เกียรติคุณประจำอำเภอ หมายถึงบุคคลที่ทำคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้กับทั้งอำเภอ การได้รับเกียรตินี้ไม่น้อยหน้าไปกว่าผู้สอบได้ที่หนึ่งของอำเภอจากนี้ไป ไม่ว่าเฉินฝานจะไปที่ไหน ทุกคนต้องทักทายเขาด้วยความเคารพ และมีสถานะทางสังคมที่ทัดเทียมกับหลี่เจิ้งหากกล่าวโดยตรง เฉินฝานสามารถทำได้ทุกสิ่งในหมู่บ้านซานเหอนายอำเภอมอบรางวัลระดับสูงเช่นนั้นให้กับเฉินฝาน ก็เพื่อส่งเสริมให้ผู้ชายที่ร่ำรวยในอำเภอแต่งภรรยาให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดจำนวนผู้หญิงที่ถูกบังคับให้กลายเป็นคนเร่ร่อน และตัวเขาเองก็สามารถบรรลุภารกิจทางการเมืองได้อีกด้วยตั้งแต่เฉินฝานกลับมา เฉินเจียงก็แอบฟังอยู่ข้างกำแพงชื่อเสียงของเฉินฝานที่มีอยู่ในหมู่บ้านเพิ่มขึ้นทุกวันจนเกือบเท่ากับเขา เขากลัวว่าเฉินฝานจะเหนือกว่า จึงยุยงให้จูต้าอันไปเรียกผู้หญิงเหล่านั้นมา และใช้โอกาสนี้โค่นล้มเฉินฝาน ต่อให้ล้มเฉินฝานไม่สำเร็จ อย่างน้อยชื่อเสียงของเขาก็ถูกทำลายไม่คาดคิดเลยว่า จะกลับกลายเป็นการส่งเสริมเฉินฝานเมื่อเขาได้ยินว่าเฉินฝานได้รับรางวัลเกียรติคุณประจำอำเภอ เฉินเจียงก็ทนไม่ไหวและสีหน้าของเขาก็ดุร้ายและน่ากลัวมากเฉินฝานผู้ที่เคยถ่อมตัวและ
วันถัดมาเฉินฝานไปตรวจดูสถานการณ์ที่โรงงานแปรรูปไข่ปลา หญิงสาวในโรงงานตาแดงทันทีเมื่อเห็นเขาพวกนางรู้แล้วว่าเฉินฝานจะไม่แต่งงานด้วย และก็รู้ด้วยว่ารายได้ปัจจุบัน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ได้แต่งงานความจริงแล้ว ทันทีที่ข่าวการยกเลิกแต่งงานของเฉินฝานแพร่กระจายออกไป ที่เรือนของครอบครัวของเหล่าหญิงสาวก็มีคนมาทาบทามจำนวนมากเพียงแต่ว่า......เคยเห็นหนึ่งร้อยแล้วจะชอบหนึ่งได้อย่างไรล่ะคนที่พวกนางต้องการแต่งงานด้วยคือเฉินฝานไม่ว่าเขาจะมีภรรยามากกว่าห้าสิบหรือมากกว่าร้อยคนก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้ชายของพวกนางคือเฉินฝานเฉินฝานทำได้เพียงแกล้งหูหนวกและเป็นใบ้ เขาไม่ใช่นักบุญ แน่นอนว่าเขาชอบผู้หญิงสวยจะให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง เขาก็คงทำใจไม่ได้แม้ว่าหนึ่งคนต่อหนึ่งวัน ก็ต้องใช้เวลามากกว่าห้าสิบวันในการวนกลับมาเขาไม่อยากให้พวกนางอยู่คนเดียวในห้อง และความสามารถของเขาก็มีจำกัดต่อให้สุขภาพของเขาดีแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถมีอะไรกับคนทุกวันได้เมื่อเฉินฝานเดินผ่านปานิว นางก็ยืนขึ้นและทักทายเฉินฝานตามปกติ “นายท่านสบายดีนะเจ้าคะ!”“ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเจ้าเป็นอิสระ และไม่ต้องเรียกข้าว่า
