หลิวชื่อหมิ่นรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับหลิวโจวไม่เพียงเพราะพิธีเชิญธงในตอนเช้าเท่านั้นเขายังส่งดอกไม้ให้อาจารย์อย่างลึกลับอีกด้วยและเนื่องจากชั้นเรียนนี้ เขาไม่เพียงแต่ยกย่องหลิ่วชิงเยี่ยนต่อหน้าทุกคนเท่านั้น แต่เขาไม่ได้พูดอะไรกับตัวเขาสักคำเลยด้วยถ้าไม่พลิกหนังสือ ก็กำลังอ่านหนังสือเรียนหลินโจวแตกต่างจากหลินโจวปกติโดยสิ้นเชิงต้องทราบก่อนว่า ก่อนหน้านี้ทุกคาบ หลินโจวเวลาส่วนใหญ่เขามักจะคุยกับเขาอยู่ที่ระเบียงทางเดิน ถ้าไม่สามารถพูดคุยได้ก็จะส่งกระดาษจดหมายเล็กๆ คุยกันแม้จะว่าจะส่งต่อกันไปมา ทั้งสองคนมักจะเป็นเพราะทะเลาะกันเรื่องใครคือพ่อใครโง่กว่ากันทำนองนี้เสียส่วนมากแต่นั่นคือหลินโจวที่เป็นปกติยิ่งไปกว่านั้น เขายังกระซิบกับเพื่อนร่วมโต๊ะคนใหม่ของเขาอีกด้วย!จะว่าไปก็ช่างเถอะ เขาดูมีความสุขมากจริงๆคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันแต่งตัวเชยขนาดนั้นแถมดูผอมมากยังกับถั่วงอกตามความเข้าใจของหลิวชื่อหมิงเกี่ยวกับหลิน โจว เขาน่าจะชอบคนหน้าอกใหญ่ เอวบาง และก้นงอนถึงจะถูกตัวอย่างเช่น หยุนรั่วซีด้วยหลินโจวเคยผิวปากใส่เหล่านักเรียนที่ผอมบางร่างน้อยเหล่านี้แล้วพูดกับหล
“นายจริงจังเหรอ?”ที่หลินโจวพูดก่อนหน้านี้ หลิวซือหมิงมักจะคิดว่าหลินโจวล้อเล่นเนื่องด้วยว่า หลินโจวนั้นเคยเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อหยุนรั่วซีทั้งโดดเรียนและทะเลาะต่อยตีเมื่อคืนตัวเขาเองยังบอกว่าจะทำให้หยุนรั่วซีประหลาดใจเป็นอย่างมากรับรองว่าต่อไปนี้เธอจะขาดเขาไปไม่ได้เลยแต่หลิวชื่อหมิงไม่คาดคิดว่าหลังจากหนึ่งวันหนึ่งคืนบวกกับการสาบานร้อยวัน คำสาบานจะกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปในทันทีนี่คือที่เรียกว่าเพลย์บอยในตำนานเหรอนี่มันชั้นเซียนแล้ว!“แน่นอน ว่าฉันจริงจัง”ขณะที่พูด หลินโจวก็มองไปที่ฝูงชนอีกครั้งพบว่าร่างของสู่เนี่ยนชูลับสายตาไปแล้ว เขาก็ถอนหายใจ“เฮ้อ เพราะนายเลยเชียว คลาดกับเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยไปจนได้”หลิวชื่อหมิงมองหลิวโจวอย่างตกตะลึง เขาถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว พูดอุบอิบอย่างไม่อยากเชื่อ“นาย นายอย่าแกล้งฉันให้ตกใจนะ ไม่ใช่ว่าโดนผีสิงแล้วนะ นาย…นายยังเป็นพี่โจวของฉันอยู่หรือเปล่านี่”แม้ว่าจะเป็นรักแรกพบ แต่มันก็เกินจริงไปหรือเปล่า?ทำไมเขาดูเหมือนคนโรคจิตอย่างนั้น?หลินโจวยกมือขึ้นด้วยความโกรธ ตบไหล่หลิวซือหมิง และเริ่มออกแรง"นายว่าอะไร?"หลิวซือหมิงคร่ำค
