ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง
อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน
จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก
“คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้
“อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที”
“แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย”
“พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่งฮูหยินน้อยให้ถึงเรือนนอก จงรักษาชีวิตเอาไว้เถิด อย่าคิดหาภัยให้ตนเดือดร้อน อีกอย่างพวกเจ้าก็ได้เห็นแล้ว กองทัพแม่ทัพปู้กำลังย้ายเข้ามาควบคุมทุกอย่างในเมืองโยว ฝ่ายนั้นมีกำลังล้นเหลือ และยังบ้าอำนาจ ใครขวางทาง ย่อมถูกจัดการให้พ้นหูพ้นตา”
จิ่งหรูไม่ชอบคำพูดของแม่บ้านผู้นี้ อย่างไรเสียคุณหนูนางเป็นลูกสาวหมอหลวงที่ฮ่องเต้ไว้วางใจ แม้ไม่ใช่องค์หญิงสูงศักดิ์ แต่ลดตัวลงมาแต่งเข้าสกุลเซียวที่ให้ดีก็แค่ร่ำรวยเงินทอง
“แม่บ้านผู้นี้ ปากเจ้ายังอยากมีไว้กินข้าว และดื่มน้ำอีกหรือไม่”
ถานลู่ได้ยินอย่างนั้นพลันลมออกหู นางไม่น่ารับงานนี้เลย อันที่จริงสมควรหนีเอาตัวรอดเสีย ทว่าคุณชายรองกำชับนักหนา อย่างไรต้องส่งฮูหยินของเขาไปในที่ปลอดภัยที่สุด
ยามนี้อีกฝ่ายคงซ่อนตัวอยู่ หากกล่าวไปแล้ว การแต่งงานครั้งนี้ฤกษ์ไม่ดีนัก ด้วยประจวบเหมาะกับเวลาที่สกุลเซียวถูกข้อกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนขุนนางกังฉิน ค้าขายสินค้ากับต่างแคว้น พร้อมสนับสนุนทั้งเสบียงและอาวุธสงคราม จึงเป็นเหตุให้คฤหาสน์ทั้งหลังแทบจะร้างผู้คน ซึ่งกล่าวไปแล้ว สตรีที่เพิ่งแต่งเข้าเรือน เป็นตัวอัปมงคลโดยแท้
รถม้าพาฟ่านอวี้เหยาเดินทางไกลตั้งแต่หัวค่ำเมื่อวาน และพักที่โรงเตี้ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีทหารที่ออกมาสืบข่าวต่างๆ ทั้งหาความสุขกับนางโลมที่อยู่ซ่องในละแวกนั้นบ้าง
ฟ่านอวี้เหยาไม่ใคร่ชอบใจที่นี่ นางรำคาญความวุ่นวาย อีกทั้งยังเห็นว่า มีการทำผิดกฎหมายหลายอย่าง โดยเฉพาะนางโลมเหล่าอายุยังน้อย ซึ่งนอกจากเป็นสตรี ยังมีเด็กชายด้วย
บริเวณโถงที่มีไว้รับรองผู้คนและขายอาหาร ฟ่านอวี้เหยายังสวมชุดเจ้าสาว มีเสื้อคลุมตัวหน้าทับไว้อีกชั้น กวาดตามองภาพต่างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
“ทหารพวกนั้น อยู่ในกองทัพจริงๆ หรือเจ้าคะ”
“คงอยู่ในช่วงกลียุคจริงๆ เรื่องเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้น”
ฟ่่านอวี้เหยาว่า มองไปยังเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อีกฝ่ายกำลังจะถูกหิ้วออกไปสร้างความสำราญให้แก่ทหารถึงสามคนด้วยกัน
“น่ากลัวเหลือเกินเจ้าค่ะ ถ้าหากทหารพวกนี้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างในบ้านเมือง จะมีเรื่องเลวร้ายเพียงใด”
จิ่งหรูถาม และหัวใจของฟ่านอวี้เหยาหดเกร็ง…
“ข้าก็หวังว่า จะมีคนที่มีอำนาจมากกว่าปู้หว่านถิง สามารถกำราบความเหิมเกริมของเขาได้”
“โอ้ คุณหนู อย่าเอ่ยชื่อเขาแบบนั้นสิเจ้าคะ บ่าวแค่ได้ยินก็ตัวสั่น ฉี่แทบราด ยังจำได้เลยว่า เขานั่งบนหลังม้าตัวใหญ่ และฟาดแส้ใส่คุณหนูจนบาดเจ็บ”
“บางทีข้ากับเขา คงเคยสร้างกรรมเวรไว้ร่วมกัน”
หญิงสาวเอ่ยแล้ว ภาพบางอย่างก็หมุนสลับไปมา หลายหนนางรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง นอกจากนั้นยังมองเห็นเรื่องราวในภายภาคหน้า และก็อดสังหรณ์ใจไม่ได้ว่า อีกไม่นานนับจากนี้ นางอาจต้องประสบหายนะครั้งใหญ่ จนแทบเอาชีวิตไม่รอด
