เมื่อก่อนเวลาเฉินฝานตำหนิลูกๆ ฉินเย่ว์เจียวจะคอยปกป้อง แต่ครั้งนี้นางไม่ปกป้องแล้ว นางพูดด้วยสีหน้าเย็นชา“เสี่ยวไชเอ๋อร์ พ่อของลูกพูดถูก ลูกทำตัวเหลวไหล ร่ำเรียนมีวิชาความรู้เพียงเล็กน้อย ก็เรียกงูมากมายมาเช่นนี้ อีกทั้งงูหลายตัวก็มีพิษ หากไม่อาจควบคุม พวกงูทำร้ายพี่ชายและน้องชาย จะทำอย่างไร?”“สิ่งที่ลูกพูดไม่ใช่คาถาเพียงผิวเผิน คาถาของแม่สาม ลูกจำได้เป็นอย่างดี ไม่มีทางสูญเสียการควบคุมแน่ขอรับ”เสี่ยวไชเอ๋อร์ที่อายุไม่ถึงสี่ขวบ ใบหน้าที่ยังเปี่ยมไปด้วยความเป็นเด็ก ทว่าใบหน้าเด็กน้อยนี้ กลับฉายความเป็นผู้ใหญ่และเย็นชาอย่างที่ไม่ควรจะเป็น ถ้อยคำที่เปล่งออกมาก็พูดอย่างคล่องแคล่วเฉินฝาน “เชื่อมั่นในตนเองมากเกินไปเป็นการทำร้ายตนเอง!”“การทำร้ายตนเองคืออะไรขอรับ?” เสี่ยวไชเอ๋อร์เอียงหน้าถามเฉินฝานเบิกตากว้าง “การทำร้ายตนเองก็ยังไม่เข้าใจอีก คือการที่ลูกคิดว่าตนสามารถควบคุมงูได้เหมือนแม่สามอย่างไรเล่า!”“ฮือ!”เสี่ยวไชเอ๋อร์ตกใจร้องไห้ในอ้อมกอดของฉินเย่ว์เจียว“ร้องไห้อะไร ลูกผู้ชาย การร้องไห้เป็นเรื่องไร้สาระที่สุด”เสียงร้องไห้ของเสี่ยวไชเอ๋อร์หยุดลง เขาตกตะลึงกับคำพูดของเฉิน
ฉินเย่ว์เจียวเดินออกไปข้างนอก โดยมีจวนเฉินเป็นศูนย์กลาง หลังจากเดินในรัศมีสามสิบลี้ นางหยุดลงฉินเย่ว์เจียวหันไปหาเฉินฝานพร้อมกับส่ายหน้า สีหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวังช่างน่าเสียใจยิ่งนัก ยังคงไม่รู้ว่าพวกนักฆ่าหญิงอยู่ที่ใด นางไม่อาจเรียกตัวได้แม้เพียงหนึ่งตัว“ฮูหยินสาม หรือว่างูของนักฆ่าหญิงพวกนั้นถูกเสี่ยวไชเอ๋อร์เรียกมาหมดแล้วเจ้าคะ?” เย่ว์หนูที่ติดตามมาโดยตลอดเอ่ยถามฉินเย่ว์เจียวส่ายหน้า “ด้วยความสามารถของเสี่ยวไชเอ๋อร์ เป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกงูทั้งหมดของนักฆ่าหญิงมาได้ สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายในตอนนี้ได้คือ นักฆ่าหญิงพวกนั้นฆ่างูทั้งหมดแล้ว”“เย่ว์เจียว เจ้ามั่นใจได้หรือไม่ว่าพวกงูถูกนักฆ่าหญิงฆ่าหมดแล้ว?” เฉินฝานถามฉินเย่ว์เจียวเงียบครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “นายท่าน ข้ามั่นใจเจ้าค่ะ!”“อื้ม” เฉินฝานเองก็พยักหน้าเช่นเดียวกัน จากนั้นหันไปสั่งองครักษ์ที่อยู่ข้างๆ “ไปแจ้งแม่ทัพเหอ เปิดประตูเมือง ยุติการปิดประตูเมือง”เมื่อได้ยินเฉินฝานบอกว่าจะยุติการปิดประตูเมือง ฉินเย่ว์เจียวพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ “นายท่านเจ้าคะ หากเปิดประตูเมือง นักฆ่าหญิงพวกน
