Share

บทที่ 25

last update Last Updated: 2025-02-16 08:05:05

เช้าวันใหม่

ฉือฟางอินตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนฟ้ายังไม่สราง เพราะเสียงร้องของเฉียนเอ๋อร์ เวลานี้คงจะเป็นเวลาตื่นของเขา พอเห็นว่ามารดายังคงนอนหลับอยู่ เจ้าก้อนหมั่นโถวถึงได้แผดเสียงปลุกให้นางตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามารดาตื่นแล้ว เจ้าตัวน้อยก็ชูมือและแขนเล็กป้อมของตนเอง ขึ้นมากลางอากาศอย่างสื่อความหมาย

 ฉือฟางอินที่รู้งานอยู่แล้ว จึงได้ก้มลงหอมแก้มกลมของเขาหนึ่งฟอดใหญ่ ก่อนที่จะลุกขึ้นอุ้มเจ้าก้อนหมันโถวขึ้นมาไว้แนบอก เจ้าตัวน้อยได้ทีก็รีบหันหน้าเข้าหาอกอุ่น พร้อมกับเอาปากถูไถไปกับอกของมารดาทันที

“ที่แท้ เจ้าก็หิวนี่เอง” ฉือฟางจึงรีบจัดการปลดชุดของนางออก เพื่อให้บุตรชายได้กินนม เจ้าก้อนหมั่วโถวเองก็ไม่รอช้า รีบผวาเข้าเต้าของมารดาทันที

“เด็กดีในเย็นๆ ไม่ต้องรีบ แม่ไม่หนีเจ้าไปไหนหรอก”

ฉือฟางอินนั่งให้เฉียนเอ๋อร์ดูดนมจากอกนางจนอิ่ม จากนั้นก็อุ้มเขามาวางบนตัก ใช้มือข้างหนึ่งประคองหน้าอกของเขาเอาไว้แล้วเอนตัวเขาไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้มือข้างที่เหลือตบที่หลังของเฉียนเอ๋อร์เบาๆ เพื่อไล่ลมให้ได้เรอออกมา

“เอิ๊ก!”

“เก่งมากลูกแม่ สบายท้องแล้วใช่หรือไม่ เช่นนั้นพวกเราไปล้างหน้าล้างตากัน”

เนื่องจากเรือนหลังนี้ตั้งอยู่ในป่า ทำให้บรรยากาศในตอนเช้านั้นเย็นมากกว่าที่จวนสกุลฉือ ที่ตั้งอยู่ในเขตคนเมืองหลายเท่านัก แต่ยังดีที่เรือนแห่งนี้มีห้องอาบน้ำ ที่ด้านล่างเป็นปล่องเอาไว้จุดฟืนให้น้ำในอ่างอุ่นขึ้น ทำให้ฉือฟางอินได้มีน้ำอุ่นเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น หลังจากล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนผ้าให้กับเฉียนเอ๋อร์ และจัดการตนเองเรียบร้อยแล้ว ฉือฟางอินที่เห็นว่าตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดมาที่เรือนนี้ นางจึงอยากพาเฉียนเอ๋อร์ ออกไปเดินเล่นที่ด้านนอกของเรือน และถือโอกาสนี้สำรวจบริเวณรอบๆ เรือนหลังนี้ไปด้วย หญิงสาวจัดการห่อตัวบุตรชาย ให้หนาขึ้นอีกชั้นหนึ่ง เพื่อที่เจ้าตัวน้อยจะได้ไม่สัมผัส ถูกไอหมอกและน้ำค้างยามเช้า ที่อาจจะทำให้เขาไม่สบายเอาได้

“เสร็จแล้ว พวกเราออกไปเดินเล่นข้างนอกกันเถิด”

แม้เรือนหลังนี้จะตั้งอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน แต่กระนั้นบรรยากาศโดยรอบ กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกน่ากลัวแต่อย่างใด น่านับถือชาวบ้านที่นี่ไม่น้อย ที่สามารถปรับตัวจากคนในวงสังคมชั้นสูง มาอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างสมบูรณ์ สองแม่ลูกเดินชมนกชมไม้กันอยู่ครู่หนึ่ง ท้องฟ้าที่เคยมีแดดจางๆ ก็กลับกลายเปลี่ยนเป็นเมฆครึ้ม พร้อมกับมีหมอกปกคลุม ฉือฟางอินจึงจำต้องพาเฉียนเอ๋อร์กลับเข้าไปในเรือนตามเดิม

