มีคนไม่เชื่อ ถึงขั้นวิ่งไป ใช้มือลองสัมผัสคนที่ลองสัมผัสยื่นมือไปวางเหนือหินนิลดำที่ถูกเผาจนแดงก่ำ รีบชักมือกลับมา “ร้อน”แล้วมีอีกหลายคนมาลอง ปฏิกิริยาของพวกเขาล้วนเหมือนคนแรกหินนิลดำที่ถูกเผาจนแดงก่ำ ไม่เพียงร้อน ทั้งยังร้อนมากๆ“หินนิลดำนี้เผาได้จริงๆ หรือ?”ชาวบ้านฉงนสงสัย คนที่เคยลองตอบคำถาม“เมื่อครู่ข้าไปลองมาแล้ว คล้ายว่าจะนำไปเผาได้จริงๆ”“พวกเจ้าอย่าถูกหลอก เมื่อครู่ใช้ใบไม้เผาไม่ใช่หรือ? ไฟลุกโชนเช่นนั้น ก้อนหินย่อมร้อน” หลี่เต๋อเจียงพูดเสียงดัง“เจ้าไม่เชื่อ?” เฉินฝานมองหลี่เต๋อเจียงด้วยแววตาเย็นชา“ใต้เท้า ข้าเพียงสงสัยในสิ่งที่สมเหตุสมผลเท่านั้น”“ได้ เช่นนั้นเจ้ามาลองดูเล่า!”เฉินฝานพูด จากนั้นสายตาของเขามองไปทางอ๋องตวน อ๋องตวนเข้าใจทันที เขาสาวเท้าก้าวใหญ่ ไปลากตัวหลี่เต๋อเจียงมา จากนั้นกดมือหลี่เต๋อเจียงลงบนหินนิลดำที่เวลานี้กลายเป็นสีแดง“อ๊าก อ๊าก!” หลี่เต๋อเจียงร้อนจนกรีดเสียงร้อง“ร้อนมาก ร้อนมาก ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต!”หลี่เต๋อเจียงอ้อนวอนสุดชีวิต แต่คล้ายอ๋องตวนไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น มือที่กดมือหลี่เต๋อเจียงยังคงไม่ปล่อย“
“พวกเฉินฝานยังกลับไม่ถึงเมืองเฟิ่งหวง พวกเขาเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ที่ประตูเมืองคนพวกนั้น พวกเขาล้วนเป็นเด็ก สตรีและคนชราของพื้นที่ต้าเฮยแม้พวกเขาไม่ได้ตามไป แต่พวกเขาทราบเรื่องหินนิลดำสามารถนำมาเป็นฟืนแล้วเฉินฝานเพิ่งเดินเข้าไปใกล้ประตูเมือง ชาวบ้านที่อยู่ตรงนั้น ต่างคุกเข่าลงเฉินฝานยังไม่ทันได้ตั้งตัว นางเหอที่คุกเข่าด้านหน้าสุดพูดเสียงดัง“ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ท่านคือเทพเซียนลงมาจุติเมืองเฟิ่งหวงของเรา!”“ท่านอัครเสนาบดีเบื้องซ้าย ท่านคือเทพเซียนผู้ช่วยเหลือชาวบ้านจากความยากลำบาก!”“ขอบคุณใต้เท้า ชาวเมืองเฟิ่งหวง จะระลึกถึงบุญคุณของท่านใต้เท้า”ชาวบ้านด้านหลังนางเหอก็กล่าวขอบคุณเฉินฝานตามนางเหอเห็นเด็กสตรีและคนชราคุกเข่าขอบคุณเฉินฝาน พวกชาวบ้านที่ตามไปพื้นที่ต้าเฮย รวมถึงเหอจื้อเฟย ต่างก็คุกเข่าเช่นเดียวกันชั่วขณะหนึ่ง เสียงกล่าวขอบคุณเฉินฝาน ดังสนั่นหวั่นไหวการขอบคุณที่เป็นทางการและยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับทำให้เฉินฝานรู้สึกประหม่าเล็กน้อย“ลุกขึ้น ลุกขึ้นกันเถอะ!”เฉินฝานรีบเดินเข้าไปใกล้ โน้มตัวพยุงนางเหอ“ตอนนี้เพียงค้นพบเชื้อเพลิง หลังจากนี้ยังต้องตีตลาดอีก
