Share

บทที่ 21

last update Last Updated: 2025-02-16 08:00:50

“ฮูหยิน ตอนนี้คุณชายน้อยก็หลับไปแล้ว ท่านไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถิดเจ้าค่ะ ชุดใหม่ของท่านข้าเตรียมพร้อมไว้มห้อยู่ด้านในแล้ว ส่วนตรงนี้พวกข้าจะคอยดูคุณชายให้ท่านเอง”

“เช่นนั้นข้าฝากเฉียนเอ๋อร์ ไว้กับพวกท่านด้วย”

ฉือฟางอินเอื้อมมือไปตบเบาๆ ที่หน้าอกของบุตรชายอีกสองสามที เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าก้อนหมั่นโถวหลับสนิทดีแล้ว นางถึงได้ละจากเขาเพื่อไปชำระล้างร่างกาย เรือนหลังนี้เป็นเรือนไม้ธรรมดา ที่ตั้งอยู่ด้านหลังสุดของหมู่บ้านหั้วห่าว ที่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณสิบกว่าครอบครัวเห็นจะได้ ที่นี่แม้จะเป็นเพียงเรือนพักผ่อนชั่วคราว

แต่ก็มีพื้นที่สำหรับเอาไว้ทำงาน มีเตียงเอาไว้พักผ่อนหลับนอน และห้องอาบน้ำ ที่ถูกจัดสันเอาไว้อย่างพอดี จะเว้นก็เสียแต่ไม่มีโรงครัวกับพื้นที่รอบๆ เรือนนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ เหมือนเรือนหลังอื่นของชาวบ้าน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับฉือฟางอิน เพราะเวลานับเกือบสองปีที่ผ่านมา ที่ฉือหย่งหลิงได้ให้นางอาศัยอยู่ในเรือนไม่เก่าหลังจวนสกุลฉือ นางยังสามารถอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ด้วยความรู้ความสามารถ ตามที่ท่านแม่ได้สั่งสอนมา แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉือฟางอิน จะเป็นถึงคุณหนูใหญ่ในจวนแม่ทัพใหญ่ มีคนรับใช้รายล้อมทำทุกอย่างให้ แต่ถึงอย่างนั้น ท่านแม่ก็ยังอยากที่จะสอนให้นาง ทำอะไรเป็นด้วยตนเอง เผื่อว่าในอนาคตข้างหน้า เกิดมีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น บุตรสาวคนนี้จะได้เอาตัวรอดจากวิชาที่นางสอนเอาไว้ได้

 “ที่แม่ต้องสอนให้เจ้าทำงานทุกอย่างเป็น นั่นก็เพราะว่าพวกเรา ไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ หากวันหนึ่งแม่ไม่อยู่ หรือหากเจ้าไม่ได้มีชีวิตทีดีอย่างตอนนี้ อย่างน้อยๆ วิชาพวกนี้จะทำให้เจ้าสามารถเอาตัวรอดได้”

“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว”

ในตอนนั้นที่นางตอบรับคำสอนของมารดาไป ก็เพราะเข้าใจความหวังดีที่มารดามีให้ แต่ไม่ได้คิดว่าตนเองจะต้อง ลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเองทั้งหมด เพราะชีวิตการแต่งงานของนางนั้น ไม่ได้เป็นไปอย่างที่เคยคาดฝันไว้เมื่อตอนยังเด็ก ที่เหล่าสตรีในวงสังคมฮูหยินและคุณหนู ล้วนแล้วใช้สมองในการทำงาน จะมีเพียงแค่การทำอาหาร และงานเย็บปักเท่านั้นที่ต้องใช้แรงร่วมด้วย

แต่สำหรับฉือฟางอิน ที่ถูกผู้เป็นสามีอย่างฉือหย่งหลิงปล่อยให้ทำทุกอย่างด้วยคนเอง อยู่ที่เรือนไม้เก่าท้ายจวน ไม่เว้นแม้กระทั่งการผ่าฟืนสำหรับจุดเตาทำอาหารด้วยตัวเอง มาวันนี้กับแค่เรือนไม้ธรรมดาอีกหลังหนึ่งกลางป่า ก็คงจะไม่เกินความสามารถของนางเท่าไหร่นัก

“ฮูหยินเชิญทางนี้เจ้าค่ะ เมื่อครู่นี้ ซีจ่าวนำอาหารให้พวกข้านำขึ้นโต๊ะให้ท่านแล้ว เชิญฮูหยินกินอะไรสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”

“แล้วพวกท่านไม่กินด้วยกันหรือ”

“เอ่อ  พวกข้ายังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ เชิญฮูหยินตามสบายเลยเจ้าค่ะ ข้ากับจือลั่วจะนำชุดของท่านกับคุณชายน้อยไปซักให้ ส่วนลู่ซือ จะคอยเฝ้าคุณชายน้อย ตอนที่ท่านกินข้าวให้เจ้าค่ะ”

“ไม่ต้องๆ เรื่องพวกนั้นข้าจัดการเองได้”

“ต แต่ว่า พ พวกข้า”

“ไม่มีแต่ ข้าบอกว่าข้าจะทำเอง ก็คือข้าจะทำเอง อาหารตั้งมากมาย ข้ากินคนเดียวไม่หมดหรอก มาเร็วเข้า”

