หาปลาให้เรือนแขกสำราญสุข ถึงแม้จะร่วมกันทำโรงงานปลากับหลี่ซานจะทำเงินได้นิดหน่อย ทว่าเงินที่มีอยู่ในมือ มันห่างจากพันตำลึงมากโข“ไม่ๆ!” ลวี่ซิงกวาดมือชี้พลางพูด “ตอนนี้นายท่านของเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ หาปลาให้หลี่ซานเป็นจำนวนมากทุกวัน โรงงานปลาก็จัดส่งสินค้าทุกวัน เขาจะไม่มีเงินได้อย่างไรกัน?”“เจ้าคิดว่าเงินมันหาง่ายขนาดนั้นรึไร!” ฉินเย่ว์เจียวจ้องเขม็งด้วยความโกรธระยะเวลาที่พวกเขาหาปลาให้เรือนแขกสำราญสุขก็นับว่ายังไม่นานนัก และกำไรก็ไม่ได้สูงมากนักสำหรับโรงงานปลา เปรียบเทียบกันแล้วได้กำไรสูงกว่านิดหน่อยก็จริง ทว่าโรงงานเพิ่งจะเปิดได้สองสามวัน ยังไม่พอกับทุนที่ลงไปในช่วงก่อน“พวกข้าไม่มีเงินให้เจ้า ถ้าจะไปทางการแจ้งความพวกข้า ก็ทำไปเถอะ ถึงตอนนั้นอย่างมากก็ติดคุกด้วยกัน ตอนนี้เจ้าก็มีมลทิน”“ปากจัดดีนี่ นายท่านของเจ้าไม่สั่งสอนหรือว่าผู้ชายคุยกันอย่าพูดแทรก?”ฉินเย่ว์เจียวอยู่ในท่าทีสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง ผนวกกับเฉินฝานไม่เปล่งเสียงแม้แต่น้อย ลวี่ซิงฟารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย“เฉินฝาน ข้าได้ยินคนพูดมาตลอดเลยว่าเจ้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ข้าดูแล้วก็ไม่ต่างจากเดิมจริงๆ ให้
ลวี่ซิงฟารู้สึกว่าพระเจ้าลิขิตประทานลาภลอยมาให้เขาเริ่มแรกตอนที่ซื้อฉินเย่ว์ฉู่ เพราะสะเพร่าลืมให้เฉินฝานเอาสูติบัตรของฉินเย่ว์ฉู่ให้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกหงุดหงิดมากไม่คิดเลยว่า...ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่เสมอตั้งแต่วันนั้นที่กลับมาถึงอำเภอผิงอัน ลวี่ซิงฟาก็ให้ฉินเย่ว์ฉู่ไปขโมยข้าวที่เรือนแขกสำราญสุขฉินเย่ว์ฉู่ฝีมือว่องไว และไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเข้าไปในฉางข้าวเรือนแขกสำราญสุข ครั้งนี้หนีไม่รอด ก็เพราะลวี่ซิงฟาขวางทางออกที่นางหลบหนีทำไมถึงเลือกสถานที่ของเรือนแขกสำราญสุข เป็นเพราะว่าในกรณีที่ฉินเย่ว์ฉู่ถูกจับ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีพยานบุคคลคนเห็นเยอะแยะขนาดนั้น พวกเฉินฝานอยากอำพรางความผิดให้ฉินเย่ว์ฉู่ก็ทำไม่ได้“เจ้านี่!”เห็นว่าเฉินฝานไม่พูดอะไร “ลวี่ซิงฟารู้สึกหมดความอดทน อย่าแกล้งทำเงียบเป็นเป่าสาก สองสามวันมานี้เจ้าก็คิดเมนูสองสามอย่างถ่ายทอดให้เรือนแขกสำราญสุข? เจ้าจะไม่มีเงินงั้นรึ?”“ดูเหมือนเจ้าจะสืบเรื่องข้าเป็นอย่างดี สองสามวันมานี้สะกดรอยตามข้าตลอดสินะ” เฉินฝานกล่าว“รู้เขารู้เราต่างหาก! ทำเรื่องยิ่งใหญ่ก็ต้องเข้าใจสถานการณ์ก่อนเสมอ” ลวี่ซิงฟาเร