“คุณชาย!” หลิวมามาของจวนตระกูลหลี่แทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนใช้ “เสียวกั่วไม่ได้กลับจวนทั้งคืน บ่าวก็ตามหาอยู่เหมือนกันเจ้าค่ะ”หลิวมามาเป็นแม่ของเสียวกั่ว“เสียวกั่วไม่ได้กลับทั้งคืน?” ถึงวินาทีนี้ หลี่ซานเริ่มกังวลแล้วเหมือนกัน เสียวกั่วเป็นผู้คุ้มกันที่ดีมากของจวนตระกูลหลี่ ถ้าเฉินฝานยังหายตัวไปภายใต้การคุ้มกันของเขา แสดงว่าเฉินฝานประสบปัญหาใหญ่แล้วเป็นแน่“ความประพฤติของเสียวกั่วคนนี้ เป็นที่รู้กันดีของทุกคนในจวนตระกูลหลี่ เขาไม่มีทางลักพาตัวนายท่านฝานแน่นอน ที่สำคัญเขาไม่มีเหตุผลจะทำเช่นนั้น การลักพาตัวนายท่านฝานไม่ได้ทำให้เสียวกั่วได้รับผลประโยชน์ใด” นางกลัวหลี่ซานและคนอื่น ๆ จะคิดว่าเสียวกั่วคือคนที่ลักพาตัวเฉินฝาน หลิวมามาจึงออกตัวปกป้องลูกชายไม่หยุดปกติเสียวกั่วเป็นคนนิสัยอ่อนโยนเชื่อฟัง ปกป้องเจ้านายของเขาอย่างภักดี แต่ใจคนยากแท้หยั่งถึง หลี่ซานก็ไม่กล้ารับรองว่าการหายตัวไปของเฉินฝานไม่เกี่ยวข้องกับเสียวกั่วหลี่ซานจึงตัดสินใจแจ้งทางการตระกูลหลี่ร่ำรวยที่สุดในอำเภอผิงอัน นายน้อยของตระกูลหลี่แจ้งต่อทางการด้วยตนเอง แล้วเฉินฝานก็เป็นคนที่เขาเพิ่งมอบรางวัลให้ เมื่อได้รับการแจ
จูจื้ออันตบหน้าผากหนึ่งครั้ง “พี่สะใภ้พูดถูก ข้าเองก็รู้สึกว่าจูต้าอันผิดปกติไป หลายวันมานี้เขามักจะมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ละแวกบ้านของพี่ฝาน และพูดจาเหน็บแนมอยู่หลายครั้ง เขาทนเห็นพี่ฝานได้ดีไม่ได้ แต่วันนี้กลับเงียบเช่นนี้ จะต้องมีเรื่องแน่นอน”“เช่นนั้นจะมัวรอช้าอยู่ใย เรารีบไปกันเถอะ”เฉียนลิ่วพาจูจื้ออัน พวกเขาตามหลังฉินเย่ว์โหรวไป คนกลุ่มหนึ่งเร่งฝีเท้าต่อไปยังบ้านจูต้าอัน “พวกเจ้ามาทำอะไร คิดจะบุกรุกบ้านผู้อื่นโดยพลการเช่นนั้นหรือ? พวกข้าจะไปฟ้องพวกเจ้าที่อำเภอ!”ทันทีที่ทุกคนถึงบ้านจูต้าอัน ภรรยาของจูต้าอันก็ถลันออกมา รวดเร็วเช่นนี้ ไม่น่าจะเพิ่งลุกขึ้นมาจากเตียงเตา คงจะเฝ้าอยู่หน้าประตูเป็นแน่การกระทำของภรรยาจูต้าอันยิ่งทำให้ทุกคนเกิดความสงสัยมากขึ้นหากไม่ได้ทำความผิด ไฉนถึงปลุกภรรยาตัวเองออกมาเฝ้าอยู่หน้าประตูในเวลาดึกดื่นค่อนคืนเช่นนี้เฉียนลั่วผลักไสภรรยาของจูต้าอันออกไป “อย่ามัวเสียเวลากับนาง เรารีบเข้าไปค้นกันเถอะ!”“เหล่าพี่น้องข้า รีบออกมา คนพวกนี้กำลังจะบุกรุกเข้าไปแล้ว!” เมื่อสิ้นสุดเสียงภรรยาของจูต้าอันที่เฝ้าอยู่หน้าประตู หญิงสาวสี่คนได้วิ่งถลาออกมาจากในห้