อิจฉาเหอจื้อเฟยที่โชคดีเช่นนี้เฉินฝานยื่นเอกสารในมือให้เหอจื้อเฟย“เอกสารนี้เป็นความลับ มีแค่ท่านเท่านั้นที่อ่านได้”“หลังจากกลับไป ท่านศึกษาทุกวัน ทุกภาพในนี้ ทุกข้อที่เขียนไว้ ล้วนเป็นเคล็ดลับที่จะทำให้เมืองเฟิ่งหวงของพวกท่านร่ำรวยที่สุดในแคว้นต้าชิ่ง”คำพูดของเฉินฝานเกินจริงเล็กน้อยประเด็นสำคัญคือการตลาดบางส่วนที่เขียนไว้ ทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะแค้นอื่นเห็นแล้วไม่สบายใจนอกเหนือจากนี้ เฉินฝานพูดเช่นนี้ เพราะอยากให้เหอจื้อเฟยเห็นความสำคัญ ทำตามสิ่งที่เขาต้องการอย่างเข้มงวด“ขอรับ ใต้เท้า ข้าจะทำตามขอรับ!”ตอนเหอจื้อเฟยรับเอกสารมาจากมือของเฉินฝาน มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อยเนื้อความในกระดาษเหล่านี้ มีเคล็ดลับที่จะทำให้ชาวเมืองเฟิ่งหวงมีชีวิตที่ร่ำรวยช่วยให้ชาวเมืองเฟิ่งหวงมีชีวิตที่ดี คือปรารถนาสูงสุดในชีวิตของเหอจื้อเฟย“อีกเรื่องหนึ่ง”เหอจื้อเฟยกำลังจะคุกเข่าขอบคุณ เฉินฝานพูดขึ้นอีก “ปล่อยตตัวเหอหรันออกมา เขาชำนาญพื้นที่ต้าเฮย ถ่านหินของพื้นที่ต้าเฮยต้องการเขา ให้เขานำสหายก่อนหน้านี้ช่วยกันทำถ่านอัดก้อน ถือเป็นโอกาสให้เขาทำความดีชดเชยความผิด”“ท่านใต้เท้า”เหอจื้อเฟย
เหล่าขุนนางต่างก็หันหน้ามองไปทางด้านนอก นอกพระราชวังไม่มีเงาของเฉินฝานอยู่เลยจริง ๆฉินเย่ว์เหมยที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะหันไปมองหงอิงที่อยู่ทางด้านข้างหงอิงพยักหน้าเล็กน้อย บ่งบอกว่าเหอจื่อหลินกลับมาคนเดียวจริง ๆ“จื่อหลิน เกิดอะไรขึ้น? เจ้ากลับมาคนเดียวหรือ?”เมื่อเหอจื่อหลินเดินผ่านเหอกัง เหอกังก็ถามด้วยความร้อนอกร้อนใจ“แม่ทัพเหอ ท่านขัดพระบัญชา!”ทางฝั่งเหอจื่อหลินเพิ่งจะพยักหน้า ทางเสิ่นหมิงหยวนก็ซักถามเสียงดังทันที เหอจื่อหลินนำพระราชโองการไป แต่เขาไม่ได้พาเฉินฝานกลับมาก็คือการขัดพระบัญชา“ขุนนางเหอ เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?” ฉินเย่ว์เหมยถาม“ฝ่าบาท!” เหอจื่อหลินหยิบถ่านขนาดใหญ่สองก้อนออกมาจากตัว “ก็เหมือนกับที่ใต้เท้าเฉินพูดไว้ นี่เป็นอัญมณีล้ำค่าอย่างแท้จริงพ่ะย่ะค่ะ”“แม่ทัพเหอ ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่? ฝ่าบาททรงถามท่าน ท่านก็ตอบดี ๆ สิ? เหตุใดถึงขัดพระบัญชา? เฉินฝานหวาดกลัวจนหลบหนีไปแล้วใช่หรือไม่? ท่านปกป้องเขาใช่หรือไม่?” เสิ่นหมิงหยวนบีบคั้นอย่างรุนแรงเหอจื่อหลินก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอเช่นกัน เขาตอกกลับไปทันทีว่า “หากไม่