เมื่อพูดจบ ฉือฟางอินก็เดินไปช้อนตัวเฉียนเอ๋อร์ ที่กำลังหลับกลางวันอยู่บนที่นอนเล็กบนเตียงนอนขึ้นมาอย่างเบามือ ตอนดวงจิตเข้าไปอยู่ในร่างของซีจู ฉือฟางอินได้ฝึกอุ้มลูกของนางอยู่หลายครั้งจนชินมือ ทำให้ตอนนี้การอุ้มเฉียนเอ๋อร์ จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับนางมากเหลือเกิน แม้แต่ตอนนี้ที่อุ้มเฉียนเอ๋อร์ขึ้นมาตอนที่เขาหลับ เจ้าหมั่นโถวก็ยังไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย และเมื่อเขารู้สึกได้ถึงความอุ่นจากกายมารดา เด็กน้อยก็พลิกตัวเข้าหาอกอุ่นทันที

 “ซีจ่าว แล้วเจ้าล่ะกินอะไรมาหรือยัง”

“พอดีข้าต้องรีบนำอาหารมาให้ท่านก่อน เลยยังไม่ได้กินอะไรเลยขอรับ”

“อ้าว ไม่ใช่ว่าซือจูวานให้เจ้า นำอาหารมาที่นี่หรอกหรือ”

“เปล่าขอรับท่านแม่ ตอนที่ข้ากลับจากแวะไปที่เรือนของแม่เฒ่าลี่ ข้าก็ไม่เห็นนางแล้วขอรับ”

“แย่จริงเจ้าเด็กคนนี้ กลับไปข้าจะต้องต่อว่านางสักหน่อย”

“ซือจู คือใครหรือท่านป้า”

“บุตรสาวคนเล็กของข้าเองเจ้าค่ะ นางชื่อจินซือจูเจ้าค่ะ เด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังข้า ตอนที่ท่านมาถึงหมู่บ้านอย่างไรเจ้าคะ ไม่รู้ว่าท่านสังเกตเห็นนางหรือไม่”

นางก็คือก็หญิงสาวที่ทำหน้าตาบูดบึ้งคนนั้นเองสินะ สังเกตสิ นางสังเกตนางดีเชียวล่ะ แล้วการที่ไม่ยอมยกอาหารมาที่นี่ด้วยตนเอง จะเป็นเพราะ ไม่อยากเจอหน้านางด้วยหรือเปล่านะ ฉือฟางอินคิดในใจ

“อืม ข้าว่าข้าน่าจะเห็นอยู่นะ”

“นั่นแหละเจ้า ความจริงนางไม่ใช่เด็กนิสัยไม่ดีนะเจ้าคะ วันนี้ที่นางเหลวไหลเช่นนี้ ก็น่าจะเพราะ…”

“ท่านแม่ขอรับ”

จินซีจ่าวก็เอ่ยห้ามมารดาของตนขึ้นมา ก่อนที่จินซีหลันจะได้กล่าวสิ่งใดต่อ ด้านจินซีหลันที่หันไปเห็นว่าบุตรชาย มองมาด้วยสายตาปรามนางเอาไว้ พร้อมกับสายหน้าเบาๆ นางก็ถึงกับตกใจเอามือปิดปากของตัวเองเอาไว้ เพราะรู้ตัวแล้วว่าเมื่อครู่ นางเกือบจะเผลอพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป

“ท่านป้า ซีจ่าว มีอะไรอย่างนั้นหรือ เมื่อครู่ท่านว่าบุตรสาวของท่านเป็นอย่างนั้นหรือ”

“อ เอ่อ ป เปล่าเจ้าค่ะ นางไม่ได้เป็น นางแค่…นางแค่”

“ห่วงแต่เล่นกับสหายนะขอรับ เลยทำให้ลืมหน้าที่ของตัวเองไป”

“ใช่ๆ ใช่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินอย่าได้ถือโทษโกรธนางเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะกลับไปอบรมนางให้ดี ไม่ให้นางเหลวไหลเช่นนี้อีกเจ้าค่ะ”

ฉือฟางอินสัมผัสได้ว่าสองแม่ลูกคู่นี้ กำลังร่วมมือกันโกหกนางอยู่ การที่จินซือจูไม่ได้นำอาหารมาที่นี่ด้วยตนเอง คงจะต้องมีเหตุผลอื่น ที่ไม่ใช่เพราะห่วงแต่เล่นกับสหายเป็นแน่ แต่เอาเถอะ การที่สองคนนี่ไม่ต้องการจะกล่าวความจริงกับนาง ก็คงเพราะมีเหตุผลบางอย่างเช่นเดียวกัน ตัวนางเองยังอยู่ที่นี่อีกนาน และดูจากสถานการณ์วันนี้แล้ว อีกไม่นานนางก็คงจะได้ทราบเองว่า จินซือจูคนนั้นมีความคิดเห็นอย่างไรกับนางกันแน่

“อย่างนั้นเองหรือ เช่นนั้นท่านป้าก็ทำแค่เพียงตักเตือนนางก็น่าจะพอแล้ว ข้าเองก็ไม่ได้ขัดเคืองสิ่งใด มาๆ พวกเรามากินข้าวกันเถิด เดี๋ยวอาหารจะชืดเสียหมด”

ระหว่างที่คนทั้งหมดร่วมโต๊ะอาหารกันอยู่นั้น ฉือฟางอินก็ลอบมองสำรวจเรือนไม้หลังนี้อย่างใช้ความคิด เรือนนี้มีข้าวของอยู่น้อยมาก เมื่อเทียบกับเรือนของนางที่จวนสกุลฉือ ห้องทั้งสามห้องที่มีอยู่ในเรือน ล้วนแล้วแต่ถูกสร้างขึ้นให้ผู้ที่มาอาศัย อาศัยอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้นสำหรับนางที่ยังต้องอยู่ที่นี่อีกนานนับเดือน ถือว่าที่นี่ยังขาดหลายสิ่งหลายอย่างไปมากทีเดียว 

“ซีจ่าว ห้องที่เรากินข้าวกันอยู่นี้ คือห้องอะไรหรือ”

“ห้องทำงานของท่านแม่ทัพขอรับ”

