Share

บทที่ 38

last update Last Updated: 2025-02-21 09:58:59

วันรุ่งขึ้น

ฉือฟางอินตื่นขึ้นมาด้วยอาการเจ็บเต้านม เมื่อถึงเวลาที่ต้องให้นมเฉียนเอ๋อร์ ความเจ็บนี้ก็ยิ่งทวีคูณขึ้นมาพร้อมกับน้ำนมที่ไหลได้น้อย จนทำให้เจ้าบุตรชายร้องโยเยเพราะกินไม่อิ่ม จึงนึกขึ้นมาได้ว่าเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องกิจการร้านค้า จึงทำให้ลืมดื่มน้ำแกงบำรุงน้ำนมหลายวันแล้ว เช้านี้จึงรีบจัดการงานในเรือนให้แล้วเสร็จ จากนั้นก็รีบบุตรชายไปยังโรงหมอของหมู่บ้านทันที เมื่อเดินมาถึงก็พบกับเจ้าหมาน้อย ส่งเสียงเห่าต้อนอยู่ที่หน้าประตู ทำให้คนที่อยู่ด้านในรีบเดินออกมาดู ว่าเหตุใดเจ้าลูกหมาตัวจ้อยถึงได้เห่าเสียงดังไม่หยุด

 “อ้าว ข้าก็นึกว่าเจ้าตัวนี้มันเห่าเสียงดังด้วยเรื่องอะไร ที่แท้ก็เป็นฮูหยินน้อยกับคุณชายน้อยเองหรือ มาๆ เข้ามาด้านในก่อนสิ”

“เจ้าค่ะท่านหมอ”

“เชิญมานั่งทางนี้ก่อน เช้าๆ แบบนี้ก็จะดูรกหูรกตาไปสักหน่อยนะ พอดีว่าสองสามวันนี้ คนของข้านำสมุนไพรรอบใหม่มาส่งเยอะมากทีเดียว ก็เลยยังมีส่วนที่ต้องตากแดด อีกหลายแดดเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง ว่าแต่เหตุใดถึงได้มาที่นี่กันตั้งแต่เช้า มีใครเจ็บป่วยหรือไม่สบายตรงไหนหรือ”

“ข้าเองเจ้าค่ะ พอดีว่าเมื่อเช้าน้ำนมของข้าไหลน้อย แล้วก็รู้สึกเจ็บมากเจ้าค่ะ ก็เลยรีบมาที่นี่เพื่อขอสมุนไพรไปต้มน้ำแกงบำรุงน้ำนมเจ้าค่ะ”

“อ้อ อย่างนั้นเองรึ ได้สิๆ รอสักครู่ ข้าจะไปจัดการให้ เอาไปเยอะๆ เลยนะ เจ้าจะได้มีน้ำนมพอให้คุณชายน้อยได้กินอิ่ม”

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านหมอ”

ระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังนั่งรอหมอชรา รวบรวมสมุนไพรอยู่นั้น เจ้าลูกหมาที่ขาเริ่มจะหายดี ก็ได้ทีมากระโดดงับอากาศเล่นไปมา ราวกับจะชวนเฉียนเอ๋อร์ ที่นั่งอยู่บนตักของมารดา ให้ลงมาเล่นกับมัน

“เจ้าหมาน้อย เฉียนเอ๋อร์ยังเล็กอยู่มาก เขาเล่นกับเจ้าได้หรอกนะ ต้องรอให้เขาโตกว่านี้เสียก่อน ส่วนเจ้าเอง ก็อย่าโลดโผนให้มันมากนัก เดี๋ยวจะเจ็บตัวไปอีกหน”

หงิง หงิง

เมื่อถูกปราบเช่นนั้น เจ้าหมาน้อยก็ทำท่าหมอบลง เหมือนกับเข้าใจคำพูดที่ฉือฟางอินกำลังพูดกับมัน ฉือฟางอินจึงรู้สึกเอ็นดูอยู่ไม่น้อย 

“ดีมาก หากเจ้าเชื่อฟังดีเช่นนี้ ข้าก็พิจารณาจะเลี้ยงเจ้าไว้ แต่ก่อนอื่น เจ้าต้องมีชื่อเอาไว้เรียกเสียก่อน อืม...ข้าจะเรียกเจ้าว่า เจ่าเจา เจ้าชอบหรือไม่”

โฮ่ง หงิง หงิง โฮ่ง

ทันทีที่เจ้าสี่ขาได้ยินฉือฟางอินเรียกว่าเจ่าเจา มันก็เชิดหน้าขึ้นส่งเสียงเห่าเสียงร้องออกมายกใหญ่ ทำราวกับว่ามันชื่นชอบชื่อที่นางตั้งให้ ฉือฟางอินเห็นเช่นนั้นก็ยกยิ้มอย่างพอใจ 

“ดีมากเจ่าเจา เฉียนเอ๋อร์ เจ้าก็เรียกชื่อเจ้าหมาน้อยด้วยสิ เจ่าเจา เจ้าพูดได้หรือไม่ หืม”

“อือ... แอ๊! อื้อแอ๊!”