“เฉียนเอ๋อร์ เรากลับขึ้นกันดีกว่านะ”

ให้หลังจากที่กลับขึ้นเรือนไปไม่นาน ฉือฟางอินก็ได้ยินเสียงชาวบ้าน ออกทำกิจวัตรประจำวัน พร้อมเสียงลูกเด็กเล็กแดงออกมาวิ่งเล่นหยอกล้อกันตั้งแต่เช้าตรู่

“นู่นมันหนีไปนู่นแล้ว ไปเร็วตามมันไป”

“ข้างหน้าหมอกหนามาก ข้ามองไม่เห็นเจ้านั่นแล้ว”

“ไม่เป็นไรหน่า จะกลัวอะไรกับแค่อิแค่หมอก”

“เจ้าไม่กลัว ก็มาเดินนำสิ เอาแต่สั่งอยู่ได้”

“นั่นพวกเจ้าจะไปไหนกัน ทางนั้นมันทางไปเรือนของท่านแม่ทัพฉือหย่งหลิงมิใช่หรือ แล้วเสียงดังโวยวายกันถึงเพียงนั้น มิใช่ดังไปรบกวนฮูหยินฉือฟางอินกับคุณชายน้อยแล้วรึ กลับมานี่กันให้หมดเดี๋ยวนี้เลยนะ”

เสียงพวกเด็กๆ คุยกันและหนึ่งเสียงของผู้ใหญ่ ที่กำลังกำราบความซุกซนของพวกเขา ทำเอาฉือฟางอินที่กำลังเงี่ยหูฟังอยู่ อดที่จะหัวเราะ และหันมาพูดเปรียบเทียบกับเจ้าก่อนหมั่นโถว ที่นางกำลังอุ้มอยู่ไม่ได้

“เฉียนเอ๋อร์ หากเจ้าโตมาเท่าพวกพี่ชายเหล่านั้น เจ้าจะซุกซนเหมือนพวกเขาหรือไม่ หืม”

“แอ้ แอ๊!” สิ้นเสียงของมารดา เฉียนเอ๋อร์ก็ตอบรีบกลับมาเหมือนเด็กรู้ความเหมือนเคย และไม่ลืมที่จะส่งยิ้มโชว์เหงือกแดงมาให้กับนาง

“แต่แม่ว่า เจ้าจะต้องช่างเจรจาเป็นแน่ แม่พูดถูกหรือไม่”

“อื้อ…ฮะ…อู้”

“ฮ่าๆๆ

“หงิงงง หงิงงง”

“หือ นั่นเสียงอะไรน่ะ”

ระหว่างที่ฉือฟางอินกำลังหยอกล้อกับเฉียนเอ๋อร์ ที่นอนเล่นอยู่ในเปล หูของนางก็ได้ยินเสียงร้องประหลาด ดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากทางด้านนอกของเรือน

“เฉียนเอ๋อร์เจ้ารอแม่อยู่ตรงนี้สักเดี๋ยวนะ”

“หงิงง หงิงง”

เมื่อเดินออกมานอกเรือนนางก็ยิ่งได้ยินเสียงร้องนั่นอย่างชัดเจน ฉือฟางอินจึงได้ลองเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจอีกครั้ง

“ดังมาจากใต้ถุนเรือนสินะ

ฮึบ!

เจอแล้ว! เป็นเจ้านี่เอง”

เสียงร้องประหลาดที่ว่านั่น ที่แท้แล้วก็คือเสียงของลูกหมาตัวสีดำผอมโซตัวหนึ่ง ที่กำลังซ่อนตัวหลบอยู่ในใต้ถุนของเรือน ด้วยท่าทางตัวสั่นด้วยความกลัว

“เอ๊งๆๆๆ

ยามที่ฉือฟางอินประคองอุ้มมันออกมา เจ้าหมาน้อยก็ส่งเสียงร้องดังขึ้น เหมือนกับว่ากำลังเจ็บปวดอยู่