ด้านนอกบ้านของเฉินฝาน จูต้าอันหลบอยู่ในมุมหนึ่งมาโดยตลอด เห็นลวี่ซิงฟาออกมา รีบวิ่งไปหาทันที“ซิงฟาเป็นอย่างไรบ้าง?”ลวี่ซิงฟาตบไหล่จูต้าอัน “ต่อจากนี้ พวกเราสามารถไปหอนางโลมอี๋ชุนยวนได้ทุกวันแล้ว สาวๆที่นั่นอยากสั่งอะไรก็สั่ง อยากเล่นอะไรในบ่อนก็เล่นได้ตามอำเภอใจทุกวัน!”“นี่เจ้าทำสำเร็จแล้วรึ?” จูต้าอันคึกคักอย่างสุดขีด ช่วงก่อนลวี่ซิงฟารับปากเขาว่าถ้าสำเร็จจะแบ่งให้เขาสามส่วนสามส่วนที่ว่าคือสามร้อยตำลึงถ้ามีสามร้อยตำลึง เขาก็ทำกิจการ ไม่เชื่อว่าเขาจะโง่กว่าเฉินฝาน......“พาเสียวฉู่ไปพักเถอะ!” เฉินฝานออกคำสั่ง พลางย้ายกายาเข้าครัวไปทำอาหารทั่วทั้งร่างกายของฉินเย่ว์ฉู่มีแต่บาดแผล ถ้าต้องจัดการให้รวดเร็วเขาก็ไม่สะดวกใจที่จะดูอีกอย่าง พี่น้องไม่ได้เจอกันนาน คงต้องพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันบ้างเขาอยู่ พวกนางคงจะอายที่จะพูดเป็นแน่“น้องห้า...”ตอนนี้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉินเย่ว์ฉู่ มองดูร่างกายที่บอบช้ำของนาง ฉินเย่ว์โหรวทนไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมานัยน์ตาของฉินเย่ว์เจียวลุกเป็นไฟ กัดฟันแน่น โกรธแค้นจนอยากยิงลวี่ซิงฟาให้ตายด้วยธนูดอกเดียว“พี่สามพี่สี่ ข้าไม่เป็นอะไร ชินแล้วล่ะ
“ใช่ น้องห้ารีบกินก่อนเถอะ ประเดี๋ยวอาหารเย็นแล้วไม่อร่อย”ฉินเย่ว์โหรวเร่งฉินเย่ว์ฉู่ให้รีบรับประทาน“กินนี่!” ฉินเย่ว์เจียวตักปลาใส่เข้าไปในถ้วยของฉินเย่ว์ฉู่หนึ่งถ้วย “น้องห้า เจ้าลองชิมดู ปลาผักกาดดองที่นายท่านทำอร่อยมาก”ฉินเย่ว์ฉู่มองพี่สาวทั้งสองคนของตน และเฉินฝานที่กำลังก้มหน้ารับประทานอาหารด้วยความตะลึงงันเขา...มองดูแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนไป หน้าตาเหมือนเดิม สีหน้าก็ดุร้ายยิ่งนักทว่ากลับไม่เหมือนเดิมแม้แต่น้อยเขาในอดีตทำงานหาเงินไม่เป็น ทั้งยังไม่ทำงานบ้านตอนนี้ไม่เพียงทำงานบ้าน ทั้งยังทำด้วยความชำนาญ“อร่อยจริงๆ!”อาหารเอร็ดอร่อย ทำให้ฉินเย่ว์ฉู่เปิดใจขึ้นมาก ในที่สุดใบหน้าของนางก็มีรอยยิ้มที่เด็กน้อยควรมีนางลอบมองเฉินฝาน เสียงแผ่วเบาราวกับลูกแมวน้อย พูดด้วยความรวดเร็ว“ขอบคุณเจ้าค่ะ”เฉินฝานรู้สึกว่าตนไม่เอาไหนจริงๆคิดไม่ถึงว่าเพราะคำขอบคุณของเด็กคนหนึ่ง จะทำให้เขามีความสุขราวกับคนบ้าได้หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉินเย่ว์ฉู่นั่งบนเตียงมองไปรอบๆ เรือนเครื่องนอนใหม่ โต๊ะตัวใหม่ หน้าต่างอันใหม่ ตู้เสื้อผ้าหลังใหม่ กะละมังล้างหน้าใบใหม่แม้กระทั่งเสื้อผ้าที่นางส