“ขายถ่านหิน?” เหอจื่อหลินอึ้งไปครู่หนึ่ง “เรื่องเล็กเช่นนี้ เหตุใดพวกท่านยังต้องให้ใต้เท้าไปด้วยตัวเองเล่า?” เมื่อพูดถึงตรงนี้ เหอจื่อหลินก็รู้สึกฉุนเฉียวในใจเล็กน้อยเกิดอะไรขึ้นกับขุนนางเมืองเฟิ่งหวงแห่งนี้ จัดการเรื่องต่าง ๆ ไม่ได้เลยหรือ?“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยไปขวางแล้ว แต่ใต้เท้าบอกว่ามีลูกค้าสองรายที่เขาจำเป็นต้องไปด้วยตัวเองขอรับ” เหอจื้อเฟยกล่าว“ลูกค้ารายไหนถึงได้สำคัญเพียงนี้?”“แคว้นจ้าวขอรับ ใต้เท้าบอกว่าหากไม่มีฮ่องเต้แคว้นจ้าว เขาก็คงไม่ได้มาที่เมืองเฟิ่งหวง และก็คงไม่ได้ค้นพบว่าเมืองเฟิ่งหวงมีเหมืองถ่านหินปริมาณมหาศาลเร็วขนาดนี้ นอกจากนี้เงินทุนตั้งต้นสามสิบล้านตำลึงของธุรกิจเหมืองถ่านหินเมืองเฟิ่งหวงก็เป็นเงินที่ฮ่องเต้แคว้นจ้าวมอบให้อีกด้วย เขาย่อมต้องไปขอบคุณอีกเบื้อง” เหอจื่อหลิน “...”ทำร้ายคนแบบนี้เลยเหรอ?ทันใดนั้นเหอจื่อหลินก็ลอบเป็นห่วงฮ่องเต้แคว้นจ้าว กังวลว่าเขาจะกระอักเลือดออกมาแล้วสิ้นชีพไป “แล้วลูกค้ารายที่สองเล่า เป็นผู้ใด?”“ข้าน้อยไม่ทราบ ใต้เท้าไม่ได้บอกไว้ขอรับ” เหอจื้อเฟยส่ายศีรษะ“เอาละ ข้ารู้แล้ว”เฉินฝานทำงานเช่นนี้เสมอ ดูแปลกและไร้กฎเ
“พวกเขาคนหนึ่งเป็นอัครเสนาบดีแห่งต้าชิ่ง อีกคนเป็นท่านอ๋องแห่งต้าชิ่ง หากพระองค์สังหารพวกเขาสองคนก็เท่ากับประกาศสงครามกับต้าชิ่งนะพ่ะย่ะค่ะ!”“ดูสิ ขุนนางของท่านยังรู้ความมากกว่าท่านเสียอีก!” เสียงที่แฝงไปด้วยการหยอกล้อดังเข้ามาตรงหน้าทางเข้าท้องพระโรงมีร่างเงายืนหันหลังให้กับแสงคนผู้นั้น...“จะ...จะ...เจ้า...”จ้าวรุ่ยที่อยู่บนบัลลังก์มังกรลุกพรวดขึ้นมา ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวหลังจากกลับมาถึงแคว้นจ้าว จ้าวรุ่ยที่ยังรู้สึกหวาดผวาได้สั่งให้คนเพิ่มการคุ้มกันของวังหลวงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นวังหลวงของแคว้นจ้าวในตอนนี้พูดได้ว่ามีกองกำลังทหารจำนวนมากเฝ้าปกป้องคุ้มกันเป็นชั้น ๆ อย่าว่าแต่คนเลย ต่อให้เป็นแมลงวันสักตัวก็ไม่อาจบินเข้ามาได้เฉินฝานเข้ามาได้อย่างไร?“โตขนาดนี้แล้ว แต่ไม่รู้ความ แถมยังพูดจาติดอ่าง ควรได้รับการสั่งสอน”เฉินฝานเพิ่งจะเอ่ยจบ จ้าวรุ่ยก็รู้สึกได้ว่าเหมือนมีแรงกดดันมหาศาลอยู่ข้างกายเมื่อหันหน้ากลับไป...“เพียะ!” จ้าวรุ่ยรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงส่งมาจากตรงบั้นท้าย “เจ้า...”จ้าวรุ่ยเอามือข้างหนึ่งกุมบั้นท้ายไว้ตามสัญชาตญา
“ฝ่าบาท โปรดทรงใจเย็นด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” ขุนนางคนอื่น ๆ ก็คุกเข่าห้ามปรามเช่นกัน“ฮึ!”จ้าวรุ่ยสะบัดแขนเสื้อนั่งลงบนบัลลังก์มังกรอย่างฉุนเฉียว ปรากฏว่าลืมไปเลยว่าบั้นท้ายเพิ่งโดนไม้เรียวฟาดมาก่อน“โอ๊ย!”จ้าวรุ่ยลูบบั้นท้ายเจ็บจนแยกเขี้ยว ท่าทางดูน่าขันมาก “ฮ่า ๆๆ!” อ๋องตวนที่ชมอย่างสนุกสนานพลันหัวเราะเสียงดัง“ท่านอ๋อง ใต้เท้าเฉิน!”