“เหตุใดถึงร้องเสียงดังเช่นนี้ เจ้าบาดเจ็บอยู่หรือ จริงด้วยที่ขาของเจ้า”

ฉือฟางอินตัดสินใจอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมาบนเรือน ให้มันได้นอนซุกอยู่บนกองผ้า ที่ไม่ได้ใช้งานกองหนึ่งไปก่อน ในเรือนไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของมันได้ ต้องรอให้พวกท่านป้ากับจินซีจ่าวมาที่นี่เสียก่อน นางถึงจะได้ขอให้พวกเขาช่วยหาวิธีรักษาขาที่บาดเจ็บของมัน

“ฮูหยินพวกเรามาแล้วเจ้าค่ะ”

“มากันแล้วหรือ ข้ากำลังรอพวกท่านอยู่พอดี”

“มีอะไรหรือเจ้าคะ โอ๊ะ! เจ้าหมาน้อยตัวนี้ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ”

“มันหลบอยู่ใต้ถุนเรือนน่ะ ขาหลังก็ได้รับบาดเจ็บ ที่นี่พอจะมีใครรักษามันได้หรือไม่”

“อืมม หากเป็นท่านหมอประจำหมู่บ้าน ข้าว่าก็น่าจะพอได้นะเจ้าคะ”

“เช่นนั้นท่านน้าลู่ซือ พอจะนำไปให้ท่านหมอได้หรือไม่ ส่วนเงินค่ารักษาและยา ก็ให้ท่านหมอแจงรายละเอียด มาเก็บเงินกับข้าได้เลย”

“ได้เจ้าค่ะ”

หลังจากให้คนพาเจ้าหมาน้อยไปหาท่านหมอ และกินมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานจินซีจ่าวก็มาถึง พร้อมกับคนงานที่จะมาปรับปรุงเรือน ตามที่ฉือฟางอินต้องการ

“นี่เป็นคนที่มีฝีมือดีที่สุดในหมู่บ้านของเรา ท่านอยากปรับปรุงตรงไหนของเรือน ก็บอกกับพวกเขาได้เลยขอรับ”

“ข้ารบกวนพวกเจ้าไม่มากหรอก สิ่งที่ข้าต้องการก็คือใช้พื้นที่ถัดจากห้องอาบน้ำ ไว้สำหรับเป็นครัวทำอาหาร พร้อมด้วยโต๊ะกินข้าวหนึ่งโต๊ะ และข้าอยากจะให้พื้นที่เล็กๆ ข้างกันนั้นเอาไว้สำหรับซักล้างทำความสะอาด พร้อมกับถังใบใหญ่สองถัง ส่วนอย่างสุดท้ายคือทางน้ำไหลชั่วคราว”

“ทางน้ำไหลชั่วคราวหรือขอรับ”

“ใช่ หากข้าไม่ได้หูแว่วไปเอง ข้าว่าข้าได้ยินเสียงน้ำไหลแว่วๆ อยู่แถวนี้ ไม่รู้ว่าเสียงนั่นจะใช่น้ำที่ไหลมาจากภูเขาหรือไม่ ถ้าใช่ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเจ้า จะสามารถสร้างทางน้ำไหลเวียนไปมายังเรือนนี้ชั่วคราว ระหว่างที่ข้าอาศัยอยู่ที่นี่ เพื่อพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งในหมู่บ้าน จะได้ไม่ต้องลำบากไปแบกน้ำมาให้ข้าใช้ทุกวัน”

เหล่าคนงานเมื่อได้ฟังความต้องการของฉือฟางอิน พวกเขาก็หันหน้าล้อมวงเข้าหากัน เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับงานของพวกเขาในครั้งนี้ เมื่อหารือกันสำเร็จก็หันหน้ามาทางฉือฟางอินกันอย่างพร้อมเพรียง

“ได้ขอรับฮูหยิน พวกข้าน้อยขอเวลาสองวัน กับงานสามอย่างนี้ขอรับ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 26

