Share

บทที่ 22

last update Last Updated: 2025-02-16 08:01:37

“ปรับปรุงเรือนนี้หรือขอรับ”

“ใช่แล้ว ข้าอยากจัดสรรพื้นที่ในเรือนหลังนี้ ให้ใช้สอยได้สะดวกขึ้นสักหน่อย อย่างการต้องใช้โต๊ะทำงานของท่านแม่ทัพ มาเป็นโต๊ะกินข้าวเช่นนี้ ข้าว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าไหร่”

 “จริงด้วยขอรับ ข้าเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป เช่นนั้น หากท่านต้องปรับปรุงเรือนนี้ตรงส่วนไหน หรือต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ฮูหยินก็บอกข้ามาได้เลยนะขอรับ เดี๋ยวข้าจะเป็นธุระให้ท่านเอง”

“เช่นนั้นเจ้าก็ไปรายงานเขาก่อนเถิด หากข้าทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวเขาก่อน คนผู้นั้นจะไม่พอใจเอาได้”

“รายงาน รายงานผู้ใดหรือขอรับ”

“ก็ท่านแม่ทัพอย่างไรเล่า”

“ถ้าเช่นนั้นท่านคงจะต้องรอ ไปอีกหลายวันเลยนะขอรับ กว่าท่านจะได้เริ่มปรับปรุงเรือนใหม่”

“ทำไมถึงต้องรอหลาย ก็ในเขาเมื่ออยู่--”

 ‘ตายจริง นี่ข้าพูดอะไรออกไปเนี่ย!’

เพราะเรื่องที่นางต้องการปรับปรุงเรือน ฉือฟางอินจึงได้ลืมไปชั่วขณะ ว่านางต้องทำเป็นไม่รู้ว่าฉือหย่งหลิงอยู่ที่นี่

“ท่านหมายว่าอย่างไรขอรับ ท่านแม่ทัพอยู่อะไรนะขอรับ”

“ม ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงแต่ลืมไปว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่”

“แล้วอย่างนี้ท่านจะยังให้ข้า ส่งคนไปขออนุญาตท่านแม่ทัพอยู่หรือไม่ขอรับ”

“ไม่ต้องแล้วล่ะ ลำบากคนผู้นั้นต้องเดินทางไกลเปล่าๆ อีกอย่างที่นั่นกำลังมีสงคราม เราไม่ควรส่งผู้ใดไปยังที่อันตรายด้วยเรื่องแค่นี้” และต่อให้ฉือหย่งหลิง จะยังอยู่ที่นี่หรือจะจากไปแล้ว นางก็จะขอใช้สิทธิ์ การเป็นฮูหยินของเขาจัดการกับเรือนแห่งนี้อยู่ดี

“ทราบแล้วขอรับ”

อาหารมื้อกลางวันผ่านไปแล้ว พร้อมกับที่ฉือฟางอินบอกให้คนอื่นๆ กลับไปทำหน้าที่ของตนเอง ในตอนแรกพวกท่านป้ากับท่านน้า ยังยืนยันที่จะขอทำความสะอาด ชุดของนางกับเฉียนเอ๋อร์ให้ก่อนไป แต่สุดท้ายก็ถูกฉือฟางอินบังคับให้กลับไปจนได้

หลังจากที่ลงมือทำความซักทำความสะอาดชุด และนำไปตากด้วยตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฉือฟางอินจึงมานอนพักผ่อนมองเจ้าก้อนหมั่นโถว ที่กำลังหลับใหลอย่างสบายใจ จนกระทั้งเผลอหลับอยู่ข้างๆ บุตรชาย สองแม่ลูกต่างเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน จึงไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีคนผู้หนึ่ง ได้แอบเข้ามาในเรือน เพื่อมามองดูพวกเขานอนหลับ

ฉือหย่งหลิงในยังไม่ได้จากไปไหน เมื่อทราบข่าวจากจินซีจ่าวว่าฉือฟางอินต้องการจะปรับปรุงเรือนหลังนี้ ที่เป็นเรือนที่เขาใช้พักอาศัย ในยามที่ต้องมาค้างแรมอยู่ที่หมู่บ้านหั้วห่าว ในตอนแรกเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ที่นางพึ่งจะมาเหยียบที่นี่ได้ไม่ถึงวัน ก็เริ่มใช้อำนาจกับชาวบ้านเสียแล้ว

