เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจุดรวมพลเห็นเฉินฝานและไป่เผยหราน เขาก็รีบวิ่งมาทันที“คารวะใต้เท้า!”“ไม่ต้องมากพิธี!” เฉินฝานเดินผ่านเจ้าหน้าที่คนนั้น แล้วเดินตรงไปหาทหารคนนั้นทันที“เล่าทุกอย่างที่เจ้าเห็นมาให้ละเอียด”“เขาคือท่านอัครเสนาบดี เจ้ารีบเล่าสิ”เมื่อเห็นทหารไม่ยอมตอบเฉินฝาน ยังคงพูดถึงอสรพิษหญิงงามไม่หยุด ไป่เผยหรานก็ออกคำสั่งทันทีที่จุดรวมพลโดยมากล้วนเป็นขุนนางและทหารชั้นผู้น้อย พวกเขาไม่เคยเจอเฉินฝานมาก่อน เมื่อได้ยินไป่เผยหรานบอกว่าเฉินฝานคืออัครเสนาบดี ทุกคนโดยรอบก็คุกเข่าลงทันที แม้กระทั่งทหารที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังพยายามลุกขึ้นเฉินฝานรีบปรามทหารคนนั้น เขาพยุงทหารที่กำลังคุกเข่าให้ลุกขึ้น “รีบบอกข้ามา เจ้าเห็นสิ่งใดบ้าง? เหตุใดจึงบอกว่านักฆ่าคนนั้นคืออสรพิษหญิงงาม”“พวกนางคืออสรพิษหญิงงามขอรับ!” แววตาของทหารเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว“ใต้เท้า พวกนางงดงามยิ่งนัก งดงามหญิงกว่าหญิงงามอันดับหนึ่งในหอนางโลมเสียอีก”ทหารเริ่มอธิบาย ตอนเขาพูดถึงความงามของนักฆ่าหญิงเหล่านั้น แม้กำลังบาดเจ็บ แต่ทหารคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเมื่อเห็นสีหน้าและอาการของทหาร เฉินฝานพอจ
บนตัวของทหารทุกคนล้วนมีงูทองเงินตัวโตเต็มที่เลื้อยอยู่สามถึงสี่ตัว แม้ทหารพวกนั้นจะตายด้วยพิษไปแล้ว แต่พวกงูกลับไม่ยอมปล่อยพวกเขาไป พวกงูงัดร่างของพวกเขา กินและฉีกศพของพวกเขาไม่หยุด“อยากตายหรือไง ย้ำแล้วย้ำอีกว่าห้ามเข้าใกล้ไม่ใช่หรือ!”เฉินฝานและไป่เผยหรานอยากเข้าใกล้เล็กน้อย แต่ถูกคนตะโกนห้ามเสียงดังคนที่ตะคอกใส่เฉินฝานและไป่เผยหรานคือชายวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบปี ผิวพรรณของเขาค่อนข้างดำคล้ำ หนวดเขลาเต็มใบหน้า หน้าตาดูดุร้ายอย่างมากเริ่นฉุนไห่เจ้าหน้าที่ของจุดรวมพลตำหนิชายวัยกลางคนทันที “หูซาน พวกเขาคือท่านอัครเสนาบดีและท่านเลขาธิการกรมยุติธรรม ไม่อาจเสียมารยาทได้ ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก?”หูซานรีบคุกเข่าลงทันที แต่เขายังคงไม่หยุดพูด “ใต้เท้าทั้งสองยิ่งไม่อาจเข้าใกล้ งูเหล่านี้ มีพิษร้ายแรง ทั้งยังไม่กลัวมนุษย์ หากอยู่ใกล้มนุษย์คนใดไม่กัดจนเหลือกระดูกก็ไม่มีทางปล่อย ยากำจัดอสรพิษไม่อาจใช้กับพวกเขาได้”“หูซานคือหมองูที่มีชื่อเสียงของละแวกนี้ คำพูดของเขาไม่อาจไม่เชื่อฟัง เพื่อความปลอดภัยของใต้เท้าทั้งสองคน ใต้เท้าทั้งสองคนโปรดอย่าเข้าใกล้เลยขอรับ” เริ่นฉุนไห่อธิบาย“ใต้เท้า ท่