เจ้าต้องทำถึงเพียงนี้เลยหรือ?” เฉินฝานเอ่ยอย่างจนปัญญาหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเฉินฝานนางปลดกางเกงบนตัวของเฉินฝานออกในขณะที่เขาถูกมัดไว้ พวกนางได้ทำการเปลื้องเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาพร้อมกับปากที่พร่ำบ่นไม่หยุดว่าวันนี้จะต้องสำเร็จแน่นอนร่างกายของเฉินฝานแข็งทื่อเล็กน้อยในนี้มืดสนิทอยู่ตลอด เขาจึงแยกไม่ออกว่าตอนนี้คือกลางวันหรือกลางคืนนี่เขาหายตัวไปสองวันแล้วหรือ?“สองวันแล้ว เหล่าภรรยาของข้าต้องเป็นห่วงอย่างแน่นอน หากเจ้าปล่อยข้ากลับไปตอนนี้ ข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”หญิงสาวยังคงเมินเฉยต่อคำพูดของเฉินฝาน......ลมหายใจของเฉินฝานหนักหน่วงขึ้น “ติ๋ง!”ความอุ่นของบางอย่างหยดลงมาบนหน้าอกของเขา นั้นคือน้ำตาของหญิงสาวนางทำสำเร็จแล้วนี่สินะคือความเจ็บปวดของการเสียพรหมจรรย์ครั้งแรก“ปานิว!” เสียงของเฉินฝานแหบพร่าคนที่ลักพาตัวเฉินฝานไม่ใช่ใครคนอื่น จะต้องเป็นสองแม่ลูกปานิวแน่นอนระหว่างทางกลับหมู่บ้านซานเหอเมื่อวานนี้ เขาเจอปานิวที่กำลังกลับจากที่ทำงานและแม่ที่มารับนางกลับบ้านปกติแล้วพวกนางจะพักอยู่ในโรงงาน ปานิวกล่าว
คืนนี้เฉินฝานก็ไม่รู้ตัวว่าโผล่มาที่นี่ได้อย่างไรช่างน่าเหลือเชื่อ....หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า ทันที่ที่ลืมตาก็พบว่าปานิวนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายของเขาแล้วนางรู้ตัวดีว่าการที่จับเฉินฝานมัดไว้เป็นเวลาสองวัน อีกทั้งตัวเองก็ยังบังคับขืนใจเขาอีก นับเป็นเรื่องไร้เหตุผล“นายท่าน ท่านตื่นแล้ว” ปานิวคุกเข่าและวางถาดอาหารให้เฉินฝาน ในถาดนั้นมีไข่หนึ่งใบและข้าวต้มหนึ่งถ้วย “ในบ้านของข้าน้อยมีแค่ของเหล่านี้ หวังว่านายท่านจะไม่ถือโทษ กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าน้อยจะส่งท่านกลับบ้าน!”เฉินฝานผลักช้อนที่ปานิวยื่นมาให้ “ข้ายังไม่หิว กลับกันเถอะ”ตอนนี้เขาหายตัวไปสองวันแล้ว ฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวจะต้องร้อนใจมากเป็นแน่ โดยเฉพาะฉินเย่ว์โหรว......เฉินฝานไม่อยากจะคิดเลยว่าหลังจากที่เขาหายตัวไปฉินเย่ว์โหรวจะมีปฏิกิริยาอย่างไร“เจ้าเองก็เก็บข้าวเก็บของกลับไปด้วยกันเถอะ” เฉินฝานกล่าวพลางรัดเข็มขัดของตัวเอง แม้ว่าปานิวจะทำเกินไปบ้าง แต่ยามดึกในภายหลังเขาเองก็สมยอม ดังนั้นก็ควรต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน“มัวยืนอึ้งอยู่ใย รีบไปเก็บของสิ!” เมื่อพบว่าปานิวยังคงยืนนิ่ง เฉินฝานก็หันกลับ
“เจ้า.......”เฉินฝานก้มหน้าลง นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวละคนน่าสงสารได้ประสานเข้ากับสายตาของเขาหัวขโมยข้าวสารตรงหน้าคือเด็กสาวตัวน้อย ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนเด็กอายุเจ็ดถึงแปดขวบ หนำซ้ำยังผอมแห้งและผิวคล้ำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนหงอนไก่ เสื้อผ้าบนตัวขาดรุ่งริ่งจนไม่น่าดู ผิวหนังที่เห็นได้จากรูขาดของเสื้อผ้าก็เปื้อนไปด้วยเลือดเลือดเหล่านั้นเป็นเลือดที่ซึมออกมาจากแผลเก่า แต่เมื่อเห็นนางถูกเฆี่ยนอย่างไม่หยุดยั้งครั้งนี้ทำให้เกิดแผลใหม่ซ้ำแผลเก่าแม้แต่เท้าก็ไร้ซึ่งรองเท้าสวมใส่ เท้าเล็กทั้งสองข้างเย็นเยือกจนกลายเป็นสีแดง แถมยังเต็มไปด้วยบาดแผล เด็กสาวงผู้นั้นเรียกเขาว่าอย่างไรนะ?