"ฉัน ทำไมฉันจะต้องรอหลินโจว"เธอเพียงแต่อยากรู้ว่าหลินโจวเป็นอะไรกันแน่ ทำไมเดิมทีดอกกุหลายที่จะให้เธอกลับกลายเป็นให้คุณครูไป แล้วยังกล่าวคำพูดพวกนั้นบนเวทีอีกเชือกผูกรองเท้าของเธอไม่ได้หลุดสักหน่อยยิ่งอยากรู้มาก หลังเสร็จพิธีกล่าวคำปฏิญาณแล้วหลินโจวแกล้งมองไม่เห็นเธอแล้วเดินหายไปเลยไม่อธิบายกับเธอสักคำใช่เธอต้องการเพียงแค่คำอธิบายเท่านั้นล่ะ!คาบเรียนนึงเข้าไปแล้ว หลิวโจวน่าจะต้องมาอธิบายให้เธอฟังสิเธอยืนอยู่ที่นี่ เพียงเพราะจะสะดวกกับเขาที่จะมาอธิบายกับเธอไม่ได้รอเขาสักหน่อยเห็นหลี่เสียวหวั่นไม่เชื่อ หยุนรั่วซีท่าทางก็ประหวั่นเล็กน้อย"ฉันแค่รู้สึกร้อน เลยมายืนรับลมตรงนี้เท่านั้นแหละ""รับลม"หลี่เสียวหวั่นมองไปยังอากาศด้านนอกเพิ่งเปิดเทอมมัธยมที่สามไปได้ไม่นาน ตอนนี้เพิ่งเดือนกุมภาพันธ์ อุณหภูมิบางทีก็ติดลบ หนาวจนทนไม่ไหว พยาการณ์อากาศยังบอกอีกว่าสองสามวันนี้หิมะจะตกมารับลมในเวลานี้เนี่ยนะ"ก็ใช่น่ะสิ ในห้องอบอ้าวจะตาย เธอไม่รู้สึกเหรอ"ห้องนึงเจ็บแปดสิบคน แน่นอนว่าอบอ้าวแต่ก็ไม่น่าจะถึงขนาดที่จะออกมายืนรับลมแบบนี้หลี่เสียวหวั่นพบว่า หูของหยุนรั่วซีหนา
หลังจากพูดจบ หลินโจวก็ดึงหลิวซือหมิงที่ตกตะลึงและเดินไปที่ห้องเรียนหยุนรั่วซี:? ? ?เธอตัวแข็งทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อหลินโจวพูดอะไร?ไม่ชอบอีกต่อไป?ทำไมม่ชอบแล้ว?เขาหลงรักเธอมาเกือบหกปีแล้ว!เขากำลังจะเรียนจบแล้วทำไมจู่ๆ เขาถึงไม่ชอบล่ะ?ไม่!นี่ไม่ใช่ความจริง!หลินโจวจะต้องคิดแก้แค้นเธอ เพราะเธอไม่เคยยอมรับคำสารภาพรักของเขามาก่อนในกรณีนี้ ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักสองสามวัน!มาดูกันว่าใครจะทนไม่ได้ก่อนกัน!……ระหว่างทางกลับห้องเรียนหลิวชื่อหมิงก็ยกนิ้วให้อย่างเงียบ ๆ :“พี่โจว พี่สุดยอดมาก!”ในโรงเรียนมัธยมหนึ่งในเมืองเจียงไม่มีใครเคยพูดแบบนั้นหยุนรั่วซีดูสิว่าทำเธอโกรธขนาดไหน ใบหน้างเธอแดงก่ำหลินโจวแตกต่างออกไปจริงๆ“หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว อย่าตะโกนเมื่อเจอหยุนรัวซีครั้งต่อไป!”สร้างแต่ปัญหาให้เขา“ครับ แต่พี่โจว สิ่งที่พี่พูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”“ประโยคไหน?”“นั่นสินะ ประโยคนั้น...”หลิวชื่อหมิงเกาหัวด้วยความลำบากใจ เมื่อเห็นว่าหลินโจวไม่ต้องการได้ยินอีกต่อไป เขาจึงก้มศีรษะลงแล้วตะโกน:"ประโยคนั้นไง "หลิวชื่อหมิงไม่ใข่คนนอก"!"หล