หลังจากหยุดจอด ลวี่ซิงฟาจะย้ายพวกข้าเข้าไปอยู่ในถังไม้ ถังไม้นั้นเล็กมาก พวกข้าห้าคนนั่งแออัดกันอยู่ข้างใน ข้ารู้สึกว่าถังไม้ดิ่งลงตลอดเวลา สุดท้ายถังไม้หยุดลง พวกข้านอนอัดกันในถังไม้ข้ามคืนเจ้าค่ะ”“ถึงว่าเมื่อครู่เจ้าหลับลึกยิ่งนัก พื้นที่เล็กๆ แบบนั้น แล้วยังมีตั้งห้าคนจะนอนได้อย่างไร?”ฉินเย่ว์โหรวหัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด“ลวี่ซิงฟาอำมหิตยิ่งนัก”ฉินเย่ว์เจียวเงียบ เดินไปที่มุม คว้าคันธนูที่อยู่บนกำแพงขึ้นมา แล้วพุ่งตรงออกไป“หยุดก่อน! แขวนคันธนูกลับไปที่เดิมเดี๋ยวนี้!”“นายท่าน ท่านทนได้แต่ข้าไม่อาจทน ข้าจะยิงเขาให้ตายในดอกเดียว”ไม่จำเป็นต้องมอง ฉินเย่ว์เจียวในเวลานี้ต้องโมโหจนหน้าดำหน้าแดงแน่นอน“เจ้าไปสิ ไปยิงเขาให้ตาย จากนั้นเจ้าจะถูกลากตัวไปประหารกลางตลาดต่อหน้าทุกคน น้องสาวทั้งสองคนของเจ้า ต้องถูกเนรเทศไปทำงานตรากตรำที่ชายแดน และข้า...”“เวลานี้บุรุษน้อยสตรีมาก อย่างมากสุดข้าก็เพียงถูกโบยยี่สิบทีก็ปล่อยตัวกลับมาแล้ว ปีหน้า ทางการจะคัดสรรสตรีมาให้ข้าคนถึงสองคน ข้ายังคงใช้ชีวิตอย่างมีอิสระ”“เจ้าไปสิ!”ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ค่อยกลับมามีเสียงอีกครั้งเป็นเสียง
นอกจากหวาดกลัวมากแล้ว ฉินเย่ว์ฉู่เกลียดเฉินฝานมากกว่าเพราะเขาขายนาง จึงทำให้ชีวิตของนางอนาถเช่นนี้ใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนมนุษย์มานานกว่าครึ่งปี ไม่อาจลบล้างด้วยอาหารหนึ่งมื้อหรือคำพูดดีๆ ไม่กี่ถ้อยคำได้เฉินฝานที่พักผ่อนสายตาอยู่ เบิกกว้างขึ้นมา เพราะไม่ทันตั้งตัว ฉินเย่ว์ฉู่จึงไม่อาจเบือนสายตาของตนเองได้ทันท่ามกลางความกระวนกระวาย นางรีบพูดขึ้น “นาย... นายท่าน!”เฉินฝานจับจ้องฉินเย่ว์ฉู่อยู่นานครู่หนึ่ง กว่าจะตอบอื้มสั้นๆเจ้าเด็กคนนี้ผิวขาวมากขาว?!ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวของเฉินฝานตอนที่เขาหันหน้าไปอีกทางไม่ได้มองฉินเย่ว์ฉู่เฉินฝานหันหลัง ฉินเย่ว์ฉู่ลอบยกกำปั้นขึ้นทำทีจะต่อยเขา เฉินฝานรู้ดี แต่เขาแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นร่างเดิมทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ ต้องให้เจ้าเด็กน้อยคลายความคับแค้นใจบ้างยามค่ำคืนอีกด้านหนึ่งของเตียง ใครคนหนึ่งกำลังพลิกตัวไปมา ศีรษะน้อยๆ เงยขึ้นเป็นครั้งคราว มองอีกฟากหนึ่งด้วยความระมัดระวัง“เด็กน้อย แม้กระทั่งพวกพี่สาวของเจ้าข้ายังไม่แตะต้อง ข้าจะแตะต้องเจ้าหรือ?”เสียงเรียบเฉยของเฉินฝานดังขึ้นกะทันหันร่างบางแข็งทื่อ หลังจากนั้นก็ล้มตัวลงแ
วันนี้เฉินฝานอยู่ที่เรือนแขกนานกว่าหนึ่งชั่วยามแล้วค่อยออกมาหลังออกมาจากเรือนแขกสำราญสุข เขาไม่ได้ไปโรงงานปลาแห้ง และไม่ได้พาพวกภรรยาเดินเที่ยวในอำเภอเหมือนทุกคน แต่เดินทางออกนอกอำเภอโดยตรงเห็นเฉินฝานออกจากอำเภอ จูต้าอันรีบไปรายงานลวี่ซิงฟา“เหตุใดจึงวิ่งเช่นนี้?”เห็นจูต้าอันวิ่งจนหายใจหอบ ลวี่ซิงฟาจึงเอ่ยถาม“เจ้านั่นออกจากตลาดแล้วหรือ?”ก่อนหน้านี้ลวี่ซิงฟาสะกดรอยตามเฉินฝานหลายวัน พบว่าเฉินฝานส่งปลาทุกวัน หลังจากนั้นก็ตรวจดูความเรียบร้อยของโรงงาน แล้วไปตลาด แม้ไม่ซื้อข้าวสารอาหารแห้งข้าวบ้าน ก็จะพาภรรยาไปซื้อขนมลวี่ซิงฟาบอกจูต้าอัน ขอเพียงเฉินฝานออกจากเรือนแขกสำราญสุขไปตลาด ให้เขารีบมารายงานตนทันทีเพราะเขาออกไปเวลานี้ เมื่อถึงประตูอำเภอ เฉินฝานก็ใกล้ถึงประตูอำเภอเช่นเดียวกัน“เขาไม่ได้ไปตลาด!”