นายท่าน? !คำพูดของเด็กสาวทำให้รูม่านตาของเฉินฝานสั่นไหว “แม่สาวน้อย อย่าเที่ยวเรียกใครพร่ำเพื่อ!”ฟ้าดินจงเป็นพยาน ข้าเฉินฝานชมชอบสาวน้อยน่ารักเป็นที่สุดแต่ก็ไม่กล้าสู่ขอภรรยาที่ยังเด็กขนาดนั้น“ใคร ๆ ก็บอกว่าเจ้ากลับตัวแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้วยังไม่เคยเปลี่ยน”นัยน์ตาของหัวขโมยสาวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาและความขุ่นเคือง ก่อนจะปล่อยมือจากเฉินฝานอย่างหดหู่“จางถังเป่า!” เถ้าแก่ร้านกล่าว “หากเจ้าจะเฆี่
ท่านปู่กับป่านย่าชรามากแล้ว ท่านอาก็ไม่ยอมเลี้ยงดูฉินเย่ว์ฉู่ หากฉินเย่ว์เจียวและฉินเย่ว์โหรวไม่พานางกลับมาอยู่ที่บ้านด้วย นางต้องถูกท่านอาขับไล่ออกไปเร่รอนอยู่ข้างนอกเป็นแน่เมื่อฟังถึงตรงนี้ เฉินฝานก็พยักหน้า“พวกเจ้าพานางมาที่นี่ถูกแล้ว”“แต่เพิ่งจะมาถึงหมู่บ้านซานเหอไม่นาน ท่านก็ถือโอกาสตอนที่ข้าน้อยและพี่สามไม่อยู่พาน้องห้าออกไปขาย ไม่ว่าพวกข้าจะขอร้องอย่างไร ท่านก็ไม่ยอมดึงดันจะพาน้องห้าไปขายให้ใครไม่รู้”ฉินเย่ว์โหรวกัดฟันเอ่ยถึงเรื่องในตอนนั้นด้วยสายตาโกรธเคืองแม้ว่าเรื่องนี้จะผ่านไปแล้วครึ่งปี แต่ในใจของนางก็ยังเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานฉินเย่ว์เจียวเห็นแววตาของเฉินฝานแล้วรู้สึกเย็นเยือกขึ้นมาแววตาของเฉินฝานเย็นเยือกมากฉินเย่ว์เจียวกอดฉินเย่ว์ฉู่ไว้แน่น พร้อมกับจ้องมองเฉินฝานอย่างระแวดระวัง“ให้ตายเถอะ!” จู่ ๆ เฉินฝานก็สบถออกมาเจ้าของร่างเดิมเป็นคนแบบไหนกัน ไม่สิ เขาไม่ใช่คน เขามันคือสัตว์เดรัจฉาน!“ปัง!”กำปั้นกระแทกเข้ากับจอกน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะสามพี่น้องต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึงอยู่ที่เดิมเสียง ‘ซวบ’ ดังขึ้นเงาดำกลุ่มหนึ่งพลันปรากฎขึ้นตรงหน้าของเฉินฝ
หลิวเกาจัวที่ระมัดระวังตัวสังเกตสีหน้าของแคว้นอื่นมานาน ชินกับโดนกดขี่โดนรังแกมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นเมื่อครู่นี้แคว้นจ้าวบอกว่าจะคืนเมืองเฟิ่งหวงให้แลกกับเงินสิบล้านตำลึง หลิวเกาจัวจึงดีใจมากจริง ๆ“ใช่! ค่ายึดครองสิบล้านตำลึง ต้องไม่ขาดแม้แต่แดงเดียว!” เสียงของเฉินฝานเด็ดเดี่ยวมั่นคง“ขอรับ ใต้เท้า ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”หลิวเกาจัวเดินไปที่โถงด้านข้างด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจสุดขีดเพื่อเจรจากับทูตของแคว้นจ้าวต่อ ไม่นานนัก หลิวเกาจัวกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูย่ำแย่มาก“ใต้เท้า ฝ่าบาท แคว้นจ้าวไม่ยอมตกลง ยืนกรานว่าจะเอาสิบล้านตำลึงให้ได้ มิเช่นนั้นทหารของแคว้นจ้าวจะไม่ยอมถอนตัว นอกจากนี้...”