“เรารีบเข้านอนเถิด ข้าคิดว่าพักผ่อนเอาแรงให้มากๆ พรุ่งนี้เช้าการเดินทางคงลำบากมิน้อย”
และทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่ฟ่านอวี้เหยากล่าว เรือนนอกสกุลเซียวห่างจากเมืองโยวมากพอสมควร เส้นทางนั้นก็ซับซ้อน เป็นทั้งป่า ต้องผ่านช่องเขา อีกทั้งเมื่อใกล้ถึงที่หมายก็เกิดเรื่องชวนให้น่าหวาดหวั่น
“มิใช่่ทหารเป็นแน่ ดูอย่างไรก็เหมือนพวกที่ปลอมตัวมา พวกมันต้องการตรวจค้น รถม้าที่ผ่านจุดนี้ทุกคัน…แม่บ้านถาน ทางที่ดี เราเปลี่ยนเส้นทางเถิด”
เด็กหนุ่มที่บังคับรถม้าแจ้งเรื่องที่เขาประเมินแล้วก็เห็นว่าไม่ปลอดภัยกับถานลู่ ด้วยมีการแอบอ้าง และปลอมตัวเป็นทหารของปู้หว่านถิง ทั้งหมดเป็นฝีมือของพวกก่อกบฏนั่นเอง
ถานลู่ได้ยินแล้วกลับชักหน้า และส่งเสียงโต้ตอบเขาผ่านช่องระหว่างคนขับ และห้องโดยสารด้านใน
“เหลวไหล อย่างไรฮูหยินน้อยนางนี้ ต้องไปถึงเรือนนอก และใครหน้าไหนก็ตรวจค้นรถสกุลเซียวไม่ได้”
เมื่อถานลู่กล่าวอย่างนั้น แต่ชายชราที่เป็นคนงานดูแลทั้งม้า และรถคันนี้ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มตะโกนบอกว่า
“แม่บ้านถาน เราเลือกใช้เส้นทางอื่นได้ ข้าบอกตั้งแต่ต้นแล้ว หากเลี่ยงการเข้าใกล้หุบเขา และป่าทึบย่อมดีที่สุด แต่เจ้าดึงดันจะมาให้ได้ บอกว่าเป็นทางลัด แต่ดูเอาเถิดอันตรายรออยู่ข้างหน้าแล้ว หรือว่าแท้จริง เจ้ารับเงินคนอื่น และมีแผนร้ายต่อฮูหยินน้อยผู้นี้!”
พอชายสูงวัยกล่าวจบ จู่ๆ ลูกธนูก็พุ่งมาแล้วปักทะลุหัวไหล่เขา!
จากนั้น ช่องระหว่างห้องโดยสารและขับควบคุมรถม้าถูกปิดอย่างเร็ว และถานลู่ก็รีบเอ่ยขึ้น
“ชุดเจ้าสาว ของท่านควรถอดออกเสีย หากไม่อยากตาย” ถานลู่บอกฟ่านอวี้เหยา แต่คนที่ตั้งใจมาเป็นเจ้าสาวของเซียวเจี้ยนอี้ ไฉนจะยอมทำได้ นางมาถึงเมืองโยว ไม่ได้เข้าห้องหอ ยังต้องมาอยู่เรือนนอก ตอนนี้ถูกคำสั่งจากแม่บ้านบอกให้นางเปลี่ยนชุด
“แม่บ้านถาน ข้าจะบอกอีกหน ข้าแต่งเข้าสกุลเซียว ยามนี้แม้ยังไม่ได้เข้าหอ แต่ข้าเป็นคนของเซียวเจี้ยนอี้แล้ว อีกอย่างเจ้าเป็นเพียงแม่บ้าน ไฉนถึงได้พูดจาไม่เคารพข้า”
ฟ่านอวี้เหยา ดูเหมือนนุ่มนิ่ม แต่นางได้รับการศึกษาดี ไม่ได้ปัญญาทึบ อาจบอบบางไปบ้าง หากอย่างไรนางนั้นสู้คน
ในขณะที่มีหลายสิ่งให้ต้องขบคิดหนัก ฟ่านอวี้เหยาก็ปวดที่แผลขึ้นมาอีก และนางเหมือนจะสลบไปในยามนั้น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่รถม้าจอดลงเสียดื้อๆ ฝ่ายคนขับรถม้า ไม่พูดพล่ามหรือบอกกล่าวอัดใด พอกระโดดลงรถม้าได้ เด็กหนุ่มวิ่งหนีเข้าป่าเสียอย่างนั้น
ถานลู่ ฉุนเฉียวอย่างหนัก นางต้องรับผิดชอบสิ่งใดที่มากเกินตัวเยี่ยงนี้หนอ
จากนั้นนางก็ออกจากรถม้า คิดหาทางรอดบ้าง ด้วยนางรู้ว่าฟ่านอวี้เหยา มิใช่มีเพียงแค่ฐานะฮูหยินน้อยสกุลเซียว ทว่ายังเป็นลูกสาวของหมอฟ่าน ที่ถูกขุนนางกังฉินหลอกยืมมือ และใส่ร้ายว่าลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ (ฉางอ๋อง) ซึ่งนางก็ได้เงินมาจำนวนหนึ่ง เพื่อส่งตัวฟ่านอวี้เหยาให้อีกฝ่าย
“คุณหนู ฟื้นสิเจ้าคะ”
เสียงของจิ่งหรูฟังแล้วก็ตื่นตระหนก ยามนี้รถม้าจอดสนิท ทั้งแม่บ้านถู คนขับรถม้าต่างหายหัวไปหมด
สาวใช้เปิดหน้าต่าง มองไปด้านนอก เห็นทหารหลายสิบนายอยู่ไม่ห่างนัก ซึ่งนางมีไหวพริบอยู่บ้าง ทหารหลายนายแต่งตัวไม่ถูกต้อง ทั้งมีหนวดเครารุงรัง ประเมินด้วยสายตาก็คิดว่าอาจเป็นโจรสวมรอย
“มือสังหารหรือ…”
นางแค่คาดการณ์ไปเท่านั้นเอง
“คุณหนู ฟื้นเถอะเจ้าค่ะ ภัยมาถึงตัวแล้ว”
