเย่ว์ฉู่เปิดใจขึ้นมาก ในที่สุดใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้มที่เด็กน้อยควรมีนางลอบมองเฉินฝาน เสียงแผ่วเบาราวกับลูกแมวน้อย พูดด้วยความรวดเร็ว“ขอบคุณเจ้าค่ะ”เฉินฝานรู้สึกว่าตนไม่เอาไหนจริงๆคิดไม่ถึงว่าเพราะคำขอบคุณของเด็กคนหนึ่ง จะทำให้เขามีความสุขราวกับคนบ้าได้หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉินเย่ว์ฉู่นั่งบนเตียงมองไปรอบๆ เรือนเครื่องนอนใหม่ โต๊ะตัวใหม่ หน้าต่างอันใหม่ ตู้เสื้อผ้าหลังใหม่ กะละมังล้างหน้าใบใหม่แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่นางส
หลังจากหยุดจอด ลวี่ซิงฟาจะย้ายพวกข้าเข้าไปอยู่ในถังไม้ ถังไม้นั้นเล็กมาก พวกข้าห้าคนนั่งแออัดกันอยู่ข้างใน ข้ารู้สึกว่าถังไม้ดิ่งลงตลอดเวลา สุดท้ายถังไม้หยุดลง พวกข้านอนอัดกันในถังไม้ข้ามคืนเจ้าค่ะ”“ถึงว่าเมื่อครู่เจ้าหลับลึกยิ่งนัก พื้นที่เล็กๆ แบบนั้น แล้วยังมีตั้งห้าคนจะนอนได้อย่างไร?”ฉินเย่ว์โหรวหัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด“ลวี่ซิงฟาอำมหิตยิ่งนัก”ฉินเย่ว์เจียวเงียบ เดินไปที่มุม คว้าคันธนูที่อยู่บนกำแพงขึ้นมา แล้วพุ่งตรงออกไป“หยุดก่อน! แขวนคันธนูกลับไปที่เดิมเดี๋ยวนี้!”“นายท่าน ท่านทนได้แต่ข้าไม่อาจทน ข้าจะยิงเขาให้ตายในดอกเดียว”ไม่จำเป็นต้องมอง ฉินเย่ว์เจียวในเวลานี้ต้องโมโหจนหน้าดำหน้าแดงแน่นอน“เจ้าไปสิ ไปยิงเขาให้ตาย จากนั้นเจ้าจะถูกลากตัวไปประหารกลางตลาดต่อหน้าทุกคน น้องสาวทั้งสองคนของเจ้า ต้องถูกเนรเทศไปทำงานตรากตรำที่ชายแดน และข้า...”“เวลานี้บุรุษน้อยสตรีมาก อย่างมากสุดข้าก็เพียงถูกโบยยี่สิบทีก็ปล่อยตัวกลับมาแล้ว ปีหน้า ทางการจะคัดสรรสตรีมาให้ข้าคนถึงสองคน ข้ายังคงใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ”“เจ้าไปสิ!”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยกลับมามีเสียงอีกครั้งเป็นเสียง
เหอกังนิ่งเงียบไปเพียงหนึ่งวินาที“ทหารทั้งหมดจงฟังคำสั่ง!” เหอกังยกป้ายสั่งการทหารขึ้นสูง “ถอยทัพกลับลำไปทางเดิม!”ระหว่างที่ถอยกลับทางเดิม เฉินฝานยังให้เหอกังออกคำสั่งอีกสองเรื่องคำสั่งแรก นายทหารทุกคนถอดชุดเกราะเครื่องหัวออก ก็คือให้ทุกคนถอดหมวกเหล็กบนหัวออก นำเสื้อผ้าห่อไว้ มัดไว้ที่เอวกองกำลังยุคโบราณ เพื่อที่แยกมิตรและศัตรู ชุดเกราะเครื่องหัวจะมีสัญลักษณ์สัญลักษณ์บนชุดเกราะเครื่องหัวของกองกำลังลาดตระเวนคือพู่ระย้าสีแดงสีแดงสะดุดตาเกินไป ไม่สะดวกในการหลบหลีกคำสั่งที่สอง ทุกคนต้องเก็บกิ่งที่มีใบไม้มาสองสามชิ้น มัดรวมให้เป็นวงกลม สวมไว้บนศีรษะตอนที่ออกคำสั่งทั้งสองนี้ เหอกังก็ตัดหัวนายทหารไปอีกหนึ่งคนเพราะสองคำสั่งนี้ ก็ไม่ต่างอันใดกับการล่าถอยกลับทางเดิม เหลวไหลสิ้นดีไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้องในกองกำลังลาดตระเวนทั้งหมด คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจที่คาดหัวใบไม้หนึ่งชิ้น จะสามารถรักษาชีวิตได้กว่าชุดเกราะเครื่องหัวที่ทำจากเหล็กงั้นหรือ?