“อ๊ากกก”ทันใดนั้นเอง จู่ๆ หูซานก็กรีดร้องด้วยความหวาดกลัวงูทองเงินเหล่านั้นเลื้อยขึ้นบนตัวหูซาน ผงไล่งูของหูซานใช้ไม่ได้ผลแม้แต่น้อย งูทองเงินแย่งกันเลื้อยขึ้นบนตัวเขา“ลงไปเดี๋ยวนี้ ลงไปเดี๋ยวนี้!”หูซานที่กำลังตกใจและหวาดกลัวอยู่นั้น ร้องตะโกนและดีดดิ้น ทั้งยังใช้มือปัด แต่งูที่เลื้อยขึ้นบนตัวเขาไม่ตกลงไปแม้แต่ตัวเดียว“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”เริ่นฉุนไห่ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ ทว่าผลสุดท้ายคือมีคนมาแต่ไม่ได้มาช่วย ส่วนงูที่เลื้อยขึ้นบนตัวหูซานก็ค่อยๆ เลื้อยลง พวกมันเลื้อยไปหาฉินเย่ว์เจียวเวลานี้ ทุกคนเพิ่งดึงสติกลับมาได้ แท้จริงแล้วงูเหล่านั้นไม่ได้จะฉกหูซาน งูพวกนั้นเลื้อยเป็นทางตรง พวกมันเลื้อยขึ้นตัวหูซาน แค่เพราะหูซานขวางทางพวกมันก็เท่านั้น“งูมาแล้ว รีบคุ้มกันใต้เท้ากับฮูหยินเร็ว” ไป่เผยหรานร้องตะโกน“ไม่ต้อง!” เฉินฝานส่ายมือแท้จริงแล้ว แม้พวกองครักษ์อยากช่วยก็ไม่อาจช่วยได้ทัน เพราะหลังจากงูพวกนั้นเลื้อยลงมาจากตัวหูซาน พวกมันก็เลื้อยเร็วขึ้นกว่าเดิม เพียงชั่วพริบตาพวกมันก็ไปถึงเฉินฝานและฉินเย่ว์เจียวงูทองเงินเหล่านั้นหยุดลงใต้ฝ่าเท้าของฉินเย่ว์เจียว ความดุร้ายในตอนแ
เริ่มจากจุดรวมพล ฉินเย่ว์เจียวเรียกงูมาตลอดทาง แต่ใกล้จะถึงเมืองแล้ว ยังคงไม่เจองูทองเงิน อย่ากล่าวถึงงูทองเงินที่นักฆ่าหญิงสามารถควบคุมได้ แม้กระทั่งงูทั่วไปที่พบได้ในเมืองหลวงก็ปรากฏตัวออกมาน้อยมาก“นายท่านบอกว่านักฆ่าหญิงพวกนั้นไม่มีวรยุทธ์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ เหตุใดพวกนางจึงหนีไปเร็วเช่นนี้?” ฉินเย่ว์เจียวถามเฉินฝานด้วยความสงสัยเฉินฝานไม่ได้ตอบคำถามฉินเย่ว์เจียวในทันที แววตาลุ่มลึกสังเกตไปรอบๆเมื่อไม่ได้คำตอบจากเฉินฝาน ฉินเย่ว์เจียวจึงพูดกับตนเอง“นักฆ่าหญิงเหล่านั้นต้องมีคนที่วรยุทธ์สูงส่ง หรือไม่ก็รถม้าพาพวกนางไป หลังจากสังหารคนแน่นอนเจ้าค่ะ”“ไม่มีทาง!” เฉินฝานตอบด้วยความมั่นใจหลังจากทราบเรื่อง เฉินฝานสั่งปิดถนนทุกแห่งทันที ถนนสายเล็กรถม้าวิ่งได้ช้า ส่วนถนนเส้นหลักล้วนมีทหารคอยเฝ้าคนมีวรยุทธ์สูงอยู่ใกล้กับพวกนักฆ่าหญิง ข้อนี้มั่นใจได้ แต่ไม่ว่าจะวรยุทธ์แกร่งกล้าเพียงใด การจะพาคนมากมายออกไปนั้นไม่อาจเป็นไปได้ ทั้งยังต้องเอางูจำนวนมากไปด้วย“เช่นนั้นพวกนางจะซ่อนตัวที่ใดได้บ้างเจ้าคะ”ตอนฉินเย่ว์เจียวถาม นางพบว่าสายตาของเฉินฝานจับจ้องไปยังประตูเมืองด้านหน้าซึ่งอยู่ไม่ไกลนั