แต่พอได้ฟังจินซีจ่าวอธิบายต่อว่า นางเพียงแค่ต้องการครัวสำหรับหุงหาอาหาร และลานเล็กๆ ไว้สำหรับซักล้างเท่านั้น อีกทั้งยังบอกว่าจะใช้เงินส่วนตัว สำหรับค่าของและค่าแรงของคนงาน ไม่ขอรบกวนให้ชาวบ้าน ทำงานให้โดยไม่หวังตอบแทนอะไรเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉือหย่งหลิง พาตัวเองมายืนอยู่ที่นี่ตอนนี้

เมื่อเข้านี้ภายหลังที่ได้พบฉือฟางอิน หลังจากที่ไม่ได้พบกันมาหลายวัน นางก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ ท่าทางคล่องแคล่ว อย่างมารดาที่เลี้ยงลูกอย่างชำนิชำนาญ ทั้งที่ตัวของนางนั้น พึ่งจะได้เจอหน้าเฉียนเอ๋อร์ในรอบสามเดือน สิ่งนี้จึงทำให้ฉือหย่งหลิงแปลกใจเป็นอย่างมาก และยังทำให้เขาไม่สามารถตัดใจ กลับไปยังชายแดนเหนือได้ ชายหนุ่มอยากจะจับตาดู ฉือฟางอินไปอีกสักหน่อย ว่านางคิดการใดแอบแฝงอยู่หรือไม่

เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงค่ำ เหล่าคนที่ได้กินข้าวร่วมกันเมื่อกลางวัน ก็ได้มารวมตัวกันกันอีกครั้ง โดยจินซีหลัน ลู่ซือ และจือลั่วต่างนำอาหารมื้อค่ำ คนละอย่างสองอย่างมาให้ ส่วนจินซีจ่าวมาพร้อมกับเปลเด็กหนึ่งหลัง ที่ได้ไปหยิบยืมมาจากแม่เฒ่าลี่ หลังจากที่เข้าไปหาแม่เฒ่าเมื่อช่วงสาย ก่อนจะกลับบ้านไปพบว่าน้องสาวของตน ไม่ได้เอาอาหารมาให้ฉือฟางอินตามที่มารดาได้สั่งเอาไว้

“ฮูหยิน นี่คือเปลเด็กจากท่านแม่เฒ่าลี่ขอรับ เปลหลังนี้มีน้ำหนักเบามาก เผื่อว่าเวลาที่ท่านจะต้องทำกิจวัตรอย่างอื่น ที่ต้องอยู่ไกลจากเตียงที่ต้องวางคุณชายน้อยไว้ ฮูหยินสามารถลากเปลนี้ให้ไปอยู่ใกล้ท่าน แล้ววางคุณชายน้อยไว้ในนี้ เท่านี้ท่านก็จะเห็นคุณชายน้อย อยู่ในสายตาท่านได้ตลอดเวลาแล้วขอรับ”

“ขอบใจเจ้ามากที่นำเปลมาให้ข้า แล้วก็ต้องฝากคำขอบคุณไปถึงแม่เฒ่าลี่ด้วย บอกนางด้วยว่าหากอะไรเข้าที่เข้าทางแล้ว ข้าจะไปขอบคุณแม่เฒ่าด้วยตัวข้าเอง”

“ได้ขอรับ”

ฉือฟางอินพูดคุยถึงเรื่องการปรับปรุงเรือน ที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ กับจินซีจ่าวอีกเล็กน้อย และไม่ลืมที่จะนำเงินในส่วนที่ต้องจับจ่ายของให้กับเขาไป ส่วนเงินค่าแรงคนงาน นางก็ได้ตระเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากทั้งสองคนพูดคุยกันเสร็จ อาหารบนโต๊ะก็พร้อมกินพอดี