เฉินฝานไม่ได้ผิดปกติจริงๆใช่หรือไม่?กลับไปถึงสถานที่กวาดล้างพลทหารม้าสามพันคนของเหยียนอิง เฉินฝานออกคำสั่งให้หยุดเคลื่อนทัพในขณ
เฉินฝานอมยิ้มพลางพยักหน้า “ถูกต้อง หากไม่ยั่วโมโหอ๋องเจิ้งหนาน หลี่เทียนจะออกมาได้อย่างไร”“ทว่า ทำเช่นนี้เป็นการทำให้พวกเราเข้าสู่สภาวะจนตรอกมิใช่หรือ?”“ท่านแม่ทัพ ทำเช่นนี้ สามารถทำให้พวกเรามีชีวิตต่อไปได้!”“เช่นนี้พวกเราจึงสามารถมีชีวิตต่อไปได้งั้นหรือ? ใต้เท้าเฉิน...”เหอกังที่อยู่ด้านข้างหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “เจ้าต้องการล่อกองกำลังเมืองเตียนที่เมืองฝูตูให้ออกมา หลังจากนั้นพวกเราก็กลับลำไปยึดโจมตีเมืองฝูตูงั้นหรือ?”“ปิดบังท่านแม่ทัพไม่ได้จริงๆ ข้าน้อยก็มีความประสงค์เช่นนี้ มีเพียงการทำเช่นนี้ เมืองหรงตูและพวกเราจึงยังมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่”“น้องฝาน วิธีนี้น่าอัศจรรย์ก็จริง ทว่า...” สีหน้าของเหอจื่อหลินเปลี่ยนจากสดใสเป็นหม่นหมอง “กองกำลังสามหมื่นคนของหลี่เทียนนั้น ห่างจากพวกเราไม่ถึงห้าสิบลี้แล้ว อิงจากความเร็วของกองกำลังเตียนตู ต้านทานไว้ครึ่งชั่วยาม ก็จะไล่ตามพวกเราทัน พวกเราต้องการโจมตีโต้กลับเมืองฝูตู ก็ต้องหลบหลีกพวกเขาก่อน”“กองกำลังลาดตระเวนมีสองหมื่นเจ็ดพันกว่าคน และมีม้าสงครามที่ไปยึดครองมาเมื่อครู่สามพันตัว เป้าหมายยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความยากในหลบหลีกหลี่เทียนยากยิ่งนั
“ข่าวที่ข้าได้รับมาเมื่อครู่ กองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งแสนคนที่เหยียนเชียงนำทัพไม่ได้ข้ามฝั่งมา”“ไม่ได้ข้ามฝั่งรึ?” เหอกังตกใจอย่างมาก กล่าวด้วยความโมโหทันที “เวลาครึ่งก้านธูปที่แล้วพลส่งข่าวมารายงานว่ากองกำลังหนึ่งแสนคนนั้นของเหยียนเชียงเริ่มข้ามฝั่งแล้วมิใช่หรือ? พลส่งข่าวของเจ้าเป็นอันใดไป จึงรายงานไม่แม่นยำเช่นนี้!”“ท่านพ่อ เมื่อครู่กองกำลังเมืองเตียนข้ามฝั่งจริงๆ ทว่าผ่านไปไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็กลับลำ ตอนนี้เดินทางมุ่งสู่เมืองหรงตูแล้ว”“กล่าวเช่นนี้...” สีหน้าของเหอกังเปลี่ยนเป็นเข้มงวด “กองกำลังเตียนตูไม่คิดที่จะสนใจพวกเรา ทว่ามุ่งตรงไปบุกโจมตีเมืองหรงตู หากสูญเสียเมืองหรงตูไป เช่นนั้นพวกเรา...”เช่นนั้นกองกำลังลาดตระเวนก็เหมือนกับเด็กกำพร้าไร้บ้านหากไปเยือนหรงตูมิได้ พวกเขาก็เป็นทหารเร่ร่อนกลุ่มหนึ่งที่ไม่กำลังสนับสนุนใดๆจากแนวหลัง“เร็วเข้า พวกเราต้องเร่งฝีเท้าในการเคลื่อนทัพ” เหอกังกล่าวเสียงดัง “แผนการเดียวในตอนนี้ พวกเราทำได้เพียงแข่งความเร็วกับเหยียนเชียง”“ข้าว่าวิธีนี้ก็ไร้ผล” เย่ว์หนูที่อยู่ด้านข้างเฉินฝานส่ายหน้ากล่าวเสียงเบา “พละกำลังของกองกำลังเมืองเตียนตูมีม