เจ้าก้อนหมั่นโถวทำท่าเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปล่งเสียงภาษาทารกออกมาดังลั่น ทำเอาฉือฟางอินอดที่จะหัวเราะเอ็นดูท่าทางเช่นนั้นของบุตรชายไม่ได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า เก่งมาก เก่งมากลูกแม่ เจ้าช่างรู้ความยิ่งนัก”

“ท่านหมอฉิวหว่านอี้ขอรับ พวกข้าน้อยมาแล้วขอรับ”

สองแม่ลูกกับหนึ่งลูกหมา หยอกล้อกันไปมาอยู่ครู่ใหญ่ ก็ได้มีบุรุษสองคนมาส่งเสียงเรียก ท่านหมอฉิวหว่านอี้อยู่ที่ด้านหน้าโรงหมอ เมื่อหมอชราเชิญพวกเขาเข้ามา ฉือฟางอินก็ได้รู้ว่าบุรุษทั้งสองนั้น คือศิษย์ที่ร่ำเรียนอยู่ที่สำนักของท่านหมอที่อยู่ด้านนอก

พวกเขานำเอาสมุนไพรที่ชาวบ้านช่วยกันเก็บ มาให้ท่านหมอฉิวหว่านอี้ เพื่อแลกกับเงินที่หมอชรา ตั้งราคาสมุนไพรแต่ละชิดเอาไว้ และสมุนไพรที่บุรุษทั้งสองนำเอามาให้นี้ เป็นส่วนที่จัดเอาไว้สำหรับ เอามาใช้ประโยชน์ ที่โรงหมอในหมู่บ้านหั้วห่าว

“ยังมีอีกหรือไม่”

“ครั้งนี้รอบสุดท้ายแล้วขอรับ" หมอชราพูดคุยกับศิษย์ทั้งสองอีกเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็ขอตัวลากลับไป 

“ด้านในกระสอบเล็กๆ หลายกระสอบนี่ เป็นสมุนไพรทั้งหมดเลยหรือเจ้าคะ”

“หากเป็นเมื่อสองวันก่อนก็ใช่ แต่วันนี้ดูท่าแล้วจะเป็นดอกไม้ป่าเสียเยอะ”

“ดอกไม้ป่า...”

ฉือฟางอินคุ้นเคยกับดอกไม้ป่าเป็นอย่างดี เพราะพวกมันคือดอกไม้ที่ท่านแม่ นำมาใช้สอนนางทำน้ำมันหอมระเหย เอาไว้สำหรับหยดลงในอ่างน้ำ เพราะกลิ่นของพวกมันหอมกว่ากลิ่นดอกไม้ที่พบเห็นได้ทั่วไป น้ำมันหอมระเหยที่นางทำให้กับฉือหย่งหลิง ก็มีดอกไม้ป่าเป็นส่วนผสมหลักเช่นกัน

 “ใช่แล้ว ดอกไม้ป่าหายากของแคว้นฟู่น่ะ ไม่รู้ว่าฮูหยินน้อยเคยเห็นพวกมันแล้วหรือไม่ เพราะพวกมันเกิดและเติบโตอยู่ในป่าลึก เหมือนกับต้นฝูหนาน ที่มีสรรพคุณช่วยสมานแผล ที่ชาวบ้านจะต้องใช้เวลาสองถึงสามวันกว่าจะเข้าไปถึงจุดกำเนิดของพวกมัน”

“ยังมิเคยเห็นมาก่อนเจ้าค่ะ ข้าเคยแต่เห็นดอกไม้ป่าที่แคว้นหลู ไม่รู้ว่าพวกมันจะมีรูปร่างและกลิ่นเหมือนกันหรือไม่”

“เช่นนั้นก็ลองเปิดออกมาดู มาดมเสียสิ”

“จะดีหรือเจ้าคะ หากทำเช่นนั้น จะทำลายสรรพคุณของพวกมันหรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่หรอก ดอกไม้พวกนี้มิได้สรรพคุณทางยาอะไร นอกจากความหอมของพวกมัน ที่ช่วยเพิ่มความหอมให้กับยาบางชนิดเท่านั้น หากเจ้าสนใจก็เชิญดูเถิด หรือถ้าต้องการเอาพวกมันกลับไปที่เรือน ก็เอากลับไปได้เลยข้ายกให้”