จังหวะนี้ฉือฟางอินก็ไม่พลาดโอกาส ลองลากเปลมาใกล้ๆ ตัวอย่างที่จินซีจ่าวบอกเมื่อครู่นี้ ก็พบว่าเปลหลังนี้ มีน้ำหนักเบาอย่างที่เขาบอกจริงๆ นางลองวางเฉียนเอ๋อร์ไว้ในนั้นเพื่อดูปฏิกิริยาของเขาเฉียนเอ๋อร์ที่กำลังมุ่งมั่น กับการพยายามยัดมือน้อยๆ เข้าปากตนเองอยู่ เมื่อถูกวางลงในเปลตอนแรก ก็ดูจะงุนงงกับการได้นอนเปลโยกเป็นครั้งแรก แต่พอผ่านไปเพียงครู่ เจ้าก้อนหมั่นโถวก็กลับไปมุ่งมั่น เอามือเล็กป้อมของตนเองเข้าปากตามเดิม

เมื่อเห็นว่าเฉียนเอ๋อร์ สามารถอยู่ในเปลได้โดยไม่ร้องงอแง ฉือฟางอืนรวมถึงคนอื่นๆ จึงได้เวลากินมื้อค่ำกันเสียที แต่ทว่าก่อนที่พวกเขาจะได้ลงมือกินอาหารกันนั้น หูของพวกเขาก็แว่วเสียงของคนผู้หนึ่งดังมาจากทางหน้าประตูเรือน พร้อมกับร่างเจ้าของเสียงที่กำลังเดินเข้ามา และเจ้าของเสียงที่ว่านั่น ก็คือจินซือจูบุตรสาวคนเล็กของจินซีหลัน และเป็นน้องสาวแท้ๆ ของจินซีจ่าว หญิงสาวที่มีใบหน้าบูดบึ้งให้กับฉือฟางอิน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบเจอกันนั่นเอง

“ซือจู มัวยืนทำอะไรอยู่ รีบคารวะฮูหยินเร็วเข้า”

“ซือจู คารวะฮูหยินเจ้าค่ะ!”

เมื่อฟังจากน้ำเสียงที่เด็กสาวเปล่งออกมา ฉือฟาอินก็รู้สึกถึงความไม่เต็มใจของนางได้ทันที และออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย ว่าเหตุให้นางถึงได้แสดงอาการ ว่าไม่ชอบกันซึ่งหน้าขนาดนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตัวนางกับเด็กคนนี้ ไม่เคยพบกันมาก่อนเลยสักครั้ง

“คารวะฮูหยินแล้ว เจ้าต้องทำอะไรต่อ จำได้หรือไม่”

“จำได้เจ้ค่ะท่านแม่”

“เช่นนั้นก็อย่ามัวชักช้าอยู่ รีบขอโทษฮูหยินเดี๋ยวนี้”

“ข้าน้อยซือจู ขออภัยฮูหยินฉือฟางอิน ที่เมื่อช่วงสายของวันนี้ ข้าได้ละเลยหน้าที่ จนทำให้ไม่ได้นำมื้อกลางวัน มาให้ท่านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ”

ที่แท้ก็เป็นท่านจินซีหลันนั่นเอง ที่เป็นคนบังคับให้จินซือจูมาขอโทษนาง แต่เอาเถิด ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใด จินซือจูถึงทำท่าทางว่าไม่ชอบใจนางขนาดนั้น แต่ในเมื่อนางขอโทษมาแล้ว ตัวนางก็จะรับไว้เพื่อตัดความวุ่นวายก็แล้วกัน

“เอาเถิด เรื่องนี้ข้ามิได้ไม่พอใจอะไรในตัวเจ้า แต่เมื่อเจ้าขอโทษมาแล้วข้าก็จะรับไว้ เงยหน้าขึ้นแล้วมานั่งกินข้าวด้วยกันสิ”

“ขอบคุณฮูหยิน ที่เมตตาเจ้าค่ะ”

เมื่อกล่าวจบจินซือจู ก็เดินไปนั่งข้างมารดาของนางทันที แต่ยังคงทำหน้าบูดบึ้งอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยน จินซีหลันได้แต่อ่อนใจกับท่าทางเช่นนั้นของบุตรสาว ที่บุตรสาวเป็นเช่นนี้นั้นก็เพราะ ต้องมาอยู่ใกล้กับสตรีที่ได้ร่วมเรือนเคียงหมอน กับชายที่บุตรสาวของนางยกย่องให้เป็นชายในฝัน นั่นก็คือท่านแม่ทัพฉือหย่งหลิง

‘ซือจูหนอซือจู เหตุใดเจ้าถึงยังฝันถึงบุรุษ ที่ไม่มีวันเป็นของเจ้าอยู่อีก’