เฉินฝานเดินอยู่ด้านหน้า ฉินเย่ว์เจียวลากศพของเหยียนอิง สองคนเรียงรายเดินออกจากกระโจมไปสถานการณ์รบด้านนอกจวนจะเข้าใกล้จุดสิ้นสุดแล้วห่าธนูในคราเดียว กองกำลังเมืองเตียนตูสามพันกว่าคนนี้ ทุกคนล้วนถูกลูกธนูของกองกำลังลาดตระเวนปักราวกับเม่นเหอจื่อหลินพาคนไปตรวจสอบว่ามีกองกำลังเมืองเตียนตูที่ยังตายไม่สนิทหรือไม่ ดังนั้นจึงเกิดเสียงการแทงซ้ำและเสียงโอดครวญเป็นครั้งคราว“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”“ถวายบังคมใต้เท้าเฉิน!”เมื่อเห็นเฉินฝานแล้ว เหล่านายทหารพากันคุกเข่าเฉินฝานลนลานรีบทำท่าขอให้ลุกขึ้น “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี รีบลุกขึ้นเถอะ”นายทหารเหล่านั้นโน้มศีรษะติดกับพื้นจึงยอมลุกขึ้นยืนนับตั้งแต่ที่เข้ากระโจมจนมาถึงตอนที่ออกจากกระโจมมา ห่างกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เหล่ากองกำลังลาดตระเวนด้านหน้าเฉินฝาน ทุกคนล้วนมีชีวิตชีวาพวกเขาทหารผู้ดีทหารไร้ประโยชน์ที่ถูกฝูงชนหัวเราะเยาะ ในเวลาสั้นๆครึ่งชั่วโมง สามารถกำจัดพลทหารม้าของกองกำลังเมืองเตียนตูหนึ่งกลุ่มได้ทั้งหมดต่อจากนี้ จะคอยดูว่าผู้ใดจะกล้ากล่าวว่าพวกเขาไร้ประโยชน์ได้อีก!เหล่าทหารเพิ่งจะลุกขึ้นยืน เหอกังรีบรุดหน้าเข้ามาทันที สีหน
เหยียนอิงถูกฉินเย่ว์เจียวนำน้ำเย็นหนึ่งถังราดใส่จนตื่น“อ้าก!”“ใครกัน? ชาติชั่วผู้ใดรนหาที่ตาย บังอาจใช้น้ำราดใส่ข้า!”เหยียนอิงที่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยความตกใจเด้งตัวกระโดดลงจากเตียง คว้าดาบใหญ่ข้างกายขึ้นมา ต้องการจะฟันออกไปตอนที่เขาเห็นชัดเจนว่าคนที่ยืนข้างเตียงเขาคือฉินแย่ว์เจียว วางดาบลงทันที พลันปรากฏรอยยิ้มสัปดน“เจ้าหนุ่มหน้าปลาเก๋านั้น สามารถจัดการเรื่องต่างๆ เพราะถวิลหาสาวน้อยที่งดงามเช่นนี้ ข้าก็แปลกใจหรอก”“แม่สาวน้อย เจ้าจะมาด้วยตนเองหรือต้องการให้ข้าช่วย!”“ข้าว่าข้าช่วยเจ้าดีกว่า เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อย”เหยียนอิงหัวเราะร่าลุกขึ้นยืน กำลังจะโถมตัวใส่ร่างของฉินเย่ว์เจียว“ปึก!”จอกสุราหนึ่ง ลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียว ชนเข้ากับใบหน้าของเหยียนอิงอย่างรุนแรง“อ้าก!”เหยียนอิงที่ได้รับบาดเจ็บตะโกนลั่น ยื่นมือออกไปคิดที่จะคว้าดาบใหญ่ของเขาอีกครั้ง“ปึก!”มีวัตถุหนึ่งชิ้นลอยมาจากด้านหลังฉินเย่ว์เจียวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่จอกสุรา ทว่าเป็นเกาทัณฑ์ดอกเหมยหนึ่งลูกนี่เป็นหนึ่งในอาวุธลับมากมายที่ฉินเย่ว์เหมยมอบให้เฉินฝาน เกาทัณฑ์ดอกเหมยใช้งานง่ายที่สุด วันที่สองข