จูต้าอันมือท้าวสะเอวหายใจหอบ วิ่งด้วยความรีบร้อน เหงื่อเต็มหน้า“ไม่ได้เข้าตลาด?”“ขอรับ! พี่ซิงฟา พี่ว่าเจ้านั่นจะหนีหรือเปล่า?”“ไม่มีทาง!” ลวี่ซิงฟาส่ายหน้า พูดด้วยความมั่นใจการกระทำของเฉินฝาน ในสายตาของลวี่ซิงฟาแล้วเป็นเรื่องปกติ“แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้ไปตลาดทุกวัน แต่ตอ
ตึ้ง!”ไม้ปลุกสติในมือนายอำเภอเคาะโต๊ะอีกครั้ง“ใครคือลวี่ซิงฟา?”“ใต้เท้า ข้าคือลวี่ซิงฟาเองขอรับ!” ลวี่ซิงฟาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว โค้งคำนับตอบคำถามนายอำเภอ“เฉินฝานชาวบ้านในหมู่บ้านซานเหอเปิดเผยว่า เจ้ากักขังหญิงสาว บังคับให้พวกนางลักขโมย เป็นความจริงหรือไม่?”“ใต้เท้าขอรับ นี่เป็นการปรักปรำ! เขากล่าวหาข้าเช่นนี้มีหลักฐานหรือไม่?”“เฉินฝาน!” นายอำเภอหันไปมองเฉินฝาน “เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?”“ใต้เท้าขอรับ ภรรยาของข้าเป็นพยานได้ขอรับ!” เฉินฝานหันไปมองฉินเย่ว์ฉู่ที่อยู่ข้างๆ พยักหน้าให้กำลังใจนางฉินเย่ว์ฉู่เม้มริมฝีปาก แล้วเดินขึ้นหน้า“ใต้เท้า ข้าฉินเย่ว์ฉู่ เขา!” ฉินเย่ว์ฉู่ชี้ไปที่ลวี่ซิงฟา กัดฟันพูด “เขากักขังข้า สอนวิธีการลักขโมย ให้ข้าไปขโมยของทุกวัน หากไม่ทำตามคำสั่ง เขาจะทุบตีทำร้ายข้าอย่างทารุณเจ้าค่ะ”ฉินเย่ว์ฉู่ดึงแขนเสื้อขึ้น แขนของนางเต็มไปด้วยรอยแผลทุกคนในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอหรือเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการ ต่างสูดลมหายใจเข้า”“บาดแผลทั้งหมดนี้ล้วนมาจากการทุบตีของลวี่ซิงฟา ไม่เพียงที่แขนเท่านั้น ข้ามีบาดแผลทั่วร่างกาย”เพื่อพิสูจน์ว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นควา
ใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าเหอเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความสิ้นหวัง“ความเมตตาของสวรรค์ก็ไม่อาจทนต่อความโหดร้ายในโลกนี้ได้ ตอนที่ลูกชายของข้าออกไปปราบโจรครั้งที่ห้า โจรพวกนั้นฉวยโอกาสบุกเข้ามาในเมือง และเอาหลานชายฝาแฝดที่เพิ่งเกิดมาได้ไม่นานของข้า...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเหอก็สะอื้นไม่หยุด ริมฝีปากอ้าอยู่หลายครั้งแต่ก็พูดไม่ออก“หลานชายฝาแฝดของเจ้าถูกโจรพวกนั้นฆ่าไปแล้วหรือ?”อ๋องตวนถามขึ้น ความจริงไม่ต้องให้ฮูหยินผู้เฒ่าตอบ อ๋องตวนก็นึกคำตอบได้แล้ว เขากำหมัดแน่นจนข้อนิ้วส่งเสียงดังกร๊อบ“เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องสังหารหัวหน้าโจรเหล่านั้นให้หมดอย่างแน่นอน!”“ท่านอ๋อง!”