หมอชรากล่าวเช่นนั้น แล้วก็หันหลังกลับไปจัดเตรียมสมุนไพรต่อ ด้านคนที่ได้รับอนุญาตแล้ว ก็ถือโอกาสเลิกถุงกระสอบออกดู พลันกลิ่นหอมของดอกไม้ด้านใน ก็ส่งกลิ่นตีขึ้นมาที่จมูกของนาง ซึ่งกลิ่นของดอกไม้ป่าเหล่านี้นั้น ช่างหอมหวานไม่แพ้กันกับกลิ่นของดอกไม้ป่าที่แคว้นหลูเลยทีเดียว หากได้พวกมันมาทำน้ำมันหอมระเหยก็คงจะดี

          จริงด้วย! น้ำมันหอมระเหย! สูตรน้ำมันหอมระเหยของท่านยาย ที่คิดค้นโดยบรรพบุรุษรุ่นเมื่อหลานสิบปีก่อน เป็นสูตรที่รู้กันเพียงคนในครอบครัวสกุลโหลว ที่มารดาของนางนำมาถ่ายทอดให้ หานำน้ำมันหอมระเหยสูตรลับเฉพาะนี้ ไปวางขายที่ร้านค้ากิจการของนางด้วย จะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสตรีชนชั้นสูงเอย่างแน่นอน

ภายหลังจากที่กลับมาจากโรงหมอ พร้อมกับสมุนไพรบำรุงน้ำนมกับดอกไม้ป่าแล้ว ฉือฟางอินก็จัดการนำสมุนไพร ไปต้มทำน้ำแกงดื่มทันที จากนั้นก็จัดการคัดแยก ดอกไม้แต่ละชนิดแล้วนำไปตากแดด หลังจากที่ดอกไม้เหล่านี้แห่งสนิทดีแล้ว นางถึงจะค่อยมาแยกกลิ่นของพวกมันอีกที ต่อไปก็ถึงเวลาเอาแผนการเปิดกิจการ ที่ย่านการค้าเมืองอี้ไปปรึกษาจินซือโจว

“ฮูหยิน มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ ถึงได้มาถึงที่นี่”

“ท่านป้าซีหลัน ท่านผู้นำอยู่หรือไม่ พอดีข้ามีเรื่องสำคัญจะมาปรึกษา”

“อยู่เจ้าค่ะ ประเดี่ยวข้าจะให้ซือจูไปเรียกให้นะเจ้าคะ เชิญฮูหยินนั่งตรงนี้ก่อนนะเจ้าคะ ซือจูรีบไปเรียกบิดาของเจ้ามาเร็วๆ อย่าให้ฮูหยินต้องรอนาน”

ทันทีที่ซือจูเห็นว่าผู้ใดมาเยือน นางก็แอบมารดาหันไปเบ้หน้าไม่พอใจทันที แต่ทว่าก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของฉือฟางอินไปได้ แต่ก็ช่างเถิด เพราะเวลานี้นางมีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำ ไม่ได้มีเวลามาสนใจท่าทางของเด็กคนนี้เท่าไรนัก

 “ฮูหยิน มีอะไรจะปรึกษาข้าน้อยอย่างนั้นหรือ”

“เอ่อ...คือว่า”

ก่อนที่ฉือฟางอินจะได้กล่าวอะไรออกไป สายตาของนางได้เหลือบไปเห็นว่าจินซือจู กำลังแอบฟังอยู่ด้านหลังเรือน นางจึงยังไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา  เพราะแม้ว่าเรื่องเปิดกิจการนี้ จะไม่ได้เกี่ยวกับฉือหย่งหลิงโดยตรง แต่นางก็จะประมาทไม่ได้ เพราะหากอนาคตจินซือจูเกิดได้เป็นอนุภรรยา ของฉือหย่งหลิงขึ้นมาจริงๆ เด็กสาวคนนั้นอาจจะวางแผนทำลาย กิจการของนางในอนาคตได้ ฉือฟางอินจึงแสร้งกระแอมไอ แล้วใช้สายตาสื่อให้จินซือโจวได้รู้ ว่าบุตรสาวของนางกำลังทำตัวไม่มีมารยาทอยู่

“ซือจู อย่าเสียมารยาท กลับไปช่วยงานมารดาของเจ้าเสีย”

เด็กสาวหน้าตาเหลอหลาทันทีที่ถูกจับได้ และรีบเดินออกไปจากตรงนี้ทันที หลังจากที่มั่นใจว่าไม่มีผู้ใดแอบฟังอยู่แล้ว ฉือฟางอินจึงได้นำเอาแผนงานเปิดกิจการขึ้นมาให้จิยซือโจวดู และเริ่มอธิบายสิ่งที่นางอยากทำให้เขาฟัง

“ไม่ทราบว่าเรื่องนี้ พอจะเป็นไปได้หรือไม่”

“อืม...เห็นทีคงจะมิได้ขอรับ”