หลิวเกาจัวมองเฉินฝานแวบหนึ่ง “แคว้นจ้าวพูดอีกว่าเงินสิบล้านตำลึงนี้จะขาดแม้แต่แดงเดียวไม่ได้” เมื่อฟังคำพูดของหลิวเกาจัวจบ เสิ่นหมิงหยวนที่เงียบมาตลอดก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยเป็นอัครเสนาบดีเบื้องซ้ายได้ไม่กี่วัน โชคดีเอาชนะศึกกับแคว้นหลู่มาได้ก็คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เสียแล้ว“นี่แคว้นจ้าวรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ หลิวเกาจัว ท่าทีรับปากลูกเดียวของเจ้าเช่นนี้จะไปเจรจาได้อย่างไร?”เสิ่นหมิงหยวนตำ
“เงื่อนไขอะไรกัน? ท่านจงรีบกล่าวมา ฝ่าบาทย่อมทรงตัดสินพระทัยได้” เสิ่นหมิงหยวนกล่าว“ทูตจากแคว้นจ้าวกล่าวว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาเมืองเฟิ่งหวงตกอยู่ในความวุ่นวาย โจรผู้ร้ายชุกชุม ประชาชนอยู่กันอย่างทุกข์ยากลำบาก มีชาวเมืองเฟิ่งหวงไปขอร้องฮ่องเต้จ้าวที่แคว้นจ้าว ฮ่องเต้จ้าวทรงมีเมตตา เมื่อเห็นว่าต้าชิ่งกับแคว้นหลู่กำลังทำสงครามกัน ไม่มีเวลาว่างมาดูแล จึงดูแลแทนให้ชั่วคราว”“หลังจากแคว้นจ้าวเข้ามาดูแลเมืองเฟิ่งหวงก็ได้ทุ่มกำลังทหารและทรัพย์สิน แก้ไขสถานการณ์ความวุ่นวายและความเป็นอยู่ที่ยากลำเค็ญของประชาชนเมืองเฟิ่งหวง”“ตอนนี้ขอเพียงต้าชิ่งของเรายินดีมอบเงินสิบล้านตำลึงเงินให้แก่แคว้นจ้าว จ้าวป๋อก็จะคืนเมืองเฟิ่งหวงให้แก่ต้าชิ่งของเรา ทูตกล่าวว่าฮ่องเต้จ้าวทรงเน้นย้ำว่าเงินสิบล้านตำลึงนี้ มิใช่เป็นการเรียกร้องจากต้าชิ่งของเรา แต่เป็นเพียงการขอเงินคืนจากการที่แคว้นจ้าวได้ลงทุนให้กับเมืองเฟิ่งหวงในช่วงหลายเดือนมานี้”“ฮ่องเต้จ้าวยังตรัสอีกว่า ปีที่แล้วแคว้นจ้าวประสบภัยน้ำท่วม ปัจจุบันก็ยังลำบากมาก หวังว่าฝ่าบาทจะทรงเข้าใจ”หลิวเกาจัวเพิ่งจะกล่าวจบ ก็มีขุนนางพยักหน้าติดต่อกันเมืองเฟิ่งห
คิดว่าเฉินฝานมิใช่คนเช่นนี้ เมื่อโต้เถียงกับผู้อื่น ปรากฏว่าพูดสู้ผู้อื่นมิได้ เขาจึงสะกดกลั้นความโกรธไว้ ก่อนจะเดินมาถึงด้านนอกบ้านเฉินฝานโดยไม่รู้ตัว“นายท่านของเราปฏิบัติกับพี่น้องกองทัพลาดตระเวนเช่นใด พวกเจ้ายังไม่รู้อีกหรือไร? พวกเจ้าพูดเช่นนี้ลับหลัง ทำให้คนผิดหวังมากเหลือเกิน โดยเฉพาะเจ้าเสี่ยวซื่อ นายท่านของข้าปฏิบัติกับเจ้าอย่างไร? ในใจเจ้าไม่รู้อีกหรือ?” ฉินเย่ว์เจียวที่ไม่หายโกรธยังคงตำหนิต่อ เสี่ยวซื่อเก็บงำความรู้สึกไว้จนหน้าแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายก็คุกเข่าลงต่อหน้าเฉินฝานดังตุบ“ใต้เท้า เป็นความผิดของข้าน้อยเองขอรับ ข้าน้อยไม่ควรเชื่อคำพูดส่งเดชของผู้อื่นจนเข้าใจใต้เท้าผิดไป ข้าน้อยสมควรตายหมื่นครั้ง!”