ฮูหยินผู้เฒ่าเหอคุกเข่าลงอีกครั้ง “ทหารแคว้นจ้าวถูกขับไล่ไปแล้ว ขอร้องท่านกลับไปยังเมืองหลวงเสียเถิด”“หญิงชราผู้นี้เป็นอะไรไป?” อ๋องตวนโกรธจัดจนเต้นเร่า ๆ แล้ว“พวกเจ้าบอกว่าโจรส่วนมากล้วนเป็นลูกชายของชาวบ้านเหล่านี้ ข้าจะไม่ฆ่าโจรทั่วไป จะฆ่าแค่หัวหน้าของพวกมันก็ไม่ได้หรือ?”“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานดึงอ๋องตวนไว้"ผู้อาวุโส" เฉินฝานก้มตัวประคองนางเหอให้ลุกขึ้นมา“โจรให้หลานชายฝาแฝดของพวกท่านเป็นหัวหน้าแล้วใช่
“พวกสตรีชั่วช้าอยากจะฆ่าอัครเสนาบดีก็เหมือนก่อกบฏอย่างไม่ต้องสงสัย เจ้ายังจะขอร้องแทนพวกนางอีกหรือ?”อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยด้วยความเดือดดาลเหอจื้อเฟยคลานขึ้นมาคุกเข่าต่อหน้าเฉินฝานต่อเพื่อขอร้องแทนสตรีเหล่านั้น “พวกนางก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน ลูกชายของพวกนางล้วนอยู่ในกำมือของโจรพวกนั้น หลายคนถูกจับตัวไปตั้งแต่ที่ยังเด็กมาก ๆ พวกเขากลายเป็นโจรก็เพราะถูกบีบบังคับ”“เพราะว่าหากพวกเขาไม่ยอมเข้าร่วมฝึกฝนกลายเป็นโจร หัวหน้าโจรเหล่านั้นก็จะสังหารมารดาของพวกเขาแทน”เหอจื้อเฟยเอ่ยคำพูดสองประโยคนี้ก็มีเสียงร้องไห้ดังขึ้นทั่วบริเวณแม้ว่าเฉินฝานจะคาดเดาคำตอบได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเองกับหูถึงสิ่งที่เหอจื้อเฟยพูดออกมา เขาก็ยังรู้สึกสะเทือนใจมาก แม่กลัวลูกต้องตาย จึงห้ามไม่ให้ทางการส่งทหารออกไปปราบโจรลูกกลัวแม่ต้องตาย จึงฝึกฝนสุดชีวิตเพื่อเป็นโจรที่มีคุณสมบัติเหมาะสมต้องยอมรับว่าหัวหน้าโจรพวกนั้นเฉลียวฉลาดมาก“นั่นเป็นเพราะเจ้าบกพร่องต่อหน้าที่!” อ๋องตวนเตะเหอจื้อเฟยอีกครั้ง “หากเจ้าส่งคนไปกำจัดโจรพวกนี้ตั้งแต่แรก จะมีผลที่ตามมาเยอะถึงเพียงนี้หรือ?”ทันทีที่อ๋องตวนพูดจบก็มีสตรีผู้หนึ่งออก
“เมื่อครู่ข้าได้ยินชัดเจนว่าเจ้าแค่สั่งให้เหอจื้อเฟยไปปราบโจรเท่านั้น เหตุใดถึงไปทำร้ายลูกของพวกเขา...”อ๋องตวนพลันหยุดชะงัก“โจร?!” อ๋องตวนร้องอุทานขึ้นมา “หรือว่าโจรพวกนั้นก็คือลูกชายของพวกนาง?”“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้แปดเก้าส่วน” เฉินฝานพยักหน้าเช่นกัน“พวกเขาไม่ใช่โจรร้าย ขุนนางใหญ่สูงส่งอย่างพวกท่านจะไปเข้าใจอะไร?” บทสนทนาระหว่างอ๋องตวนกับเฉินฝานทำให้สตรีเหล่านั้นอารมณ์ร้อนมาก แต่ละคนเหมือนกับไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วก็ไม่ปาน ผลักดันเบียดเสียดกันห้อมล้อมนักการในศาลาว่าการข้างกายเฉินฝานกับอ๋องตวนไว้ เมื่อเห็นว่าผลักไม่ได้แล้ว ก็ใช้มีดหั่นผักในมือฟันใส่ทันที“เพล้ง!”อ๋องตวนโยนไหเหล้าในมือลงกับพื้น“พวกสตรีชั่วช้า พอพยัคฆ์ไม่แสดงบารมี พวกเจ้าก็เห็นว่าเป็นแมวป่วยใช่หรือไม่?” พวกนางคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยหรืออย่างไร? ถ้าเสือไม่คำราม พวกเจ้าไม่เห็นรัศมีหรืออย่างไร?”อ๋องตวนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เตะสตรีหลายคนจนกระเด็นไปทันทีอย่างไรก็ตามแม้สตรีหลายคนจะถูกถีบกระเด็น แต่ก็ไม่เกิดผลให้หวาดกลัวใด ๆ เลย สตรีเหล่านั้นกลับฮึกเหิมมากยิ่งขึ้น ปากตะโกนว่าจะให้พวกเฉินฝานตายไปพร้อมกั