ภาพการถูกรังแกนับไม่ถ้วนแวบขึ้นมาในใจของ สู่เนี่ยนชู และเธอก็หลับตาอย่างประหม่า:“ฉะ ฉันไม่ดูแล้ว!”"พึบ!"หลินโจวหัวเราะเบา ๆ และยื่นท๊อฟฟี่กระต่ายขาวในมือให้เธอ:“ทิ้งท็อฟฟี่พวกนี้ให้ฉันหน่อย ถังขยะอยู่ตรงนั้น”"อา?"สู่เนี่ยนชู อุทานอย่างเหลือเชื่อเล็กน้อย:“โยน...โยนทิ้งเหรอ?“ใช่ วันนี้ฉันเอามามากเกินไปจนกินไม่หมด”สู่เนี่ยนชู เหลือบมอง หลินโจว ด้วยความประหลาดใจเมื่อตระหนักว่าเขาไม่ได้หมายถึงสิ่งอื่นใดจริงๆ เธอจึงมองลงไปที่ท็อฟฟี่อีกครั้งยังอดไม่ได้ที่จะเตือน:“ใช่ แต่ท็อฟฟี่พวกนี้มันยังดีอยู่เลย จะเป็นการสิ้นเปลืองไป...”นี่คือสิ่งที่หลินโจวกำลังรอคอยชาติที่แล้วเขาได้มอบท๊อฟฟี่นมเหล่านี้ให้กับ สู่เนี่ยนชู ในวันนี้ในเวลานั้น หยุนรั่วซีเพิกเฉยต่อเขาตลอดเช้าหลังจากที่คำสารภาพของเขาถูกปฏิเสธในพิธีสาบานตนแน่นอนว่าไม่มีใครอยากได้ท็อฟฟี่ในกระเป๋าของเขาหลินโจวอารมณ์เสียมากในตอนนั้นเมื่อใดก็ตามที่เขาสัมผัสถึงท๊อฟฟี่ เขาจะนึกถึงหยุนรัวซีในตอนที่ปฏิเสธเขาเขาหยิบทอฟฟี่ออกมาและเตรียมที่จะทิ้งพวกมันไปเมื่อหลินโจวเดินไปที่ถังขยะ เขาได้ยินคำพูดแรกที่ สู่เนี่ยนชู พูดตั้
"หลินโจว ฝากซื้อข้าวให้ฉันด้วยได้ไหม"แต่ว่าวัยรุ่นตรงหน้าราวกับไม่ได้ยิน เร่งความเร่วกว่าเดิมหยุนรั่วซีที่ยกกล่องข้าวชะงักค้างอยู่ที่เดิมก่อนหน้า ไม่ต้องให้เธอเรียกหลิวโจวก็จะยืนรออยู่ที่ประตู เอาข้าวมาให้เธอวันนี้กลับกลายเป็นต่อให้เธอเรียกเขาก็ทำไม่ได้ยินหยุนรั่วซีรู้สึกจุกในอก น้ำตาเกือบจะไหลออกมาหลี่เสียวหวั่นเริ่มเป็นห่วง "รั่วซี เธอทะเลาะกับหลินโจวเหรอ"หยุนรั่วซีไม่ได้ตอบ ด้านหลังมีเสียงผู้ชายดังขึ้นมา"รั่วซี ไม่งั้นฉันช่วยเธอซื้อข้าวแล้วกัน"เป็นเพื่อนร่วมชั้นของหลินโจว ฟ่านหยุนเฮ้าคะแนนของเขาดีมาก แอบรักหยุนรั่วซีมาตลอด เพียงแต่ไม่กล้าแสดงออกเท่านั้นช่วงมัธยมห้ามมีความรัก ไม่งั้นจะถูกลงโทษอีกทั้งข้างตัวหยุนรั่วซียังมีหลินโจวแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งอีกเขาทำได้เพียงอดทนรออย่างเงียบๆวันนี้ เห็นหลินโจวไม่สนใจหยุนรั่วซี ในที่สุดเขาก็ได้โอกาสหยุนรั่วซีสีหน้าเย็นชา ดึงหลี่เสียวหวั่นได้ก็เดินออกไป"ฉันซื้อเองได้"สีหน้าฟ่านหยุนเฮ้าพลันปั้นหน้ายาก...ที่โรงอาหารเนื่องจากหลินโจวและหลิวชื่อหมิงความเร็วถือว่าใช้ได้ พวกเขาไม่นานก็ได้ข้าวตอนกำลังกินข้าวนั้น