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 23

    เดิมทีแล้วชาวบ้านในหมู่บ้านหั้วห่าว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นลูกหลานของอดีตเสนาบดี และเหล่าขุนนางที่สนับสนุนให้หั้วชินอ๋องชิงตำแหน่งรัชทายาท จากพระอนุชาที่เกิดจากครรภ์ฮองเฮา เพราะความแค้นที่หั้วชินอ๋อง ได้มารู้ความจริงภายหลังว่าฮองเฮา เป็นผู้วางแผนใส่ร้ายจี้หรงเฟยมารดาของเขา ว่าลักลอบแอบมีสัมพันธ์กับทหารองครักษ์ ทำให้ฮ่องเต้สั่งประหารมารดาของเขาแต่ทว่าบทสรุปเหตุการณ์ในครั้งนั้น ลงเอยด้วยการที่หั้วชินอ๋องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป แต่ด้วยคุณงามความดีที่หั้วชินอ๋อง เคยได้ทุ่มเทมทั้งความคิดและแรงกาย ในกับการแก้ปัญหาบ้านเมือง และยังเป็นกำลังสำคัญในสงครามยุติ ความขัดแย้งต่างๆ มากมาย ที่เกิดขึ้นระหว่างแคว้นฟู่กับแคว้นอื่น ฮ่องเต้จึงเล็งเห็นว่าบุตรชายคนนี้ ยังมีประโยชน์ต่อบ้านเมืองอยู่มาก โทษหนักที่หั้วชินอ๋องได้รับจึงไม่ใช้โทษประหาร แต่เป็นการถูกสั่งให้มาพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ทุรกันดาร ทางเขตตะวันออกของแคว้นฟู่ โดยมีบิดาของฉือหย่งหลิง ที่ภายหลังถูกเลื่อนให้เป็นแม่ทัพใหญ่คู่กายติดตามมาด้วยแน่นอนว่าการถูกสั่งให้มาอยู่ที่นี่ ไม่ได้เป็นปัญหากับหั้วชินอ๋องที่มีความทั้ง

    Last Updated : 2025-02-16
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 24

    ทั้งจินซีหลันและจินซีจ่าว ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังการกระทำทั้งหมด ของบุตรสาวและน้องสาวของตนเองเป็นอย่างดี ต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้คงไม่มีทางจบลงง่ายๆ เพราะดูจากการกระทำของซือจูในวันนี้ ก็ทำให้พวกขเขาได้รู้แล้วว่า ที่นางเขียนจากอารมสงบใจ บอกกับบิดาว่านางได้สำนึกผิดและหักห้ามใจ ที่มีต่อท่านแม่ทัพฉือหย่งหลิงได้แล้วนั้น แท้ที่จริงแล้วนางโกหกหลังจากวันนี้ไปเขาที่เป็นพี่ชาย จะต้องพูดคุยกับมารดาอย่างจริงจัง เพราะพวกเขาจะปล่อยให้จินซือจู ทำอะไรสิ่งใดโดยที่ไม่ให้เกียรติฮูหยินของท่านแม่ทัพ ไม่เช่นนั้นจะเสียหน้าไปถึงบิดา ที่เป็นถึงผู้นำหมู่บ้านเอาได้ มื้อค่ำในวันนั้นจึงเป็นจินซีจ่าว ที่คอยพูดสร้างบรรยากาศดีๆ ด้วยการชวนฉือฟางอินพูดคุยรวมไปถึงการบอกเล่ารายระเอียด ในแต่ละพื้นที่ของหมู่บ้านหั้วห่าว ให้ฉือฟางอินได้ทราบ โดยมีจินซีหลันผู้เป็นมารดาคอยช่วยพูดส่งเสริมอีกแรง ฉือฟางอินเองก็รับรู้ได้ถึง ความพยายามของคนทั้งสอง นางจึงพุ่งความสนใจไปที่จินซีจ่าวกับมารดา และทำเป็นไม่ใส่ใจการกระทำของเด็กสาวที่นั่งหน้าบูดอยู่ตรงหน้าไป“ฮูหยิน ท่านต้องการให้มีคนคอยเฝ้าท่าน กั

    Last Updated : 2025-02-16
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 25

