พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี
จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง
เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา
“คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!”
เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม
ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะเป็นแม่ค้า ทั้งนึกสงสารหญิงสาวจึงส่งหมวกตาข่ายให้ นางจึงรับมาแล้วใช้อำพรางใบหน้าตนด้วยความรวดเร็ว อย่างน้อยก็ไม่ให้บุรุษอื่นได้ยลโฉมผู้เป็นเจ้าสาวก่อนชายคนรัก
ฝายทหารตัวอ้วนล่ำ หัวเราะเสียงน่าเกลียดและพูดว่า
“โอ้ ที่แท้แม่นางผู้นี้ก็สตรีที่ถูกส่งมาเป็นของเล่นพวกพ่อค้าหน้าเลือด ที่ค้าขายแบบเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น คิดแล้วก็เสียดายความงามกับเนื้อตัวนุ่มนิ่ม ความสาวที่มีคงถูกใช้จนบอบช้ำหมด จงรู้เอาไว้เถิด แต่งเข้าสกุลเซียวยามนี้ ย่อมไม่ต่างจากก้าวขาลงขุมนรก เพราะเจ้าคงโดนร่างแหไปด้วย ดีหน่อยก็ถูกเนรเทศไปใช้แรงงาน หากเลวร้ายคงเดินเข้าเหมืองนรกไม่ได้่เห็นเดือนเห็นตะวันอีก”
ฟ่านอวี้เหยาขมวดหัวคิ้วเรียวสวยเข้าหากัน นางไม่เข้าใจสิ่งที่ทหารผู้นี้กล่าว
“โถ เจ้าคงเป็นคุณหนูในห้องหอโดยแท้ ถูกเลี้ยงดูไว้เป็นเสื้อผ้าให้บุรุษสวมใส่เท่านั้น พอพวกเขาเบื่อก็สลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี เดี๋ยวข้าจะบอกให้เอาบุญ ยามนี้บ้านเมืองกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง มิช้า พวกคนชั่วคงถูกกวาดล้าง หากแม่นางยังเบาปัญญาไม่รู้จักระมัดระวังตัว เกรงว่า คงสิ้นลมหายใจอย่างไร้ค่า” นายทหารคนดังกล่าวพูดจบ ก็ก้าวยาวๆ หมายฉุดกระชากร่างบอบบางของฟ่านอวี้เหยา
การหวีดร้องด้วยความตกใจของฟ่านอวี้เหยา เป็นเหตุให้คนอารักขาของนาง ที่ถูกสั่งให้ไปรวมตัวกันที่มุมกำแพงเมืองด้านนอกต่างอดทนไม่ไหว พวกเขาแม้จะเป็นหน่วยคุ้มกันรับจ้าง แต่รับรู้ถึงความมีเมตตาของสตรีผู้นี้ตลอดการเดินทาง อีกทั้งบิดานางคือหมอเซียว ผู้ที่คนให้การยอมรับว่าเป็นหมอเทวดา ส่วนนาง ระหว่างเดินทางทั้งรถม้า และลงเรือ จนมาถึงที่เมืองโยว ก็แสดงน้ำใจเสมอ เช่นนี้จะให้นางถูกรังแกได้อย่างไร
ยามนั้นหลายชีวิตจึงฝืนการควบคุมตัว โผนทะยานมาช่วยเหลือผู้เป็นเจ้าสาว จึงเกิดการเตะต่อยใช้กำลังอย่างรุนแรง ซึ่งกินเวลาหลายอึดใจ ทว่าสุดท้ายทหารที่มีจำนวนมากกว่า ได้ไล่ต้อนพวกเขาให้จนมุม ก่อนที่หลายคนจะใช้ช่วงเวลาชุลมุนนั้นหลบหนี
ส่วนจิ่งหรูยืนขึ้นได้ แม้เจ็บจนน้ำตาไหล แต่ก็ก้าวกะเผลกๆ ไปหาฟ่านอวี้เหยา
“เสี่ยวหรู เจ้าต้องมาเจ็บตัวเพราะข้าโดยแท้”
“ไม่เป็นไรคุณหนู บ่าวเกิดมาเพื่อปกป้องท่าน คนรับใช้คนสกุลฟ่าน ถูกอบรมให้ตายแทนเจ้านาย แต่บ่าวอ่อนด้อยเรื่องวิชายุทธ์ แขนไร้เรี่ยวแรง ขาวิ่งไม่ไว ดังนั้นขอเอาตัวรับดาบ รับธนู แทนคุณหนูก็แล้วกัน”
จิ่งหรูกล่าวจบ ก็กลั้นก้อนสะอื้นของตนเอาไว้ และใช้ร่างบอบบาง เป็นเกราะมนุษย์ ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้เจ้านายตน
“ฮ่ะๆ ๆ ดี หากนางคือฮูหยินน้อยสกุลเซียวจริง ข้าจะได้จับตัวไปพร้อมๆ กันเสียให้หมด”
ทหารอีกคนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเอ่ย แต่อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ถลึงตาใส่ ข้อมูลที่่ได้รับมายังไม่อาจแจ้งความเอาผิดสกุลใดในเมืองนี้ได้ ต้องรอหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการเสียก่อน
“ท่านหมายความเช่นไร คุณชายรองเซียว มิใช่คนที่ใครจะมากล่าวหาพล่อยๆ ได้ เรื่องนี้ควรรู้ไว้เสียด้วย”
เมื่อหายจากอาการตกใจ ฟ่านอวี้เหยาก็ต่อปากต่อคำกับทหารเลว นางมั่นใจว่าเซียวเจี้ยนอี้เป็นคนดี และเขากำลังจะไปรับตำแหน่งผู้ตรวจการในอีกไม่ช้า
“แม่นาง อย่างที่ลูกน้องข้าบอก บัดนี้บ้านเมืองถึงคราวกลียุค คนที่มีกำลังในมือย่อมพลิกดำให้เป็นขาว ส่วนเจ้ารูปโฉมงามเช่นนี้ ทางที่ดี หาสามีที่เป็นทหารไว้คุ้มกันตัวเถิด ขุนนางฝ่ายบุ๋น หรือพวกพ่อค้า ไม่นานต้องออกไปจับดาบร่วมรบอยู่ดี”
“ฮึ บ้านเมืองไม่สงบเพราะมีพวกท่านมากกว่า แล้วก็หยุดข่มเหงผู้อื่นเสียที รู้หรือไม่ ทหารมีหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง ดูแลความสงบ อีกทั้งสมควรให้ความช่วยเหลือพี่น้องร่วมแคว้น”
“เหลวไหล มีปัญญาคิดอ่านได้เพียงเท่านี้ เพราะแม่นางเป็นเพียงสตรีไร้สมอง ทำได้แค่ให้บุรุษเย่อและคอยคลอดลูกสินะ ไป รีบเข้าไปรวมกลุ่มตรงนู้น หากตรวจสอบทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดด้วยสายตา และสองมือข้าแล้ว เจ้ากับเด็กเหลือขอนั่น จึงจะเข้าไปในเมืองชั้นในได้”
ฟ่านอวี้เหยาที่รวบรวมความกล้าหาญที่มีทั้งหมดเมื่อครู่ การสื่อสารของนางที่ใช้เสียงดังออกไป ก็ทำให้แปลกใจตัวเองไม่น้อย ปกติไม่ใช่สตรีที่รับมือคนอื่นได้ง่ายๆ นั่นเป็นเพราะวันๆ เอาแต่ดูแลโรงสมุนไพร คิดค้นตำรับยาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น อีกทั้งร่างกายนางแม้ไม่ได้บอบบางหรือขี้โรค แต่ก็ขลุกตัวอยู่แต่ในพื้นที่จำกัด นางจึงมักตื่นกลัวคนแปลกหน้า และที่นางกล้าโต้เถียงเช่นนี้ เพราะวิญญาณที่มาสวมร่างนี้ จะไม่ยอมให้ตนต้องอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย หรือถูกพวกชั่วช้าข่มเหงอีก
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ” จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย “ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่ และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น” ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน “ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอ
ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้ “อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที” “แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย” “พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่ง
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น
ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้ ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ” นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้ และร่างกายนางยามนี้ มีความแข
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