แม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้วว่าแผนการเปิดกิจการนี้ อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะถึงแม้นางจะเป็นถึงฮูหยินจวนแม่ทัพใหญ่ แต่ฉือหย่งหลิงกลับไม่เคยให้อำนาจ และการตัดสินใจทำอะไรเลยสักอย่าง จึงไม่แปลกใจที่คนอื่นจะคิดว่านาง ไม่มีความสามารถมากพอ แต่ถึงอย่างนั้น ฉือฟางอินก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังที่ถูกปฏิเสธไม่ได้

“ท่านคงคิดว่าเรื่องนี้ อาจจะเกินความสามารถของข้าใหรือไม่ เช่นนั้น ข้าคงต้องขอตัวกลับเรือนก่อน ขออภัยที่มารบกวน”

หลังจากที่พยายามยอมรับกับความผิดหวัง ฉือฟางอินจึงกล่าวลาจินซือโจว แล้วตั้งท่าเตรียมจะลุกขึ้นพาเฉียนเอ๋อร์กลับเรือน แต่ทว่าก่อนที่นางจะเดินกลับออกไปนั้น ก็ได้ถูกจินซือโจวห้ามเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อนขอรับฮูหยิน ข้าน้อยมิได้หมายความอย่างที่ท่านเข้าใจ ที่ข้าน้อยกล่าวไปเมื่อครู่ความหายก็คือ หากจะให้ลงมือสร้างกิจการของท่านในตอนนี้นั้น คงจะยังทำไม่ได้ เพราะเหตุการณ์วุ่นวายที่เมืองอี้ยังไม่สงบ หากเป็นหลังจากที่ทางการ จัดการกับกบฏชายแดนที่มาบุกรุกได้แล้ว ก็ไม่มีปัญหาขอรับ”

“จริงหรือ!”

“ขอรับ แต่คงต้องรออีกสักพักใหญ่ขอรับ”

“ไม่เป็นไร ข้ารอได้”

เมื่อได้รับคำยืนยันว่าสิ่งที่นางคิด สามารถเกิดขึ้นได้จริงๆ ฉือฟางอินจึงไม่รอช้า รีบถามไถ่กับจินซือโจวทันทีว่าในเวลาที่เหตุการณ์ ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติเช่นนี้ เขาจะสามารถเสาะหาผ้าเนื้อดีชนิดต่างๆ พร้อมกับสะดึงและด้ายปักผ้ามาให้ได้หรือไม่

นอกจากนี้ ก็ยังลืมเรื่องของน้ำมันหอมระเหย ที่พึ่งคิดได้เมื่อเช้า แต่เพราะอยากจะปิดเรื่องนี้เป็นความลับก่อน นางจึงยังไม่ได้กล่าวอะไรออกไป เพียงแต่ฝากให้ท่านผู้นำช่วยหาอุปกรณ์มาให้เท่านั้น จินซือโจวตอบรับคำขอนั้นของฉือฟางอิน โดยจะส่งคนของเขาเดินทางไปยังแคว้นข้างเคียง เพื่อหาซื้อของที่นางต้องการมาให้ ฉือฟางอินจึงยื่นถุงเงินที่นางเตรียมมาส่งให้กับเขาทันที เวลาผ่านไปราวๆ ห้าหกวัน นางก็ได้ของทั้งหมดมาไว้ที่เรือนของนาง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 39

    โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง! หงิง หงิง“ชู่ว เจ่าเจา เจ้ากำลังทำให้เฉียนเอ๋อร์ตื่นนะ”ฉือฟางอินส่งเสียงปราบหมาน้อยเจ่าเจา ที่นางไปรับกลับมาเลี้ยงไว้ที่เรือนเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่นางไปทำสัญญารับซื้อดอกไม้ป่าจากชาวบ้านที่อยู่ด้านนอก โดยมีท่านหมอฉิวหว่านอี้เป็นธุระจัดการให้ ทำให้ทุกเช้ามืดที่เรือนหลังนี้ จะมีเสียงแหลมเล็กของเจ้าเจ่าเจาส่งเสียงเห่าร้องขออาหารในทุกๆ วัน“เอ้า กินเสีย กินให้อิ่ม วันนี้ข้าจะพาออกไปข้างนอก”วันนี้ฉือฟางอินมีภารกิจที่ต้องออกไปทำนอกเรือน นั่นก็คือการไปรับดอกไม้รอบใหม่ ที่จะมาส่งที่โรงหมอของหมู่บ้าน แต่ก่อนหน้านั้นนางจะต้องแวะไปดูชาวบ้านลงมือปลูกต้นหม่อนเสียก่อน นับจากวันที่นางได้วางแผน ที่จะเกิดกิจการที่ย่านการค้าเมืองอี้ นี่ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้ว ที่ฉือฟางอินใช้ความสามารถที่นางมี คัดแยกชนิดของผ้าให้เหมาะสมกับด้ายที่จะใช้ปัก จากนั้นก็มานั่งวาดลายผ้าที่จะปักคร่าวๆ ลงบนกระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่า เพื่อให้ได้รูปที่สวยและสมส่วนมากที่สุด จากนั้นก็เอากระดาษเหล่านั้นมาเทียบลงบนผ้า แล้วจัดการใช้ดิ้นด้ายชั้นดีค่อยๆ ปักลงบนผ้า