เสี่ยวซื่อกล่าวพลางตบหน้าตนเองดังเพียะ ๆๆ“เสี่ยวซื่อ อย่าทำเช่นนี้เลย!” เฉินฝานโน้มตัวลง จับมือเสี่ยวซื่อไว้ ประคองเขาให้ลุกขึ้นมาการจัดพิธีศพอย่างยิ่งใหญ่ให้แก่พี่น้องกองทัพลาดตระเวนที่เสียสละชีวิต รวมถึงการส่งเงินชดเชยไปยังที่บ้านของพี่น้องเหล่านั้น เขาไม่ได้ไปเนื่องจากงานยุ่งมากเกินไป แต่ได้สั่งการเหอจื่อหลินแล้ว เหอจื่อหลินก็ไปจัดการด้วยตนเองหมดแล้วตอนนี้
ตอนแรกเสิ่นหมิงหยวนยังคิดจะใช้ข้ออ้างเรื่องขาดแรงงานมาสร้างความลำบากให้เฉินฝาน ผลปรากฏว่าทางฝั่งของโอวหยางน่าหลันกลับจัดการหาแรงงานคนมาให้ทันทีตอนนี้ต้าชิ่งได้แบ่งปันเสบียงอาหารมากมายให้แก่แคว้นหลู่ ชาวแคว้นหลู่หวาดกลัวความอดอยาก ถึงได้อาสามาที่ต้าชิ่ง ช่วยต้าชิ่งขุดคลองส่งน้ำ แม้ว่าไม่มีเงินให้ก็ไม่เป็นไร ดูแลอาหารสามมื้อเป็นหลักก็พอนอกจากนี้ทุกคนต่างรู้ว่าสตรีชาวต้าชิ่งทำอาหารเก่งมากมาทำงาน หากโชคดีอาจได้แต่งภรรยากลับไปที่บ้าน ต่อให้ไม่ได้แต่งงานก็ยังได้กินอาหารเลิศรสไปอีกหลายเดือนวันนี้ เฉินฝานเพิ่งกลับมาจากกรมโยธาช่วงนี้เขาไปที่กรมโยธาทุกวันเพื่อหารือเรื่องการขุดคลองส่งน้ำตอนที่กลับถึงบ้าน ฟ้าก็มืดแล้ว“ปัง!” มีหินก้อนหนึ่งกระแทกใส่รถม้าของเฉินฝานอย่างแรง ห่างจากเฉินฝานไม่ถึงสองเซนติเมตรแม้ว่าหินก้อนนั้นจะไม่ใหญ่ แต่ถ้ากระแทกโดนหัวของเฉินฝานเข้าละก็ เฉินฝานคงหัวแตกเลือดไหลแล้ว“ใครน่ะ!”เย่ว์หนูพุ่งตัวออกไปไม่นานก็ลากตัวคนผู้หนึ่งออกมาจากความมืด“ท่านแม่ทัพเย่ว์หนู ท่านเบามือหน่อยเถิด ข้าเอง ข้าคือเสี่ยวซื่อ!”“เย่ว์หนู! รีบปล่อยคนเสีย!” เวลานี้เฉินฝานก็ฟังออกเ
เฉินฝานตบบั้นท้ายกลมกลึงของโอวหยางน่าหลันทีหนึ่ง “พอได้แล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว!”“ข้าไม่ได้เสแสร้งนะ จริง ๆ แล้วข้า...”เสียงของโอวหยางน่าหลันขาดหายไป เพราะว่า...“ข้าจากเมืองหลวงของต้าชิ่งมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว เป็นห่วงลูกเมียที่บ้าน ไม่อาจไปแคว้นหลู่จัดพิธีแต่งงานกับท่านได้ จัดขึ้นที่เมืองลู่ตูแห่งนี้ละกัน”“จริงหรือ? ช่างดีเหลือเกิน!”โอวหยางน่าหลันโผเข้าหาตัวเฉินฝานทันที“สามี ช่วงเวลาที่งดงามเช่นนี้ เหตุใดเราไม่สู้...”มือของโอวหยางน่าหลันเริ่มอยู่ไม่สุขอีกครั้งเฉินฝานบีบเอวบางของโอวหยางน่าหลัน“ร่านนัก!”เสียงยั่วยวนดังขึ้นอีกครั้ง.....ตอนที่ฉินเย่ว์เหมยส่งโอวหยางน่าหลันกลับไป ก็ถามนางว่าเหตุใดถึงยืนกรานจะแต่งงานกับเฉินฝานให้ได้คำตอบของโอวหยางน่าหลันธรรมดามากเหตุผลแรกคือนางชอบเฉินฝานเหตุผลข้อที่สองคือแคว้นหลู่มีเฉินฝานก็จะดำรงอยู่ได้ตลอดไป“เหตุผลข้อที่สองของท่านมันเกินจริงไปหรือไม่” ฉินเย่ว์เหมยกล่าว“ข้ากล่าวเกินจริงหรือไม่? ท่านรู้ดีกว่าข้ามิใช่หรือ?” โอวหยางน่าหลันฉุนเฉียวเล็กน้อย“ท่านอย่าได้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเพียงเพราะว่าเขาใส่ใจท่าน หากท่านไม่ทะนุถนอ