ฉกฉวยโอกาสยามราตรี กองกำลังลาดตระเวนสองหมื่นนาย สามารถข้ามแม่น้ำลวี่สุ่ยครั้งที่สองได้แล้วคนมากมายเพียงนี้ กล่าวไม่มีลาดเลาอันใดแม้แต่น้อย นั้นเป็นเรื่องโกหกตอนที่กองกำลังลาดตระเวนข้ามฝั่ง ทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูที่ลาดตระเวนผู้หนึ่งพบเห็น“คน มีคนจำนวนมากกำลังข้ามฝั่ง” กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นกล่าวกับสหายร่วมรบของตนคำพูดของกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้น ไม่เพียงไม่ได้รับความใส่ใจจากสหายร่วมรบเท่านั้น ยังถูกสหายร่วมเขกกะโหลกหนึ่งที“เป็นเพราะไม่นอน ตาพร่ามัวไปแล้วหรือ ข้ามฝั่งอันใดกัน?” สหายร่วมรบชี้ไปที่แม่น้ำ “ดูสิ ด้านบนมีเรือหรือไม่? ไม่มีเรือจะข้ามฝั่งมาได้เยี่ยงไร”“ทว่า...”กองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นหันกลับไปชำเลืองมองอีกครั้ง “ข้าเห็นจริงๆ เหมือนว่าพวกเขาไม่ได้นั่งเรือข้ามมา ทว่าเดินบนผิวน้ำมา”สะพานลอยไม่โผล่ขึ้นมาผิวน้ำทั้งหมด ดูแล้วก็เหมือนกับคนกำลังเดินผิวน้ำจริงๆกองกำลังเมืองเตียนตูผู้นั้นถูกสหายร่วมรบของตนเขกกะโหลกอีกครั้ง “เดินบนผิวน้ำ? นับถือที่เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้ ที่เจ้าเห็นมิใช่คน แต่เจ้าเห็นผีแล้วต่างหาก!”“ที่ข้าเห็นเป็นผีงั้นรึ?”“จะไม่ใช่ได้อย่
“สร้างสะพานลอยเช่นนี้ กองกำลังเมืองเตียนตูฝั่งตรงข้ามคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆหรอกกระมัง”“พวกเจ้าพูดถูก” เฉินฝานกล่าว “กองกำลังเมืองเตียนตูคงไม่ให้พวกเราสร้างได้อย่างสบายๆ ดังนั้นที่พวกเราสามารถสร้างได้เป็นสะพานลอยใต้น้ำ”เฉินฝานนำแผนที่ออกมา มือวางไว้ที่แม่น้ำลวี่สุ่ย “ตรงส่วนนี้ พื้นที่แม่น้ำค่อนข้างแคบ สายน้ำก็ค่อนข้างไหลเชี่ยวเช่นกัน กองกำลังเมืองเตียนตูจะต้องคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นแน่ ดังนั้นช่วงนี้การลาดตระเวนของกองกำลังเตียนตูต้องไม่เข้มงวดเพียงนั้นเป็นแน่ ความสามารถทางน้ำของกองกำลังหญิงยอดเยี่ยม พวกนางสามารถฉกฉวยโอกาสยามราตรี ดำน้ำลงไปในแม่น้ำสร้างสะพาน”ในตอนแรกที่ฝึกกองกำลังหญิง ตามปกติแล้วก็ฝึกตามที่หน่วยรบพิเศษฝึกฝน ดังนั้นการดำน้ำสร้างสะพานประเภทนี้ชำนาญเป็นธรรมดาอยู่แล้ว“สหายกองกำลังลาดตระเวน เพียงแค่ตระเตรียมเถาวัลย์และกิ่งไม้ให้พร้อมก็ใช้ได้แล้ว”ขั้นตอนในการสร้างสะพาน เป็นดังที่เฉินฝานคาดการณ์ไว้ กองกำลังเมืองเตียนตูคาดไม่ถึงว่าพวกเฉินฝานจะกลับมาบุกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว และสิ่งที่คาดไม่ถึง คิดเหนือชั้นไปอีก คือพวกเฉินฝ