“งู งู งูเยอะแยะไปหมด”มีคนตกใจจนร้องกรี๊ดเฉินฝานมองไปทางเสียงคนร้องกรี๊ดด้วยความตกใจตามสัญชาตญาณ มีงูเลื้อยอยู่ข้างคนคนนั้นจริง กวาดตามองไป มีงูไม่น้อยกว่าสิบตัว อีกทั้งยังมีงูหลากหลายสายพันธุ์ ทว่าโดยมากคืองูที่มีพิษคล้ายงูเหล่านั้นไม่สนใจคนที่ร้องตะโกนด้วยความตกใจ พวกมันเลื้อยผ่านสตรีคนนั้นด้วยความนิ่งสงบ มุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ทางเรือนบูรพา“ทุกคนอย่าขยับ!”ฉินเย่ว์เจียวร้องบอก พร้อมกับคว้าปี่ออกมาจากแขนเสื้อ ขณะที่ทางกำลังเตรียมจะเป่าปี่นั้น จู่ๆ นางก็วางปี่ลง มองงูด้านหลังด้วยสีหน้าฉงน“พี่สาม เหตุใดในเรือนจึงมีงูมากมายเช่นนี้ พวกมันเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของจินเหยียนไช่เป่าหรือไม่?”ฉินเย่ว์โหรววิ่งไปถามฉินเย่ว์เจียวด้วยความกระวนกระวายฉินเย่ว์โหรววิ่งไปถามฉินเย่ว์เจียวด้วยความกระวนกระวายเฉินฝานก็ตามไปเช่นเดียวกัน เขาดึงตัวฉินเย่ว์โหรวเข้าหาตนเอง “เย่ว์โหรว อย่าตึงเครียดเช่นนั้น พี่สามของเจ้ามีวิชาควบคุมงู จินเหยียนไชเป่าต้องไม่เป็นไร”“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นห่วงจินเหยียนไชเป่า ยังคงหวาดกลัวและกระวนกระวายอย่างมาก“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงลูกๆ มา!” เฉินฝานจับมื
“งู งู เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร นายท่าน นายท่านช่วยจินเหยียนไชเป่าเร็วเข้าเจ้าค่ะ!”ตอนฉินเย่ว์โหรวพูด ฉินเย่ว์เจียวก็พูดเช่นเดียวกัน แต่น้ำเสียงของทั้งสองคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงของฉินเย่ว์โหรวคือกระวนกระวายและหวาดกลัว น้ำเสียงของฉินเย่ว์เจียวคือดีใจ“เสี่ยวไชเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึง เหตุใด...”ฉินเย่ว์เจียวที่วิ่งไปหาเสี่ยวไชเอ๋อร์ ดีใจจนพูดไม่รู้เรื่อง“พี่สาม เหตุใดท่านจึงยืนนิ่งเช่นนั้น ไม่ไล่พวกงูไป” ฉินเย่ว์เจียวร้อนใจอย่างมาก“งูทั้งหมดนี้เสี่ยวไชเอ๋อร์เป็นคนเรียกมา หากข้าไล่พวกมันไป เสี่ยวไชเอ๋อร์ต้องโมโหแน่ๆ ต่อไปนี้คงไม่สนใจข้าอีก”“ไชเอ๋อร์จะโมโหได้อย่างไรเจ้าคะ เกรงว่าตอนนี้ไชเอ๋อร์จะกลัวจนแทบจะฉี่ราด...”ฉินเย่ว์โหรวหยุดพูดกะทันหัน นางมองไปที่ฉินเย่ว์เจียว แล้วมองไปที่เสี่ยวไชเอ๋อร์“พี่สาม เมื่อครู่พี่บอกว่าอะไรนะเจ้าคะ งูทั้งหมดนี้เสี่ยวไชเอ๋อร์เป็นคนเรียกมา?” แม้ถ้อยคำนี้ฉินเย่ว์โหรวจะเป็นคนพูด แต่น้ำเสียงของนางคือไม่เชื่อแม้แต่คนเดียวการที่ฉินเย่ว์โหรวไม่เชื่อเป็นเรื่องปกติ เสี่ยวไชเอ๋อร์เป็นลูกที่คนสามท่ามกลางจิน เหยียน ไช เป่า ตอนอ
เมื่อก่อนเวลาเฉินฝานตำหนิลูกๆ ฉินเย่ว์เจียวจะคอยปกป้อง แต่ครั้งนี้นางไม่ปกป้องแล้ว นางพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“เสี่ยวไชเอ๋อร์ พ่อของลูกพูดถูก ลูกทำตัวเหลวไหล ร่ำเรียนมีวิชาความรู้เพียงเล็กน้อย ก็เรียกงูมากมายมาเช่นนี้ อีกทั้งงูหลายตัวก็มีพิษ หากไม่อาจควบคุม พวกงูทำร้ายพี่ชายและน้องชาย จะทำอย่างไร?”