ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้
ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน
หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ
คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว
“ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ”
นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้
และร่างกายนางยามนี้ มีความแข็งขันแทรกผ่านเข้าไปจนเต็มลำ
เจ็บ จุก ทั้งอึดอัด แต่คงไม่ถึงกับตาย
“หึๆ ๆ บีดรัดได้ดี น้ำเจ้าก็ไหลเยิ้มตลอด ข้างในอุ่นจัด ทั้งเต้นตุบๆ กระทำเช่นนี้ ถึงจะเรียกว่าการอุ่นเตียงของชายหญิง”
คำพูดเขาหยาบคาย ไร้รสนิยม เป็นพวกมักมาก คือผู้ชายอย่างที่นางไม่เคยพบพาน ทั้งชาตินี้ และชาติก่อน
“ข้าอาจไม่เป็นวรยุทธ์ เข้าครัวก็ด้อยฝีมือ งานเย็บปักเอาไหน แต่สตรีเช่นข้า เกิดมาเพื่อพาบุรุษขึ้นสวรรค์ และไม่แน่ อาจมีความสามารถ ถึงขั้นถีบพวกบ้าตัณหาลงนรกได้ในเวลาเดียวกัน และก่อนจะถีบแรงๆ ข้าคงตอนพวกเขาให้เป็นขันทีเสียก่อน อยากรู้นักบุรุษยามนั่งถ่ายเบา จะน่าขบขันเพียงใด”
“เฮ้อ เจ้าถนัดใช้วาจาชั้นต่ำจริงๆ ไม่สมเป็นคุณหนูสกุลสูงศักดิ์ บรรพบุรุษเจ้าไม่เคยสั่งสอนหรือไร”
ฟ่านอวี้เหยาถลึงตาใส่แม่ทัพปู้ ก่อนขยับบั้นท้ายยกสูงกว่าเดิม แล้วกระแทกตัวลงไปบนเรือนกายเขาถี่รัวติดกันชุดใหญ่ ดวงตาเหยี่ยวหรี่ปรือ ริมฝีปากหยักสวยของเขาบิดเบี้ยว การหายใจรัวแรง พร้อมส่งเสียงทุ้มๆ ครางออกมา
ยามนั้นปลายเท้าเขาเหยียดเกร็ง สองมือกำแน่น ยอดหน้าอกแข็งจัด ดูก็รู้ว่าเขาใกล้เสร็จสม
โถ ปู้หว่านถิง เก่งกล้า และหยาบช้าเพียงใด ยามอยู่บนเตียงกับนางกลับอ่อนหัด ราวกับลูกสุนัขที่ยังไม่หย่านม นางคิดเช่นนั้น แต่หารู้ไม่ เขาเป็นพวกสติวิปลาส เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางครายากเดาใจได้ ทั้งหมดคงเพราะนางอ่อนหัด จึงมองบุรุษอย่างเขาไม่ออกสักนิดว่าอีกฝ่ายกำลังแสดงละครตบตา
“เมื่อก้าวออกจากเรือนของตน ข้าก็ไม่ต่างจากน้ำที่ถูกสาดทิ้ง ยามนี้มีป้ายแขวนคอ นับว่าดีกว่าต้องกลายเป็นขอทานข้างถนน สตรีเช่นข้าพอมีฝีมืออยู่บ้าง คำกล่าวนี้ หาได้โป้ปดสักนิด ดูเอาเถิด แม่ทัพปู้แสดงให้ข้าเห็นว่า กำลังจะหลั่งออกมาง่ายๆ ราวกับเป็นเด็กหนุ่มไม่ประสีประสาในเรื่องนี้”
ปู้หว่านถิง หัวเราะเสียงดุดัน คราแรกที่กระชากร่างทรงเสน่ห์เข้ากระโจม แทนการส่งเข้าไปรับใช้ทหารในค่าย ก็เพราะความงามล่มเมือง อีกทั้งนางคือลูกของศัตรู ฟ่านซุ่นซี ซึ่งทำหน้าที่หมอหลวงรักษาอาการของฉางอ๋อง ผู้เป็นฮ่องเต้แคว้นฉางไห่ในยามนี้
เมื่อนางเป็นลูกศัตรู เขาย่อมเก็บนางเอาไว้ใกล้ๆ ตัว เพื่อแก้แค้น เรื่องนี้สมควรมิใช่หรือ
ฝ่ายนางก็ดูบอบบาง ราวกับจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ หากให้ตกถึงมือผู้อื่น คาดว่าถูกข่มเหงไม่เกินหนึ่งชั่วยามวิญญาณก็คงหลุดออกจากร่าง
ทว่าเมื่อใกล้ชิดกัน ได้กลั่นแกล้งนางพอให้เสียน้ำตา เขาพบว่า สตรีนางนี้กร้านโลกทั้งร่านราคะ เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจ
บางคราคาดคิดว่าอาจมีคนปลอมตัวเป็นฟ่านอวี้เหยา แต่ความคิดดังกล่าว ยากจะเป็นไปได้ เขาให้คนติดตามนางตั้งแต่ออกจากคฤหาสน์สกุลฟ่าน หลายครั้งหลายคนนางเกือบสิ้นชีพ ด้วยมีผู้ประสงค์ร้าย หวังฆ่าปิดปาก