เซี่ยงเทียนหยินเดินมาอยู่เบื้องหน้าอ๋องตวนและเฉินฝาน ก่อนจะประสานมือทำความเคารพความเย่อหยิ่งทระนงตนที่เขาเคยปฏิบัติกับเฉินฝานในท้องพระโรงของต้าชิ่งเวลานั้นได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้วหลังจากที่เซี่ยงเทียนหยินกลับไปถึงแคว้นจ้าว เขาก็สังเกตสถานการณ์ของแคว้นหลู่กับแคว้นต้าชิ่งอย่างใกล้ชิด ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ แคว้นหลู่ที่ได้รับการสนับสนุนเสบียงอาหารจากต้าชิ่ง ทำให้ปัญหาความอดอยากส่วนใหญ่ในแคว้นได้รับการแก้ไขแล้ว กองทัพแคว้นหลู่ที่มีเสบียงอาหารอุดมสมบูรณ์ก็คือกองทัพปีศาจร้ายที่ยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวบัดนี้แคว้นต้าชิ่งกับแคว้นหลู่เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว โอวหยางน่าหลันก็มารคลั่งรักปกป้องสามีหากจ้าวรุ่ยสังหารเฉินฝาน คนแรกที่บุกสังหารเข้ามาย่
เวลามีค่า เขาไม่เคยเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์หากจะดั้นด้นมาถึงแคว้นจ้าวเพียงเพื่อจะมากวนประสาทใครสักคน เขาไม่ได้ไร้สาระและโง่เขลาเบาปัญญาถึงเพียงนั้น“พรวด!”จ้าวรุ่ยกระอักเลือดออกมาอีกคำ ตวาดด้วยความเดือดดาลว่า “ไป รีบให้พวกเขาไปเสีย”เฉินฝานยักไหล่ ในเมื่อฮ่องเต้จ้าวไม่อยากทำการซื้อขายก้อนใหญ่นี้ เช่นนั้นก็ช่างเถิด “ท่านอ๋อง พวกเราไปกันเถิด”“นี่!” เซี่ยงเทียนหยินพลันร้องเรียกเสียงต่ำ รีบร้อนไล่ตามเฉินฝาน “ใต้เท้าเฉิน อย่าเพิ่งไป ๆ ถ่านหินของเมืองเฟิ่งหวง แคว้นจ้าวของเราจะซื้อ!” ขณะที่จ้าวรุ่ยโกรธจนกระอักเลือด ขุนนางส่วนใหญ่ของแคว้นจ้าวก็เดือดดาลสุดขีด เฉินฝานหันหน้ากลับมา ยิ้มพลางมองเซี่ยงเทียนหยิน “ใต้เท้าเซี่ยง แคว้นเจ้าไม่มีท่านคงไม่ไหวแน่!” จ้าวรุ่ยที่ไม่เข้าใจเหตุผลในนั้นตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “เซี่ยงเทียนหยิน แคว้นจ้าวของเราขาดฟืนขนาดนั้นเชียวหรือ?”“ฝ่าบาท ขาดพ่ะย่ะค่ะ!” เซี่ยงเทียนหยินตอบอย่างสงบนิ่งแคว้นจ้าวตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ พื้นที่ส่วนใหญ่แห้งแล้งขาดฝน ภูเขาหัวโล้น ไม่มีป่าไม้อะไรเลยหากมีถ่านหินของเมืองเฟิ่งหวงก็จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องกา
“อะไรนะ!?”“ตอนนี้องค์หญิงเสี่ยวฉู่พาฝ่าบาทไปที่ประตูอู่แล้วขอรับ เจ้าสิ่งนั้น ปะ ปะ...”“ปืนไรเฟิล”“ใช่ ๆ ปืนไรเฟิล ปากกระบอกปืนไรเฟิลจ่อพระเศียรของฝ่าบาทอยู่เลยขอรับ!”“หา นี่เป็นเพราะอะไรกัน?”บรรดาพี่สาวน้องสาวตระกูลฉินได้ยินข่าวขึ้นมา“กราบทูลบรรดาองค์หญิง ข้อเรียกร้องขององค์หญิงเสี่ยวฉู่คืออยากให้ท่านอัครเสนาบดีกับฝ่าบาทอภิเษกสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”“เหลวไหล!”