    สองวันผ่านไป…วันนี้ฉือฟางอินตื่นขึ้นมาก่อนบุตรชาย ที่ยังนอนหลับตาพริ้มซุกอกอุ่นของนางอยู่ เหตุของการตื่นเช้าในวันนี้ ก็เพราะว่าวันนี้นางจะได้ลงมือเข้าครัว ที่คนงานทำเสร็จไปเมื่อวานนี้ ตามกำหนดเวลาสองวันอย่างที่พวกเขาได้บอกเอาไว้ นางค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน ไม่ให้รบกวนเจ้าก้อนหมั่นโถวที่ยังคงหลับใหล คงอีกสักพักใหญ่กว่าที่เขาจะตื่น ตอนนี้นางจะต้องไปล้างหน้าล้างตา แล้วรีบไปเตรียมหุงข้าวเอาไว้ก่อนหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฉือฟางอินก็เดินตรงมายังห้องครัว เปิดดูถุงข้าวสารถุงเล็ก หนึ่งในเสบียงของแห้งที่จินซือโจว นำมามอบให้กับนางเมื่อค่ำวานนี้ ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องปรุง ผักอีกสองสามอย่าง ไก่หนึ่งตัวและเนื้อหมูน้ำค้างอีกหนึ่งชั่ง ตอนที่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับจินซือโจว ทำให้นางได้ทราบความเป็นมาของหมู่บ้านหั้วห่าว และได้ทราบรายละเอียดวิถีชีวิต ของชาวบ้านในหมู่บ้านมากขึ้น จากคำบอกเล่าของเขา วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนชาวบ้านที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วมักจะทำการเกษตรเอาไว้กินกันเอง ส่วนที่เหลือก็จะเอาแลกเปลี่ยนกัน เนื้อสัตว์ที่นำมาทำอาหาร จะสลับกันเป็นช่วงๆ ระหว่างสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงเองกั

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 27

    “ฮูหยิน ท่านจะไปไหนหรือขอรับ”“ข้าจะพาเฉียนเอ๋อร์ไปทำความรู้จักกับชาวบ้านคนอื่นๆ นะ อ่อ แล้วก็อยากจะไปดูอาการของเจ้าลูกหมาตัวนั้นสักหน่อย ว่าขาของมันดีขึ้นบ้างหรือไม่ แล้วนี่พวกเจ้า…กำลังทำอะไรกันอยู่หรือ”“กำลังประชุมเรื่องผลัดเวรยาม ในหมู่บ้านตอนกลางคืนกันอยู่ขอรับ”“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว แต่เจ้าช่วยบอกทางไปพบคนในหมู่บ้าน กับโรงหมอให้ข้าได้หรือไม่”“เดี๋ยวข้าน้อยเดินไปส่งก็ได้ขอรับ เมื่อเช้าคนของท่านอ๋องขนผ้าใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม มามอบให้ชาวบ้านพอดี ท่านแม่และท่านน้าคนอื่นๆ คงจะอยู่กันที่ศาลากลางหมู่บ้านขอรับ”“เอาสิ”แม้จะรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองมา แต่เวลานี้ความตื่นเต้นที่จะได้พบปะกับชาวบ้าน ก็ได้ดึงความสนใจของฉือฟางอิน ที่มีต่อฉือหย่งหลิงไปจนหมด เมื่อจินซีจ่าวพยักหน้าให้พร้อมกับก้าวขาเดินนำไป นางก็รีบก้าวตามชายหนุ่มไปทันที“ท่านแม่ขอรับ”“ว่าอย่างไรซีจ่าว โอ๊ะ! ฮูหยิน”เมื่อหันมาตามเสียงเรียกของบุตรชาย แล้วพบว่าที่ด้านหลังของบุตรชาย มีฉือฟางอินยืนอยู่ จินซีหลันจึงได้ส่งเสียงเรียกนางออกมาหญิงชาวบ้านคนอื่นที่เห็นดังนั้น ต่างก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วรีบก้มหัวให้หญิง

