จูจื้ออันตบหน้าผากหนึ่งครั้ง “พี่สะใภ้พูดถูก ข้าเองก็รู้สึกว่าจูต้าอันผิดปกติไป หลายวันมานี้เขามักจะมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกบ้านของพี่ฝาน และพูดจาเหน็บแนมอยู่หลายครั้ง เขาทนเห็นพี่ฝานได้ดีไม่ได้ แต่วันนี้กลับเงียบเช่นนี้ จะต้องมีเรื่องแน่นอน”“เช่นนั้นจะมัวรอช้าอยู่ใย เรารีบไปกันเถอะ”เฉียนลิ่วพาจูจื้ออัน พวกเขาตามหลังฉินเย่ว์โหรวไป คนกลุ่มหนึ่งเร่งฝีเท้าต่อไปยังบ้านจูต้าอัน “พวกเจ้ามาทำอะไร คิดจะบุกรุกบ้านผู้อื่นโดยพลการเช่นนั้นหรือ? พวกข้าจะไปฟ้องพวกเจ้าที่อำเภอ!”ทันทีที่ทุกคนถึงบ้านจูต้าอัน ภรรยาของจูต้าอันก็ถลันออกมา รวดเร็วเช่นนี้ ไม่น่าจะเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียงเตา คงจะเฝ้าอยู่หน้าประตูเป็นแน่การกระทำของภรรยาจูต้าอันยิ่งทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยมากขึ้นหากไม่ได้ทำความผิด ไฉนถึงปลุกภรรยาตัวเองออกมาเฝ้าอยู่หน้าประตูในเวลาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้เฉียนลั่วผลักไสภรรยาของจูต้าอันออกไป “อย่ามัวเสียเวลากับนาง เรารีบเข้าไปค้นกันเถอะ!”“เหล่าพี่น้องข้า รีบออกมา คนพวกนี้กำลังจะบุกรุกเข้าไปแล้ว!” เมื่อสิ้นสุดเสียงภรรยาของจูต้าอันที่เฝ้าอยู่หน้าประตู หญิงสาวสี่คนได้วิ่งถลาออกมาจากในห้
เจ้าต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เฉินฝานเอ่ยอย่างจนปัญญาหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเฉินฝานนางปลดกางเกงบนตัวของเฉินฝานออกในขณะที่เขาถูกมัดไว้ พวกนางได้ทำการเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาพร้อมกับปากที่พร่ำบ่นไม่หยุดว่าวันนี้จะต้องสำเร็จแน่นอนร่างกายของเฉินฝานแข็งทื่อเล็กน้อยในนี้มืดสนิทอยู่ตลอด เขาจึงแยกไม่ออกว่าตอนนี้คือกลางวันหรือกลางคืนนี่เขาหายตัวไปสองวันแล้วหรือ?“สองวันแล้ว เหล่าภรรยาของข้าต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน หากเจ้าปล่อยข้ากลับไปตอนนี้ ข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”หญิงสาวยังคงเมินเฉยต่อคำพูดของเฉินฝาน......ลมหายใจของเฉินฝานหนักหน่วงขึ้น “ติ๋ง!”ความอุ่นของบางอย่างหยดลงมาบนหน้าอกของเขา นั้นคือน้ำตาของหญิงสาวนางทำสำเร็จแล้วนี่สินะคือความเจ็บปวดของการเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก“ปานิว!” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าคนที่ลักพาตัวเฉินฝานไม่ใช่ใครคนอื่น จะต้องเป็นสองแม่ลูกปานิวแน่นอนระหว่างทางกลับหมู่บ้านซานเหอเมื่อวานนี้ เขาเจอปานิวที่กำลังกลับจากที่ทำงานและแม่ที่มารับนางกลับบ้านปกติแล้วพวกนางจะพักอยู่ในโรงงาน ปานิวกล่าว