เฉินฝานพุ่งตัวออกไปราวกับพายุเวลานี้บรรดาพี่น้องตระกูลฉินที่เพิ่งแสดงท่าทีรีบร้อนทำหน้าร้อนใจกลับมีสีหน้าแจ่มใส ถึงขนาดที่นั่งลงปรึกษาหารือกันฉินเย่ว์โหรว “พี่หญิงรอง ท่านมีฝีมือดี ท่านรีบไปขวางอยู่ที่หอด้านบนประตูอู่ อย่าให้นายท่านลงมา” ฉินเย่ว์เจียว “ไม่มีปัญหา พอถึงเวลานั้นข้าจะเรียกน้องหวั่นเอ๋อร์ นายท่านหนีไม่รอดแน่”ฉินเย่ว์ฉิน “เช่นนั้นข้าจะให้พี่น้องในวังเซียวเหยาก่อนหน้านี้ไปเดินเล่นแถว ๆ ประตูอู่ให้หมดเลย จะต้องครึกครื้นเป็นแน่ รับรองว่าพี่น้องทหารองครักษ์พวกนั้นจะต้องมองสาวงามอย่างไม่หวาดไม่ไหว”สามพี่น้อง “ความปรารถนาของเสี่ยวฉู่ พวกเราในฐานะพี่สาวจะต้องช่วยอย่างเต็มที่!”เมื่อมองถนนละแวกป
“ข้าไม่ได้ขัดขืนจริง ๆ” เย่ลวี่เลี่ยก้มหน้าลง ชายสูงแปดฉื่อทำสีหน้าที่เต็มไปด้วยความท้อแท้ใจ เขาอยากขัดขืนอยู่แล้ว แต่ฉินเย่ว์ฉู่ไม่ได้ให้โอกาสนั้นกับเขาเลยตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่บุกเข้ามาในกระโจมใหญ่ของเย่ลวี่เลี่ย ก็ยิงปืนกำจัดองครักษ์ของเย่ลวี่เลี่ยก่อนพูดแล้วก็น่าอับอาย เย่ลวี่เลี่ยที่เคยผ่านศึกมาอย่างโชกโชนตกใจกลัวรูเลือดตรงกลางหน้าผากขององครักษ์ เขาไม่เคยเห็นอาวุธที่รวดเร็วขนาดนี้มาก่อนเลยได้ยินแค่เสียงดังปัง หน้าผากขององครักษ์ก็มีรูเลือดใหญ่ขนาดนี้แล้ว ความเร็วที่แม้แต่เทพเซียนก็ทำไม่ได้ ความแม่นยำที่แม้แต่เทพเซียนก็ยังทำไม่ได้ในตอนที่ฉินเย่ว์ฉู่ยกปืนขึ้นแล้วลั่นไกอีกครั้ง เมื่อเย่ลวี่เลี่ยได้ยินเสียง เขาก็ตกใจจนสลบไปทันที หลับไปตื่นหนึ่งถึงค่อยพบว่าฉินเย่ว์ฉินยิงใส่หมวกเล็กของเขาเท่านั้นตกใจสาวน้อยจนสลบไป ไม่ว่าสือจิ่งซานผู้นี้จะถามอย่างไร เย่ลวี่เลี่ยก็ไม่บอกเขา .....ในคืนที่เย่ลวี่เลี่ยถูกจับ ข่าวก็ไปถึงเมืองหลวงแล้ว “เครื่องอัดเสียงพลังงานแสงอาทิตย์ เครื่องเสียง...” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยอ่านคำเหล่านี้ก็ถามเฉินฝานด้วยความมึนงงว่า “จดหมายของเสี่ยวฉู่บอกว่า นางแค่อาศ
“นางไม่รู้หรือว่าพวกเราไม่อยากลงมือจริงจัง?” “พอไปถึงค่ายทหารของชาวหู ไม่ใช่แค่โดนฆ่าธรรมดาแบบนั้นหรอกนะ” ชาวหูไม่มีทางปล่อยสตรีชาวต้าชิ่งใด ๆ ที่ตกอยู่ในมือพวกเขา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสตรีชาวต้าชิ่งที่หน้าตางดงามฐานะสูงศักดิ์อย่างฉินเย่ว์ฉู่ พฤติกรรมของพวกเขาใช้คำว่าเดรัจฉานมาอธิบายยังไม่พอเลย สือจิ่งซานสะบัดแขนเสื้อ “พอได้แล้ว สตรีนางเดียวไม่มีค่าพอให้เราต้องใส่ใจหรอก นางอยากตายก็ปล่อยนางไปเถิด โจวจวี่ เจ้าส่งคนไปบอกเยลวี่เลี่ยว่าให้พวกเขาเหลือศพไว้ครบถ้วน ข้าจะซื้อศพไว้ใช้ประโยชน์” ไม่ต้องให้สือจิ่งซานรอนานเกินไป วันรุ่งขึ้นทหารลาดตระเวนก็มารายงาน “ว่าไงนะ? เยลวี่เลี่ยมาด้วยตนเอง?”“ท่านแม่ทัพใหญ่ หากพูดให้ตรงคือเยลวี่เลี่ยโดนฮูหยินเล็กของท่านอัครเสนาบดีจับกุมมาขอรับ”“เจ้าพูดอีกทีสิ?”