หญิงวัยกลางคนรับงูทองเงินมาจากมือของหญิงสาว หมุนตัวหันหลังเดินเข้าไป นางหยุดลงบนหีบเหล็กขนาดใหญ่ข้างเตียง หญิงวัยกลางคนเปิดหีบเหล็กออกหีบเหล็กที่เพิ่งเปิดกว้าง ด้านในมีหัวงูยื่นออกมา ภายในหีบเหล็กเต็มไปด้วยงูพิษหลากหลายสายพันธุ์ยั้วเยี้ยไปหมด งูพิษในหีบเหล็กอยากเลื้อยออกมา หญิงวัยกลางคนพูดพึมพำบางอย่าง ไม่รู้ว่านางพูดสิ่งใด ฟังแล้วเกรี้ยวกราดอย่างมาก คล้ายกำลังด่าคนงูพิษหดหัวกลับไป หีบเหล็กมีรูเล็กๆ มากมาย งูในหีบเหล็ก ต่างเบียดเสียดกันในรูเล็ก มองออกไปข้างนอกหญิงวัยกลางคนโยนงูทองเงินบนมือเข้าไปในหีบเหล็ก จากนั้นปิดหีบและล็อกกุญแจแน่น ขณะเดียวกันนางก็สวดพึมพำบางอย่าง “โชคดีที่มีหีบเหล็กนี้อยู่ มิเช่นนั้นพวกมันถูกหญิงคนนั้นเรียกไปหมดแล้ว”“วิชาควบคุมงูของท่านดีมากพอแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่วิชาความรู้ไล่เลี่ยกับท่าน!”หญิงวัยกลางคนหันไปพูดกับหญิงสาวหญิงสาวเดินเข้าไปหา นางล้มตัวลงพิงบนหัวเตียงเรือนร่างอรชร ใบหน้างดงามฉายความเกียจคร้าน เวลานี้นางเหมือนงูตัวหนึ่งมากงูงดงามตัวหนึ่ง“ฮูหยินสามของท่านอัครเสนาบดี เลื่องชื่อยิ่งนัก นางมีความสามารถเช่นนี้ ก็ไม่เหนือคาดกระมัง”“ท
“แต่ว่าเสี่ยวไชเอ๋อร์ยังเด็กมาก หากเป็นอะไรขึ้นมา เช่นนั้น...”“เช่นนั้นต้องพึ่งแม่สามเยี่ยงเจ้าแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าจะปกป้องเสี่ยวไชเอ๋อร์ได้”“นายท่าน ข้ากลัวเจ้าค่ะ” ฉินเย่ว์เจียวมากความสามารถ ปกตินางไม่เคยกลัวฟ้ากลัวดิน แต่ให้นางปกป้องเสี่ยวไชเอ๋อร์ นางกลับรู้สึกกลัวไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนางล้วนย่อมได้ แต่ไม่อาจยอมให้เกิดเรื่องใดๆ ขึ้นกับเสี่ยวไชเอ๋อร์เพราะเพียงเสี่ยวไชเอ๋อร์มีแผลถลอกเพียงเล็กน้อย ฉินเย่ว์โหรวก็จะด่านางฉินเย่ว์โหรวอ่อนโยนกับทุกเรื่องและทุกคน มีเพียงเรื่องของเฉินฝานและลูกๆ เท่านั้นที่นางไม่อาจอ่อนโยนได้“ไม่ต้องกลัว ถึงเวลาเย่ว์หนูจะนำทัพทหารหญิงลอบปกป้องเจ้าเอง สำหรับเย่ว์โหรว ข้าจัดการเอง”“เจ้าค่ะ นายท่าน ตอนนี้ข้าจะล่องูเข้าเมืองก่อน ท่านกลับจวนก่อนเจ้าค่ะ จับตัวน้องสี่ขึ้นบนเตียง เมื่อขึ้นเตียง น้องสี่ต้องกอดนายท่านอย่างน้อยครึ่งวัน นางชอบครางยิ่งนัก ยามนางคราง แม้ฟ้าถล่มลงมาก็ไม่หวั่นเกรง” ฉินเย่ว์เจียวกล่าว“เอ่อ...เย่ว์เจียว อันที่จริงเจ้าไม่ต้องพูดตรงเช่นนี้ก็ได้!” ฉินเย่ว์เจียวพูดจนเฉินฝานรู้สึกประหม่า รักนวลสงวนตัวที่โบราณกล่าวไว้เล่า?“