    เช้าวันใหม่ฉือฟางอินตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนฟ้ายังไม่สราง เพราะเสียงร้องของเฉียนเอ๋อร์ เวลานี้คงจะเป็นเวลาตื่นของเขา พอเห็นว่ามารดายังคงนอนหลับอยู่ เจ้าก้อนหมั่นโถวถึงได้แผดเสียงปลุกให้นางตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามารดาตื่นแล้ว เจ้าตัวน้อยก็ชูมือและแขนเล็กป้อมของตนเอง ขึ้นมากลางอากาศอย่างสื่อความหมายฉือฟางอินที่รู้งานอยู่แล้ว จึงได้ก้มลงหอมแก้มกลมของเขาหนึ่งฟอดใหญ่ ก่อนที่จะลุกขึ้นอุ้มเจ้าก้อนหมันโถวขึ้นมาไว้แนบอก เจ้าตัวน้อยได้ทีก็รีบหันหน้าเข้าหาอกอุ่น พร้อมกับเอาปากถูไถไปกับอกของมารดาทันที“ที่แท้ เจ้าก็หิวนี่เอง” ฉือฟางจึงรีบจัดการปลดชุดของนางออก เพื่อให้บุตรชายได้กินนม เจ้าก้อนหมั่วโถวเองก็ไม่รอช้า รีบผวาเข้าเต้าของมารดาทันที“เด็กดีในเย็นๆ ไม่ต้องรีบ แม่ไม่หนีเจ้าไปไหนหรอก”ฉือฟางอินนั่งให้เฉียนเอ๋อร์ดูดนมจากอกนางจนอิ่ม จากนั้นก็อุ้มเขามาวางบนตัก ใช้มือข้างหนึ่งประคองหน้าอกของเขาเอาไว้แล้วเอนตัวเขาไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้มือข้างที่เหลือตบที่หลังของเฉียนเอ๋อร์เบาๆ เพื่อไล่ลมให้ได้เรอออกมา&l

    Last Updated : 2025-02-16
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 26

    สองวันผ่านไป…วันนี้ฉือฟางอินตื่นขึ้นมาก่อนบุตรชาย ที่ยังนอนหลับตาพริ้มซุกอกอุ่นของนางอยู่ เหตุของการตื่นเช้าในวันนี้ ก็เพราะว่าวันนี้นางจะได้ลงมือเข้าครัว ที่คนงานทำเสร็จไปเมื่อวานนี้ ตามกำหนดเวลาสองวันอย่างที่พวกเขาได้บอกเอาไว้ นางค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน ไม่ให้รบกวนเจ้าก้อนหมั่นโถวที่ยังคงหลับใหล คงอีกสักพักใหญ่กว่าที่เขาจะตื่น ตอนนี้นางจะต้องไปล้างหน้าล้างตา แล้วรีบไปเตรียมหุงข้าวเอาไว้ก่อนหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฉือฟางอินก็เดินตรงมายังห้องครัว เปิดดูถุงข้าวสารถุงเล็ก หนึ่งในเสบียงของแห้งที่จินซือโจว นำมามอบให้กับนางเมื่อค่ำวานนี้ ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องปรุง ผักอีกสองสามอย่าง ไก่หนึ่งตัวและเนื้อหมูน้ำค้างอีกหนึ่งชั่ง ตอนที่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับจินซือโจว ทำให้นางได้ทราบความเป็นมาของหมู่บ้านหั้วห่าว และได้ทราบรายละเอียดวิถีชีวิต ของชาวบ้านในหมู่บ้านมากขึ้น จากคำบอกเล่าของเขา วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนชาวบ้านที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วมักจะทำการเกษตรเอาไว้กินกันเอง ส่วนที่เหลือก็จะเอาแลกเปลี่ยนกัน เนื้อสัตว์ที่นำมาทำอาหาร จะสลับกันเป็นช่วงๆ ระหว่างสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงเองกั

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 27

    “ฮูหยิน ท่านจะไปไหนหรือขอรับ”“ข้าจะพาเฉียนเอ๋อร์ไปทำความรู้จักกับชาวบ้านคนอื่นๆ นะ อ่อ แล้วก็อยากจะไปดูอาการของเจ้าลูกหมาตัวนั้นสักหน่อย ว่าขาของมันดีขึ้นบ้างหรือไม่ แล้วนี่พวกเจ้า…กำลังทำอะไรกันอยู่หรือ”“กำลังประชุมเรื่องผลัดเวรยาม ในหมู่บ้านตอนกลางคืนกันอยู่ขอรับ”“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว แต่เจ้าช่วยบอกทางไปพบคนในหมู่บ้าน กับโรงหมอให้ข้าได้หรือไม่”“เดี๋ยวข้าน้อยเดินไปส่งก็ได้ขอรับ เมื่อเช้าคนของท่านอ๋องขนผ้าใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม มามอบให้ชาวบ้านพอดี ท่านแม่และท่านน้าคนอื่นๆ คงจะอยู่กันที่ศาลากลางหมู่บ้านขอรับ”“เอาสิ”แม้จะรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองมา แต่เวลานี้ความตื่นเต้นที่จะได้พบปะกับชาวบ้าน ก็ได้ดึงความสนใจของฉือฟางอิน ที่มีต่อฉือหย่งหลิงไปจนหมด เมื่อจินซีจ่าวพยักหน้าให้พร้อมกับก้าวขาเดินนำไป นางก็รีบก้าวตามชายหนุ่มไปทันที“ท่านแม่ขอรับ”“ว่าอย่างไรซีจ่าว โอ๊ะ! ฮูหยิน”เมื่อหันมาตามเสียงเรียกของบุตรชาย แล้วพบว่าที่ด้านหลังของบุตรชาย มีฉือฟางอินยืนอยู่ จินซีหลันจึงได้ส่งเสียงเรียกนางออกมาหญิงชาวบ้านคนอื่นที่เห็นดังนั้น ต่างก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วรีบก้มหัวให้หญิง

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 28

    “ปักลายผ้าหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว ข้าเห็นฝีมือการตัดเย็บของพวกท่านแล้ว ขอเดาว่าพวกท่านก็น่าจะปักลายผ้าเป็น กันด้วยใช่หรือไม่”“เจ้าค่ะ พวกเราล้วนปักลายผ้ากันเป็นทุกคน แต่ว่าลวดลายที่พวกเราปักได้ มิได้ประณีตและงดงาม เหมือนอย่างลายผ้าบนชุดของท่านหรอกเจ้าค่ะ”“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนั้น ข้าเคยเห็นสตรีที่ด้านนอกนั่นหลายคน ก็สวมใส่ชุดที่มีลายปักผ้า เหมือนอย่างข้ามิใช่หรือ”“มิผิดเจ้าค่ะ เพียงแต่ลวดลายผ้าที่สตรีเหล่านั้นสวมใส่ ล้วนแล้วแต่เป็นผ้าที่นำเข้ามาจากแคว้นข้างเคียง และแคว้นอื่นที่อยู่ห่างออกไปเจ้าค่ะ”“จริงหรือ”“จริงเจ้าค่ะ เพราะเดิมทีที่แดนตะวันออก แห่งแคว้นฟู่ของพวกเรา…”มีเขตที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่อ ระหว่างแคว้นหลายแคว้น ที่กำลังอยู่ในช่วง รวบรวมแคว้นของตนเองอยู่ จึงทำให้ในหลายครั้งที่แคว้นฟู่ ต้องรับมือลูกหลงจากสงครามระหว่างแคว้นเหล่านั้น พร้อมยังต้องรับมือกับแคว้น ที่ต้องการจะยึดเอาเขตแดนในแคว้นฟู่ ที่อยู่ติดกับเขตแคว้นตนเองไปครอบครอง ทำให้ในหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านที่แดนตะวันออกส่วนใหญ่ จึงไม่ได้มีเวลาสนใจเรื่องอื่น นอกเหนือจากการสู้รบและป้องกันภัยจากศัตรู หญิงสาวในแคว้น