คืนนี้เฉินฝานก็ไม่รู้ตัวว่าโผล่มาที่นี่ได้อย่างไรช่างน่าเหลือเชื่อ....หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า ทันที่ที่ลืมตาก็พบว่าปานิวนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายของเขาแล้วนางรู้ตัวดีว่าการที่จับเฉินฝานมัดไว้เป็นเวลาสองวัน อีกทั้งตัวเองก็ยังบังคับขืนใจเขาอีก นับเป็นเรื่องไร้เหตุผล“นายท่าน ท่านตื่นแล้ว” ปานิวคุกเข่าและวางถาดอาหารให้เฉินฝาน ในถาดนั้นมีไข่หนึ่งใบและข้าวต้มหนึ่งถ้วย “ในบ้านของข้าน้อยมีแค่ของเหล่านี้ หวังว่านายท่านจะไม่ถือโทษ กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าน้อยจะส่งท่านกลับบ้าน!”เฉินฝานผลักช้อนที่ปานิวยื่นมาให้ “ข้ายังไม่หิว กลับกันเถอะ”ตอนนี้เขาหายตัวไปสองวันแล้ว ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวจะต้องร้อนใจมากเป็นแน่ โดยเฉพาะฉินเย่ว์โหรว......เฉินฝานไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากที่เขาหายตัวไปฉินเย่ว์โหรวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร“เจ้าเองก็เก็บข้าวเก็บของกลับไปด้วยกันเถอะ” เฉินฝานกล่าวพลางรัดเข็มขัดของตัวเอง แม้ว่าปานิวจะทำเกินไปบ้าง แต่ยามดึกในภายหลังเขาเองก็สมยอม ดังนั้นก็ควรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน“มัวยืนอึ้งอยู่ใย รีบไปเก็บของสิ!” เมื่อพบว่าปานิวยังคงยืนนิ่ง เฉินฝานก็หันกลับ
“เจ้า.......”เฉินฝานก้มหน้าลง นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวละคนน่าสงสารได้ประสานเข้ากับสายตาของเขาหัวขโมยข้าวสารตรงหน้าคือเด็กสาวตัวน้อย ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนเด็กอายุเจ็ดถึงแปดขวบ หนำซ้ำยังผอมแห้งและผิวคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนหงอนไก่ เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่งจนไม่น่าดู ผิวหนังที่เห็นได้จากรูขาดของเสื้อผ้าก็เปื้อนไปด้วยเลือดเลือดเหล่านั้นเป็นเลือดที่ซึมออกมาจากแผลเก่า แต่เมื่อเห็นนางถูกเฆี่ยนอย่างไม่หยุดยั้งครั้งนี้ทำให้เกิดแผลใหม่ซ้ำแผลเก่าแม้แต่เท้าก็ไร้ซึ่งรองเท้าสวมใส่ เท้าเล็กทั้งสองข้างเย็นเยือกจนกลายเป็นสีแดง แถมยังเต็มไปด้วยบาดแผล เด็กสาวงผู้นั้นเรียกเขาว่าอย่างไรนะ?นายท่าน? !คำพูดของเด็กสาวทำให้รูม่านตาของเฉินฝานสั่นไหว “แม่สาวน้อย อย่าเที่ยวเรียกใครพร่ำเพื่อ!”ฟ้าดินจงเป็นพยาน ข้าเฉินฝานชมชอบสาวน้อยน่ารักเป็นที่สุดแต่ก็ไม่กล้าสู่ขอภรรยาที่ยังเด็กขนาดนั้น“ใคร ๆ ก็บอกว่าเจ้ากลับตัวแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วยังไม่เคยเปลี่ยน”นัยน์ตาของหัวขโมยสาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและความขุ่นเคือง ก่อนจะปล่อยมือจากเฉินฝานอย่างหดหู่“จางถังเป่า!” เถ้าแก่ร้านกล่าว “หากเจ้าจะเฆี่