หญิงชราวัยประมาณหกสิบปีผู้หนึ่งขวางหน้าเหอจื้อเฟยไว้“ท่านแม่ ลูกต้องไปทำงาน ท่านอย่าขัดขวางลูกเลย” เหอจื้อเฟยเอ่ยด้วยความเจ็บปวดใจคนที่ยืนขวางเหอจื้อเฟยไม่ให้เหอจื้อเฟยไปทำร้ายโจร ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นมารดาของเขาเองนางเหอเหลือบมองดาบในมือของเหอจื้อเฟยแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “งานของเจ้าอยู่ในที่ว่าการไม่ใช่หรือ? เจ้าเป็นขุนนาง ไม่อยู่ในที่ว่าการ ถือดาบวิ่งออกมา นี่จะไปทำสิ่งใด? เจ้าเป็นเพชฌฆาตหรือไร? เจ้าเป็นคนฆ่าสัตว์หรือไร?”“ท่านแม่ ลูกมีงานราชการเร่งด่วนจริง ๆ ใครก็ได้!”เหอจื้อเฟยพูดพลางหันหน้าไปสั่งนักการในศาลาว่าการที่อยู่ข้างหลังเสียงดัง “พาฮูหยินผู้เฒ่ากลับจวน!” “ใครกล้าแตะต้องข้า!”นางเหอหยิบกรรไกรออกมาทันที แล้วชี้ไปยังนักการในศาลาว่าการที่เดินมาหานางหลังจากที่นักการในศาลาว่าการหยุดเดินไม่กล้าเดินข้างหน้า นางเหอก็ใช้กรรไกรจ่อคอตัวเองทันที“เหอจื้อเฟย เจ้าอย่าคิดว่าแม่แก่แล้วหูตาฟ้าฟาง ไม่รู้ว่าเจ้าจะไปที่ใด หากเจ้าไปสังหารโจรก็สังหารแม่ก่อน หลังจากนั้นค่อยข้ามศพของแม่ไป”“ท่านแม่ นี่ท่านทำอะไร?” ใบหน้าของเหอจื้อเฟยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและอับจนปัญญาอ๋องตวนถ
โจรเข้ามาในเมืองกันหมดแล้ว แต่เหอจื้อเฟยกลับทำเป็นไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นเมื่อครู่สตรีวัยกลางคนยังบอกว่าเหอจื้อเฟยเป็นขุนนางที่ดี หรือว่าจะไม่กล้าพูดความจริงเฉินฝานบอกลาครอบครัวของสตรีวัยกลางคน แล้วรีบรุดไปยังที่ว่าการเมืองเฟิ่งหวงด้านนอกศาลาว่าการ เฉินฝานยังจงใจมองรอบหนึ่ง มีชายหลายคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่ด้านนอกศาลาว่าการจริง ๆ ดวงตาชำเลืองมองศาลาว่าการของเมืองเฟิ่งหวงเป็นครั้งคราวสายตาของชายเหล่านั้นดูอำมหิตดุดัน มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาพวกเขาน่าจะเป็นโจรที่สตรีวัยกลางคนพูดถึงโจรป่าคอยนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูที่ว่าการช่างอุกอาจนัก!เฉินฝานสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปในที่ว่าการ“ท่านอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย!”เมื่อเห็นเฉินฝาน เหอจื้อเฟยก็วิ่งเข้ามาหาทันทีเฉินฝานเองก็ก้าวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปหาเช่นกัน เมื่ออยู่ห่างจากเหอจื้อเฟยไม่ถึงห้าเมตร...“เคร้ง!”เฉินฝานชักดาบคู่กายของนักการในศาลาว่าการคนหนึ่งออกมาอย่างฉับไว“ตะ ใต้...”ขณะที่นักการในศาลาว่าการพูดติดอ่าง เฉินฟานก็ถือดาบชี้ไปที่เหอจื้อเฟยแล้วเหอจื้อเฟยมองเฉินฟานอย่างตกตะลึง สุดท้ายก็คุกเข่าลงอย่างเงียบงัน