“สิ่งที่ลูกพูดไม่ใช่คาถาเพียงผิวเผิน คาถาของแม่สาม ลูกจำได้เป็นอย่างดี ไม่มีทางสูญเสียการควบคุมแน่ขอรับ”เสี่ยวไชเอ๋อร์ที่อายุไม่ถึงสี่ขวบ ใบหน้าที่ยังเปี่ยมไปด้วยความเป็นเด็ก ทว่าใบหน้าเด็กน้อยนี้ กลับฉายความเป็นผู้ใหญ่และเย็นชาอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ถ้อยคำที่เปล่งออกมาก็พูดอย่างคล่องแคล่วเฉินฝาน “เชื่อมั่นในตนเองมากเกินไปเป็นการทำร้ายตนเอง!”“การทำร้ายตนเองคืออะไรขอรับ?” เสี่ยวไชเอ๋อร์เอียงหน้าถามเฉินฝานเบิกตากว้าง “การทำร้ายตนเองก็ยังไม่เข้าใจอีก คือการที่ลูกคิดว่าตนสามารถควบคุมงูได้เหมือนแม่สามอย่างไรเล่า!”“ฮือ!”เสี่ยวไชเอ๋อร์ตกใจร้องไห้ในอ้อมกอดของฉินเย่ว์เจียว“ร้องไห้อะไร ลูกผู้ชาย การร้องไห้เป็นเรื่องไร้สาระที่สุด”เสียงร้องไห้ของเสี่ยวไชเอ๋อร์หยุดลง เขาตกตะลึงกับคำพูดของเฉิน
ฉินเย่ว์เจียวเดินออกไปข้างนอก โดยมีจวนเฉินเป็นศูนย์กลาง หลังจากเดินในรัศมีสามสิบลี้ นางหยุดลงฉินเย่ว์เจียวหันไปหาเฉินฝานพร้อมกับส่ายหน้า สีหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังช่างน่าเสียใจยิ่งนัก ยังคงไม่รู้ว่าพวกนักฆ่าหญิงอยู่ที่ใด นางไม่อาจเรียกตัวได้แม้เพียงหนึ่งตัว“ฮูหยินสาม หรือว่างูของนักฆ่าหญิงพวกนั้นถูกเสี่ยวไชเอ๋อร์เรียกมาหมดแล้วเจ้าคะ?” เย่ว์หนูที่ติดตามมาโดยตลอดเอ่ยถามฉินเย่ว์เจียวส่ายหน้า “ด้วยความสามารถของเสี่ยวไชเอ๋อร์ เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกงูทั้งหมดของนักฆ่าหญิงมาได้ สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายในตอนนี้ได้คือ นักฆ่าหญิงพวกนั้นฆ่างูทั้งหมดแล้ว”“เย่ว์เจียว เจ้ามั่นใจได้หรือไม่ว่าพวกงูถูกนักฆ่าหญิงฆ่าหมดแล้ว?” เฉินฝานถามฉินเย่ว์เจียวเงียบครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “นายท่าน ข้ามั่นใจเจ้าค่ะ!”“อื้ม” เฉินฝานเองก็พยักหน้าเช่นเดียวกัน จากนั้นหันไปสั่งองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ “ไปแจ้งแม่ทัพเหอ เปิดประตูเมือง ยุติการปิดประตูเมือง”เมื่อได้ยินเฉินฝานบอกว่าจะยุติการปิดประตูเมือง ฉินเย่ว์เจียวพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ “นายท่านเจ้าคะ หากเปิดประตูเมือง นักฆ่าหญิงพวกน
หวนนึกถึงภาพเพื่อนสนิทที่ถูกเสือฉีกร่างทั้งเป็น ฉินเย่วฉินดวงตาแดงก่ำ แววตาแน่วแน่“ได้!” เฉินฝานขานรับน้ำเสียงเด็ดขาดอย่างมากในขณะเดียวกันที่เฉินฝานออกเดินทาง โจวอวี่ก็พามือปืนหนึ่งพันคนของเขาปลอมตัวเป็นชาวบ้าน เดินทางจากอีกฝั่งของเมืองเช่นกันวันนี้คนบนท้องถนนมีจำนวนมากเป็นพิเศษ รถม้าของเฉินฝานต้องหยุดหลายครั้งเมื่อรถม้าหยุดอีกครั้ง ฉินเย่ว์ฉินกล่าวด้วยความหงุดหงิด “เจ้าเป็นท่านอัครเสนาบดีที่ตำแหน่งอำนาจสูงส่งมิใช่หรือ? ไฉนคนเดินเท้าบนท้องถนนจึงกล้าขวางทางรถม้าเจ้า”“ขวางทางอันใดกัน? พวกเราใต้เท้ามิใช่ขุนนางกังฉินที่วางอำนาจตามอำเภอใจไปทั่ว ใต้เท้าต้องรักและดูแลราษฎร วันนี้คนที่ออกจากเมืองค่อนข้างเยอะ พวกเราเพียงหยุดเพื่อหลีกทางให้ฝูงชนเท่านั้น อีกอย่างบัดนี้พวกเรามิได้นั่งรถม้าของอัครเสนาบดีเสียหน่อย”หลี่จู้นายพลประจำกายคนใหม่ของเฉินฝานที่ติดตามอยู่ด้านนอกรถม้าเริ่มปริปากตำหนิฉินเย่ว์ฉิน ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องที่โรงมหรสพจวบจนบัดนี้ เขาคิดมาตลอดว่าเป็นความผิดของฉินเย่ว์ฉิน หากมิใช่เพราะนาง เฉินฝานก็คงจะมิตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายบัดนี้เฉินฝานยังเป็นอัครเสนาบดีที่ ‘ตายไปแล้ว’
“ถูกต้อง คนของตำหนักเซียวเหยาส่วนใหญ่ล้วนมีวรยุทธ์ติดตัวและวางยาพิษเป็น และมีคนที่สามารถควบคุมงูได้เช่นกัน ทว่าสตรีที่ทำอันใดมิเป็นสักอย่างมีเยอะกว่าเสียอีก ทุกคนล้วนหน้าตาค่อนข้างดี พวกนางจะแยกย้ายกันไปแต่ละแคว้นในแผ่นดินใหญ่ ใช้ประโยชน์จากความงามของตนดึงดูดบุรุษ หลังจากที่ตั้งท้องได้สำเร็จแล้วก็จะตีตัวออกห่างหายไปอย่างเงียบ ๆ”“เดิมทีสตรีก็มีฐานะต่ำต้อยอยู่แล้ว ผนวกกับการที่พื้นที่ส่วนใหญ่ทั้งแคว้นหญิงเยอะชายจำนวนน้อย การจากไปของพวกนางมิเพียงแต่มิได้ทำให้ชายเหล่านั้นเสียใจเท่านั้น ชายส่วนใหญ่กลับรู้สึกยินดี อย่างไรเสียก็คงมิมีชายใดที่อยากให้สตรีที่ตนเองได้ร่วมอภิรมย์แล้วจากไปโดยมิบอกกล่าว”ตอนที่ฉินเย่ว์ฉินพูด ใช้สายตาถมึงทึงมองไปที่เฉินฝานเฉินฝานรู้ว่าฉินเย่ว์ฉินก็มีความสงสัยเช่นนี้กับเขาเช่นกัน เขามิได้แก้ตัว แก้ตัวไปก็ไร้ประโยชน์ เรื่องเช่นนี้มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะสามารถพิสูจน์ได้และที่นางพูดก็เป็นเรื่องจริงชายที่ถูกดึงดูดได้อย่างง่ายดายปานนั้น ย่อมมิยอมรับผิดชอบเป็นแน่“จากนั้นล่ะ หลังจากนั้นพวกนางอุ้มท้องแล้วก็กลับไปที่ตำหนักเซียวเหยาเช่นนี้รึ?”“ถูกต้อง” ฉินเย่ว์ฉิน
เฉินฝานรู้ว่าฉินเย่ว์ฉินหวาดระแวง “มิต้องสงสัยหรอก ข้าเชื่อเจ้าจริง ๆ”“ทำไมล่ะ?”“เพราะเจ้าเป็นพี่สาวของเย่ว์เจียว”อีกหนึ่งเหตุผลหนึ่งคือ ฉินเย่ว์ฉินออกมาเสี่ยงชีวิตช่วยเขาและฉินเย่ว์เจียวโดยมิห่วงความปลอดภัยตนเองแม้แต่น้อย“เพียงแค่นี้งั้นรึ?” ฉินเย่ว์ฉินสีหน้ามิเชื่อ“และเพราะว่าเจ้าเป็นภรรยาของข้า” เฉินฝานมิได้พูดเล่นหนังสือทางการที่เขาครอบครองอยู่ ตราบใดที่เขามิเขียนใบหย่า ฉินเย่ว์ฉินย่อมเป็นคนของเขาตลอดไป“แต่ข้ามิชอบเจ้า”“แล้วอย่างไรต่อ? ชีวิตของเจ้าเป็นข้า ตายไปแล้ววิญญาณก็เป็นของข้า” มิว่าจะเป็นน้ำเสียงหรือท่าทางของเฉินฝานล้วนแน่วแน่และเอาแต่ใจอย่างมากวินาทีที่ฉินเย่ว์ฉินกลับมา