“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ”
จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย
“ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่
และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น”
ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน
“ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ
“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอย่างไร ก็ไม่ควรสวมชุดเจ้าสาว”
ฟ่านอวี้เหยาโกรธจัด นางไม่ใช่คนร้ายกาจ ทว่าหากจะให้เสียน้ำตา หรือแสดงความอ่อนแอให้คนพวกนี้เห็น ย่อมไม่สร้างประโยชน์อันใด นางจึงรอจังหวะที่จะสั่งสอนคนพวกนี้บ้าง และพอเขาดึงร่างจิ่งหรูออกไป นางจึงใช้โอกาสเดียวที่มี หมายแทงปิ่นปักผมเจ้าสาวใส่ลำคอทหารผู้นั้น!
ทว่านางยื่นมือออกไปแล้ว แต่ไม่อาจทำสิ่งใดสำเร็จ พวกทหารที่ยืนล้อมอยู่ต่างชักดาบออกมา หมายทำร้ายนางให้ถึงตายทีเดียว
จังหวะเดียวกัน จู่ๆ มีม้าตัวโตโผล่มา พร้อมร่างสูงใหญ่เป็นผู้ขี่ ซึ่งทั้งที่ห่างกันเกือบสองช่วงตัว ทว่าแส้ยาวของอีกฝ่ายที่สะบัดมาด้วยความเร็วแรง ฟาดเข้าใส่แขนฟ่านอวี้เหยาพอดี
ปิ่นทองทองยังอยู่ในมือเรียว และนางกำมัดเอาไว้ แต่แขนสั่นสะท้าน
ยามแรกนางแค่ชา ราวๆ อึดใจต่อมา นางรับรู้ได้ว่าภายใต้แขนเสื้อมีเลือดไหลซึม
“หึๆ บังอาจทำร้ายทหารของข้า หรือเจ้าไม่กลัวการถูกส่งเข้าคุกทหาร และไต่สวนอย่างเหี้ยมโหด”
ยามนั้นฟ่านอวี้เหยาเจ็บที่แขน หน้าซีดด้วยเสียเลือด แต่ยังฝืนเงยหน้า มองท้าทายยังบุรุษที่นั่งบนม้า ซึ่งส่งไอสังหารพวยพุ่งออกมาปะทะร่างหญิงสาว
“ทหาร ใช่ พวกท่านเป็นหทารเช่นใด ถึงข่มเหงผู้อื่น อีกทั้งไร้ศีลธรรม หรือเพราะมีหัวหน้าอย่างคนแซ่ปู้ ที่สร้างกองทัพเลวๆ ขึ้นมา”
น้ำเสียงนางอ่อนแรง ร่างกายแทบทรงตัวไม่ไหว ทว่าการท้าทายด้วยคำพูด และดวงตาที่มุ่งมั่น ทำให้บุรุษที่ใช้แส้ฟาดนาง แยกเขี้ยว แล้วตวาดเสียงดัง
“อยากไปเป็นเจ้าสาวเข้าห้องหอกับบุรุษใด จบรีบไสให้พ้นหน้าข้าเสีย ครั้งนี้ไม่เอาผิดเจ้า แต่ถ้าอยากแขวนป้ายรับใช้ ทหารในกองทัพ จงกระโดดขึ้นหลังม้าข้าเดี๋ยวนี้ รับรองว่า แม่นางจะได้ทำหน้าที่สมเกียรติ ในชุดเจ้าสาวที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำกามบุรุษแน่นอน! ”
ปากสุนัขของคนผู้นั้น ทำให้ฟ่านอวี้เหยามีแรงฮึดอย่างมหาศาล ซึ่งไม่รู้ว่าสิ่งต่อจากนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ปิ่นในมือนางที่ปลายของมันแหลมคม ซึ่งชุ่มด้วยเลือดถูกเขวี้ยงออกไปอย่างสุดกำลัง!