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 28

    “ปักลายผ้าหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว ข้าเห็นฝีมือการตัดเย็บของพวกท่านแล้ว ขอเดาว่าพวกท่านก็น่าจะปักลายผ้าเป็น กันด้วยใช่หรือไม่”“เจ้าค่ะ พวกเราล้วนปักลายผ้ากันเป็นทุกคน แต่ว่าลวดลายที่พวกเราปักได้ มิได้ประณีตและงดงาม เหมือนอย่างลายผ้าบนชุดของท่านหรอกเจ้าค่ะ”“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนั้น ข้าเคยเห็นสตรีที่ด้านนอกนั่นหลายคน ก็สวมใส่ชุดที่มีลายปักผ้า เหมือนอย่างข้ามิใช่หรือ”“มิผิดเจ้าค่ะ เพียงแต่ลวดลายผ้าที่สตรีเหล่านั้นสวมใส่ ล้วนแล้วแต่เป็นผ้าที่นำเข้ามาจากแคว้นข้างเคียง และแคว้นอื่นที่อยู่ห่างออกไปเจ้าค่ะ”“จริงหรือ”“จริงเจ้าค่ะ เพราะเดิมทีที่แดนตะวันออก แห่งแคว้นฟู่ของพวกเรา…”มีเขตที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่อ ระหว่างแคว้นหลายแคว้น ที่กำลังอยู่ในช่วง รวบรวมแคว้นของตนเองอยู่ จึงทำให้ในหลายครั้งที่แคว้นฟู่ ต้องรับมือลูกหลงจากสงครามระหว่างแคว้นเหล่านั้น พร้อมยังต้องรับมือกับแคว้น ที่ต้องการจะยึดเอาเขตแดนในแคว้นฟู่ ที่อยู่ติดกับเขตแคว้นตนเองไปครอบครอง ทำให้ในหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านที่แดนตะวันออกส่วนใหญ่ จึงไม่ได้มีเวลาสนใจเรื่องอื่น นอกเหนือจากการสู้รบและป้องกันภัยจากศัตรู หญิงสาวในแคว้น

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 29

    “เมื่อเสร็จจากตรงนี้ พวกท่านก็ร้อยด้ายมาซ่อนปมด้ายไว้ตรงนี้ ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว”“ฮูหยิน วิธีนี้ของท่านช่างรวดเร็วและงดงามมากเหลือเกินเจ้าค่ะ”“ข้าบอกแล้วว่าวิธีลัดนี้จะทำให้ปักลายผ้าได้ง่ายและเร็วขึ้น”วิธีปักด้ายลงบนผ้าที่ฉือฟางอิน กำลังสอนเหล่าหญิงชาวบ้านตรงหน้านางนั้น เป็นวิธีลัดที่นางคิดขึ้นมาเอง เพราะการที่ต้องจดจ่ออยู่กับสิ่งใดเป็นเวลานาน บางครั้งก็ทำให้นางรู้สึกขี้เกียจ และอยากที่จะออกไปเล่นซนกับสหายเร็วๆ นางจึงคิดวิธีดึงเอาวิธีการปักผ้าของท่านแม่กับท่านย่า ที่ถึงแม้จะมีวิชาการการปักผ้าศาสตร์เดียวกัน แต่ทั้งสองคนกลับมีวิธีการ ที่ตนเองใช้ปักผ้าต่างกันฉือฟางอินจึงนำวิธีการของทั้งสอง มาผสมผสานเข้าด้วยกัน จนได้วิธีลัด ในการปักผ้าแต่ละลายใหเร็วขึ้น อย่างที่นางสอนให้แก่เหล่าหญิงชาวบ้านไปเมื่อครู่นี้ “ฮูหยิน ท่านช่างมีฝีมือยอดเยี่ยมมากจริงๆ เจ้าค่ะ”“พวกท่านอย่าได้ยกยอข้านักเลย คนที่ต้องชื่นชมยกความดีความชอบให้ คือท่านย่ากับท่านแม่ของข้ามากกว่า หากไม่ได้พวกนางคอยเคี่ยวเข็ญข้าอย่างหนัก ข้าก็คงทำสิ่งนี้ออกมาได้ไม่ดี”“โถ่ ฮูหยิน มิเกินไปหรอกเจ้าค่ะ ท่านน่ะเก่งมากเลยนะเจ้าคะ อย่าได