เฉินฝานก็มิได้คิดจะปล่อยให้นางจากไปตามกฎหมายของต้าชิ่ง ในฐานะที่เป็นสามี เขามีหน้าที่ดูแลนาง นางทำความผิด เขาก็มีหน้าที่อบรมสั่งสอนนางเช่นกันฉินเย่ว์ฉินใจเต้นจากคำพูดจี้ใจดำของเฉินฝานมิใช่รู้สึกหวั่นไหวเฉินฝานตอนที่อยู่หมู่บ้านซานเหอช่วงแรกมักพูดเสียงดังน้ำเสียงดุร้ายเสมอ ทว่าตอนนั้นฉินเย่ว์ฉินมิได้รู้สึกหวาดกลัวอย่างแน่นอน ถึงขั้นรู้สึกรำคาญอย่างมาก เฉินฝานในตอนนี้มิได้พูดเสียงดัง
ฉินเย่ว์ฉินเช็ดน้ำตาด้วยความรีบร้อน “อย่ามาพูดจาเหลวไหล ข้ามิได้ร้องไห้เสียหน่อย เพียงแค่เศษดินทรายเข้าตาเท่านั้น”“อ๋อ ๆ พี่รองมิได้ร้องไห้ เพียงแค่เศษดินทรายเข้าตา”ระหว่างที่พูด ฉินเย่ว์เจียวก็จูงมือเฉินฝานและฉินเย่ว์ฉิน “พวกพี่มิเป็นไรก็ดีแล้ว ในที่สุดพวกเราเหล่าพี่น้องก็พร้อมหน้าพร้อมตากันได้เสียที พวกเราจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ข้าจะไปกว้านซื้อประทัดมาเยอะ ๆ เสียงประทัดต้องดังทั้งวันทั้งคืน”“ไม่!”เฉินฝานและฉินเย่ว์ฉินพูดออกมาพร้อมกัน“ข้าจะมิกลับไปกับพวกเจ้า” น้ำเสียงฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา นางยังคงมิยอมรับในตัวเฉินฝาน“จะจุดประทัดมิได้ บัดนี้ข้ามิสามารถกลับไปได้ชั่วคราว กลับไปเช่นนี้มิได้” เฉินฝานกล่าว“พี่รอง ข้ารู้ว่าพี่คิดอันใดอยู่ พี่มิอยากกลับไป ข้าก็คิดไว้อยู่แล้ว แต่...” ฉินเย่ว์เจียวถามเฉินฝานด้วยความสงสัย “นายท่าน ไฉนท่านจึงมิกลับ?”“พี่มิเพียงแต่กลับไปมิได้เท่านั้น และยังมิสามารถ ‘มีชีวิตอยู่’ ได้”“ใต้เท้าพูดถูก บัดนี้ใต้เท้ามิสามารถมีชีวิตอยู่ได้” ไป่เผยหรานที่อยู่ด้านข้างเข้าใจความหมายแฝงในประโยคที่เฉินฝานพูดทันทีขอเพียงเฉินฝานและฉินเย่ว์ฉิน‘เสียชีวิต’ ผู้ชักใยอย
เหอจื่อหลินและไป่เผยหรานพากองกำลังขยายอาณาเขตในการขุดค้น ทว่าหาอยู่นานก็ยังมิพบอยู่ดีมิรู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร“นายท่าน พี่รอง!”ฉินเย่ว์เจียวที่โดยปกติแล้วมีนิสัยดุดันตรงไปตรงมา บัดนี้ร้องไห้จนแทบจะหมดสติเหอจื่อหลินและไป่เผยหรานกำลังจะจัดแจงคนให้พานางกลับไป ปรากฏว่าเพิ่งจะปริปาก ฉินเย่ว์เจียวก็ถูกสิ่งของกระทบใส่อย่างรุนแรง“ตุ้บ!”ฉินเย่ว์เจียวถูกขว้างก้อนหินใส่“เจ้าคนหน้าไหนรนหาที่ตาย บังอาจขว้างหินใส่ข้า”“เจ้าเอะอะโวยวายปานนี้ และยังทุบตีคนที่ช่วยข้าอย่างรุนแรง เจ้ากลัวว่าพี่จะตายช้าไปหรือกระไร?”......!!!!ทุกคนล้วนตกตะลึงไปครู่ใหญ่ จึงได้สติกลับมาคือเฉินฝาน นี่คือเสียงของเฉินฝาน“นายท่าน ๆ”“ใต้เท้า ๆ”ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวเข้าหาคนแรก ทว่ามินานนางก็รู้สึกงุนงง ได้ยินเสียงเฉินฝานแล้ว แล้วตัวเขาอยู่ที่ใด“นายท่าน ๆ ท่านอยู่ที่ใด?” ฉินเย่ว์เจียวร้อนรนใจจนกระทืบเท้า“เจ้าหยุดกระทืบเท้าได้แล้ว ถ้ายังกระทืบเท้าข้าคงได้ตายจริง ๆ แล้ว!”ได้ยินเช่นนี้ ฝูงชนมองใต้เท้าฉินเย่ว์เจียวตามสัญชาตญาณเฉินฝานอยู่ใต้เท้าฉินเย่ว์เจียวจริง เขาถูกโต๊ะตัวหนึ่งทับร่างไว้ เพราะโต