ในที่สุดฟ่านอวี้เหยาก็มาถึงคฤหาสน์สกุลเซียว ทว่ามันแปลกอยู่มาก ด้วยพิธีการใดๆ ทำอย่างลวกๆ แสนเร่งรีบและไม่มีใครปล่อยให้นางซักถามเพื่อไขความจริงทั้งหมดให้กระจ่าง อีกทั้งฟ่านอวี้เหยาไม่ทันได้เข้าเรือนหอด้วยซ้ำ ไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวของตน ฝ่ายสกุลเซียวใช้ลูกหมูตัวหนึ่งเข้าพิธีแทน จากนั้น นางถูกไล่ต้อนขึ้นรถม้าคันหนึ่งพร้อมกับสาวใช้คนสนิท เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เป็นภาพความที่ฟ่านอวี้เหยายังจดจำได้ และนับจากนี้นางต้องระวังตัวให้มาก “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวกลัวเหลือเกิน เหตุใดต้องมีเรื่องเช่นนี้ อีกอย่างเรือนต่างๆ ปิดเงียบ ผู้คนบางตา ปกติบ้านคหบดีเช่นนี้ ย่อมต้องมีคนเป็นร้อย” จิ่งหรูถาม และพยายามชะโงกหน้ามองออกไปทางหน้าต่างรถม้า แต่แม่บ้านที่นั่งมาด้วย ถลึงตาปรามเอาไว้ “อย่าได้แส่หาเรื่องเชียว อีกอย่างต้องรีบออกจากที่นี่โดยด่วน คุณชายรองรออยู่เรือนรับรองนอก จากนั้นก็ต้องย้ายลงทางใต้ทันที” “แต่ คุณหนูเราแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อย มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไฉนถึงจะต้องพาไปอยู่ที่อื่นด้วย” “พวกเจ้าอย่าวุ่นวาย ยามนี้ข้ามีหน้าที่เพียงแค่ส่ง
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ” จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย “ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่ และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น” ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน “ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอ
พัดในมือนางถูกแย่งไป ผ้าคลุมหน้าสีแดงงดงามปักลายหงส์กำลังจะถูกมือใหญ่ๆ คว้าได้สำเร็จ ฝ่ายจิ่งหรูเหลืออดแล้ว นางผลักทหารตัวโตด้วยสองมือ อีกฝ่ายเซไปเล็กน้อย ก่อนที่ทหารอีกคนจะเข้ามารวบเอวสาวใช้ พอนางขัดขืน เสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นสองครั้งติดกัน ฝ่ามือหยาบกร้านของทหารตบลงบนใบหน้าเล็กๆ ของสาวใช้วัยสิบสี่ปี จิ่งหรูมึนงงชั่วขณะ หูนางอื้ออึง ไม่ได้ยินเสียงใด กระทั่งเห็นว่าฟ่านอวี้เหยาอ้าปากกว้าง แสดงท่าเหมือนหวีดร้อง เพราะมีทหารอีกสองคนหมายจะเข้าไปจับตัวนาง จิ่งหรูก็ดิ้นหลุดมือทหารสำเร็จ นางเตรียมเข้าไปปกป้องเจ้านาย แต่กลับถูกถีบอย่างแรงที่ข้อพับขาด้านหลัง เด็กสาวล้มหน้าคะมำพื้น ทั้งจุกเจ็บ มีเลือดไหลออกจากริมฝีปาก กลิ่นคาวคลุ้งอยู่ด้านในจนนางสำรอก เป็นตอนนั้นที่ได้เห็นว่า ผ้าคลุมหน้าหลุดออกจากใบหน้างามล้ำของฟ่านอวี้เหยา “คุณหนู อย่าทำนาง สตรีผู้นี้เป็นฮูหยินน้อยสกุลเซียว!” เสียงที่จิ่งหรูประกาศ ทำให้ทหารเหล่าต่างจ้องเขม็งไปที่ร่างของสตรีในชุดเจ้าสาวแสนงดงาม ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง
เหตุการณ์ก่อนหน้า เมืองโยว ห่างจากเมืองหลวงห้าร้อยลี้ เกี้ยวเจ้าสาวเข้ามาในคฤหาสน์สกุลเซียวอย่างทุลักทุเล แรกเริ่มก็น่าฉงน เพราะให้เข้าทางประตูด้านข้าง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฟ่านอวี้เหยาประหลาดใจ ทว่านางมาถึงคฤหาสน์ชายคนรัก หากให้กลับคืนในยามนี้ก็มิใช่สิ่งที่ถูกต้อง แม้หญิงสาวสังหรณ์ใจในแง่ร้ายตั้งแต่ลงเรือ คนของนางที่บิดาจ้างมาให้อารักขาถูกจับกุมตัวไว้ ไม่ให้เข้าด้านในเมืองโยว