“ใต้เท้าเฉิน ไยเจ้ายังคิดที่จะล้อเล่นอีก!” เหอกังสีหน้าจริงจัง เขาออกคำสั่งกับเหอจื่อหลิน “จื่อหลิน เจ้าปกป้องใต้เท้าเฉินให้ออกจากป่าไปในคืนนี้ มุ่งหน้าสู่หรงตู”“ท่านแม่ทัพใหญ่ ข้า...”“ใต้เท้าเฉิน ข้ารู้ว่าเจ้าอยากอยู่ ทว่าพวกเราไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเรื่องนี้ได้ หากสูญเสียเจ้าไป ต้าชิ่งของพวกเราก็ถึงจุดจบจริงๆแล้ว”เหอกังพูดขัดคำพูดเฉินฝานก่อนที่จะออกเดินทางครั้งนี้ ฉินเย่ว์เหมยลอบนัดพบพ่อลูกตระกูลเหอลับๆ ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้นให้พ่อลูกตระกูลเหอต้องปกป้องชีวิตของเฉินฝานไว้กล่าวว่า หากไร้ซึ่งเฉินฝาน ต้าชิ่งก็สูญสลายเช่นกันคำพูดของฉินเย่ว์เหมย เหอกังเห็นด้วยทั้งหมดตอนนี้ต้าชิ่งมีทั้งศึกภายในและภายนอก ขุนนางทุจริตกุมอำนาจ หากไม่มีเฉินฝาน ก็มิมีใครสามารถต่อกรกับเสิ่นหมิงหยวนได้“ท่านแม่ทัพใหญ่!” เฉินฝานทำมือเคารพให้เหอกัง “ขอบคุณความไว้วางใจของท่านแม่ทัพใหญ่ที่มีต่อข้าน้อย ในเมื่อท่านแม่ทัพคิดว่าข้าน้อยสามารถช่วยต้าชิ่งให้รอดพ้นได้ เช่นนั้นไยไม่เชื่อมั่นให้ข้าน้อยทำให้กองกำลังเมืองเตียนตูพ่ายแพ้กันล่ะ?”“ใต้เท้าเฉิน ข้าเชื่อมั่นว่าท่านมีความสามารถเช่นนั้นอยู่แล้ว ทว่าการจะหล
ระเบิดดินที่ฝังไว้ จวนจะได้แผลงฤทธิ์แล้ว ม้าและพลทหารที่ถูกระเบิดจนลอยขึ้นจะบรรเทาการปิดล้อมของกองกำลังเมืองเตียนตูได้ชั่วคราวผ่านไปไม่นานนัก ท้องฟ้าก็มืดสนิทเมื่อท้องฟ้ามืดแล้ว เหล่าทหารลาดตระเวนล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกพวกเขาปลอดภัยชั่วคราวแล้วต่อให้กองกำลังเมืองเตียนตูจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถจะหาญกล้าบุกโจมตีเข้ามาในป่าตอนกลางคืนเหยียนเชียงที่เป็นผู้นำกองกำลังหนึ่งแสนคนของเมืองเตียนอันก็ไม่ได้รีบร้อน ตอนที่ฟ้ายังไม่ทันมืด เขาก็ออกคำสั่งให้คนไปตั้งค่ายทหารแล้ว“ท่านเจ้านครฝ่ายขวา เส้นทางที่จะระเบิด จวนจะไม่มีแล้ว กองทัพของข้าสามารถโจมตีตามไปได้ จัดการพวกเขาให้หมด เพื่อขจัดอุปสรรคในการเข้าเมืองหลวงของท่านอ๋อง”แม่ทัพสองสามคนเป็นฝ่ายขอออกทัพกับเหยียนเชียงก่อนปัญญาชนหน้าใสเฉินฝานอยู่ในป่า จับเป็นเขาได้สามารถได้เงินห้าหมื่นตำลึงทองการบุกเข้าป่ายามราตรีเรื่องต้องห้ามเช่นนี้ กองทัพเมืองเตียนตูมิได้หวาดกลัวอย่างไรเสียก็เป็นเงินห้าหมื่นตำลึงทองเชียวนะใครจะไม่อยากได้กันเหยียนเชียงจ้องแม่ทัพที่มาขอออกรบก่อนเหล่านั้น “เรื่องที่ว่าจะขจัดอุปสรรคทางไปเมืองหลวงให้ท่านอ๋องอะไ