ธิดาเทพ?ธิดาเทพอันใด?ฉินเย่ว์เจียวตะลึงงันอยู่กับที่เฉินฝานพุ่งปราดเข้าไปแล้วโน้มตัวลง ชี้ไปที่ฉินเย่ว์เจียวพลางถามว่า “เจ้าเรียกนางว่าอันใด ธิดาเทพ? นางเป็นธิดาเทพของพวกเจ้าหรือ?”นักฆ่าหญิงไม่ตอบเฉินฝาน เพียงแต่จ้องมองฉินเย่ว์เจียวด้วยแววตาหวาดกลัว แรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ในร่างใช้ไปกับปาก ริมฝีปากของนางสั่นเทาอย่างแรง พึมพำไม่หยุดว่า “ธิดาเทพ ธิดาเทพ...”จนกระทั่งสิ้นลมหายใจ เสียงของนักฆ่าหญิงถึงค่อยหยุดลง“หมอ หมอรีบมาดูเร็วเข้า”เสียงร้อนใจของไป่เผยหรานดังขึ้นเฉินฝานโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว ไม่รอดแล้ว”สาเหตุการตายของนักฆ่าหญิงคือเสียเลือดมากเกินไป ในยุคโบราณที่ไม่มีการผ่าตัด ไม่มีการให้เลือด ต่อให้เป็นหมอสวี่ไท่ที่มีวิชาแพทย์ระดับสุดยอดก็ไม่อาจช่วยชีวิตนักฆ่าหญิงผู้นี้ไว้ได้“ลากนางออกไป ค้นตัวให้ละเอียด หากไม่พบสิ่งที่เป็นประโยชน์ก็ฝังเสีย” เฉินฝานกล่าวหลังจากที่ลากนักฆ่าหญิงออกไป สายตาของทุกคนในห้องล้วนจับจ้องไปที่ฉินเย่ว์เจียวฉินเย่ว์เจียวถูกจ้องมองขนลุกซู่ “พวกเจ้ามองข้าเพราะเหตุใด ข้าเป็นพระขนิษฐาของฝ่าบาท จะเป็นธิดาเทพของนักฆ่าหญิงอะไรนั่นได้อย่างไร?”ฉินเย่ว
ฉินเย่ว์เจียวเอียงศีรษะกล่าวว่า “ข้ากับพี่หญิงรองหน้าตาคล้ายกัน แต่ก็ต่างกันมากเช่นกัน”“อ้อ?” เฉินฝานเลิกคิ้วขึ้น “ต่างกันมากตรงไหน”“หน้าตาของพี่หญิงรองคล้ายคลึงกับข้ามากจริง ๆ แต่รูปร่างกับนิสัยของเราสองคนแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”“แตกต่างกันอย่างไร?”“พี่หญิงรองรูปโฉมงดงาม” เมื่อเอ่ยถึงฉินเย่ว์ฉิน ใบหน้าของฉินเย่ว์เจียวก็เต็มไปด้วยความอิจฉา “รูปร่างของนางยอดเยี่ยมมากแบบว่า...” ฉินเย่ว์เจียวเอามือวาดไปที่หน้าอกกับบั้นท้ายของตนไม่หยุด “นอกจากนี้ตรงสองจุดนี้ก็ยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ อืม แบบว่านายท่าน หากท่านเห็นแล้วจะต้องชมชอบอย่างแน่นอน” ตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน พี่น้องตระกูลฉินยังเข้าใจเรื่องความรัก แต่ไม่เข้าใจเรื่องระหว่างชายหญิงดีนัก พวกนางล้อเลียนบั้นท้ายและหน้าอกของฉินเย่ว์ฉินอยู่บ่อย ๆ ว่าใหญ่เกินไป ดูน่าเกลียดมากฉินเย่ว์ฉินก็มักจะดูแคลนตนเองเพราะรูปร่างที่โดดเด่นของตน แม้กระทั่งฤดูร้อนก็ยังห่อตัวเองเสียมิดชิดแต่หลังจากที่ฉินเย่ว์เจียวรักกับเฉินฝาน เข้าใจรสนิยมของบุรุษแล้ว นางถึงได้เข้าใจว่าฉินเย่ว์ฉินมีรูปโฉมดึงดูดใจบุรุษมากที่สุดในหมู่พวกนางพี่น้องทั้งห้าคนเฉินฝานเอ่ยอย่าง