“หากเงื่อนไขแบบนี้ยังดึงดูดใจไม่ได้ เช่นนั้นความจริงแล้วท่านก็เป็นคนไร้น้ำยา บุตรชายฝาแฝดสี่คนคงอาศัยน้ำเชื้อของผู้อื่น เรื่องเล่านี้คงจะเป็นความจริงสินะ?”โอวหยางน่าหลันพูดข่ม“โอวหยางน่าหลัน ท่านรู้ตัวหรือไม่ว่าพูดอะไรออกมา?”คนที่โมโหก่อนคือฉินเย่ว์เหมย ใบหน้าเย็นชางดงามของนางดูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“หรือว่าเราพูดผิดไป? ต้าชิ่งของพวกท่านบุรุษน้อยสตรีมาก เขาเป็นถึงอัครเสนาบดีผู้ทรงเกียรติ แต่ที่บ้านกลับมีภรรยาไม่ถึงสิบคน หากเขาไม่ใช่คนไร้น้ำยา แล้วภรรยาที่บ้านจะน้อยถึงเพียงนั้นได้อย่างไร?”“ภรรยาของเขาไม่ได้น้อย เขา...”“เขาอะไร?” โอวหยางน่าหลันกำเริบเสิบสานมากขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “เขา...” ฉินเย่ว์เหมยหน้าแดงระเรื่อจากความโกรธเกรี้ยวเท่านั้นวังหลังของต้าชิ่งเป็นของเฉินฝานทั้งหมดแต่ฉินเย่ว์เหมยไม่อาจเอ่ยเรื่องนี้ออกมาได้“ฝ่าบาท อย่าทรงกริ้ว ให้กระหม่อมสั่งสอนสักยก นางก็จะเชื่อฟังแล้ว”เสียงพูดยังไม่ทันจบ เฉินฝานก็แบกโอวหยางน่าหลันขึ้นมาแล้วเดินเข้าไปในห้องไม่นานนัก... เสียงร้องตะโกนของสตรีและเสียงคำรามต่ำของบุรุษก็ดังสลับกันขึ้นมา“รู้ความผิดแล้วหรือยัง?”
“หลังจากแต่งงานกับองค์หญิงโอวหยางแล้ว เจ้าจะได้เป็นอัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น ระหว่างแคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่ เจ้าชอบอาศัยอยู่ฝั่งไหนก็สุดแล้วแต่เจ้าจะปรารถนา” คำพูดของฉินเย่ว์เหมยทำให้ทุกคนตะลึงงันอีกครั้ง“อัครเสนาบดีของทั้งสองแคว้น? นี่ก็ได้ด้วยหรือ?”“เหตุใดจะไม่ได้เล่า หลังจากที่ใต้เท้าเฉินได้เป็นอัครเสนาบดีของแคว้นหลู่แล้ว แคว้นหลู่ย่อมไม่คิดโจมตีแคว้นต้าชิ่งของเราอีกแน่นอน เรื่องดี เรื่องดีมากเลย!”“ใต้เท้า อย่าได้ลังเล รีบตอบตกลงเถิด คืนนี้ก็เข้าห้องหอได้แล้ว!”“ห้องหอ ๆ ในหัวเจ้านอกเรื่องนี้แล้ว ยังคิดเรื่องอื่นได้อีกไหม?” เหอจื่อหลินตบหัวมั่วเซิน“สองเรื่องที่งดงามที่สุดในชีวิตมนุษย์คือตอนที่สอบได้เป็นขุนนางกับคืนส่งตัวเข้าหอ การสอบได้เป็นขุนนางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับใต้เท้าแล้ว จะเหลือก็แต่คืนส่งตัวเข้าหอไม่ใช่หรือ? ท่านแม่ทัพ หรือว่าท่านไม่คิด?” มั่วเซินหัวเราะคิกคักพลางหลบหลีก“ไอ้หนู เจ้ายังกล้าหลบอีก พวกเจ้าก็ด้วย ยังจะกล้าหัวเราะอีกหรือ ข้าจะทำให้พวกเจ้าหัวเราะ ทำให้พวกเจ้าหัวเราะไปเลย”ขณะที่เหอจื่อหลินฟาดมั่วเซิน เวลาเดียวกันก็ฟาดพวกขุนพลคนอื่น ๆ อีกด้วยต