    Last Updated : 2025-02-21
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 40

    กริ๊ง! เคร้ง!เสียงร่วงหล่นจากสิ่งของบางอย่าง เรียกให้คนทั้งหมอที่ยืนคุยกันอยู่หันหน้ามาทางต้นทางของเสียงนั้นทันที“ฮูหยิน!”ฉือฟางอินที่กำลังจะเดินออกไปเมื่อครู่ เมื่อได้ยินว่าฉือหย่งหลิงได้รับบาดเจ็บ พลันมือไม้ของนางก็อ่อนลง จนทำให้ถุงเงินและของที่นำติดตัวมาด้วยล่วงหล่นออกจากมือไป“ฮูหยิน ท่านเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ”เป็นจินซีจ่าวที่เดินปรี่เข้ามาถามไถ่อาการของฉือฟางอิน หลังจากที่สังเกตเห็นว่านางสีหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก“ข ข้า ไม่เป็นอะไร ของพวกนี้”“เชิญท่านมานักพักด้านในก่อนเถิดขอรับ ของพวกนี้ข้าเก็บให้เองขอรับ”ฉือฟางอินพยักหน้ารับคำจินซีจ่าวแต่โดยดี จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้านของเขาด้วยท่าทางล่องลอย ภายในหัวยังคงได้ยินเสียงบุรุษผู้นั้นกล่าวถึงเรื่องที่ฉือหย่งหลิง ได้รับบาดเจ็บซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น “ฮูหยิน”“ที่เจ้าพูดออกมาเมื่อครู่ เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ...ที่ว่าคนผู้นั้นบาดเจ็บสาหัส”บุรุษคนดั่งกล่าวมีท่าทีอึกอักขึ้

    Last Updated : 2025-02-21
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 41

    เมื่อฉือฟาอินได้ฟังคำอธิบายและเห็นท่าทางของแม่นมหลี่ ฉือฟางอินก็รับรู้ได้ทันที่ว่า และเวลานี้คนรับใช้ในจวนสกุลฉือเอง คงรู้สึกว่าพวกเขานั้นขาดที่พึ่งกันจริงๆ“ตกลง ข้าจะทำตามที่พวกเจ้าขอร้อง หากมีสิ่งใดที่ข้าพอจะช่วยเหลือพวกเจ้าได้ ก็บอกข้ามาได้เลย”“ขอบคุณเจ้าค่ะฮูหยิน ขอบคุณจริงๆ เจ้าค่ะ” แม่นมหลี่และพ่อบ้านหม่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ฉือฟางอินตอบตกลงในสิ่งที่พวกเขาร้องขอ ส่วนคนรับใช้คนอื่นแม้จะมีท่าทางไม่ค่อยมั่นใจในตัวนางเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยเห็นฉือหย่งหลิง ให้ความสำคัญกับนางมาก่อน แม้แต่อำนาจการดูแลภายในจวน ก็ไม่เคยให้นางจัดการแต่เมื่อบุคคลสำคัญดูแลทั้งคุณชายเฟิ่งเฉียน และความเรียบร้อยภายในจวน ออกหน้ามาขนาดนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ทำตาม“เช่นนั้นฮูหยิน ส่งคุณชายให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ เด็กๆ เตรียมน้ำไว้ให้ท่านแล้ว เชิญท่านชำระร่างกายแช่น้ำให้ผ่อนคลาย ไม่ต้องห่วงทางนี้ ข้าจะดูแลคุณชายให้เอง”“ขอบใจมาก”

    Last Updated : 2025-02-22
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 42