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 29

    “เมื่อเสร็จจากตรงนี้ พวกท่านก็ร้อยด้ายมาซ่อนปมด้ายไว้ตรงนี้ ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว”“ฮูหยิน วิธีนี้ของท่านช่างรวดเร็วและงดงามมากเหลือเกินเจ้าค่ะ”“ข้าบอกแล้วว่าวิธีลัดนี้จะทำให้ปักลายผ้าได้ง่ายและเร็วขึ้น”วิธีปักด้ายลงบนผ้าที่ฉือฟางอิน กำลังสอนเหล่าหญิงชาวบ้านตรงหน้านางนั้น เป็นวิธีลัดที่นางคิดขึ้นมาเอง เพราะการที่ต้องจดจ่ออยู่กับสิ่งใดเป็นเวลานาน บางครั้งก็ทำให้นางรู้สึกขี้เกียจ และอยากที่จะออกไปเล่นซนกับสหายเร็วๆ นางจึงคิดวิธีดึงเอาวิธีการปักผ้าของท่านแม่กับท่านย่า ที่ถึงแม้จะมีวิชาการการปักผ้าศาสตร์เดียวกัน แต่ทั้งสองคนกลับมีวิธีการ ที่ตนเองใช้ปักผ้าต่างกันฉือฟางอินจึงนำวิธีการของทั้งสอง มาผสมผสานเข้าด้วยกัน จนได้วิธีลัด ในการปักผ้าแต่ละลายใหเร็วขึ้น อย่างที่นางสอนให้แก่เหล่าหญิงชาวบ้านไปเมื่อครู่นี้ “ฮูหยิน ท่านช่างมีฝีมือยอดเยี่ยมมากจริงๆ เจ้าค่ะ”“พวกท่านอย่าได้ยกยอข้านักเลย คนที่ต้องชื่นชมยกความดีความชอบให้ คือท่านย่ากับท่านแม่ของข้ามากกว่า หากไม่ได้พวกนางคอยเคี่ยวเข็ญข้าอย่างหนัก ข้าก็คงทำสิ่งนี้ออกมาได้ไม่ดี”“โถ่ ฮูหยิน มิเกินไปหรอกเจ้าค่ะ ท่านน่ะเก่งมากเลยนะเจ้าคะ อย่าได

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 30

    เมื่อกระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ฉือฟางอินจึงพาเฉียนเอ๋อร์กลับมาที่เดิม ในมือยังคงกวัดแกว่งของเล่นไปมา ให้เฉียนเอ๋อร์ได้เล่นอย่างอารมณ์ดี แต่ภายในหัวกลับเอาแต่คิด ถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ จนไม่ได้ยิน เสียงเรียกของจินซีหลัน กับหญิงชาวบ้านคนอื่นๆ ที่เดินนำอาหารมาจัดวางเรียงบนโต๊ะอยู่ตอนนี้“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน!”“โอ๊ะ! ท่านป้า ท ท่านเรียกข้าหรือ”“ใช่เจ้าค่ะ กำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ถึงได้ไม่ได้ยินเสียงพวกเรา หรือว่าฮูหยินต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ บอกพวกข้ามาได้เลยนะเจ้าคะ พวกข้ายินดีช่วยเจ้าค่ะ”ได้รับน้ำใจจากจินซีหลันเช่นนี้ ฉือฟางอินก็จะรู้สึกสะท้อนใจ หญิงวัยกลางคนตรงหน้าจะรู้หรือไม่ ว่าบุตรสาวของนาง กำลังคิดวางแผนให้ตนเองเป็น ได้เป็นอนุภรรยาของฉือหย่งหลิง แต่ถึงอย่างนั้นฉือฟางอินไม่อยากให้เรื่องนี้ นำพาให้บรรยากาศที่ดี ระหว่างตัวนางและหญิงชาวบ้านทุกคนต้องเสียไปนางจึงเลือกเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ รอเวลากลับไปถึงเรือน แล้วค่อยคิดเรื่องที่พึ่งได้ยินมาต่อ“ข้าก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วนี่พวกท่าน ทำอาหารเสร็จแล้วหรือ”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ เอ๋ ของเล่นนี่…”“เมื่อครู่นี้แม่เฒ่าลี่ ฝากท่