ทหารลาดตระเวนพูดซ้ำถึงสามรอบเต็ม ๆ สือจิ่งซานก็ยังไม่เชื่อไม่ใช่แค่สือจิ่งซานที่ไม่เชื่อ ต่อให้เป็นผู้ถูกจับกุมอย่างเยลวี่เลี่ยก็ไม่เชื่อเช่นกัน เขาจะโดนสตรีนางเดียวจับกุมได้อย่างไรยิ่งไปกว่านั้นสตรีผู้นี้ยังอายุน้อย พาทหารหญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาแค่ร้อยกว่าคนเมื่อฉินเย่ว์ฉู่พาเยลวี่เล
สือจิ่งซานยกมุมปากยิ้มคลุมเครือ “แปรพักตร์อันใดกัน ฝ่าบาทกับท่านอัครเสนาบดีเห็นอกเห็นใจกองทัพหมาป่าเรา จึงส่งสะใภ้คนเล็กมา เช่นนั้นกองทัพหมาป่าเราย่อมต้องต้อนรับสะใภ้ท่านนี้ให้ดี ๆ”“แม่ทัพใหญ่กล่าวถูกต้อง พวกเราต้อง ‘ต้อนรับ’ ให้ดี ๆ!” โจวจวี่พูดคล้อยตามทันที ไม่นานนักก็มีคำสั่งจากในกระโจมใหญ่ ให้ทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนยุคโบราณที่จารีตเคร่งครัดอย่างยิ่ง การเปลือยท่อนบนเช่นนี้เป็นพฤติกรรมดูหมิ่นไม่ให้ความกียรติสตรีอย่างรุนแรงยิ่งกว่านั้นฉินเย่ว์ฉู่เป็นภรรยาเอกของอัครเสนาบดีขั้นหนึ่ง องค์หญิงแห่งต้าชิ่ง พระขนิษฐาแท้ๆ ของฮ่องเต้หญิงหากฉินเย่ว์ฉู่เป็นเพียงสตรีทั่วไปในยุคนี้ เกรงว่ามีแต่จะตกใจจนมือไม้อ่อนไปหมดทหารแม่ทัพทั้งหมดของกองทัพหมาป่าเปลือยท่อนบนออกจากกระโจม รอดูท่าทางตกใจกลัวจนร้องไห้โฮยกใหญ่ของฉินเย่ว์ฉู่“ผู้ชายมากมายถึงเพียงนี้ข่มขู่เด็กสาวคนเดียวจะไม่เกินไปหน่อยหรือ” มีบางคนรู้สึกว่าแบบนี้ไม่ค่อยดีนัก แต่คำพูดของเขาก็โดนคนอื่นสวนกลับทันที “เกินไปอันใดเล่า เฉินฝานเป็นคนส่งมา ให้เขาหยามพวกเราได้เท่านั้น แต่ไม่ยอมให้พวกเราตอบโต้คืนหรือ? เปลือย
เย่ว์หนูได้รับบาดเจ็บในระหว่างที่ปกป้องเฉินฝานครั้งหนึ่ง ร่างกายของนางตอนนี้จึงไม่แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน เดิมทีเฉินฝานอยากให้หวงหวั่นเอ๋อร์ตามฉินเย่ว์ฉู่ไป มีหวงหวั่นเอ๋อร์อยู่ อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยของฉินเย่ว์ฉู่ ผลปรากฏว่าฉินเย่ว์ฉู่ปฏิเสธแม้กระทั่งหวงหวั่นเอ๋อร์ด้วยฉินเย่ว์ฉู่พาทหารหญิงไปหนึ่งร้อยกว่าคน มุ่งตรงสู่ทางเหนือ บุกไปยังกองทัพหมาป่าอย่างกล้าหาญ “เจ้าปล่อยให้นางไปเช่นนี้หรือ?” คนที่ตำหนิเฉินฝาน ไม่ใช่แค่พี่น้องตระกูลฉินทั้งสามคนในจวนสกุลเฉิน แม้แต่ฉินเย่ว์เหมยที่อยู่ในวังหลวงก็รีบออกมาเช่นกันนางคิดว่าไม่ว่าอย่างไร อย่างน้อยที่สุดเฉินฝานต้องให้ฉินเย่ว์ฉู่นำกองพลมือปืนไป“เย่ว์ฉู่เป็นน้องเล็กของพวกเจ้า น้องเล็กของพวกเจ้ามีนิสับแบบไหน พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือไร?” คำพูดประโยคเดียวของเฉินฝานทำให้พวกนางสำลักแล้วแม้ว่าฉินเย่ว์ฉู่จะเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลฉิน ทว่าตั้งแต่เด็กจนโต นางมีความคิดของตัวเองมากที่สุด ขอเพียงเป็นเรื่องที่นางตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้นางเปลี่ยนใจได้“แต่ว่า...” ฉินเย่ว์โหรวที่เป็นคนกังวลใจมากที่สุด ขมวดคิ้วมุ่น ดูกลัดกล