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีข้อสงสัยมากมาย แต่อย่าเพิ่งมาถามตอนนี้ รีบตามข้ามา !”ฉินเย่ว์ฉินลากฉินเย่ว์เจียวไปทันที ดูจากท่าทางของนางแล้ว คงจะเป็นสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานจริง ๆฉินเย่ว์ฉินมุ่งหน้ากลับไปเรือนที่นางออกมาเมื่อครู่“ไปทางนั้นมิได้!” เฉินฝานตะโกนดังลั่นจู่ ๆ เขาก็ได้กลิ่นดินปืนจำนวนมาก จากประสบการณ์ในยุคปัจจุบันของเขา ดินปืนนี้จวนจะระเบิด“เย่ว์เจียวเย่ว์ฉิน อ๋องตวน อีกมินานที่แห่งนี้จะระเบิดแล้ว จงล่าถอยไปด้านนอก!”สองสามปีมานี้ฉินเย่ว์เจียวและอ๋องตวนมักจะติดตามอยู่ข้างกายเฉินฝานเสมอ เฉินฝานมักจะทำการทดลองระเบิดอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เฉินฝานพูด และเข้าใจผลที่ตามมาของการระเบิดดินปืนในยุคนี้เป็นสินค้าหายาก เพราะดินปืนมีอานุภาพทำลายที่รุนแรง ดังนั้นดินปืนจึงเป็นสินค้าที่ทางการควบคุมอย่างเข้มงวด โดยปกติแล้วราษฎรมิสามารถครอบครองได้ แม้ฉินเย่ว์ฉินจะอยู่ในกลุ่มตำหนักเซียวเหยาที่แข็งแกร่งปานนั้นก็มิแน่เสมอไปว่าจะเคยสัมผัสกับดินปืนมากก่อน ผนวกกับการที่นางรู้สึกมิดีกับเฉินฝาน นางจึงมิฟังคำพูดของเขา นางมิได้ล่าถอยตามฉินเย่ว์เจียวไปด้านนอก ยังคงยืนกรานจะไปที่เรือนหลังนั้น“ไปม
“พี่รอง!” ฉินเย่ว์เจียวพุ่งตัวไปกอดฉินเย่ว์ฉินไว้แน่น ทั้งร่ำไห้และตะโกน “สองสามปีที่ผ่านมานี้พี่ไปอยู่ที่ใดมา ไฉนพี่มิกลับมาเยี่ยมพวกเราบ้าง พี่ใหญ่และนายท่านส่งไปคนมากมายไปตามหาพี่ ก็ยังมิเจอพี่อยู่ดี พี่รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นห่วงพี่เพียงใด?”ฉินเย่วเจียวร้องไห้ไปเรื่อย ๆ ก็เริ่มบ่นฉินเย่ว์ฉิน “ไฉนพี่จึงใจดำเช่นนี้ ยังมีชีวิตอยู่แท้ ๆ ไฉนจึงมิยอมกลับมา ไฉนมิยอมมาเจอหน้าพวกเรา? จำพวกเรามิได้แล้วงั้นรึ? และยังมีเรื่องของนายท่านอีก บัดนี้เขามิใช่นายท่านแบบเมื่อก่อนแล้ว ข้ามิเชื่อหรอกว่าพี่จะมิเคยได้ยินเรื่องที่เขาเปลี่ยนตัวเอง พี่จะต้องเคยได้ยินมาอย่างแน่นอน และพี่ก็รู้ด้วยว่าพวกเราเป็นห่วงเพียงใด แต่ก็ยังมิยอมกลับมาอยู่ดี พี่ช่างเป็นคนที่ใจดำอำมหิตเสียจริง”รู้สึกว่าบ่นไปก็มิได้ผล ฉินเย่ว์เจียวก็เริ่มชกต่อยฉินเย่ว์ฉิน นางนำความถวิลหา ความกังวลใจ ความคับแค้นใจที่มีต่อฉินเย่ว์ฉินทั้งหมดรวมเข้ามาไว้ในกำปั้นตนเองฉินเย่ว์ฉินมิได้ต่อต้าน มิได้เถียงกลับ ทำเพียงยืนอยู่ตรงนั้นให้ฉินเย่ว์เจียวระบายอารมณ์ ตอนที่ฉินเย่ว์เจียวกล่าวถึงเฉินฝาน ฉินเย่ว์ฉินหันไปมองเฉินฝาน ทว่าเป็นชำเลืองมองเพียงครู่เ