ท่านปู่กับป่านย่าชรามากแล้ว ท่านอาก็ไม่ยอมเลี้ยงดูฉินเย่ว์ฉู่ หากฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวไม่พานางกลับมาอยู่ที่บ้านด้วย นางต้องถูกท่านอาขับไล่ออกไปเร่รอนอยู่ข้างนอกเป็นแน่เมื่อฟังถึงตรงนี้ เฉินฝานก็พยักหน้า“พวกเจ้าพานางมาที่นี่ถูกแล้ว”“แต่เพิ่งจะมาถึงหมู่บ้านซานเหอไม่นาน ท่านก็ถือโอกาสตอนที่ข้าน้อยและพี่สามไม่อยู่พาน้องห้าออกไปขาย ไม่ว่าพวกข้าจะขอร้องอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมดึงดันจะพาน้องห้าไปขายให้ใครไม่รู้”ฉินเย่ว์โหรวกัดฟันเอ่ยถึงเรื่องในตอนนั้นด้วยสายตาโกรธเคืองแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้วครึ่งปี แต่ในใจของนางก็ยังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานฉินเย่ว์เจียวเห็นแววตาของเฉินฝานแล้วรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาแววตาของเฉินฝานเย็นเยือกมากฉินเย่ว์เจียวกอดฉินเย่ว์ฉู่ไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองเฉินฝานอย่างระแวดระวัง“ให้ตายเถอะ!” จู่ ๆ เฉินฝานก็สบถออกมาเจ้าของร่างเดิมเป็นคนแบบไหนกัน ไม่สิ เขาไม่ใช่คน เขามันคือสัตว์เดรัจฉาน!“ปัง!”กำปั้นกระแทกเข้ากับจอกน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะสามพี่น้องต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึงอยู่ที่เดิมเสียง ‘ซวบ’ ดังขึ้นเงาดำกลุ่มหนึ่งพลันปรากฎขึ้นตรงหน้าของเฉินฝ
เฉินเย่ว์ฉู่นอนหลับใหลบนเตียงหนึ่งชั่วยามเต็ม ยังไม่ได้สติภายใต้สายตาที่ฉงนสงสัยของฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรว เฉินฝานคิดว่าเป็นเพราะตนเองลงมือหนักเกินไป ลุกลี้ลุกลนให้คนงานของเรือนแขกเปี่ยมสุขช่วยตามหมอมา“ท่านหมอ น้องสาวข้านางเป็นอะไรงั้นรึ?”หมอเพิ่งจะหยุดจับชีพจร ก็ตอบฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวทันที“ไม่เป็นอะไรมาก”“ไม่เป็นอะไรมาก? เช่นนั้นทำไมนางถึงสลบไปนานขนาดนี้?””แม่นางผู้นี้ไม่ได้สติ... ”หมอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม คงเป็นเพราะเตียงนี้มันสบายเกินไป นางหลับสนิท คงไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มบนเตียงมานานแล้ว”“….”คำพูดของหมอประโยคนั้น ทำให้สองพี่น้องร้องไห้โฮออกมาทั้งสองคนยืนอยู่ข้างๆเตียง แอบปาดน้ำตาถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเฉินฝานจะน่ารังเกียจมาก ทว่าอย่างน้อยช่วงกลางคืนพวกนางก็สามารถนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มฉินเย่ว์ฉู่ที่นอนอยู่บนเตียงพลิกตัว ถีบผ้าห่ม ฉินเย่ว์โหรวก้มตัวไปห่มผ้าให้นาง“อ่ะ!”จู่ๆฉินเย่ว์โหรวก็ส่งเสียงอุทานขึ้นมา“น้องสี่ เป็นอะไรไป?” ฉินเย่ว์เจียวรีบร้อนเข้าไปถาม“แผล มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด!” ฉินเย่ว์โหรวดึงเสื้อผ้าของฉินเย่ว์ฉู่ขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังคราบ
ลวี่ซิงฟายังพูดจาสถุนใส่ฉินเย่ว์ฉู่อย่างต่อเนื่อง “รู้ว่าต้องทำอย่างไรก็ลงมาเสียดีๆ ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่ ถ้าหากช้ากว่านี้ละก็...”“ถ้าเจ้ายังไสหัวไปจากข้าช้ามากกว่านี้ เช่นนั้นก็อย่ามาหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” เฉินฝานขัดคำพูดของลวี่ซิงฟาอย่างเลือดเย็น“ข้าไปให้พ้นจากเจ้าก็ได้ ทว่าหลังจากข้าหายไปไม่นาน คนที่มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าก็คงจะเป็นตำรวจของที่ทำการ“เจ้ามาข่มขู่ใครกัน? ให้น้องห้าข้าไป ... ”“เย่ว์เจียว!”เฉินฝานพูดเสียงดังขัดฉินเย่ว์เจียวต่อให้ฉินเย่ว์ฉู่ถูกบีบบังคับ ทว่าการเป็นโจรก็มักจะเป็นเรื่องไร้ศักดิ์ศรีเสมอที่นี้เป็นทางเข้าบ้าน รอบๆนี้คงจะมีคนแอบฟังเป็นแน่ ให้คนเหล่านั้นได้ยิน หลังจากนี้ฉินเย่ว์ฉู่ที่อยู่ในหมู่บ้านนี้ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ“ลวี่ซิงฟา ที่นี้เป็นหมู่บ้านซานเหอของพวกข้า!”ร่างใหญ่กำยำของเฉียนลิ่ว ยืนประจันหน้ากับลวี่ซิงฟา “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอยู่ที่นี้ทำตัวกร่างให้มันน้อยๆหน่อย มาทางไหนกลับไปทางนั้น”ลวี่ซิงฟามือสองข้างกอดอก เสียงไม่ดังทว่ากำเริบเสิบสานยิ่งนัก “ข้าก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึ ข้าไปแน่นอน ก็แค่คนที่จะมาหาเฉินฝานจะเป็นตำรวจของที่ทำการ”
หาปลาให้เรือนแขกสำราญสุข ถึงแม้จะร่วมกันทำโรงงานปลากับหลี่ซานจะทำเงินได้นิดหน่อย ทว่าเงินที่มีอยู่ในมือ มันห่างจากพันตำลึงมากโข“ไม่ๆ!” ลวี่ซิงกวาดมือชี้พลางพูด “ตอนนี้นายท่านของเจ้ามีความสามารถเช่นนี้ หาปลาให้หลี่ซานเป็นจำนวนมากทุกวัน โรงงานปลาก็จัดส่งสินค้าทุกวัน เขาจะไม่มีเงินได้อย่างไรกัน?”“เจ้าคิดว่าเงินมันหาง่ายขนาดนั้นรึไร!” ฉินเย่ว์เจียวจ้องเขม็งด้วยความโกรธระยะเวลาที่พวกเขาหาปลาให้เรือนแขกสำราญสุขก็นับว่ายังไม่นานนัก และกำไรก็ไม่ได้สูงมากนักสำหรับโรงงานปลา เปรียบเทียบกันแล้วได้กำไรสูงกว่านิดหน่อยก็จริง ทว่าโรงงานเพิ่งจะเปิดได้สองสามวัน ยังไม่พอกับทุนที่ลงไปในช่วงก่อน“พวกข้าไม่มีเงินให้เจ้า ถ้าจะไปทางการแจ้งความพวกข้า ก็ทำไปเถอะ ถึงตอนนั้นอย่างมากก็ติดคุกด้วยกัน ตอนนี้เจ้าก็มีมลทิน”“ปากจัดดีนี่ นายท่านของเจ้าไม่สั่งสอนหรือว่าผู้ชายคุยกันอย่าพูดแทรก?”ฉินเย่ว์เจียวอยู่ในท่าทีสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง ผนวกกับเฉินฝานไม่เปล่งเสียงแม้แต่น้อย ลวี่ซิงฟารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย“เฉินฝาน ข้าได้ยินคนพูดมาตลอดเลยว่าเจ้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ข้าดูแล้วก็ไม่ต่างจากเดิมจริงๆ ให้