การปรากฏตัวของนาง ทำให้ทุกคนรู้สึกปีติยินดีกันมากแต่ฉินเย่ว์เจียวกลับถลึงมองสตรีผู้นั้น “พอได้แล้ว เสี่ยวฉู่เจ้าเด็กตัวแสบ แสร้งทำตัวเป็นผู้ใหญ่อันใด ยังไม่รีบเข้ามาอีก?” ฉินเย่ว์ฉู่ขี่ม้าเข้ามา ขณะที่นางผ่านฉินเย่ว์เจียวยังไม่ลืมเถียงกลับว่า “พี่หญิงรอง ข้าอายุยี่สิบแล้ว เป็นผู้ใหญ่ตั้งนานแล้วนะ”ฉินเย่ว์เจียวเชิดหน้าขึ้นสูง “ไม่ว่าเจ้าจะอายุเท่าไหร่ ถึงอย่างไรในสายตาข้า เจ้าก็เป็นเด็กตลอดกาล” ฉินเย่ว์ฉู่ควบม้าตรงมาหาเฉินฝาน แล้วฟ้องเขาว่า “นายท่านดูสิเจ้าคะ พี่หญิงรองรังแกข้าอีกแล้ว นางรังแกข้ามาตลอด ท่านไม่จัดการนางบ้างหรือ?”เฉินฝานมองฉินเย่ว์ฉู่ที่สดใสมั่นใจในตัวเองตรงหน้า ภาพที่เขาเห็นฉินเย่ว์ฉู่ครั้งแรกเมื่อสิบปีก่อนฉายขึ้นมาในสมอง เกิดความรู้สึกราวกับว่าเวลาผ่านไปชาติหนึ่งเด็กสาวที่ขี้กลัวในวันวาน บัดนี้กลายเป็นโฉมสะคราญที่มีสง่าราศี เฉินฝานรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อย“เหตุใดที่กลับมาตอนนี้ ไม่ต้องเข้าเรียนแล้วหรือ?” เฉินฝานถามตั้งแต่ฉินเย่ว์ฉู่อายุสิบห้า เฉินฝานก็ส่งนางไปเรียนที่โรงเรียนสตรีในเมืองเซียนตู“นายท่าน ข้าน้อยเรียนจบแล้วเจ้าค่ะ”“เรียนจบแล้ว?”“ข้าน้อยเ
วันนี้เป็นวันหยุดพักผ่อน ซึ่งทั้งเดือนจะมีเพียงวันเดียวเท่านั้น นี่เป็นวันที่หาได้ยาก ในฐานะที่ฉินเย่ว์โหรวเป็นภรรยาเอกที่ดูแลบ้านย่อมไม่ปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ นางได้เตรียมการไว้ล่วงหน้าหลายวันแล้วว่าวันนี้พวกเขาจะไปเที่ยวเล่นกินอาหารที่ชานเมืองกันทั้งครอบครัวนี่เป็นสิ่งที่เฉินฝานเสนอขึ้นเมื่อหลายปีก่อน หลังจากครั้งนั้น ฉินเย่ว์โหรวก็หลงใหลอยู่สุดซึ้ง ขอเพียงเฉินฝานมีวันหยุด นางจะต้องออกไปให้ได้สถานที่เที่ยวเล่นกินอาหารกันในครั้งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาดเหมือนเช่นเคยเฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิง กินผลไม้มองบุตรชายบุตรสาวเล่นกันอย่างสนุกสนานบนทุ่งหญ้า ส่วนบรรดาภรรยาก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารกลางวันกลิ่นอาหารที่เฉินฝานชอบลอยอยู่ในอากาศอาหารของพวกเขาทั้งหมดเป็นรูปแบบยุคปัจจุบัน เนื้อแกะย่างทั้งตัว สเต๊กซี่โครงย่าง หมูสามชั้นย่าง ปีกไก่ย่าง กระดูกอ่อนย่าง... ยังมีหม้อไฟทะเล และผลไม้แช่เย็นต่าง ๆ นานา“อืม~” เฉินฝานสูดจมูก แล้วแค่นเสียงเบา ๆ ด้วยความพึงพอใจ เขาหลับตาพักผ่อน พักผ่อนสักพักก็เริ่มกินได้แล้ว“ฮี่!”เฉินฝานเพิ่งจะนอนหลับก็ตกใจตื่นกับเสียงร้องฮี่ของม้า “