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 30

    เมื่อกระจ่างแจ้งแก่ใจแล้ว ฉือฟางอินจึงพาเฉียนเอ๋อร์กลับมาที่เดิม ในมือยังคงกวัดแกว่งของเล่นไปมา ให้เฉียนเอ๋อร์ได้เล่นอย่างอารมณ์ดี แต่ภายในหัวกลับเอาแต่คิด ถึงสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ จนไม่ได้ยิน เสียงเรียกของจินซีหลัน กับหญิงชาวบ้านคนอื่นๆ ที่เดินนำอาหารมาจัดวางเรียงบนโต๊ะอยู่ตอนนี้“ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยิน!”“โอ๊ะ! ท่านป้า ท ท่านเรียกข้าหรือ”“ใช่เจ้าค่ะ กำลังคิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะ ถึงได้ไม่ได้ยินเสียงพวกเรา หรือว่าฮูหยินต้องการสิ่งใดหรือไม่เจ้าคะ บอกพวกข้ามาได้เลยนะเจ้าคะ พวกข้ายินดีช่วยเจ้าค่ะ”ได้รับน้ำใจจากจินซีหลันเช่นนี้ ฉือฟางอินก็จะรู้สึกสะท้อนใจ หญิงวัยกลางคนตรงหน้าจะรู้หรือไม่ ว่าบุตรสาวของนาง กำลังคิดวางแผนให้ตนเองเป็น ได้เป็นอนุภรรยาของฉือหย่งหลิง แต่ถึงอย่างนั้นฉือฟางอินไม่อยากให้เรื่องนี้ นำพาให้บรรยากาศที่ดี ระหว่างตัวนางและหญิงชาวบ้านทุกคนต้องเสียไปนางจึงเลือกเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ รอเวลากลับไปถึงเรือน แล้วค่อยคิดเรื่องที่พึ่งได้ยินมาต่อ“ข้าก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แล้วนี่พวกท่าน ทำอาหารเสร็จแล้วหรือ”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ เอ๋ ของเล่นนี่…”“เมื่อครู่นี้แม่เฒ่าลี่ ฝากท่

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 31

    งานเลี้ยงนี้เป็นธรรมเนียมที่ชาวบ้าน จัดขึ้นให้มีขึ้นภายหลังที่พวกเขาตัดสินใจที่จะละทิ้งอดีต รับชายหนุ่มและหญิงสาวที่มาจากภาภายนอก ได้มาคบหาและสร้างครอบครัวกับคนหนุ่มสาว และรวมไปถึงพ่อหม้ายแม่หม้ายในหมู่บ้านด้วยเช่นกัน พวกเขาจะสร้างธรรมเนียม จัดงานเลี้ยงรับขวัญสมาชิกใหม่ในหมู่บ้านขึ้นมา ด้วยการล่าสัตว์มาทำอาหาร เลี้ยงฉลองในตอนกลางคืน ให้ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้น ได้ทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว กับชาวบ้านในหมู่บ้านคนอื่นๆ“แต่ข้ากับเฉียนเอ๋อร์ มาเพื่ออาศัยหลบภัยชั่วคราวเท่านั้น นี่จะไม่เป็นการรบกวนพวกท่าน ให้ต้องเหนื่อยกันหรอกหรือ อีกอย่างหากไม่นับเฉียนเอ๋อร์ ที่มีเลือดของท่านแม่ทัพอยู่ครึ่งหนึ่ง ตัวข้าเองก็นับว่าเป็นคนนอก”“ฮูหยินกล่าวอะไรเช่นนั้นขอรับ ท่านเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ เช่นนั้นแล้ว ท่านก็คือคนสำคัญของพวกเราด้วยนะขอรับ”จินซีจ่าวกล่าวขึ้นมาด้วยความสัตย์จริง เพราะในเวลานี้มีเพียงฮูหยินและคุณชายน้อยเท่านั้น ที่เป็นคนในครอบครัวสกุลฉือสายหลัก ของท่านแม่ทัพ ที่เหลืออยู่เพียงแค่สองคน“เอาเถิด เมื่อทุกคนยืนยันเช่นนั้น ข้าเองจะไ

    Last Updated : 2025-02-20
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 32