แน่นอนปิ่นทองดังกล่าวไม่ได้เฉียดใกล้ร่างกายของคนผู้นั้นสักนิด แต่ทำให้เขารู้ว่า นางเป็นสตรีที่กล้าหาญพอตัว กระนั้น ถึงกล้าหาญอย่างไร ก็ยังเป็นคนโง่เขลาและสิ้นคิด การแต่งเข้าสกุลคหบดียามนี้ หากไม่ใช่พ่อค้าชั่วก็ดีไป แต่ถ้าทำผิดรังแต่จะถูกยึดทรัพย์ โดนไล่ต้อนไปใช้แรงงานที่เหมืองทางใต้ ไร้โอกาสลืมตาอ้าปากได้อีกตลอดชาติ
“อย่าลืม หากถูกเจ้าบ่าวของเจ้าเขี่ยทิ้ง ไร้ที่ซุกหัวนอน แล้วอยากรอดตาย จงไปแขวนป้ายห้อยคอในค่ายทหารของข้า เพื่อปรนนิบัติชายชาตินักรบ ลูกน้องข้าพร้อมต้อนรับเจ้าเสมอ รับแขกไม่หนักหนา มากสุดคืนละยี่สิบคน!”
เขากล่าวจบ ก็สั่งให้ผู้ติดตามถอนกำลังที่มีออกไปจนหมด ปล่อยให้ฟ่านอวี้เหยาโกรธจนตัวสั่น ทั้งอับอาย กระทั่งเสียงฝีเท้าม้าเงียบลง นางจึงได้ยินพ่อค้า แม่ค้าในละแวกนั้น พูดว่า
“เฮ้อ ต่อไป พวกเราคงลำบากเป็นแน่ หากแม่ทัพปู้ผู้นั้น เข้ามาประจำการในเมืองโยว ได้ข่าวว่าเขาให้คนคัดเลือกสตรี ไปใช้แรงงานในค่ายทหารอย่างเหี้ยมโหด ไม่ใช่แค่หุงหาอาหาร ทำความสะอาดหรือซักผ้า แต่พวกนางยังต้องแขวนป้ายรับแขกในกระโจมด้านหลังค่ายทหาร เพื่อแลกกับเศษเงินไม่กี่เหวิน!”
ฟ่านอวี้เหยายิ่งได้ยิน นางยิ่งขยะแขยงอีกฝ่าย
“ท่านน้า เมื่อครู่ ท่านบอกว่าคนผู้นั้นคือแม่ทัพปู้”
สตรีคนดังกล่าวพยักหน้ารับ พูดอย่างตรงไปตรงมา
“ปู้หว่านถิง แต่เดิมเขาเคยอาศัยอยู่เมืองนี้ เมื่อครั้งเยาว์วัย เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนมารดาแท้ๆ จะสิ้นใจ”
ฟ่านอวี้เหยาไม่ได้ฟังเรื่องราวของแม่ทัพปู้ต่อจากนั้น ด้วยนางเจ็บแผล ทั้งรู้สึกคล้ายจะเป็นลม ถึงอย่างนั้นก็ก่นด่าปู้หว่านถิงไม่เลิก
“เสี่ยวหรู หากข้าได้พบเขาอีกครั้ง จงเตือนข้าด้วยว่า ปู้หว่านถิงต้องได้รับบทเรียนจากข้า เลือดต้องล้างด้วยเลือด และเลือดของเขา ข้าจะใช้มันล้างเท้า!”
เมื่อฟ่านอวี้เหยากล่าวเช่นนั้นออกมา จิ่งหรูจึงครั่นคร้ามใจ ยิ่งไปกว่านั้นนางสำเหนียกได้ว่า ผู้เป็นนายตนมีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป
ฟ่านอวี้เหยาไม่เหมือนเดิมตั้งแต่ลงเรือ หรืออาจกล่าวได้ว่านับแต่ก้าวออกจากเรือนสกุลฟ่าน สตรีผู้นี้มีนิสัยผิดแผกไปจากเดิม !?
ทว่าสาวใช้ ไม่ได้กล่าวคำใดอีก นางได้แต่สงบปากสงบคำ และลอบมองฟ่านอวี้เหยา ซึ่งดูเหมือนว่าจะฉุนเฉียวง่าย ทั้งมีความแค้นคิดอยากจัดการปู้หว่านถิงจนน่ากลัว
ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้ “อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที” “แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย” “พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่ง
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น
ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้ ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ” นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้ และร่างกายนางยามนี้ มีความแข
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา “คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!” เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้ “อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที” “แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย” “พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่ง
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ” จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย “ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่ และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น” ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน “ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอ
พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา “คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!” เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้ ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ” นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้ และร่างกายนางยามนี้ มีความแข
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น