“ใช่ บ้านของเธออยู่ในหุบเขา หรือก็คือทางทิศเหนือของตำบลบ้านสู่ พี่รู้จักไหม ที่นั่นทางขึ้นภูเขา ผมเคยไปครั้งนึงยังกลัวเลย แล้วได้ข่าวมาอีกว่าพ่อแม่ของเธอไม่อยู่แล้ว มีตากับยายสองคนเลี้ยงสองพี่น้องมา น้องชายก็กำลังเรียนอยู่”“ไม่นานมานี้ คุณตาขึ้นไปบนเขาหาสมุนไพรมาขาย สุดท้ายตกลงมา ขาขาด แหล่งรายได้เดียวของบ้านก็ขาดหายไป เธอจึงเอามาเป็นข้ออ้างในการไม่เรียน""แย่แล้ว!"จู่ๆ หลินโจวก็ลุกขึ้นและเดินออกไปหลิวซือหมิงตกใจ: "พี่โจว พี่ไปไหน?"“รอฉันตรงนี้ก่อน แล้วฉันจะกลับมา กินข้าวช้าๆ”"ครับ ครับพี่"หลังจากที่หลินโจวออกจากโรงอาหาร เขาก็มุ่งหน้าไปยังห้องเรียนมันเป็นเวลากินข้าว ในห้องมีคนนั่งกินบะหมี่สำเร็จรูปอยู่ไม่กี่คน ก็ไม่มีใครแล้วหลินโจวเดินไปที่ประตูหลัง ค่อยๆ มองเข้าไปด้านในมองแว่บเดียวก็เห็นสู่เนี่ยนชูนั่งอยู่ที่นั่นไม่ขยับเธอยังคงรักษาท่าทางเดิมเหมือนกับตอนที่เธอเลิกเรียน ราวกับว่าเธอไม่เคยออกไปไหนเลยมือของเธอกำลังจัดวางบางสิ่งอย่างจริงจังหลินโจวมองอย่างระมัดระวังและพบว่าพวกมันคือลูกอมทอฟฟี่กระต่ายขาวหลายอันที่หลินโจวมอบให้เธอในตอนเช้าเธอ..ไม่ใช่ว่าจะกินเป็นอ
หลิวโจวเงยหน้าขึ้น เห็นในจานของหลิวชื่อหมิงเหลือข้าวและกับอยู่ครึ่งหนึ่งสีหน้าของเขามืดลง"ไม่เป็นอะไร แต่เราจะต้องไม่กินทิ้งกินขว้าง""อา?"หลิวซือหมิงดูสับสน เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของหลินโจว“พี่โจว คุณพูดว่าอะไรนะ?”“ฉันบอกว่า กินข้าวในกล่องข้าวของนายให้หมด กินไม่หมดห้ามลุกไปไหน!”"เอ่อ……"หลิวชื่อหมิง เรอ มองดูข้าวที่เหลือ และตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก:“พี่โจว ผมอิ่มแล้ว...”“กินอิ่มแล้วก็ต้องกินให้หมด ไม่งั้นนายจะตักเยอะขนาดนั้นทำไม”“...แต่พี่โจว วันนี้พี่ชวนผมลดน้ำหนักนะ...”“กินแล้วค่อยลด!”ดูเหมือนหลินโจวจะไม่ได้ล้อเล่น และอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อหลิวชื่อหมิง ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลงและยัดอาหารทั้งหมดลงในท้องของเขาเขายังสาบานว่าจะกินให้น้อยลงในอนาคตนี่ไม่ใช่การทรมานใช่ไหม?หลังจากรับประทานอาหารแล้ว หลิวชื่อหมิง รู้สึกว่าท้องของเขากำลังจะระเบิดหลิวซือหมิงรู้สึกสับสนเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าจานของหลินโจวสะอาดมาก“พี่โจว เกิดอะไรขึ้น?”หลินโจวเมินเขา ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่หน้าต่างอาหารหลิวชื่อหมิง มองดูเขาซื้อขาไก่ ขนมปังหนึ่งชิ