“เช่นนั้นโต๊ะที่วางอาหารตัวนี้”

“เป็นโต๊ะทำงานของท่านแม่ทัพของรับ”

“เช่นนั้นหลังกินข้าวเสร็จ เจ้าพอจะมีเวลาว่างคุยกับข้าสักเดี๋ยวหรือไม่”

“ได้ขอรับ ฮูหยินมีสิ่งใดจะคุยกับข้าหรือขอรับ”

“ไม่รู้ว่าพอจะเป็นไปได้หรือไม่ แต่ข้าอยากจะปรับปรุงเรือนนี้สักหน่อยน่ะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 22

    “ปรับปรุงเรือนนี้หรือขอรับ”“ใช่แล้ว ข้าอยากจัดสรรพื้นที่ในเรือนหลังนี้ ให้ใช้สอยได้สะดวกขึ้นสักหน่อย อย่างการต้องใช้โต๊ะทำงานของท่านแม่ทัพ มาเป็นโต๊ะกินข้าวเช่นนี้ ข้าว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสมเท่าไหร่”“จริงด้วยขอรับ ข้าเองก็ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป เช่นนั้น หากท่านต้องปรับปรุงเรือนนี้ตรงส่วนไหน หรือต้องการสิ่งใดเพิ่มเติม ฮูหยินก็บอกข้ามาได้เลยนะขอรับ เดี๋ยวข้าจะเป็นธุระให้ท่านเอง”“เช่นนั้นเจ้าก็ไปรายงานเขาก่อนเถิด หากข้าทำอะไรโดยไม่บอกกล่าวเขาก่อน คนผู้นั้นจะไม่พอใจเอาได้”“รายงาน รายงานผู้ใดหรือขอรับ”“ก็ท่านแม่ทัพอย่างไรเล่า”“ถ้าเช่นนั้นท่านคงจะต้องรอ ไปอีกหลายวันเลยนะขอรับ กว่าท่านจะได้เริ่มปรับปรุงเรือนใหม่”“ทำไมถึงต้องรอหลาย ก็ในเขาเมื่ออยู่--”‘ตายจริง นี่ข้าพูดอะไรออกไปเนี่ย!’เพราะเรื่องที่นางต้องการปรับปรุงเรือน ฉือฟางอินจึงได้ลืมไปชั่วขณะ ว่านางต้องทำเป็นไม่รู้ว่าฉือหย่งหลิงอยู่ที

    Last Updated : 2025-02-16
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 23

    เดิมทีแล้วชาวบ้านในหมู่บ้านหั้วห่าว ไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ต้น พวกเขาเป็นลูกหลานของอดีตเสนาบดี และเหล่าขุนนางที่สนับสนุนให้หั้วชินอ๋องชิงตำแหน่งรัชทายาท จากพระอนุชาที่เกิดจากครรภ์ฮองเฮา เพราะความแค้นที่หั้วชินอ๋อง ได้มารู้ความจริงภายหลังว่าฮองเฮา เป็นผู้วางแผนใส่ร้ายจี้หรงเฟยมารดาของเขา ว่าลักลอบแอบมีสัมพันธ์กับทหารองครักษ์ ทำให้ฮ่องเต้สั่งประหารมารดาของเขาแต่ทว่าบทสรุปเหตุการณ์ในครั้งนั้น ลงเอยด้วยการที่หั้วชินอ๋องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไป แต่ด้วยคุณงามความดีที่หั้วชินอ๋อง เคยได้ทุ่มเทมทั้งความคิดและแรงกาย ในกับการแก้ปัญหาบ้านเมือง และยังเป็นกำลังสำคัญในสงครามยุติ ความขัดแย้งต่างๆ มากมาย ที่เกิดขึ้นระหว่างแคว้นฟู่กับแคว้นอื่น ฮ่องเต้จึงเล็งเห็นว่าบุตรชายคนนี้ ยังมีประโยชน์ต่อบ้านเมืองอยู่มาก โทษหนักที่หั้วชินอ๋องได้รับจึงไม่ใช้โทษประหาร แต่เป็นการถูกสั่งให้มาพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ทุรกันดาร ทางเขตตะวันออกของแคว้นฟู่ โดยมีบิดาของฉือหย่งหลิง ที่ภายหลังถูกเลื่อนให้เป็นแม่ทัพใหญ่คู่กายติดตามมาด้วยแน่นอนว่าการถูกสั่งให้มาอยู่ที่นี่ ไม่ได้เป็นปัญหากับหั้วชินอ๋องที่มีความทั้ง

    Last Updated : 2025-02-16
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 24

    ทั้งจินซีหลันและจินซีจ่าว ที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังการกระทำทั้งหมด ของบุตรสาวและน้องสาวของตนเองเป็นอย่างดี ต่างรู้ดีว่าเรื่องนี้คงไม่มีทางจบลงง่ายๆ เพราะดูจากการกระทำของซือจูในวันนี้ ก็ทำให้พวกขเขาได้รู้แล้วว่า ที่นางเขียนจากอารมสงบใจ บอกกับบิดาว่านางได้สำนึกผิดและหักห้ามใจ ที่มีต่อท่านแม่ทัพฉือหย่งหลิงได้แล้วนั้น แท้ที่จริงแล้วนางโกหกหลังจากวันนี้ไปเขาที่เป็นพี่ชาย จะต้องพูดคุยกับมารดาอย่างจริงจัง เพราะพวกเขาจะปล่อยให้จินซือจู ทำอะไรสิ่งใดโดยที่ไม่ให้เกียรติฮูหยินของท่านแม่ทัพ ไม่เช่นนั้นจะเสียหน้าไปถึงบิดา ที่เป็นถึงผู้นำหมู่บ้านเอาได้ มื้อค่ำในวันนั้นจึงเป็นจินซีจ่าว ที่คอยพูดสร้างบรรยากาศดีๆ ด้วยการชวนฉือฟางอินพูดคุยรวมไปถึงการบอกเล่ารายระเอียด ในแต่ละพื้นที่ของหมู่บ้านหั้วห่าว ให้ฉือฟางอินได้ทราบ โดยมีจินซีหลันผู้เป็นมารดาคอยช่วยพูดส่งเสริมอีกแรง ฉือฟางอินเองก็รับรู้ได้ถึง ความพยายามของคนทั้งสอง นางจึงพุ่งความสนใจไปที่จินซีจ่าวกับมารดา และทำเป็นไม่ใส่ใจการกระทำของเด็กสาวที่นั่งหน้าบูดอยู่ตรงหน้าไป“ฮูหยิน ท่านต้องการให้มีคนคอยเฝ้าท่าน กั