ยังมิทันถึงเวลาเข้าท้องพระโรงยามเช้าในวันถัดมา วังหลวงก็ส่งคนมาเรียกตัวเฉินฝานเข้าไปแม้ว่าจะนำเหล่าบุรุษมารวมตัวกันแล้ว แม้ว่าจะมีการคุ้มครองของเหล่าทหาร นักฆ่าหญิงเหล่านั้นก็ยังสามารถลงมือได้อยู่ดีเมื่อคืนมีจุดรวมพลแห่งหนึ่งในเมืองเซียนตูที่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุด มีชายสิบห้าคนที่ถูกสังหารและทั้งหมดล้วนเป็นทหารคุ้มกันโชคดีที่มือปืนอยู่ มิเช่นนั้นคงจะทหารถูกสังหารไปมากกว่านี้สังหารเพียงทหาร มิสังหารชายธรรมดา นี่เป็นการยั่วยุราชสำนักอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่คำกล่าวรายงานจบ ฉินเย่ว์เหมยโมโหเดือดดาลทันที“ทหารของพวกเราต้าชิ่งเป็นพวกไร้น้ำยากันหมดหรือกระไร ถึงปล่อยให้สตรีสังหารได้อย่างง่ายดายปานนั้น?”เลขาธิการกรมกลาโหมฟางซินฮุ่ยเหงื่อท่วมทั้งตัว มิกล้าหายใจดัง“ทำไมล่ะ ข้ามิเรียกชื่อ ก็แกล้งเป็นใบ้ไปแล้วหรือกระไร?” สายตาเดือดดาลเย็นยะเยือกของฉินเย่ว์เหมยจ้องปีที่ฟางซินฮุ่ย“ฝ่าบาท!” ฟางซินฮุ่ยคุกเข่าด้วยความรีบร้อน “กระหม่อมส่งหัวหน้าแม่ทัพไปตรวจสอบกองกำลังแต่ละเมืองทุกเดือน ให้กองกำลังแต่ละที่เพิ่มความเข้มงวดในการฝึกซ้อม กระหม่อมไปตระเวนตรวจทั่วแคว้นเดือนเว้นเดือน นายกองทุกเ
“นายท่าน ท่านนี่จริง ๆ เลย ต่อให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงใด ก็ควรให้น้องหวั่นเอ๋อร์กลับบ้านมาเสียก่อนสิ”ฉินเย่ว์โหรวเริ่มต่อว่าเฉินฝานเหมือนแต่ก่อนอีกแล้วทว่า แม้กำลังต่อว่าอยู่ ท่าทีของฉินเย่ว์โหรวก็ยังคงสง่างามดังเดิม นี่ก็เป็นสาเหตุที่เฉินฝานวางใจมอบอำนาจให้นางจัดการเรื่องในบ้าน“พี่ผิดไปแล้ว ต่อจากนี้จะมิทำแล้ว”เฉินฝานรีบยอมรับผิด ฉินเย่ว์โหรวก็มิได้ซักไซ้อีก“นายท่าน เหน็ดเหนื่อยจากด้านนอกมามากแล้ว กลับเข้ามาพักผ่อนก่อนเถอะ”เฉินฝานตามฉินเย่ว์โหรวไปที่โถงหลัก เพิ่งจะนั่งได้มินาน เขาก็พบว่าในครอบครัวมีเด็กทารกเพิ่มมาอีกสองคนเด็กทารกสองคนนี้ดูแล้วคงจะมีอายุประมาณห้าหกเดือนเด็กทารกคนหนึ่งคงจะเป็นของคนใดคนหนึ่งระหว่างท่านหญิงสองคนนั้น เฉินฝานมิได้รู้สึกประหลาดใจ เพราะตอนที่เขาออกจากเมืองหลวง ก็มีท่านหญิงคนหนึ่งที่ตั้งครรภ์ได้สองสามเดือนแล้วอีกคนหนึ่ง...“เหอเสียนเฟยงั้นรึ?”การปรากฏตัวของเหอวอวี่ถง ทำให้เฉินฝานตื่นตกใจอย่างมาก ทว่าหลังจากที่ฉินเย่ว์โหรวอธิบายแล้วเฉินฝานก็เข้าใจได้ในทันทีฉินเย่ว์เหมยขึ้นเป็นจักรพรรดินีแล้ว วังหลังต้องถูกยุบอย่างแน่นอนโชคดีที่ตอนเหออว
หลังจากที่ออกจากวังมาแล้ว เฉินฝานก็รีบมุ่งหน้ากลับบ้านทันทีเฉินฝานออกจากบ้านในเมืองหลวงไปแคว้นเหลียง ต่อมาไปช่วยโอวหยางน่าหลันจัดการเหตุไฟไหม้ทำให้แผ่นดินกลับมาเป็นปึกแผ่น จากนั้นก็ไปแก้ไขวิกฤตประหารพ่อลูกตระกูลเสิ่นที่เมืองลู่ตู ท้ายที่สุดคือไปสำรวจทั่วต้าชิ่งเป็นเพื่อนหวงหวั่นเอ๋อร์การออกจากบ้านครั้งนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีเขารีบกลับบ้านด้วยความคิดถึงใจจะขาดเขากลับเมืองหลวงมาแล้วก็ให้เลขาธิการกรมยุติธรรมไป่เผยหราน