    Last Updated : 2025-02-19

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 58

    “เด็กคนนี้คือเฉียนเอ๋อร์…หลานชายของท่านเจ้าค่ะ”“แอ๊!”ท่ามกลางความตกใจและไม่คาดคิดของชวี่เจียงโหลว เจ้าตัวน้อยที่จ้องหน้าท่านตาของตนเองอยู่ก่อนแล้ว ก็ส่งเสียงทักทายขึ้นมาพร้อมกับฉีกยิ้ม เห็นฟันน้อยที่มีอยู่ไม่กี่ซี่ให้กับเขา“หละ หลานชาย โอ้! เฉียนเอ๋อร์ เฉียนเอ๋อร์หลานตา มาๆ มาให้ตาดูเจ้าใกล้ๆ หน่อยเถิด”เมื่อตั้งสติและกระจ่างแจ้งแล้วว่า เด็กชายตัวน้อยที่ฉือฟางอิน บุตรสาวของตนเองอุ้มอยู่นั้น เป็นหลานชายแท้ๆ ของตน แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหลู จึงได้รีบเดินเข้าไปที่รถม้าเพื่อช่วยพยุงบุตรสาวลงมา แต่ทว่าขณะที่กำลังยื่นมือออกไป หมายจะอุ้มหลานชายของตนเองนั้น ชวี่เจียงโหลวกลับชะงักมือของเขาเอาไว้ เพราะคิดขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวของตนเองนั้น จะยินดีให้เขาอุ้มลูกของนางหรือไม่ด้านฉือฟางอินเองหลังจากที่เห็นท่าทีลังเลของบิดา นางจึงเป็นฝ่ายส่งลูกน้อย สู่อ้อมอกท่านตาของเขา โดยที่ไม่มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด ชวี่เจียงโหลวถึงได้กล้ารับเจ้าตัวน้อยมาอุ้มเอาไว้ หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รู้สึ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 57

    “เชิญท่านแม่ทัพกับฮูหยินทางนี้ขอรับ”เจียงเถาที่เร่งเดินทางมาให้ถึงเมืองลิ่ง ก่อนหน้าที่คนที่เหลือที่ขบวนจะเดินมาถึง เพื่อมาจัดการหาที่พักให้กับทุกคน เมื่อเห็นว่าเจ้านายและคนอื่นๆ เดินทางมาถึงแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้ามาเพื่อนำทางไปยังโรงเตี๊ยมชั้นดี ที่เขาจัดการจ่ายเงินที่เจ้านายมอบให้ สำหรับสถานที่พักค้างแรมในคืนนี้ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยังโรงเตี๊ยม ฉือฟางอินที่เคยได้ยินชื่อและได้มาเยือนเป็นครั้งแรก ก็อดที่จะตื่นตาตื่นใจกับการสัมผัสบรรยากาศในสถานที่ใหม่ไม่ได้ เพราะแม้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แต่บรรยากาศในเมืองลิ่งก็ยังคงคึกคัก คลาคลั่งไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำกิจวัตรอยู่ในบ้านของตนเอง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว นั่นก็เพราะทุกพื้นที่ในเมืองลิ่งนั้น ล้วนเต็มไปด้วยโรงเตี๊ยมกิจการร้านค้าและร้านอาหารน้อยใหญ่ จนไปถึงภัตตาคารเรียงรายไปทั่วทั้งเมือง“ถึงแล้วขอรับ”“อ้าว นายของเจ้ามาแล้วรึ เชิญๆ ท่านแม่ทัพฮูหยิน เชิญเข้ามาได้เลย ข้าให้เด็กเตรียมที่พักไว้ตามที่ท่านต้องการแล้ว เด็กๆ มา

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 56

    “กลับแคว้นหลูอย่างนั้นหรือฮูหยิน”ทันทีที่ได้เห็นท่าทางของฉือหย่งหลิง หลังจากที่เขาได้รู้ว่าตัวนางนั้นกำลังจะเดินกลับแคว้นหลู ฉือฟางอินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา นางไม่ได้คิดที่จะปิดบังเขาแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเวลาให้ตัวนางได้เรียบเรียงคำพูดมาอธิบายให้กับฉือหย่งหลิงอนุญาตให้นาง ได้กลับไปยังแคว้นบ้านเกิด แต่เนื่องจากช่วงนี้การงานที่รัดตัว จึงทำให้นางลืมบอกเรื่องนี้กับเขา“ใช่ ข้าจะกลับบ้าน”“แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้ ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ”“เปล่า ท่านไม่ได้ทำอะไร”“ไม่จริง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะวางแผนหนีข้าไปเช่นนี้หรือ”“ไปกันใหญ่แล้ว ข้าแค่จะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อ”“เยี่ยมบิดาของเจ้าหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ ท่านคิดไปถึงไหนกัน”เพราะนับตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่นี่ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่หญิงสาว ยังไม่ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดตามธรรมเนียม เวลานี้ที่ตัวนางกำลังขยายร้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status