    Last Updated : 2025-02-16
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 25

    เช้าวันใหม่ฉือฟางอินตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตอนฟ้ายังไม่สราง เพราะเสียงร้องของเฉียนเอ๋อร์ เวลานี้คงจะเป็นเวลาตื่นของเขา พอเห็นว่ามารดายังคงนอนหลับอยู่ เจ้าก้อนหมั่นโถวถึงได้แผดเสียงปลุกให้นางตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่ามารดาตื่นแล้ว เจ้าตัวน้อยก็ชูมือและแขนเล็กป้อมของตนเอง ขึ้นมากลางอากาศอย่างสื่อความหมายฉือฟางอินที่รู้งานอยู่แล้ว จึงได้ก้มลงหอมแก้มกลมของเขาหนึ่งฟอดใหญ่ ก่อนที่จะลุกขึ้นอุ้มเจ้าก้อนหมันโถวขึ้นมาไว้แนบอก เจ้าตัวน้อยได้ทีก็รีบหันหน้าเข้าหาอกอุ่น พร้อมกับเอาปากถูไถไปกับอกของมารดาทันที“ที่แท้ เจ้าก็หิวนี่เอง” ฉือฟางจึงรีบจัดการปลดชุดของนางออก เพื่อให้บุตรชายได้กินนม เจ้าก้อนหมั่วโถวเองก็ไม่รอช้า รีบผวาเข้าเต้าของมารดาทันที“เด็กดีในเย็นๆ ไม่ต้องรีบ แม่ไม่หนีเจ้าไปไหนหรอก”ฉือฟางอินนั่งให้เฉียนเอ๋อร์ดูดนมจากอกนางจนอิ่ม จากนั้นก็อุ้มเขามาวางบนตัก ใช้มือข้างหนึ่งประคองหน้าอกของเขาเอาไว้แล้วเอนตัวเขาไปด้านหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้มือข้างที่เหลือตบที่หลังของเฉียนเอ๋อร์เบาๆ เพื่อไล่ลมให้ได้เรอออกมา&l

    Last Updated : 2025-02-16
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 26

    สองวันผ่านไป…วันนี้ฉือฟางอินตื่นขึ้นมาก่อนบุตรชาย ที่ยังนอนหลับตาพริ้มซุกอกอุ่นของนางอยู่ เหตุของการตื่นเช้าในวันนี้ ก็เพราะว่าวันนี้นางจะได้ลงมือเข้าครัว ที่คนงานทำเสร็จไปเมื่อวานนี้ ตามกำหนดเวลาสองวันอย่างที่พวกเขาได้บอกเอาไว้ นางค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน ไม่ให้รบกวนเจ้าก้อนหมั่นโถวที่ยังคงหลับใหล คงอีกสักพักใหญ่กว่าที่เขาจะตื่น ตอนนี้นางจะต้องไปล้างหน้าล้างตา แล้วรีบไปเตรียมหุงข้าวเอาไว้ก่อนหลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว ฉือฟางอินก็เดินตรงมายังห้องครัว เปิดดูถุงข้าวสารถุงเล็ก หนึ่งในเสบียงของแห้งที่จินซือโจว นำมามอบให้กับนางเมื่อค่ำวานนี้ ส่วนที่เหลือเป็นเครื่องปรุง ผักอีกสองสามอย่าง ไก่หนึ่งตัวและเนื้อหมูน้ำค้างอีกหนึ่งชั่ง ตอนที่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับจินซือโจว ทำให้นางได้ทราบความเป็นมาของหมู่บ้านหั้วห่าว และได้ทราบรายละเอียดวิถีชีวิต ของชาวบ้านในหมู่บ้านมากขึ้น จากคำบอกเล่าของเขา วิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนชาวบ้านที่นี่ ส่วนใหญ่แล้วมักจะทำการเกษตรเอาไว้กินกันเอง ส่วนที่เหลือก็จะเอาแลกเปลี่ยนกัน เนื้อสัตว์ที่นำมาทำอาหาร จะสลับกันเป็นช่วงๆ ระหว่างสัตว์ที่ชาวบ้านเลี้ยงเองกั