และแม่ทัพใหญ่ผู้คุ้มกันแคว้นเหอจื่อหลินที่ตำแหน่งเป็นรองเพ่ยจี้เท่านั้นเข้าเฝ้าฝ่าบาทพร้อมกับเขา ขบวนทัพค่อนข้างยิ่งใหญ่ ดังนั้นคงจะทราบเรื่องที่เขากลับมามืองหลวงโดยทั่วกันแล้วหลังจากที่ออกจากประตูวังมาแล้ว เจอราษฎรที่อยู่ตามท้องถนนจำนวนมากเห็นสายตาของราษฎรทั้งสองฝั่งถนนที่มองตนเองด้วยความแค้นเคือง และสีหน้าลักษณะหน้าชื่นอกตรม เฉินฝานก็เข้าใจได้ทันทีว่ายังมีคำเล่าลือที่มิดีของราษฎรเหล่านั้นเกี่ยวกับเขาอีกมากมายที่ไป่เผยหรานมิยอมบอกจวนพำนักของเฉินฝานอยู่ห่างจากวังหลวงมิไกลนัก เดินข้ามถนนสามสายก็ถึงแล้วระหว่างทางกลับ คนที่ต้อนรับเฉินฝานอย่างแท้จริงก็เพียงแค่เห
“เฮ้อ!”ฉินเย่ว์เหมยถอนหายใจออกมา “ข้าก็มิได้อยากกระวนกระวายใจหรอก หลังจากที่รู้ว่าเย่ว์ฉินอยู่ที่ตำหนักเซียวเหยาแล้ว ข้าก็พยายามให้คนป่าวประกาศชีวิตความเป็นอยู่ของเจ้ากับน้องสาวสามคนอย่างสุดความสามารถ และปล่อยข่าวไปอีกว่า ขอเพียงตำหนักเซียวเหยาปล่อยวางความแค้นที่มีต่อบุรุษได้ จะมิเอาผิดเรื่องที่เคยทำก่อนหน้านี้ เพื่อรอให้เย่ว์ฉินหนีเอาตัวรอดออกมาจากตำหนักเซียวเหยา ทว่ารอมาเนิ่นนานแล้ว ก็ยังมิเห็นวี่แววของนางอยู่ดี”เฉินฝานพูดด้วยสีหน้าเหยเก “นางอาจจะมิอยากปักใจเชื่อ อย่างไรเสียเมื่อก่อนกระหม่อมเป็นคนสารเลวปานนั้น ข่าวลือที่ฝ่าบาทปล่อยออกไป นางอาจจะคิดว่าเป็นสิ่งที่ฝ่าบาททำให้นางหลงกล ล่อให้นางออกมา จากนั้นก็จะถอนรากถอนโคนตำหนักเซียวเหยาให้สิ้นซาก”ฉินเย่ว์เหมยส่ายหน้า “เมื่อก่อนข้ายังมิได้ครองตำแหน่งปกครองโดยสมบูรณ์ นางจะมิเชื่อข้าก็เข้าใจได้ ทว่าตอนนี้ข้าเป็นจักพรรดินีเต็มตัวแล้ว เย่ว์เจียวเย่ว์โหรวเย่ว์ฉู่น้องสาวทั้งสามคนล้วนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นองค์หยิง คำสั่งที่เลื่อนขั้นน้องสาวเป็นองค์หญิง ข้าก็ป่าวประกาศไปทั่วแคว้น เป็นไปมิได้ที่เย่ว์ฉินจะมิรู้ ขอเพียงนางกลับมา ข้าจะมอบตำแห
“ลงโทษเจ้างั้นรึ เจ้าเห็นข้าเป็นคนแบบนั้นงั้นรึ?”“อะไรนะขอรับ?” เฉินฝานที่ถูกถามรู้สึกงงงวยทันที “ฝ่าบาทท่านเป็นคนแบบใดขอรับ?”“อุ๊บ!”ไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินกลั้นขำไว้ได้ ทว่าหงอิงกลับกลั้นขำไว้มิอยู่“ฝ่าบาท วันนี้ข้าน้อยกินกระเทียมมากเกินไป มักจะชอบผายลมออกมาเสมอ ข้าน้อยขอตัวไปรอด้านนอกนะเจ้าคะ”หงอิงรีบหาข้ออ้างหนีไปทันทีไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินลอบอิจฉาหงอิงในใจสุดขีด พวกเขาก็อยากออกไปเช่นกัน ทว่าพวกเขาหาข้ออ้างมิได้ และมิกล้าหาข้ออ้างเช่นกัน เพราะเฉินฝานเป็นคนให้พวกเขาเข้ามาในวังฉินเย่ว์เหมยก็สังเกตได้ว่าตนเองขาดสติ จึงปรับอารมณ์ของตนเองเล็กน้อย “ขุนนางเฉินที่รักเพิ่งจะได้ภรรยาใหม่มินาน หยุดพักไปสองสามเดือนก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อครู่หลี่เต๋อฉวนมารายงานว่าพวกเจ้ามีเรื่องจะกราบทูลข้า”“พวกเจ้า จงจัดที่นั่ง!”