“ใต้เท้า ซาลาเปาของข้าไม่ได้แพงเช่นนั้น หาได้มีราคาสูงถึงหนึ่งตำลึงไม่!”สตรีวัยกลางคนตอบไม่ตรงคำถาม นางห่อซาลาเปาบนแผงทั้งหมดให้เฉินฝาน เฉินฝานนึกว่าสตรีวัยกลางคนได้ยินคำพูดของตนไม่ชัด จึงคิดจะพูดอีกครั้งปรากฏว่าเขายังไม่ทันเอ่ยปาก สตรีวัยกลางคนก็เอ่ยขึ้นมาอีกทันที“อันที่จริงแล้วซาลาเปาพวกนี้ก็มิได้มีราคาสูงถึงหนึ่งตำลึงเช่นกัน! พ่อหนุ่ม วันนี้ข้าไม่ได้ทำมาเยอะขนาดนั้น!” สตรีวัยกลางคนพลันเอ่ยเสียงดัง “หากท่านยังต้องการ เช่นนั้นท่านก็รอสักครู่เถิด ข้าจะกลับไปทำเพิ่มให้ท่านอีกหนึ่งเข่ง ท่านรอไม่ไหว? เช่นนั้นรบกวนท่านไปกับข้าแล้ว”เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เฉินฝานก็เข้าใจในพริบตา สตรีวัยกลางคนทราบถึงเหตุผล แต่ตอนนี้นางไม่กล้าเอ่ยออกมาตรง ๆเฉินฝานติดตามสตรีวัยกลางคน เดินเลี้ยวเจ็ดแปดครั้งไม่นานก็มาถึงย่านทิศเหนือของเมืองย่านทิศเหนือของเมืองแร้นแค้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ล้วนเป็นผู้ที่ยากจนที่สุดในเมืองนี้บ้านของสตรีวัยกลางคนสร้างด้วยฟางหญ้า เสาไม้ที่ค้ำกระท่อมฟางหญ้าผุกร่อนจนไม่เหลือชิ้นดีแล้ว แค่ลมพัดทีเดียวก็ดูอันตรายเต็มที ผุพังยิ่งกว่าบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านซานเหอหลังนั้นเมื่อตอนท
เหอจื้อเฟย ขุนนางของเมืองเฟิ่งหวงคุกเข่าลงกับพื้นดังตุบ “ท่านอ๋อง! ใต้เท้า! ต่อให้ข้าน้อยมีความกล้าอีกสิบเท่า ก็ไม่กล้าทำเช่นนี้หรอกขอรับ!”“เจ้ามิได้กระทำ เช่นนั้นเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดมารับเงินเล่า?”“เรื่องนี้...” เหอจื้อเฟยทำสีหน้าลำบากใจ “ข้าน้อยก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นขอรับ”“เจ้าไม่รู้ แล้วเป็นขุนนางเมืองนี้ได้อย่างไร?” อ๋องตวนที่อารมณ์ร้อนและไม่มีความอดทนอะไรกวัดแกว่งกำปั้นขึ้นมาหมายจะอัดคน“ท่านอ๋อง!” เฉินฝานรีบห้ามเขาทันที “ลุกขึ้นเถิด!” เฉินฝานกล่าวกับเหอจื้อเฟย“ขอบคุณขอรับใต้เท้า”เหอจื้อเฟยลุกขึ้นมาแล้ว แต่ท่าทางยังคงสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว พยายามยืนห่างจากอ๋องตวนเล็กน้อย“เจ้าออกไปเถิด พานักการในศาลาว่าการไปประกาศอีกครั้ง บางทีชาวบ้านจำนวนมากอาจยังไม่ทราบก็ได้”“ขอรับ ใต้เท้า!”เหอจื้อเฟยวิ่งออกไปราวกับหนีตายอ๋องตวนจ้องมองร่างของเหอจื้อเฟยที่จากไปอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวว่า “เฉินฝาน แค่เห็นเหอจื้อเฟยคนนั้นก็รู้ว่าพูดโกหกอยู่ เจ้าปล่อยเขาไปเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ปล่อยเขาไป หากให้เขาอยู่ที่นี่ ท่านคิดว่าเขาจะพูดหรือ?”“อัดสักยกสิ!” อ๋องตวนชูกำปั้นขนาดใหญ่ของต