กระทั่งมาที่ท่าเรือเมืองโยว เขาจึงสั่งให้หน่วยของตนถอนกำลัง เพื่อฟ่านอวี้เหยาจะได้รู้จักเอาตัวรอดด้วยตนเอง ซึ่งเป็นตอนนั้นที่ทำให้พบเรื่องหงุดหงิดใจ ทหารที่มาจากเมืองหลวง และเพิ่งเข้ามารายงานเสริมกองทัพเขาได้ไม่ถึงเดือน พวกมันล้วนไร้ระเบียบวินัย ทั้งยังกระทำสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นอันธพาลสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ส่งผลให้ชื่อเสียงเขาดูแย่ อีกทั้งมีกลุ่มคน พยายามปล่อยข่าวเสียหายหวังให้ประชาชนเกลียดชังกองทัพอาชาเหินหาว ต้องการยุยงให้เกิดความขัดแย้ง ในบ้านเมือง พร้อมสรรเสริญคนชั่วอย่างเจียงโม่ขุนนางกังฉินว่าเป็นคนดี ขณะเดียวกัน ก็อ้างว่าทหารของเขา ต้องการฆ่าปิดปากสามสกุลใหญ่ที่ทำการค้าในแคว้นฉางไห่ หนึ่งในนั้นคือ สกุล เซียว ซึ่งเป็นของเจ้าบ่าวฟ่านอวี้เหยานั่นเอง
“หากข้าสามารถย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กน้อย และอ่อนด้อยประสบการณ์เรื่องอุ่นเตียงคงดีไม่น้อย
ตัวข้า อยากเป็นคนแรกของสตรีที่พยายามทำตัวกร้านโลก ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่พยายยามกัดฟันสู้ไม่ถอย คุณหนูฟ่านช่างใจกล้าบ้าบิ่น ถึงขั้นท้าทายกำลังบุรุษ
รู้หรือไม่ อีกมินาน กลีบดอกไม้หวานฉ่ำของเจ้าย่อมต้องบอบช้ำ ด้วย ปาก ลิ้นสากๆ ของข้า ทั้งสองมือใหญ่นี้
และความแข็งแกร่งที่จะแทรกผ่านร่างกายเจ้า อาจทำให้ร่างกายบอบบาง แตกออกเป็นเสี่ยงๆ”
ร่างที่นั่งทับบนตัวเขา สั่นกว่าเดิม ถึงอย่างนั้นนางก็ยังไม่เปลี่ยนความคิด
“ข้าจะทำให้ท่านไม่อาจมีความสุขกับสตรีคนใดได้อีก กลิ่นกายนี้ เรือนร่างนี้ และความบีบรัดของข้า จะทำให้ปู้หว่านถิง เพ้อหาทั้งยามตื่น และหลับตา”
“ฮ่าๆ ๆ หากมีความสามารถเช่นนั้น คุณหนูฟ่านจงเร่งมือมอบความสุขให้ข้าเถิด”
เขาบอกนาง พลางคิดในใจว่า ฟ่านอวี้เหยาย่อมเป็นได้แค่สตรีที่เขามีไว้ปล่อยน้ำวิสุทธิ์ราดรดเรือนร่างก็เท่านั้น นางมีค่าก็แค่สตรีที่มีป้ายแขวนคอไว้รับใช้บุรุษยามต้องการปลดปล่อยความสุข ซึ่งสาสมแล้วที่บิดาของนางกล้าเป็นศัตรูกับเขา
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา “คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!” เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ” จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย “ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่ และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น” ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน “ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอ
ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้ “อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที” “แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย” “พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่ง
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น
ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้ “อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที” “แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย” “พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่ง
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ” จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย “ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่ และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น” ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน “ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอ
พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา “คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!” เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้ ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ” นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้ และร่างกายนางยามนี้ มีความแข
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น