ขันทีสองสามคนยกเก้าอี้สามตัวมาจากด้านนอก หลังจากที่วางไว้แล้วก็รีบออกไปทันทีเฉินฝาน: “ฝ่าบาท เรื่องที่กระหม่อมต้องการกราบทูลวันนี้ ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก”ฉินเย่ว์เหมยโบกมือไล่สาวใช้ขันทีในพระตำหนักออกไปทั้งหมดอย่างรู้ใจไป่เผยหรานเป็นเลขาธิการกรมยุติธ
ตอนที่รถม้าของเฉินฝานห่างจากประตูทางเข้าวังหลวงยี่สิบกว่าเมตร ไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินก็รุดหน้าขึ้นต้อนรับทันที“ส่งคนไปกราบทูลฝ่าบาทแล้วใช่หรือไม่?”เฉินฝานลงรถม้าพลางกล่าวถามไป่เผยหรานและเหอจื่อหลินยังมิทันได้ตอบกลับคำพูดของเฉินฝาน ก็มีขันทีคนหนึ่งก็วิ่งออกมาจากด้านในวังหลวงด้วยความรีบร้อนหลังจากที่ขันทีคนนั้นคารวะเฉินฝานแล้วจึงรีบกล่าว “ใต้เท้าเฉิน ฝ่าบาทกำลังรอท่านอยู่ขอรับ”กล่าวจบ ขันทีจึงรีบนำทางให้เฉินฝานทันที-ณ พระตำหนักไท่เหอ“ฝ่าบาท ท่านอัครเสนาบดีขอเข้าพบขอรับ!”“รีบให้เขาเข้ามา !”ฉินเย่ว์เหมยที่กำลังอ่านสานส์กราบทูล โยนสานส์กราบทูลทิ้งไปรีบลุกขึ้นเดินไปต้อนรับทันทีหงอิงเดินขนาบข้างตามไปเงียบ ๆ นางพบว่าฉินเย่ว์เหมยแตกต่างไปอย่างเดิมอย่างมาก มิเพียงแต่สาวเท้าด้วยความรวดเร็วเท่านั้น สีหน้าก็มีความลิงโลดและกังวลเช่นกันเหมือนกับ...หงอิงเอียงศีรษะคิดใคร่ครวญเหมือนกับสามีออกเดินทางไกล ภรรยาที่รอคอยอยู่บ้านด้วยความระทมทุกข์อย่างยาวนาน ในที่สุดสามีก็กลับมาแล้วตอนที่หงอิงกำลังลอบขำฉินเย่ว์เหมย จู่ ๆ ฉินเย่ว์เหมยก็หยุดฝีเท้าเสียอย่างนั้นฉินเย่ว์เหมยรู้ตัวว่า
“ตำหนักเซียวเหยา คำเล่าขานที่กล่าวต่อกันมาล้วนเป็นสตรีของตำหนักเซียวเหยางั้นรึ?”“ถูกต้อง”“นายท่าน ท่านอยากให้ข้าไปค้นหาตำหนักเซียวเหยาใช่หรือไม่? ท่านพูดออกมาตรง ๆก็ได้ ไฉนต้องพูดถึงชายชราชาติชั่วผู้นั้นด้วย” หวงหวั่นเอ๋อร์พูดอย่างมิสบอารมณ์อย่างมาก ตั้งแต่ที่นางจำความได้ แม่มักจะก่นด่าพ่ออย่างรุนแรงเสมอ นางซึมซับเรื่องนี้มาตั้งแต่เด็ก หวงหวั่นเอ๋อร์จึงเกลียดชังเจี้ยนหวงเป็นธรรมดาเฉินฝาน: “ตำหนักเซียวเหยาพิศวงคาดเดาได้ยาก มิมีที่อยู่ตายตัว หากเจ้าให้พ่อเจ้าช่วย โอกาสในการหาตำหนักเซียวเหยาเจอก็จะสูงขึ้น”“เพราะเหตุใดจึงกล่าวว่าหากหาชายชราชาติชั่วผู้นั้นเจอก็ทำให้โอกาสหาตำหนักเซียวเหยาพบมีสูงขึ้น”มิรอให้เฉินฝานตอบกลับ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ข้ารู้แล้ว นายท่าน ท่านรอฟังข่าวจากข้าแล้วกัน”รวมเรื่องราวที่เฉินฝานเพิ่งจะพูดว่าพ่อของตนเจ้าชู้จนเป็นนิสัยแล้ว หวงหวั่นเอ๋อร์ก็เข้าใจได้ในทันที พ่อของตนและสตรีในตำหนักเซียวเหยาจะต้องมีเรื่องชู้สาวกันอย่างแน่นอน เช่นนั้นเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่าตอนนี้องค์หญิงของตำหนักเซียวเหยาอยู่ที่ใดพูดจบ หวงหวั่นเอ๋อร์ก็เปิดผ้าม่าน ทะยานตัวพุ่