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 27

    “ฮูหยิน ท่านจะไปไหนหรือขอรับ”“ข้าจะพาเฉียนเอ๋อร์ไปทำความรู้จักกับชาวบ้านคนอื่นๆ นะ อ่อ แล้วก็อยากจะไปดูอาการของเจ้าลูกหมาตัวนั้นสักหน่อย ว่าขาของมันดีขึ้นบ้างหรือไม่ แล้วนี่พวกเจ้า…กำลังทำอะไรกันอยู่หรือ”“กำลังประชุมเรื่องผลัดเวรยาม ในหมู่บ้านตอนกลางคืนกันอยู่ขอรับ”“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว แต่เจ้าช่วยบอกทางไปพบคนในหมู่บ้าน กับโรงหมอให้ข้าได้หรือไม่”“เดี๋ยวข้าน้อยเดินไปส่งก็ได้ขอรับ เมื่อเช้าคนของท่านอ๋องขนผ้าใช้ทำเครื่องนุ่งห่ม มามอบให้ชาวบ้านพอดี ท่านแม่และท่านน้าคนอื่นๆ คงจะอยู่กันที่ศาลากลางหมู่บ้านขอรับ”“เอาสิ”แม้จะรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่กำลังจ้องมองมา แต่เวลานี้ความตื่นเต้นที่จะได้พบปะกับชาวบ้าน ก็ได้ดึงความสนใจของฉือฟางอิน ที่มีต่อฉือหย่งหลิงไปจนหมด เมื่อจินซีจ่าวพยักหน้าให้พร้อมกับก้าวขาเดินนำไป นางก็รีบก้าวตามชายหนุ่มไปทันที“ท่านแม่ขอรับ”“ว่าอย่างไรซีจ่าว โอ๊ะ! ฮูหยิน”เมื่อหันมาตามเสียงเรียกของบุตรชาย แล้วพบว่าที่ด้านหลังของบุตรชาย มีฉือฟางอินยืนอยู่ จินซีหลันจึงได้ส่งเสียงเรียกนางออกมาหญิงชาวบ้านคนอื่นที่เห็นดังนั้น ต่างก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วรีบก้มหัวให้หญิง

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 28

    “ปักลายผ้าหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว ข้าเห็นฝีมือการตัดเย็บของพวกท่านแล้ว ขอเดาว่าพวกท่านก็น่าจะปักลายผ้าเป็น กันด้วยใช่หรือไม่”“เจ้าค่ะ พวกเราล้วนปักลายผ้ากันเป็นทุกคน แต่ว่าลวดลายที่พวกเราปักได้ มิได้ประณีตและงดงาม เหมือนอย่างลายผ้าบนชุดของท่านหรอกเจ้าค่ะ”“เหตุใดท่านจึงพูดเช่นนั้น ข้าเคยเห็นสตรีที่ด้านนอกนั่นหลายคน ก็สวมใส่ชุดที่มีลายปักผ้า เหมือนอย่างข้ามิใช่หรือ”“มิผิดเจ้าค่ะ เพียงแต่ลวดลายผ้าที่สตรีเหล่านั้นสวมใส่ ล้วนแล้วแต่เป็นผ้าที่นำเข้ามาจากแคว้นข้างเคียง และแคว้นอื่นที่อยู่ห่างออกไปเจ้าค่ะ”“จริงหรือ”“จริงเจ้าค่ะ เพราะเดิมทีที่แดนตะวันออก แห่งแคว้นฟู่ของพวกเรา…”มีเขตที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตติดต่อ ระหว่างแคว้นหลายแคว้น ที่กำลังอยู่ในช่วง รวบรวมแคว้นของตนเองอยู่ จึงทำให้ในหลายครั้งที่แคว้นฟู่ ต้องรับมือลูกหลงจากสงครามระหว่างแคว้นเหล่านั้น พร้อมยังต้องรับมือกับแคว้น ที่ต้องการจะยึดเอาเขตแดนในแคว้นฟู่ ที่อยู่ติดกับเขตแคว้นตนเองไปครอบครอง ทำให้ในหลายสิบปีที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านที่แดนตะวันออกส่วนใหญ่ จึงไม่ได้มีเวลาสนใจเรื่องอื่น นอกเหนือจากการสู้รบและป้องกันภัยจากศัตรู หญิงสาวในแคว้น

    Last Updated : 2025-02-19
  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 29

    “เมื่อเสร็จจากตรงนี้ พวกท่านก็ร้อยด้ายมาซ่อนปมด้ายไว้ตรงนี้ ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว”“ฮูหยิน วิธีนี้ของท่านช่างรวดเร็วและงดงามมากเหลือเกินเจ้าค่ะ”“ข้าบอกแล้วว่าวิธีลัดนี้จะทำให้ปักลายผ้าได้ง่ายและเร็วขึ้น”วิธีปักด้ายลงบนผ้าที่ฉือฟางอิน กำลังสอนเหล่าหญิงชาวบ้านตรงหน้านางนั้น เป็นวิธีลัดที่นางคิดขึ้นมาเอง เพราะการที่ต้องจดจ่ออยู่กับสิ่งใดเป็นเวลานาน บางครั้งก็ทำให้นางรู้สึกขี้เกียจ และอยากที่จะออกไปเล่นซนกับสหายเร็วๆ นางจึงคิดวิธีดึงเอาวิธีการปักผ้าของท่านแม่กับท่านย่า ที่ถึงแม้จะมีวิชาการการปักผ้าศาสตร์เดียวกัน แต่ทั้งสองคนกลับมีวิธีการ ที่ตนเองใช้ปักผ้าต่างกันฉือฟางอินจึงนำวิธีการของทั้งสอง มาผสมผสานเข้าด้วยกัน จนได้วิธีลัด ในการปักผ้าแต่ละลายใหเร็วขึ้น อย่างที่นางสอนให้แก่เหล่าหญิงชาวบ้านไปเมื่อครู่นี้ “ฮูหยิน ท่านช่างมีฝีมือยอดเยี่ยมมากจริงๆ เจ้าค่ะ”“พวกท่านอย่าได้ยกยอข้านักเลย คนที่ต้องชื่นชมยกความดีความชอบให้ คือท่านย่ากับท่านแม่ของข้ามากกว่า หากไม่ได้พวกนางคอยเคี่ยวเข็ญข้าอย่างหนัก ข้าก็คงทำสิ่งนี้ออกมาได้ไม่ดี”“โถ่ ฮูหยิน มิเกินไปหรอกเจ้าค่ะ ท่านน่ะเก่งมากเลยนะเจ้าคะ อย่าได