จิ่งหรูเขย่าร่างเจ้านายของตน ทว่าบาดแผลที่หญิงสาวได้รับจากแส้ ทำให้นางเป็นไข้ แม้จะได้ยาลดการติดเชื้อ และสมานแผลพร้อมกับห้ามเลือด ทว่านางที่เดินทางไกลมาจากเมืองหลวงทั้งยังแพ้อาหาร พักผ่อนก็น้อย สุขภาพจึงไม่สู้ดี
กระทั่งจิ่งหรูแน่ใจว่า หากปล่อยไว้เช่นนี้ คงไม่มีทางรอดกันทั้งสองคน สาวใช้จึงตัดสินใจแน่วแน่ นางถอดชุดเจ้าสาวซึ่งเป็นเสื้อคลุมตัวนอกของฟ่านอวี้เหยาออก แล้วเปลี่ยนให้ตน ส่วนเสื้อผ้านางสวมให้ฟ่านอวี้เหยา แต่ใส่ได้เพียงลวกๆ เท่านั้น ด้วยมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้ๆ
จิ่งหรูตัดสินใจเด็ดเดี่ยวกระโดดลงไปพื้นเบื้องล่าง แล้วเปิดขวดยาอันเป็นสารกระตุ้นให้ม้าตื่นตัว ม้าร้องอยู่สามสี่ครั้ง ก็เตรียมโผนทะยานไปข้างหน้า
“ทะ ท่านลุง ช่วยส่งคุณหนูของข้าไปยังที่ปลอดภัยได้หรือไม่” ชายสูงวัยที่เป็นผู้ช่วยคนควบคุมรถม้า เขายังพอมีแรงเฮือกสุดท้าย จึงยิ้มให้จิ่งหรู
“คุณชายรอง ให้ข้าพาฮูหยินน้อย ไปให้ถึงเรือนนอก… นี่คือคำสั่งที่ข้าได้รับ”
“ฝากท่านลุงด้วย คุณหนูเป็นคนดี จะต้องไม่เป็นอันตราย ส่วนท่านลุง…” จิ่งหรูมองที่ธนูที่ปักอยู่หัวไหล่อีกฝ่าย บาดแผลฉกรรจ์ทีเดียว เลือดก็ไหลไม่หยุด
“ไว้ใจได้ แม้ตายเป็นผี ฮูหยินน้อยก็จะถึงเรือนนอก”
ชายชรากล่าวจบรถม้าก็เปลี่ยนเส้นทาง และเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณหนู… อย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่ในมือคนพวกนั้น บ่าวโง่เขลาทำได้เพียงเท่านี้” จิ่งหรูว่าแล้ว นางซึ่งสวมชุดเจ้าสาวก็มองไปยังกลุ่มทหารที่บ่ายหน้าเข้ามา ก่อนรีบออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น
ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้ ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ” นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้ และร่างกายนางยามนี้ มีความแข
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา “คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!” เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ” จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย “ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่ และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น” ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน “ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอ
ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้ “อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที” “แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย” “พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่ง
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ” จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย “ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่ และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น” ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน “ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอ
พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา “คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!” เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้ ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ” นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้ และร่างกายนางยามนี้ มีความแข
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น