เฉินฝานยังไม่ทันตอบกลับ ฉินเย่ว์เจียวก็ส่ายหัวไม่หยุด “ไม่ เป็นไปไม่ได้ พี่รองไม่มีทางเป็นธิดาเทพของนักฆ่าพวกนั้น แม้ว่าเมื่อก่อนพี่หญิงรองจะเกลียดชังนายท่านคนก่อนหน้านี้ แต่นางไม่มีทางเป็นมารร้ายสังหารผู้คนเป็นอันขาด!”“นายท่าน!” ฉินเย่ว์เจียวคว้ามือของเฉินฝานไว้ แล้วเอ่ยอย่างกังวลใจว่า “พี่หญิงรองไม่มีทางเป็นธิดาเทพเด็ดขาด บนโลกนี้มีคนหน้าตาคล้ายกันอยู่มากมาย ธิดาเทพผู้นั้นแค่บังเอิญหน้าตาเหมือนข้าเท่านั้น!”“เย่ว์เจียว!” เฉินฝานกุมมือฉินเย่ว์เจียวกลับ เขาไม่คิดจะปิดบังเลย “เสียใจด้วยมาก ๆ ตอนนี้หลักฐานต่าง ๆ บ่งชี้ว่าธิดาเทพที่นักฆ่าพวกนั้นเอ่ยถึง มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเป็นพี่หญิงรองของเจ้า”เมื่อฉินเย่ว์เจียวบอกว่านางหน้าตาคล้ายคลึงฉินเย่ว์ฉิน เฉินฝานก็รู้สึกหนักอึ้งอย่างมาก หลักฐานที่ทางไป่เผยหรานรวบรวมมากขึ้นเรื่อย ๆ บ่งชี้ว่าการฆาตกรรมบุรุษที่โหดร้ายชุดนี้เป็นฝีมือของตำหนักเซียวเหยาตอนนี้ก็รอให้หวงหวั่นเอ๋อร์กลับมายืนยันเท่านั้นเฉินฝานคิดว่าตำหนักเซียวเหยาจะต้องใช้ฉินเย่ว์ฉินให้เป็นประโยชน์ แต่คิดไม่ถึงว่าฉินเย่ว์ฉินจะมีฐานะสูงส่งถึงเพียงนี้ในตำหนักเซียวเหยาตอนถูกขั
“ไม่ พระองค์เป็นฮ่องเต้ กระหม่อมคือขุนนาง พิธีการที่พึงมีจะขาดไม่ได้”เฉินฝานทำความเคารพฉินเย่ว์เหมยต่อไปเมื่อเห็นท่าทางทำความเคารพอย่างชำนาญของเฉินฝาน นัยน์ตาของฉินเย่ว์เหมยก็ฉายแววผิกหวังนับตั้งแต่ที่นางประกาศเป็นจักรพรรดินีต่อหน้าทุกคน เฉินฝานยังคงดีกับนางอย่างยิ่ง เขาพยายามจัดการเรื่องราวในแคว้นทุกอย่าง ช่วยเหลือนางอย่างสุดความสามารถเพื่อบริหารบ้านเมืองนี้ให้ดี แต่ก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น เขาไม่แสดงความสนิทสนมกับนางเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว นางรู้ว่าเฉินฝานยังโกรธนางอยู่ โกรธที่นางไม่ปรึกษาเขาก็ประกาศเอาเองว่าจะเป็นฮ่องเต้ อีกทั้งยังสาบานว่าจะไม่แต่งงานชั่วชีวิตฉินเย่ว์เหมยไม่เคยนึกเสียใจกับการที่ตนเองเลือกเช่นนี้ หากเลือกได้อีกครั้ง นางยังคงทำเช่นนั้นเนื่องจากมีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถปกป้องเฉินฝานเอาไว้ได้ ปกป้องพี่สาวน้องสาวของนางเอาไว้ได้ หลังจากทำความเคารพแล้ว เฉินฝานก็ไม่พูดเวิ่นเว้อมากเช่นกัน เขาตอบคำถามเมื่อครู่นี้ของฉินเย่ว์เหมยตรง ๆ ว่า “นักฆ่าหญิงคนนั้นคิดว่าเย่ว์เจียวเป็นธิดาเทพจริง ๆ”แม้ว่าฉินเย่ว์เหมยจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินเฉินฝานพูดเอ
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