    Last Updated : 2025-02-19

Latest chapter

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทส่งท้าย

    “นี่พวกเราไม่ได้จะกลับบ้านกันหรอกหรือเจ้าคะ”ฉือฟางอินเอ่ยถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าที่ที่ฉือหย่งหลิงพาตัวนางกับเฉียนเอ๋อร์มานั้น คือท่าเรือแคว้นหลูแทนที่มุ่งหน้า เดินกลับจวนสกุลฉือตามกำหนดการ ฉือหย่งหลิงไม่ได้อธิบายในทันที แต่กลับเดินนำหน้านางไปที่เรือลำหนึ่ง ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าสีแดงสวยงาม ราวกับมีงานมงคลอยู่บนเรือลำนั้น แล้วหันมายื่นมือรอให้นางเดินเข้าไป เพื่อที่ได้พยุงนางกับลูกขึ้นเรือ“นี่อย่างไร จะพากำลังจะพาเจ้ากลับบ้าน”ความแปลกใจของฉือฟางอินยิ่งทวีขึ้น เมื่อเดินเข้ามาด้านในเรือแล้วพบว่า ด้านในของเรือลำนี้ได้ถูกจำลอง ให้เหมือนกับงานพิธีสมรสอย่างไรอย่างนั้น“นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำในนี้ถึงได้...”“ฮูหยิน เมื่อสามปีก่อนที่เราแต่งงานกัน เป็นข้าที่ปฏิบัติกับเจ้าไม่ดี ไม่ให้เกียรติ์เจ้าในฐานะภรรยา แม้แต่เกี้ยวเจ้าสาวดีดี ก็ไม่ได้หาให้เจ้า ในวันนี้ที่ข้าสำนึกผิดแล้ว จึงอยากจะขอแก้ตัวกับเจ้าใหม่ ฮูหยิน ได้โปรดแต่งงานกับข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ครั้งนี้ข้าสัญญาด้วยชีวิต ว่าเจ้าจะไม่เสียใจที่ได้แต่งงานกับคนอย่างข้าอีก เหมือนเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 63

    “ด้วยนิสัยเดิมของบุตรชายข้าคนนี้ ที่นอกจะไม่เอาไหนแล้ว เขามักจะชอบลักเล็กขโมยน้อย สิ่งของคนที่เขาเคยได้สนทนาด้วยเสมอพะย่ะค่ะ”พรึ่บชวี่ซุนเหลียนขาอ่อนล้มพับลงไปนั่งกับทันที เมื่อนางเห็นพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ประจำตัวของนางอยู่ในมือของฮ่องเต้ พู่ตราสัญลักษณ์นี้ เป็นสิ่งที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความผูกพันกับของสิ่งนี้ ทำให้แม้จะเข้ามาเป็นอนุภรรยาในสกุลชวี่แล้ว นางก็ยังคงห้อยพู่ตราสัญลักษณ์สกุลรุ่ย ไว้กับตัวอยู่ตลอดเวลา ชวี่ซุนเหลียนไม่รู้ว่าตัวเองทำมันหล่นหายไปตอนไหนจนเข้าใจไปว่านางอาจจะทำพู่นั่น ตอนที่ไปอารามหวั่งสุ่ยกับจินหู่อดีตสาวใช้ ที่ถูกนางผลักตกเขาไปเมื่อสามปีก่อน เพราะจินหู่เป็นคนเดียวที่อยู่กับนาง ทั้งตอนวางแผนและตอนที่นางไปพบกับหลี่หมิงด้วยตัวเอง ชวี่ซุนเหลียนจึงจำต้องกำจัดนาง ตามคำสั่งของกู้ชินอ๋อง เพราะไม่อยากเกิดปัญหาตามมาในอนาคต หลังจากผ่านคืนนั้นไปไม่นาน ขณะที่ชวี่เจียงโหลวนำทัพไปทำสงคราม ชวี่ซุนเหลียนจึงออกอุบายกับจินหู่ ว่าตัวนางนั้นอยากจะไปสงบจิตใจ จากเรื่องที่พึ่งผ่านพ้นไป ด้วยการไปไหว้พระที่อารามหวั่งสุ่ยและต้องการไ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 62

    เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วทุกสารทิศ ว่าเหตุใดชวี่เจียงโหลวถึงได้มาขออย่าขาดกับชวี่ซุนเหลียน ต่อหน้าธารกำนัลในวันสำคัญเช่นนี้ แม้แต่กู้ชินอ๋องเองก็ต้องถึงกับลุกขึ้นจากที่นั่ง เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการกระทำเช่นนี้ ของชวี่เจียงโหลวมาก่อน“ท่านพี่ นี่มันอะไรกันเจ้าคะ”“นั่นสิแม่ทัพชวี่ วันดีๆ แบบนี้ เหตุใดเจ้าถึงขออย่ากับนางต่อหน้าข้าและคนอื่นๆ”“นั่นก็เพราะว่าข้า มิอาจอยู่ร่วมชายคา กับสตรีชั่วช้าคนนี้ได้อีกต่อไปแล้วพะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน”“พระองค์คงจะไม่รู้ว่าเมื่อสามปีที่แล้ว มีสิ่งใดเกิดขึ้นในจวนของกระหม่อมบ้าง”ทันทีที่ได้ยินชวี่เจียงโหลวกล่าวเช่นนั้น กู้ชินอ๋องและชวี่ซุนเหลียนต่างก็ตาเบิกกว้าง พร้อมกับหันหน้ามาสบตากัน เรื่องเมื่อสามปีที่แล้วจะเป็นเรื่องใดได้อีก หากไม่ใช่เรื่องที่ชวี่ซุนเหลียนวางแผน แย่งคู่หมั้นของฉือฟางอินมาให้บุตรสาว และหมายจะให้คนงานหอนางโลม เข้ามาทำมิดีร้ายกับฉือฟางอินถึงในเรือนของนาง“กระหม่อมสู้อดทน สืบหาเบาะแสผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอด จนได