    สิ่งที่จินซีจ่าวกล่าวมานั้น ทำให้ฉือหย่งหลิงชะงักไป หากนับรวมเวลาสองวัน ขี่ม้าเร็วเดินทางจากแดนเหนือ ก็เป็นเวลาห้าวันแล้ว ทหารที่อยู่ทางนั้นคงจะพักฟื้นร่างกาย จนใกล้พร้อมที่จะทำทำสงคราม กับกบฏชายแดนอีกครั้งแล้ว หั้วชินอ๋องถึงได้ส่งสารมาเรียกตัวเขากลับไป“สามวัน”“อะไรหรือขอรับ”“ส่งสารกลับไปให้ท่านอ๋อง อีกสามวันข้าจะกลับไป”เมื่อกล่าวจบแม่ทัพหนุ่มก็ใช่วิชาตัวเบา กระโดดจากระเบียงหอประจำการ ไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งทันที ทิ้งให้จินซีจ่าวยืนงงกับท่าทีของผู้เป็นนายอยู่เพียงลำพังเพราะหากเป็นเมื่อก่อน ท่านแม่ทัพก็คงจะรีบขึ้นควบม้า มุ่งหน้ากลับไปยังแดนเหนือทันที ตามนิสัยของผู้ที่ในชีวิตนี้สนใจแต่สนามรบ และการตามหาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง การลอบสังหารบิดามารดาเท่านั้นแต่ดูท่าในวันนี้ ท่านแม่ทัพคงจะมีเรื่องอื่นให้คิด เพอ่มขึ้นมาแล้วแล้วกระมัง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ขอต่อเวลา อยู่ที่นี่ไม่อีกสามวันเช่นนี้อย่างแน่นอน“หึ ข้าน้อยจะรอดู ว่าท่านจะหลอกตัวเอง ว่าไม่ได้สนใจใยดี ฮูหยินของท่านไปได้อีกนานแค่

    Last Updated : 2025-02-20
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 33

    ฉือฟางอินรีบไล่ความคิด ที่มีต่อฉือหย่งหลิงออกไป นางไม่ควรเอาความคิดตนเอง ไปเกี่ยวข้องกับคนใจร้ายคนนั้น ให้เสียบรรยากาศงานเลี้ยง ที่ชาวตั้งใจจัดให้นางกับเฉียนเอ๋อร์ หลังจากมื้ออาหารและดนตรีผ่านไป ก็ถึงเวลาที่ของการร่ำสุราชมการแสดงของเหล่านางรำ ที่หั้วชินอ๋องสั่งให้คนจัดหามาให้ เพื่อให้แน่ใจว่าคณะนางรำที่จ้างวานในคืนนี้ จะไม่สร้างความเดือนร้อน ให้กับคนหมู่บ้านหั้วห่าวได้ในภายหลัง“ฮ้าว...อือ...”“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าง่วงนอนแล้วหรือ” เจ้าตัวน้อยดิ้นเอาตัวหันเข้าหาอกอุ่น พยายามใช้มือน้อยๆ ลูบไปมาที่อกอุ่นของนาง เป็นการแสดงให้รู้ว่าเวลานี้ เขาทั้งง่วงและหิวเต็มทีแล้ว หลังจากที่นั่งดูผู้ใหญ่กินอาหารอยู่นาน“ฮูหยิน ท่านจะไปไหนหรือเจ้าคะ”“เฉียนเอ๋อร์ดูท่าจะง่วงนอนเต็มที จะเป็นไรหรือไม่หากข้าจะขอตัวกลับเรือนก่อน”“แต่การแสดงพึ่งจะเริ่มขึ้นเองนะเจ้าคะ อีกอย่างตามธรรมของหมู่บ้านแล้ว คืนนี้ท่านจะต้องร่ำสุรา เพื่อถวายแก่เทพซาฮว๋าด้วยเจ้าคะ”