“นางต้องการให้เจ้าแต่งงานกับนาง!”“???!!!”ทุกคนตกตะลึงกันหมด เคยคาดเดาข้อเรียกร้องทุกรูปแบบ แต่ไม่มีใครเคยคาดคิดถึงข้อเรียกร้องนี้เลยโอวหยางน่าหลันยืนหยัดมานานหลายวันขนาดนี้ก็เพราะเรื่องนี้หรือ?“หึ ๆ” เสียงหัวเราะของเหอจื่อหลินทำลายความเงียบสงัด “แต่ไหนแต่ไรมีแต่วีรบุรุษโกรธเพื่อหญิงงาม ตอนนี้กลับเป็นหญิงงามที่โกรธเพื่อวีรบุรุษ ใต้เท้า เสน่ห์ของท่านทำให้ข้าน้อยนับถือแล้ว”“ข้าน้อยก็นับถือ ใต้เท้า ท่านยังมัวลังเลอะไรอยู่เล่า? รีบตอบตกลงเถิด”“ตอบตกลงตอนนี้ คืนนี้ก็เข้าห้องหอเลย”“กลางคืนพยายามสักหน่อย ปีหน้าใต้เท้าก็ได้อุ้มบุตรชายแล้ว”“ดูเจ้าพูดสิ ใต้เท้ามีบุตรชายตั้งนานแล้วนะ”“นี่เจ้าไม่เข้าใจใช่หรือไม่ ไฉนเลยจะรังเกียจที่มีบุตรชายมากเกินไป?”ปกติแล้วเฉินฝานไม่ได้ถือตัว ทั้งยังร่วมกินร่วมอยู่ด้วยกัน ดังนั้นขุนพลกองทัพลาดตระเวนเหล่านั้นจึงพากันหยอกล้อ“พวกเจ้าแต่ละคน ไม่มีความสำรวมเลย ฝ่าบาทยังทรงประทับอยู่ตรงนี้นะ!”ขุนพลเหล่านั้นยิ่งพูดยิ่งติดลมขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ควบคุมตัวเองเลย เหอจื่อหลินจึงรีบห้ามปรามแม้เฉินฝานจะไม่ถือสาขุนพลเหล่านี้ที่พูดหยอกล้อต่อหน้า แต่ฝ่าบาทอาจ
“ได้เลย หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน จัดให้เลยพรุ่งนี้” เฉินฝานตอบเสียงดัง“หมูน้ำแดง ซี่โครงหมูเปรี้ยวหวาน!”ทหารทุกคนล้วนเข้าใจจุดประสงค์ที่เฉินฝานให้พวกเขากินดื่มกันยกใหญ่บนภูเขา ดังนั้นจึงพร้อมใจกันทวนชื่ออาหารเสียงดัง“ใต้เท้า!”ขณะที่เฉินฝานกำลังเตรียมตัวจะกลับไปพักผ่อน ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็พาสตรีนางหนึ่งมาหาเขาสตรีผู้นั้นเป็นคนที่มาจากด้านล่างหุบเขา นางคือสาวใช้คนสนิทของโอวหยางหน่าหลัน“ข้าขอพบใต้เท้าเฉิน อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของพวกท่าน!” สาวใช้ผู้นั้นเอาแต่กล่าวเช่นนี้ซ้ำ ๆ “ข้านี่แหละ” เฉินฝานกล่าวสาวใช้ผู้นั้นมองเฉินฝานอย่างพิจารณาพลางเอ่ยพึมพำในปากว่า “ใบหน้าขาวสะอาด รูปร่างกำยำ เสียงทุ้มนุ่มลึก”“เช่นนั้นข้าตรงกับเงื่อนไขหรือไม่?” เฉินฝานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม“ยิ้มแล้วดูซื่อ ๆ” สาวใช้มองเฉินฝานแล้วเอ่ยพึมพำกับตนเองอีกครั้ง“อ้อ!” เฉินฝานยิ้มพลางพยักหน้า “ที่แท้ในสายตาองค์หญิงของพวกเจ้าข้ามีภาพลักษณ์เช่นนี้เอง!”“องค์หญิงของเราตรัสว่าพวกเรายอมจำนนก็ได้!” สาวใช้ผู้นั้นกล่าว“นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องยิ่งนัก องค์หญิงของพวกเจ้าควรทำเช่นนี้ตั้งนานแล้ว”“แต่ว่าพระ