“ใช่ ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน ทูตของเจ้าพูดจายกตนข่มท่านในพระราชวังต้าชิ่งของข้า บอกว่าหลังจากตะวันลับฟ้าอะไรนั่นยังตกลงกันไม่ได้ ก็จะให้ต้าชิ่งของข้าชดใช้เงินสามสิบล้านตำลึงให้กับพวกเจ้า”“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าสั่งสอนมาใช่หรือไม่? คนต่ำช้าเจ้าเล่ห์!”“ปัง!”อ๋องตวนต่อยไปที่ศีรษะของจ้าวรุ่ยอีกครั้ง “ใครใช้ให้เจ้าตั้งเงื่อนไขส่งเดชเล่า ตอนนี้ก็รับกรรมที่ก่อไว้เสียเถิด เอาตามเงื่อนไขของเสี่ยวฝาน ให้กองทัพสองแสนนายกับทหารรักษาพระองค์อีกหมื่นนายถอยกลับไปที่แคว้นจ้าวของพวกเจ้าก่อนตะวันตกดิน เงินสามสิบล้านตำลึงก็ต้องส่งมาถึงก่อนตะวันตกดินด้วยเช่นกัน” “เจ้าไม่ยอมหรือ...”อ๋องตวนยกกำปั้นขึ้นมาอีกครั้ง“เดี๋ยวก่อน!”แม้ว่าหมัดของอ๋องตวนจะไม่น่ากลัวเท่าปืนในมือเฉินฝาน แต่ก็ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัวอยู่เหมือนกัน บัดนี้จ้าวรุ่ยถูกอัดจนจมูกเขียวหน้าบวมช้ำแล้วสุภาษิตกล่าวไว้ว่า หากเขาเขียวยังคงดำรงอยู่ ย่อมมิกลัวขาดฟืนต่อไปเขาจะต้องหาโอกาสล้างความอัปยศในวันนี้ได้อย่างแน่นอนจ้าวรุ่ยกัดฟัน “ได้! ข้า...รับปากพวกเจ้า!”“แต่ว่า ดีหรือร้ายอย่างไรข้าก็เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของแคว้นหนึ่ง พวกเจ้ามิอาจให
“แหะๆ!” อ๋องตวนหัวเราะแห้งๆ “ไม่อาจปิดบังเจ้าได้สักเรื่องจริงๆ”“ว่าแต่ เสี่ยวฝาน เมื่อวานเจ้าเป่ายิ้งฉุบได้เยี่ยมยอดจริงๆ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป่ายิ้งฉุบเช่นนี้ก็ได้ เวลานั้นเจ้า...”ขณะพูด อ๋องตวนเริ่มทำไม้ทำมือมือซ้ายคือเฉินฝาน มือขวาคือตัวเขาเองจ้าวรุ่ยไม่เข้าใจ นึกว่าอ๋องตวนกำลังพูดความลับบางอย่าง ดังนั้นจึงเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ทั้งยังท่องจำเงียบๆเฉินฝาน "“..”“เช่นนั้นท่านก็เดาอยู่ที่นี่เถอะ รอท่านเดาออกแล้ว ข้าค่อยกลับมาเจรจากับจ้าวรุ่ย!”เฉินฝานขยับตัวหาท่านั่งที่สบาย“โอ๊ยๆ ไม่เดาแล้ว ข้าไม่เอาแล้ว!” อ๋องตวนรีบคว้าตัวเฉินฝาน แต่เฉินฝานไม่สนใจเขา หาที่ที่มีลมโกรก แล้วนอนพักผ่อน ไม่ว่าอ๋องตวนจะอ้อนวอนขอร้องเขาอย่างไร เขาก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน“เจ้าดูเจ้าสิ ดูเจ้าสิ ทำเสียงเรื่องหมดแล้ว!” จ้าวรุ่ยตำหนิอ๋องตวน“เฮ้อ ทุกครั้งที่ข้าอยากเล่นเป่ายิ้งฉุบ ก็ไม่อาจหยุดตนเองได้”“ชิๆๆ ไม่แปลกที่จักรพรรดิต้าชิ่งคนก่อนกล่าวว่าเจ้าไม่อาจประสบความสำเร็จ ทั้งยังสร้างปัญหาเก่ง วันนี้เห็นกับตาท่าจะเป็นเรื่องจริง”“ใช่ๆๆ!” อ๋องตวนพยักหน้า “ต่อไปนี้ข้า...”จู่ๆ อ๋องตวนก็หยุดลง หันไปม