    ชีวิตใหม่ในจวนสกุลฉือเริ่มขึ้นมาได้กว่าครึ่งเดือนแล้ว ระเบียบในจวนสกุลฉือแม้จะไม่เหมือนที่สกุลชวี่ แต่ทว่าก็ไม่ได้ยุ่งยากจนเกินความสามารถของฉือฟางอิน นางยังคงจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี นับตั้งแต่วันแรก ที่ที่ได้รับผิดชอบหน้าที่นี้ เช้าวันนี้ฉือฟางอินยังคงตื่นขึ้นมา ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเหมือนเช่นเคย ส่วนเฉียนเอ๋อร์นั้นยังคงนอนหลับอุตุอยู่ในเปล เพราะด้วยช่วงวัยที่เปลี่ยนของเขา จึงทำให้เวลาตื่นนอนของเขาเปลี่ยนไปด้วย เวลานี้ที่มีคนคอยหุงหาอาหารให้นางจึงพอมีเวลานั่งดูแผนงานกิจการร้านค้าของตนเอง ก่อนที่จะได้เวลาตื่นของบุตรชายเมื่อวันก่อนหลังจากที่จินซีจ่าว มารายงานความคืบหน้า ว่าช่างที่ได้ว่าจ้างเอาไว้ ได้ทำการจัดพื้นที่ทั้งหมด ในร้านค้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงของตกแต่งที่ต้องรอให้ฉือฟางอิน เดินทางไปสั่งการด้วยตัวเองวันนี้จึงเป็นวันที่นางนัดกับจินซีจ่าว ไปดูความเรียบร้อยและสิ่งที่ยังขาดอยู่ภายในร้านค้าของนางและจะถือโอกาสนี้ เดินสำรวจพื้นที่ทั้งสองฝั่งของย่านการค้าเมืองอี้ ที่ได้กลับมาเปิดใหม่อย่างเป็นทางการแล้วอย่างระเอียด ว่ากิจการร้านค้าทั้งสองฝั่งนั้นข

    Last Updated : 2025-02-22
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 43

    “ได้อย่างไรกัน มิเห็นหรือว่าเถ้าแก่พาพวกข้ามาถึงก่อน”ฉือฟางอินกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจแม้ดูจากลักษณะแล้วสตรีนางนี้น่าจะมีอายุพอที่จะเป็นมารดาของนางได้ แต่กระนั้น ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าฉือฟางอินกับคนอื่นๆ นั้นมาถึงก่อน และยังถูกเถ้าแก่เจ้าของภัตตาคาร เชื้อเชิญให้มานั่งที่โต๊ะตัวนี้ด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดสตรีนางนี้ถึงได้กล้าทำกริยาเสียมารยาทเช่นนี้กับพวกนางได้“แต่ข้านั่งก่อน ใครนั่งก่อนก็ได้กินก่อน คนอื่นๆ ที่มาที่นี่ก็ทำเช่นนี้เหมือนกันทั้งนั้น เจ้ามิรู้หรอกหรือ หรือว่าพึ่งจะเคยได้ออกมาดูโลกภายนอกครั้งแรก ถึงได้ไม่รู้ความเช่นนี้”“นี่ท่าน!”“เอ่อ ท่านทั้งสองใจเย็นๆ ก่อนนะขอรับ” หม่ออิ๋นเถ้าแก่เจ้าของภัตตาคารห้วงจุงที่เห็นว่าเริ่มท่าไม่ดีแล้ว จึงได้เอ่ยห้ามสตรีทั้งสองนางที่กำลังเถียงกันด้วยความหนักใจแต่หากยึดความถูกต้อง แน่นอนว่าฝ่ายของสตรีที่เขาพาเข้ามาในร้านด้วยตัวเองเมื่อครู่นี้ อย่างไรแล้วนางและพวกก็จะต้องได้ที่นั่งโต๊ะตัวนี้ไป แต่ทว่าเขาจะไม่หนักใจเลยหากว่าสตรีอีกคน ไม่ใช่อนุเจี้ยนหรือหวางชิงเจี้

    Last Updated : 2025-02-22
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 44

    หลังการทราบข่าวว่าอีกไม่นาน กองกำลังทหารที่ถูกส่งให้ไปรบที่ชายแดนทางเหนือ จะได้เดินทางกลับมายังเมืองหลวงแล้ว วันต่อมา ฉือฟางอินจึงได้ไหว้วานให้เจียงเถาออกไปเรียกตัว ช่างก่อสร้างกลุ่มเดียวกับที่สร้างกิจการร้านค้าของนางให้มาพบที่จวนสกุลฉือมะรืนนี้ทันที หลังจากนั้นในวันรุ่งขึ้น นางก็เรียกคนรับใช้ชายหญิงจำนวนหนึ่ง ให้มาทำความสะอาดและถางหญ้าบริเวณรอบๆ เรือนไม้หลังเก่าของนางทั้งหมดและระหว่างนั้นก็พาตนเองไปนั่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเก่าๆ ใต้ต้นไม้แถวนั้น พร้อมกับจดบันทึกบางอย่างลงในสมุด ที่พกติดมือมาด้วยสีหน้าจริงจังเมื่อคนรับใช้ทั้งหมดทำงานแล้วเสร็จได้เป็นที่น่าพอใจ นางจึงได้ตบรางวัลให้พวกเขาด้วยเงินจำนวนหนึ่ง แล้วให้พวกเขาแยกย้ายกันไปทำอย่างอื่นได้“เหวินจู เจียงเถา ตามข้ามา”หลังจากที่คนรับใช้คนอื่นๆ ออกไปหมดแล้ว ฉือฟางอินจึงเรียกเหวินจูและเจียงเถา ให้เข้าไปด้านในเรือนพร้อมกันเมื่อเข้ามานด้านในแล้ว ฉือฟางอินก็สั่งให้เจียงเถาเปิดแผ่นไม้พื้นกระดานแผ่นหนึ่งใต้เตียงนอน ซึ่งในนั้นมีสมบัติที่เป็นสินเดิมของมารดา ที่นางซ่อนอยู่ออกมา จากนั้นก็สั่งให้เจียงเถ