อันเป็นคำสั่งใหม่ในการตรวจคนเข้าออกที่ปู้หว่านถิงผู้เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือส่งหนังสือมาถึงเจ้าเมือง ด้วยสถานการณ์ยามนี้ อาจมีคนมุ่งหมายรวบรวมกำลังเพื่อก่อกบฏแย่งชิงบัลลังก์จากฮ่องเต้ เนื่องจากฝ่ายนั้นกำลังประชวร และยังไม่มียารักษาอาการให้หายได้ ดวงตากลมโตกวาดมองสำรวจ พื้นที่ซึ่งนางถูกแม่บ้านถานไล่ต้อนเข้ามา เรือนหลังดังกล่าว มองอย่างไรก็ไม่ต่างจากที่เก็บฟืน แม้ดูสะอาดสะอ้าน ทว่านางมีศักดิ์ศรี หาใช่สตรีไร้หัวนอนปลายเท้า ฟ่านอวี้เหยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางคิดผิดหรือไม่ที่เดินทางไกลเพื่อมาเป็นภรรยาของคนแซ่เซียว อีกทั้งขณะที่นั่งเรือมายังเมืองโยว นางได้ยินข่าวไม่สู้ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะสิ่ง
ซึ่งก่อนหน้านั้น นางถูกลากเข้ากระโจมของอีกฝ่ายที่อยู่กลางป่า กลางเขา โดยถูกจับโยนขึ้นหลังม้า ร่างกายเปลือยเปล่ามีเพียงชุดที่ทำจากขนจิ้งจอกแดงพันเอาไว้ ฟ่านอวี้เหยาเจ็บช้ำทั้งกายและใจ แต่ต้องทนกล้ำกลืนอย่างจำยอม ทว่าต่อจากนี้ นางจะไม่ทนแบกรับความทุกข์ฝ่ายเดียวอีกต่อไป นางอยากมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม และสามารถยืนหยัดด้วยสองขาตน หญิงสาวเดินทางมากับกองทัพด้วยระยะทางหลายร้อยลี้ กระทั่งถึงค่ายหน้าด่านของกองทัพอาชาเหินหาว คนชั่วที่เป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ตีค่าให้นางเป็นนางโลมที่ต้องมีป้ายแขวนคอ คนผู้นี้ ไร้สมอง ขาที่สามของเขาแข็งขันได้ตลอดเวลา เพียงแต่เห็นสิ่งสวยงาม และเขาจ้องแต่จะส่งท่อนเอ็นยาวใหญ่ที่หัวฉ่ำน้ำหล่อลื่นทะลวงเข้ากลีบเนื้อฉ่ำแฉะของหญิงสาว “ดี อ้าให้กว้างอีกนิด หน้าอกเจ้าก็ใช้มือเล่น และบีบยอดถันไปด้วย บีบแรงๆ สิ ให้หัวมันชูชัน และแดงแจ๋ไปเลย ข้าอยากเห็นมันระบม อยากให้เจ้าเป็นสตรีร่านๆ ที่บุรุษมีไว้สนองราคะ” นางที่นั่งอยู่ด้านบนกายแกร่ง ละอายใจยิ่ง ไม่กล้าทำตามที่เขาสั่ง มือข้างหนึ่งเลยยื่นไปบีบต้นแขนกำยำไว้ และร่างกายนางยามนี้ มีความแข
“บัดนี้กลายเจ้ากลายเป็นสตรีที่กินมูมมาม ทั้งตะกละ”“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพปู้ ทำให้ข้านิสัยเสีย คนเลวเช่นท่านย่อมต้องรับผิดชอบในผลการกระทำของตน ท่านสอนให้ข้าบ้าตัณหา และหิวโหยอยู่ตลอด!”“คุณหนูฟ่าน เรื่องนี้เป็นข้าที่ผิดหรอกรึ” เขาว่า และสัมผัสเนินเนื้อหน้าอกนางไปด้วย ไม่ใช่แค่การสัมผัส หากยังปลุกเร้าให้นางครางเสียงแผ่วๆ ระบายความซาบซ่าน สยิวใจ “ใช่ ท่านพรากข้ามาจากเจ้าบ่าว และยังทำให้ขายหน้าผู้อื่นด้วยการจับใส่ป้ายแขวนคอ และยกตำแหน่งคณิกาให้ สตรีเช่นข้า ยังหลงเหลือยางอาย และมีศักดิ์ศรีอันใดอีกหรือ”“เด็กน้อย สิ่งเหล่านั้นเล็กน้อยนัก หากเทียบกับชีวิตใหม่ที่เจ้าได้รับ อีกทั้งได้มีความสุขแสนเร้าใจ เมื่ออยู่ใต้อาณัติของข้า ซึ่งต่อจากนี้ จะไม่มีบุรุษคนใดรังแกหรือหลอกใช้เจ้าได้อีก”“ฮึ ท่านคิดว่าข้าต้องการความหวังดีเช่นนั้น!”“ฮ่าๆ ๆ ใต้หล้านี้ จะมีบุรุษใด ทำให้เจ้าขึ้นสวรรค์ติดๆ กัน ได้มากกว่าข้าอีกเล่า เหยาเหยาคนงาม”บทนำ หญิงสาวเคลื่อนไหวร่างกายนุ่มนิ่ม ด้วยท่วงท่าอ่อนหวาน ซึ่งมันเร่งเร้าความปรารถนาให้แก่แม่ทัพหนุ่ม และก่อนหน้านั้นคลับคล้ายว่า นางถูกเขาไล่ต้อนอย่างหนัก น