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 61

    “แล้วเขาให้ความร่วมมือหรือไม่ขอรับ”“ย่อมต้องเป็นอย่างนั้น”หลังจากที่รู้ให้คนพาตัวหลี่เฉินมาที่ค่ายทหาร ชวี่เจียงโหลวแสดงตนต่อหน้าเขา พร้อมทั้งบอกให้เขาได้รู้ว่า คุณหนูที่สตรีชนชั้นสูงนิรนามคนนั้น จ้างวานให้เขามาทำมิดีมิร้ายคือบุตรสาวของตน เท่านั้นก็ทำให้ลี่เฉินตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะความโง่เขลา“ท่านแม่ทัพชวี่ เรื่องนี้ ข ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ ป เป็น เป็นบุตรชายของข้า ที่แอบรับงานนั้นด้วยตัวเอง ข้าไม่เกี่ยวนะขอรับ”“คนตายไปแล้วจะพูดอะไรได้ หากเจ้าบอกว่าเจ้าไม่เกี่ยวกับข้องเรื่องนี้ แต่ทันทีที่พบของพวกนี้ เจ้ากลับจะนำไปทำลาย นี่หรือที่เจ้าบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง”“ม ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับท่านแม่ทัพ ที่ข้าคิดจะเอาของพวกนี้ไปทิ้ง ก็เพราะว่าข้ากลัวข้า กับคนในครอบครัวที่เหลือที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องโดนหางเลขไปด้วยขอรับ”“งั้นก็แสดงว่าเจ้ารู้แล้วอย่านั้นหรือ ว่าของสองอย่างนี้เป็นของใคร”“ยังไม่ทราบแน่ชัดขอรับ แต่คนผู้นั้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับสกุล

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 60

    “อื้อ แอ้! คิกๆ”“ฮ่าๆ เฉียนเอ๋อร์ ขาเจ้าเล็กแค่นี้ แต่พละกำลังมากเหลือเกิน แม่เจ้าคงเลี้ยงเจ้ามาอย่างดีเลยสินะ”ชวี่เจียงโหลวกล่าวอย่างอารมณ์ดี ขณะที่กำลังให้หลานชาย ใช้ขาอวบทั้งสองข้าง ยันหน้าขากระโดดเด้งขึ้นเด้งลง ส่งเสียหัวเราะคิกคักด้วยความสนุกสนาน โดยมีฉือฟางอินและฉือหย่งหลิง นั่งอยู่ใกล้ๆ คอยมองสองตาหลาน เล่นด้วยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากทานมื้อค่ำด้วยกันแล้ว ชวี่เจียงโหลวได้ชักชวนบุตรสาวและบุตรเขย มานั่งพูดคุยถามสารทุกข์ตลอดหลายปีที่ไม่ได้พบหน้ากัน ซึ่งแน่นอนว่าการพูดคุยในครั้งนี้นั้น ไม่มีอนุเหลียนตามมาด้วย“เฉียนเอ๋อร์ เจ้าเล่นเบาๆ หน่อยเถิด เดี๋ยวท่านตาของเจ้าจะเจ็บเอาได้”“ไม่เป็นไรๆ ปล่อยให้เขาได้เล่นตามใจเถิด แรงเพียงเท่านี้ จะทำข้ากับได้อย่างไร เฉียนเอ๋อร์เจ้าเหนื่อยหรือยัง ให้ตาจับเจ้าโยนเล่นบนอากาศดีหรือไม่”“อื้อ แอ๊!”แม้จะพบหน้ากันเป็นวันแรก แต่สองตาหลานก็ดูจะเข้ากันดีจนคนเป็นแม่อย่างฉือฟางอินอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา เฉียนเอ๋อร์ไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 59

    “เชิญพวกเจ้าพักผ่อนกันให้หายเหนื่อยเถิด ขาดเหลืออะไรก็บอกคนรับใช้ เดี๋ยวสักครู่ข้าจะต้องเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้คงไม่ได้อยู่ถามสารทุกข์สุขดิบของพวกเจ้า เอาไว้พบกันตอนค่ำก็แล้วกัน”“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไปเตรียมตัวเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงทางนี้”หลังจากที่พาบุตรสาวและบุตรเขย มาส่งยังเรือนเก่าของฉือฟางอิน ที่ชวี่เจียงโหลวยังคงให้คนรับใช้เข้ามาทำความสะอาดทุกวัน เหมือนเมื่อครั้งที่บุตรสาวอาศัยอยู่ที่นี่ เจ้าตัวก็ต้องรีบเดินทางไปยังวังหลวงเพื่อส่งรายงาน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการทำศึกรวบรวมดินแดน ที่ชวี่เจียงโหลวเป็นผู้นำทัพ และสามารถคว้าชัยชนะมาได้เมื่อหลายเดือนก่อนด้านฉือฟางอินที่พึ่งจะตกปากรับคำที่บิดาไป แต่นางกลับมีความคิดจะออกไปข้างนอก แทนที่จะพักผ่อนตามที่บิดาบอก เหตุเห็นว่าไหนๆ ตนเองก็เดินทางมาถึงจวนสกุลชวี่ เร็วกว่าเวลาที่คำนวณเอาไว้มาก ประกอบกับที่นางไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้า จากการเดินทางที่ผ่านมาเลยสักนิด นางจึงอยากจะเดินทางไปเยี่ยมชมกิจการเลี้ยงหม่อน ที่เคยวางแผนว่าจะไปที่นั่นใน หลังจากผ่านไปแล้วสองถึงสามวัน หลังจากที่ถึงจวนสกุลชวี