    Last Updated : 2025-02-22
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 45

    ในเมื่อยังพอมีเวลาจนกว่าฉือหย่งหลิงจะกลับมา อย่างน้อย ในช่วงเวลานี้ การพาเฉียนเอ๋อร์ไปอยู่ที่เรือนด้วย อาจจะช่วยให้เขาคุ้นชินกับที่อยู่อาศัยของมารดามากขึ้น เขาจะได้รู้สึกโหยหามารดามากขึ้น ยามที่ทั้งสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่ได้รูสึกดีสักนิด ที่ต้องดึงบุตรชายอันเป็นที่รัก ต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาบิดามารดาของเขาเช่นนี้แต่ทว่าหากไม่ทำเช่นนี้ นางก็ไม่รู้แล้วว่าจะต้องใช้วิธีใดที่จะเอาชนะฉือหย่งหลิงได้เพราะกับเฉียนเอ๋อร์แล้วในฐานะบิดา เขาไม่เคยแสดงท่าทีหรือทำพฤติกรรมที่ไม่ดีกับลูกเลยสักครั้ง นางได้แต่หวังว่าเข้าจะไม่ใจร้าย จนถึงขนาดทนเห็นลูกร้องไห้ปานจะขาดใจ ยามที่ต้องอยู่ห่างจากมารดาเช่นนางได้หวังว่าคนผู้นั้นจะไม่ถือเอาแต่ทิฐิของตนเองอยู่ฝ่าย จนกล้าทำร้ายเด็กน้อยผู้บริสุทธิ์ ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา“ระวังลื่นนะเจ้าคะ”“ขอบใจเจ้ามากเหวินจู”เวลานี้ทั่วทั้งบริเวณจวนสกุลฉือ ล้วนถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย จะเดินไปไหนแต่ละครั้ง จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป

    Last Updated : 2025-02-22
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 46

    หลังจากทำการเลือกผ้าที่ต้องการ พร้อมกับกำหนดวันที่จะให้ร้านค้าให้คนนำผ้าทั้งหมดไปส่งที่ร้านค้าของตนเรียบร้อย หลังจากนั้นก็เป็นขั้นตอนการลงสัญญาการซื้อขายในรอบหน้าเพราะร้านขายผ้าแห่งนี้ มีแหล่งทอผ้าประจำของทางร้าน ซึ่งนั้นหมายความว่า เมื่อฉือฟางอินต้องการผ้าจากร้านของพวกเขาเมื่อใด พวกเขาจะมีผ้าเพียงพอมาแลกกับเงินจำนวนมาก ที่นางจะจ่ายให้กับพวกเขาอย่างแน่นอน“ฮูหยินขอรับ”“อ้าว ซีจ่าว เจียงเถา มากันแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง หาเจอหรือไม่ผ้าที่ข้าต้องการ”“เจอขอรับ นี่ขอรับตัวอย่างผ้าไหมแพรฝูหนานที่ท่านตามหา”ตอนที่ได้รู้ว่ามีคนเข้ามาถามหาผ้าที่มีความหนา มากกว่าผ้าที่มีอยู่ในร้านค้า ฉือฟางอินใช้เวลาในคิดอยู่นานพอสมควร ว่านางจะไปหาผ้าที่มีความหนา แต่เมื่อสวมใส่แล้วไม่แข็งกระด้างมาจากที่ใด แต่สุดท้ายเมื่อได้ย้อนความหลังกลับไป เมื่อสมัยนางยังเป็นเด็ก ในตอนที่จวนสกุลชวี่ได้รับรางวัลพระราชทาน จากอดีตฮ่องเต้และฮองเฮา เมื่อครั้งที่บิดานำทัพทำสงคราม รวบรวมแคว้นที่เป็นปรปักษ์ มารวมเป็นหนึ่งเดียวกับแคว้นหลูได้ ซึ่งหนึ่งในของขวัญท