ทว่าก็มิสมเหตุสมผลอย่างมากเคลื่อนไหวเอิกเกริกปานนั้น และสร้างข่าวลือส่งผลกระทบตำแหน่งปกครองฉินเย่ว์เหมย นางย่อมพยายามที่จะล้อมปราบอย่างสุดกำลังเป็นแน่ต่อให้เป็นกลุ่มที่ลึกลับเพียงใด ก็ต้องมีสถานที่ให้พำนัก มิว่าอย่างไรก็สามารถหาเจอได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลามากกว่าปกติเท่านั้นเฉินฝานคิดมาถึงตรงนี้ ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างต่อเนื่องวิธีการสู้สุดตัวเช่นนี้ ช่างไร้เหตุผลยิ่งนัก คงจะมิใช่กลุ่มที่เขาคิดไว้ในใจทว่า ก็เกิดคำถามขึ้นมาอีกหากมิใช่กลุ่มนั้น ในต้าชิ่งจะมีกลุ่มใดที่สามารถมีนักฆ่าหญิงจำนวนมหาศาลปานนั้นได้อีกมีแคว้นอื่นเข้ามาเกี่ยวพันงั้นรึ?ฉวยโอกาสตอนที่ฉินเย่ว์เหมยเพิ่งขึ้นปกครองได้มินาน อำนาจรากฐานยังมิมั่งคง แคว้นอื่นใช้ประโยชน์จากแนวคิดที่ต้าชิ่งให้ความสำคัญบุรุษด้อยค่าสตรีทำให้ต้าชิ่งตกอยู่ในความโกลาหลงั้นรึ?ตอนนี้ปัญหาชายน้อยหญิงเยอะยังมิทันได้รับการแก้ไข จักรพรรดินีเพิ่งขึ้นปกครองมินาน พิธีราชาภิเษกก็ยังมิได้จัดเสียด้วยซ้ำ มิว่าจะเป็นในราชสำนักหรือในกลุ่มราษฎร ล้วนมีชายจำนวนมากที่ยังมิยอมรับบัดนี้ ให้นักฆ่าหญิงไล่ล่าสังหารบุรุษจำนวนมหาศาล สามารถสร้างความโกลาหลภาย
กลุ่มนักฆ่าหญิงเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน พวกนางทุกคนล้วนมีวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม ไล่ล่าสังหารบุรุษเพียงอย่างเดียวตั้งเมืองลู่ตูจนมาถึงเมืองหลวง “กลุ่มหนึ่งงั้นรึ?” เฉินฝานรู้สึกตกใจเล็กน้อย เดิมทีเขาหลงคิดไปมีเพียงสองสามคนที่ต่อสู้กับหวงหวั่นเอ๋อร์เท่านั้น “ใช่ขอรับ ใต้เท้า”“สามารถประมาณออกได้หรือไม่ว่ามีกี่คน?”“ใต้เท้า ข้าน้อยวิเคราะห์เบื้องต้นแล้วอาจจะมีประมาณหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพันคนขอรับ”“เท่าใดนะ?” เฉินฝานมองไป่เผยหรานด้วยสายตามิสู้ดีอย่างมากระหว่างหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพัน ระยะห่างตัวเลขสองจำนวนห่างปานนั้น นี่เรียกว่าประมาณการ? เรียกว่าการวิเคราะห์งั้นรึ?“ใต้เท้า!” ไป่เผยหรานรีบโค้งตัวก้มหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความลำบากใจและโทษตนเอง “เสื้อผ้าและท่าทางของนักฆ่าหญิงเหล่านั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก และมักเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง ไร้หนทางที่จะนับจำนวนได้อย่างแม่นยำจริง ๆ ขอรับ”จำนวนหนึ่งร้อยถึงหนึ่งพัน เป็นจำนวนคนที่ลูกน้องเก่งกาจที่สุดภายใต้การบัญชากรมยุติธรรมของไป่เผยหราน วิเคราะห์ยาวนานมาหนึ่งเดือน จึงได้ตัวเลขนี้ออกมาอย่างยากลำบาก“ตกลงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่?”ตอนที่พูดอีกรอบ