    Last Updated : 2025-02-20

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 58

    “เด็กคนนี้คือเฉียนเอ๋อร์…หลานชายของท่านเจ้าค่ะ”“แอ๊!”ท่ามกลางความตกใจและไม่คาดคิดของชวี่เจียงโหลว เจ้าตัวน้อยที่จ้องหน้าท่านตาของตนเองอยู่ก่อนแล้ว ก็ส่งเสียงทักทายขึ้นมาพร้อมกับฉีกยิ้ม เห็นฟันน้อยที่มีอยู่ไม่กี่ซี่ให้กับเขา“หละ หลานชาย โอ้! เฉียนเอ๋อร์ เฉียนเอ๋อร์หลานตา มาๆ มาให้ตาดูเจ้าใกล้ๆ หน่อยเถิด”เมื่อตั้งสติและกระจ่างแจ้งแล้วว่า เด็กชายตัวน้อยที่ฉือฟางอิน บุตรสาวของตนเองอุ้มอยู่นั้น เป็นหลานชายแท้ๆ ของตน แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหลู จึงได้รีบเดินเข้าไปที่รถม้าเพื่อช่วยพยุงบุตรสาวลงมา แต่ทว่าขณะที่กำลังยื่นมือออกไป หมายจะอุ้มหลานชายของตนเองนั้น ชวี่เจียงโหลวกลับชะงักมือของเขาเอาไว้ เพราะคิดขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวของตนเองนั้น จะยินดีให้เขาอุ้มลูกของนางหรือไม่ด้านฉือฟางอินเองหลังจากที่เห็นท่าทีลังเลของบิดา นางจึงเป็นฝ่ายส่งลูกน้อย สู่อ้อมอกท่านตาของเขา โดยที่ไม่มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด ชวี่เจียงโหลวถึงได้กล้ารับเจ้าตัวน้อยมาอุ้มเอาไว้ หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รู้สึ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 57

    “เชิญท่านแม่ทัพกับฮูหยินทางนี้ขอรับ”เจียงเถาที่เร่งเดินทางมาให้ถึงเมืองลิ่ง ก่อนหน้าที่คนที่เหลือที่ขบวนจะเดินมาถึง เพื่อมาจัดการหาที่พักให้กับทุกคน เมื่อเห็นว่าเจ้านายและคนอื่นๆ เดินทางมาถึงแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้ามาเพื่อนำทางไปยังโรงเตี๊ยมชั้นดี ที่เขาจัดการจ่ายเงินที่เจ้านายมอบให้ สำหรับสถานที่พักค้างแรมในคืนนี้ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยังโรงเตี๊ยม ฉือฟางอินที่เคยได้ยินชื่อและได้มาเยือนเป็นครั้งแรก ก็อดที่จะตื่นตาตื่นใจกับการสัมผัสบรรยากาศในสถานที่ใหม่ไม่ได้ เพราะแม้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แต่บรรยากาศในเมืองลิ่งก็ยังคงคึกคัก คลาคลั่งไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำกิจวัตรอยู่ในบ้านของตนเอง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว นั่นก็เพราะทุกพื้นที่ในเมืองลิ่งนั้น ล้วนเต็มไปด้วยโรงเตี๊ยมกิจการร้านค้าและร้านอาหารน้อยใหญ่ จนไปถึงภัตตาคารเรียงรายไปทั่วทั้งเมือง“ถึงแล้วขอรับ”“อ้าว นายของเจ้ามาแล้วรึ เชิญๆ ท่านแม่ทัพฮูหยิน เชิญเข้ามาได้เลย ข้าให้เด็กเตรียมที่พักไว้ตามที่ท่านต้องการแล้ว เด็กๆ มา

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 56

    “กลับแคว้นหลูอย่างนั้นหรือฮูหยิน”ทันทีที่ได้เห็นท่าทางของฉือหย่งหลิง หลังจากที่เขาได้รู้ว่าตัวนางนั้นกำลังจะเดินกลับแคว้นหลู ฉือฟางอินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา นางไม่ได้คิดที่จะปิดบังเขาแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเวลาให้ตัวนางได้เรียบเรียงคำพูดมาอธิบายให้กับฉือหย่งหลิงอนุญาตให้นาง ได้กลับไปยังแคว้นบ้านเกิด แต่เนื่องจากช่วงนี้การงานที่รัดตัว จึงทำให้นางลืมบอกเรื่องนี้กับเขา“ใช่ ข้าจะกลับบ้าน”“แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้ ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ”“เปล่า ท่านไม่ได้ทำอะไร”“ไม่จริง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะวางแผนหนีข้าไปเช่นนี้หรือ”“ไปกันใหญ่แล้ว ข้าแค่จะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อ”“เยี่ยมบิดาของเจ้าหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ ท่านคิดไปถึงไหนกัน”เพราะนับตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่นี่ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่หญิงสาว ยังไม่ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดตามธรรมเนียม เวลานี้ที่ตัวนางกำลังขยายร้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status