    Last Updated : 2025-02-22

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 58

    “เด็กคนนี้คือเฉียนเอ๋อร์…หลานชายของท่านเจ้าค่ะ”“แอ๊!”ท่ามกลางความตกใจและไม่คาดคิดของชวี่เจียงโหลว เจ้าตัวน้อยที่จ้องหน้าท่านตาของตนเองอยู่ก่อนแล้ว ก็ส่งเสียงทักทายขึ้นมาพร้อมกับฉีกยิ้ม เห็นฟันน้อยที่มีอยู่ไม่กี่ซี่ให้กับเขา“หละ หลานชาย โอ้! เฉียนเอ๋อร์ เฉียนเอ๋อร์หลานตา มาๆ มาให้ตาดูเจ้าใกล้ๆ หน่อยเถิด”เมื่อตั้งสติและกระจ่างแจ้งแล้วว่า เด็กชายตัวน้อยที่ฉือฟางอิน บุตรสาวของตนเองอุ้มอยู่นั้น เป็นหลานชายแท้ๆ ของตน แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหลู จึงได้รีบเดินเข้าไปที่รถม้าเพื่อช่วยพยุงบุตรสาวลงมา แต่ทว่าขณะที่กำลังยื่นมือออกไป หมายจะอุ้มหลานชายของตนเองนั้น ชวี่เจียงโหลวกลับชะงักมือของเขาเอาไว้ เพราะคิดขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวของตนเองนั้น จะยินดีให้เขาอุ้มลูกของนางหรือไม่ด้านฉือฟางอินเองหลังจากที่เห็นท่าทีลังเลของบิดา นางจึงเป็นฝ่ายส่งลูกน้อย สู่อ้อมอกท่านตาของเขา โดยที่ไม่มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด ชวี่เจียงโหลวถึงได้กล้ารับเจ้าตัวน้อยมาอุ้มเอาไว้ หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รู้สึ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 57

    “เชิญท่านแม่ทัพกับฮูหยินทางนี้ขอรับ”เจียงเถาที่เร่งเดินทางมาให้ถึงเมืองลิ่ง ก่อนหน้าที่คนที่เหลือที่ขบวนจะเดินมาถึง เพื่อมาจัดการหาที่พักให้กับทุกคน เมื่อเห็นว่าเจ้านายและคนอื่นๆ เดินทางมาถึงแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้ามาเพื่อนำทางไปยังโรงเตี๊ยมชั้นดี ที่เขาจัดการจ่ายเงินที่เจ้านายมอบให้ สำหรับสถานที่พักค้างแรมในคืนนี้ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยังโรงเตี๊ยม ฉือฟางอินที่เคยได้ยินชื่อและได้มาเยือนเป็นครั้งแรก ก็อดที่จะตื่นตาตื่นใจกับการสัมผัสบรรยากาศในสถานที่ใหม่ไม่ได้ เพราะแม้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แต่บรรยากาศในเมืองลิ่งก็ยังคงคึกคัก คลาคลั่งไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำกิจวัตรอยู่ในบ้านของตนเอง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว นั่นก็เพราะทุกพื้นที่ในเมืองลิ่งนั้น ล้วนเต็มไปด้วยโรงเตี๊ยมกิจการร้านค้าและร้านอาหารน้อยใหญ่ จนไปถึงภัตตาคารเรียงรายไปทั่วทั้งเมือง“ถึงแล้วขอรับ”“อ้าว นายของเจ้ามาแล้วรึ เชิญๆ ท่านแม่ทัพฮูหยิน เชิญเข้ามาได้เลย ข้าให้เด็กเตรียมที่พักไว้ตามที่ท่านต้องการแล้ว เด็กๆ มา

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 56

    “กลับแคว้นหลูอย่างนั้นหรือฮูหยิน”ทันทีที่ได้เห็นท่าทางของฉือหย่งหลิง หลังจากที่เขาได้รู้ว่าตัวนางนั้นกำลังจะเดินกลับแคว้นหลู ฉือฟางอินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา นางไม่ได้คิดที่จะปิดบังเขาแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเวลาให้ตัวนางได้เรียบเรียงคำพูดมาอธิบายให้กับฉือหย่งหลิงอนุญาตให้นาง ได้กลับไปยังแคว้นบ้านเกิด แต่เนื่องจากช่วงนี้การงานที่รัดตัว จึงทำให้นางลืมบอกเรื่องนี้กับเขา“ใช่ ข้าจะกลับบ้าน”“แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้ ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ”“เปล่า ท่านไม่ได้ทำอะไร”“ไม่จริง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะวางแผนหนีข้าไปเช่นนี้หรือ”“ไปกันใหญ่แล้ว ข้าแค่จะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อ”“เยี่ยมบิดาของเจ้าหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ ท่านคิดไปถึงไหนกัน”เพราะนับตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่นี่ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่หญิงสาว ยังไม่ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดตามธรรมเนียม เวลานี้ที่ตัวนางกำลังขยายร้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status