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 58

    “เด็กคนนี้คือเฉียนเอ๋อร์…หลานชายของท่านเจ้าค่ะ”“แอ๊!”ท่ามกลางความตกใจและไม่คาดคิดของชวี่เจียงโหลว เจ้าตัวน้อยที่จ้องหน้าท่านตาของตนเองอยู่ก่อนแล้ว ก็ส่งเสียงทักทายขึ้นมาพร้อมกับฉีกยิ้ม เห็นฟันน้อยที่มีอยู่ไม่กี่ซี่ให้กับเขา“หละ หลานชาย โอ้! เฉียนเอ๋อร์ เฉียนเอ๋อร์หลานตา มาๆ มาให้ตาดูเจ้าใกล้ๆ หน่อยเถิด”เมื่อตั้งสติและกระจ่างแจ้งแล้วว่า เด็กชายตัวน้อยที่ฉือฟางอิน บุตรสาวของตนเองอุ้มอยู่นั้น เป็นหลานชายแท้ๆ ของตน แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหลู จึงได้รีบเดินเข้าไปที่รถม้าเพื่อช่วยพยุงบุตรสาวลงมา แต่ทว่าขณะที่กำลังยื่นมือออกไป หมายจะอุ้มหลานชายของตนเองนั้น ชวี่เจียงโหลวกลับชะงักมือของเขาเอาไว้ เพราะคิดขึ้นมาได้ว่าบุตรสาวของตนเองนั้น จะยินดีให้เขาอุ้มลูกของนางหรือไม่ด้านฉือฟางอินเองหลังจากที่เห็นท่าทีลังเลของบิดา นางจึงเป็นฝ่ายส่งลูกน้อย สู่อ้อมอกท่านตาของเขา โดยที่ไม่มีท่าทีไม่พอใจแต่อย่างใด ชวี่เจียงโหลวถึงได้กล้ารับเจ้าตัวน้อยมาอุ้มเอาไว้ หญิงสาวมองภาพตรงหน้าด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รู้สึ

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 57

    “เชิญท่านแม่ทัพกับฮูหยินทางนี้ขอรับ”เจียงเถาที่เร่งเดินทางมาให้ถึงเมืองลิ่ง ก่อนหน้าที่คนที่เหลือที่ขบวนจะเดินมาถึง เพื่อมาจัดการหาที่พักให้กับทุกคน เมื่อเห็นว่าเจ้านายและคนอื่นๆ เดินทางมาถึงแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้ามาเพื่อนำทางไปยังโรงเตี๊ยมชั้นดี ที่เขาจัดการจ่ายเงินที่เจ้านายมอบให้ สำหรับสถานที่พักค้างแรมในคืนนี้ระหว่างทางที่กำลังเดินไปยังโรงเตี๊ยม ฉือฟางอินที่เคยได้ยินชื่อและได้มาเยือนเป็นครั้งแรก ก็อดที่จะตื่นตาตื่นใจกับการสัมผัสบรรยากาศในสถานที่ใหม่ไม่ได้ เพราะแม้ว่าเวลานี้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว แต่บรรยากาศในเมืองลิ่งก็ยังคงคึกคัก คลาคลั่งไปด้วยผู้คนมากมาย ไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำกิจวัตรอยู่ในบ้านของตนเอง หลังจากพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว นั่นก็เพราะทุกพื้นที่ในเมืองลิ่งนั้น ล้วนเต็มไปด้วยโรงเตี๊ยมกิจการร้านค้าและร้านอาหารน้อยใหญ่ จนไปถึงภัตตาคารเรียงรายไปทั่วทั้งเมือง“ถึงแล้วขอรับ”“อ้าว นายของเจ้ามาแล้วรึ เชิญๆ ท่านแม่ทัพฮูหยิน เชิญเข้ามาได้เลย ข้าให้เด็กเตรียมที่พักไว้ตามที่ท่านต้องการแล้ว เด็กๆ มา

  • เกิดใหม่อีกครั้ง ต้องเป็นแม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้   บทที่ 56

    “กลับแคว้นหลูอย่างนั้นหรือฮูหยิน”ทันทีที่ได้เห็นท่าทางของฉือหย่งหลิง หลังจากที่เขาได้รู้ว่าตัวนางนั้นกำลังจะเดินกลับแคว้นหลู ฉือฟางอินก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา นางไม่ได้คิดที่จะปิดบังเขาแต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการเวลาให้ตัวนางได้เรียบเรียงคำพูดมาอธิบายให้กับฉือหย่งหลิงอนุญาตให้นาง ได้กลับไปยังแคว้นบ้านเกิด แต่เนื่องจากช่วงนี้การงานที่รัดตัว จึงทำให้นางลืมบอกเรื่องนี้กับเขา“ใช่ ข้าจะกลับบ้าน”“แล้วเหตุใดข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้ ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นหรือ”“เปล่า ท่านไม่ได้ทำอะไร”“ไม่จริง ไม่เช่นนั้นเจ้าจะวางแผนหนีข้าไปเช่นนี้หรือ”“ไปกันใหญ่แล้ว ข้าแค่จะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อ”“เยี่ยมบิดาของเจ้าหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ ท่านคิดไปถึงไหนกัน”เพราะนับตั้งแต่ที่ได้มาอยู่ที่นี่ มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่หญิงสาวไม่ทันได้ตั้งตัว จึงเป็นเวลากว่าสามปีแล้วที่หญิงสาว ยังไม่ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดตามธรรมเนียม เวลานี้ที่ตัวนางกำลังขยายร้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status