หลังจากสือจิ่งซานควบคุมกองทัพหมาป่า เขาก็เปลี่ยนตัวแม่ทัพก่อนหน้านี้ทั้งหมด ตอนนี้ทหารเหล่านี้ล้วนเชื่อฟังสือจิ่งซานเท่านั้น“ใครบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทและท่านอัครเสนาบดีที่นี่?”สือจิ่งซานตวาดอย่างเย็นชา เขาเดินแหวกแม่ทัพเหล่านั้นพร้อมกับเอ่ยวาจา หลังจากนั้นก็หันกาย สายตากวาดมองไปบนร่างแม่ทัพเหล่านั้นห“ข้าน้อยไม่บังอาจวิจารณ์ เดิมทีสิ่งที่ข้าน้อยพูดก็เป็นความจริง หากไม่มีกองทัพหมาป่าของเรา ไม่มีท่านแม่ทัพใหญ่ ต้าชิ่งจะสงบสุขเหมือนทุกวันนี้ได้อย่างไร เวลานี้กลับให้เฉินฝานผู้นั้นยึดความดีความชอบทั้งหมดไว้เพียงผู้เดียว” “ถูกต้อง พวกเรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย”แม้ว่าเสียงของพวกแม่ทัพจะเบาลงแล้ว แต่ความโกรธเกรี้ยวและความไม่พอใจในคำพูดกลับยิ่งรุนแรงขึ้น “เหลวไหล เดิมทีความสงบสุขของต้าชิ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพหมาป่าเรา ในฐานะที่ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่ของกองทัพหมาป่ายิ่งต้องทำเช่นเดียว ต่อไปหากมีใครกล้าบังอาจวิจารณ์ฝ่าบาทกับอัครเสนาบดีอีก ลงโทษโบยด้วยไม้พลองทหาร!”“ท่านแม่ทัพใหญ่...”“ทหาร!” สือจิ่งซานตัดบทคนผู้นั้น “นำตัวสวี่ต๋าออกไปโบยด้วยไม้พลองทหารห้าสิบที!” ไม่นานนัก
ตอนนี้น่าจะถือว่ารักษาสัญญาแล้วกระมังฉินเย่ว์เหมยรับประทานอาหารค่ำที่จวนสกุลเฉิน พี่น้องทั้งห้าคุยเล่นกันในห้องจนดึกดื่น หลี่เต๋อฉวนเร่งอยู่หลายครั้ง ฉินเย่ว์เหมยถึงค่อยอำลาบรรดาน้องสาวของตนด้วยความอาลัยอาวรณ์“พี่หญิงใหญ่ ท่านถอนรับสั่งได้หรือไม่?”เมื่อเห็นฉินเย่ว์เหมยกำลังจะจากไป ฉินเย่ว์ฉินก็รีบเอ่ยขึ้นมา“รับสั่งใดเล่า?” ฉินเย่ว์เหมยหันหน้ากลับมาถาม“ก็เรื่อง ก็เรื่อง...” เสียงของฉินเย่ว์ฉินแผ่วเบา หน้าแดงเล็กน้อย “เข้าหอในวันนี้”แม้ยามนี้ฉินเย่ว์ฉินไม่รังเกียจเฉินฝานแล้ว แต่นางยังไม่ได้เตรียมใจแต่งงานกับเฉินฝาน “เหตุใดต้องถอนคืนด้วย เจ้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว ควรจะมีทายาทให้สามีของเจ้าได้แล้ว เช้านี้ข้าตรวจดูปฏิทินโหรแล้ว วันนี้เป็นวันดี ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธอีก”นี่ก็คือการปราบปรามโดยสายเลือด ก่อนที่ฉินเย่ว์เหมยจะมา พวกฉินเย่ว์เจียวไม่อาจเอ่ยถึงเรื่องเข้าหอได้เลย เวลานี้เมื่อฉินเย่ว์เหมยเอ่ย ฉินเย่ว์ฉินไม่อาจโต้แย้งได้แม้แต่คำเดียว “ยังจะว่าข้าอีก ท่านก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ว่าท่านเองก็หาเหตุผลต่าง ๆ เพื่อหนีนายท่านหรือไร” ขณะที่ฉินเย่ว์เหมยหันกายเดินจากไป ฉินเย่ว์ฉ