มิถึงเวลาหนึ่งถ้วยชา ผู้ฟังทั่วบริเวณล้มลงไปนอนกับพื้นทั้งหมด คนส่วนใหญ่ล้วนถูกงูฉกตาย ส่วนคนที่ถูกฉกแต่ยังมิสิ้นลม ใบหน้าดำคล้ำสติเลือนรางเพราะพิษงูมีผู้ฟังที่ล้มลงกับพื้นตรงประตูทางออกมากที่สุด เพราะคนส่วนใหญ่คิดที่จะหนีออกไป ทว่าประตูทางออกใหญ่ปิดล็อกไปตั้งแต่ตอนที่พวกเฉินฝานเข้ามาแล้ว“ให้ตายสิ!” อ๋องตวนตะโกนลั่น “แม้ทั้งชีวิตข้าจะทำเรื่องเลวทรามมาเยอะ เคยคิดไว้อยู่แล้วว่าอาจจะต้องตายอย่างน่าสังเวช ทว่าต่อจะให้น่าสังเวชเพียงใด ข้าก็มิอยากถูกงูฉกตายเช่นนี้!”อ๋องตวนที่ปกติมิเกรงกลัวสิ่งใด บัดนี้กลับเกิดความหวาดกลัวอย่างแท้จริง เขาหวาดกลัวงูที่สุด ตัวลื่น ๆ เนื้อสัมผัสเย็น ๆรูปลักษณ์ภายนอกน่าขยะแขยงเพียงแค่คิดก็รู้สึกขนพองสยองเกล้าแล้ว นับประสาอันใดกับการเห็นและถูกฉกด้วยตาตนเอง“ท่านอ๋อง ท่านมายืนด้านหลังข้า” ฉินเย่ว์เจียวกล่าวจบ ก็มองไปทางเฉินฝาน เฉินฝานพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเฉินฝานอนุญาต ฉินเย่ว์เจียวยื่นมือไปที่เอวทันทีฉินเย่ว์เจียวยังมิทันได้หยิบขลุ่ยไม้ไผ่ตรงเอวขึ้นมา ด้านนอกก็เสียงดนตรีที่เนิบนาบดังขึ้นเมื่อเสียงดนตรีนั้นดังขึ้น งูที่แต่เดิมโจมตีคนอย่างบ้าคลั่ง จู่ ๆก
วินาทีที่เห็นสตรีนางนั้น หลี่อวี้ไห่ตาเบิกกว้าง องครักษ์หญิงด้านหลังเขาเหล่านั้นก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน ตกตะลึงเหลือเชื่อ และหวาดกลัว!สตรีผู้นั้นหยุดฝีเท้าตรงหน้าหลี่อวี้ไห่ กะพริบตาเล็กน้อย น้ำเสียงเนิบนาบ “พวกเราโรงมหรสพเซียนยินทำการค้า ขอเพียงมิฝ่าฝืนกฎหมายต้าชิ่ง ก็ต้องเติมเต็มความต้องการของแขกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”หลี่อวี้ไห่ยังคงยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ทั้ง ๆ ที่เป็นคนวัยกลางคนผ่านโลกมามากมายแล้ว บัดนี้กลับทำอันใดมิถูก“หืม?” สตรีนางนั้นเลิกคิ้วขึ้นเลิกเล็กน้อย น้ำเสียงยังคงเนิบนาบ ทว่ากลับแฝงด้วยรังสีเย็นยะเยือกที่ทำให้คนอกสั่นขวัญผวา นางยกมือเรียวยาวของนางขึ้น ปัดไรผมบนหน้าผากตนเองเบา ๆ กำไลข้อมือรูปงูสีทองเปล่งประกายสะท้อนแสง “หูใช้การมิได้แล้วงั้นรึ?”เหงื่อเย็นหลายเม็ดผุดขึ้นหน้าผากหลี่อวี้ไห่ทันที “เร็วเข้าสิ รีบนำสุรามาให้ท่านอ๋อง”ตอนที่หลี่อวี้ไห่เหงื่อเย็นไหลออกมา อ๋องตวนก็เริ่มสงบสติอารมณ์มิได้ นับตั้งแต่วินาทีที่สตรีนางนั้นออกมา เขาก็เริ่มสงบสติอารมณ์มิอยู่แล้ว ทว่าเฉินฝานห้ามเขาไว้ตอนที่สาวใช้ยกสุราผ่านหน้าสตรีไป สตรีนางนั้นก็ยื่นมือเรียวยาวออกมาอีกครั้ง “เอาม