คนทั้งคนตกตะลึง“พี่ พี่โจว?”หลิวซื่อหมิงตบไปที่บนไหล่ของเขา:“ทำบื้ออะไรอยู่?นี่คือน้ำที่พี่โจวซื้อให้นาย ดูนายสิ โง่แล้วยังทำเป็นอวดฉลาดซื้อมาแค่สี่ขวด ทำให้พี่โจวของฉันไม่ได้ดื่มน้ำเลย!”เซี่ยตงชิง:???เขาพบว่า ทุกอย่างในวันนี้ดูเหมือนว่าจะผิดปกติไปเล็กน้อย“แต่ แต่ว่า พวกนายไม่ได้บอกให้ฉันซื้อห้าขวด…”“นายนับหัวคนไม่เป็นเหรอ?ถ้าอย่างนั้นทำไมพี่โจวถึงไม่ให้นายไปห้าสิบบาท แต่ให้นายไปหนึ่งร้อยบาท?”“เป็นอย่างนี้เหรอ?”เซี่ยตงชิงกลืนน้ำลาย และมองหลินโจวอย่างงุนงงหลินโจว……เป็นอะไรไป?“เอาล่ะ อย่ามัวพูดมากอยู่เลย หลิวซื่อหมิงรีบมากวาดพื้นสิ!”“มาแล้ว!”หลิวซื่อหมิงรีบวิ่งไปแถวสุดท้าย หยิบไม้กวาดขึ้นมาและเริ่มกวาดเฉียนกั๋วกั่วก็กล่าวว่า:“ฉันก็จะช่วยด้วย ไม่ต้องเกรงใจ!”สวี่เนี่ยนชูไม่ได้พูดอะไร แต่เดินไปที่แถวสุดท้ายอย่างเงียบๆทั้งสามต่างก็ถือไม้กวาดกัยคนละด้ามเดิมทีหลิวซื่อหมิงตั้งใจจะกวาดแถวที่สอง แต่ถูกเฉียนกั๋วกั่วรั้งเอาไว้“หลิวซื่อหมิง พวกเราจะไปกวาดสองแถวข้างใน!”“ทำไมเหรอ?”หลิวซื่อหมิงรู้สึกไม่ยินยอมเล็กน้อยเฉียนกั๋วกั่วกลอกตาใส่ และชี้ไปทางหลินโจว ห
สามนาทีต่อมาเซี่ยตงชิงเช็ดปาก เคี้ยวข้าวคำสุดท้ายแบบลวกๆ และลุกขึ้นยืน:“ฉันกินเสร็จแล้ว”คนอื่นๆที่ยังกินได้ไม่ถึงครึ่ง :?หลินโจวเงยหน้าขึ้น: “ทำไมนายต้องกินเร็วขนาดนี้ด้วย?”“เดิม เดิมทีฉันเป็นคนกินข้าวเร็วอยู่แล้ว ฉันกลับห้องเรียนก่อนนะ”"เดี๋ยวก่อน"หลินโจวคว้าแขนเสื้อของเขาเอาไว้อีกครั้ง:“จู่ๆก็รู้สึกกระหายน้ำนิดหน่อย ในเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ไปซื้อเครื่องดื่มมาให้ทุกคน คนละขวดก็แล้วกัน”ขณะที่พูด หลินโจวก็ควักเงินออกมาจากในกระเป๋า ท่ามกลางสายตาที่ประหลาดใจของเซี่ยตงชิง เขาก็เก็บเงินห้าสิบบาท เอาเงินแบงก์ร้อยออกมา แล้วยัดมันเข้าไปในมือของเซี่ยตงชิง"......"เซี่ยตงชิงมองดูการกระทำของหลินโจวด้วยความสับสน และพูดอย่างร้อนใจว่า:“ฉัน...รอให้พวกนายกินเสร็จก่อนแล้วค่อยไปซื้อเองดีไหม?”“ไม่ได้ จะสำลักตายแล้ว ขอร้องล่ะเพื่อนร่วมชั้นเซี่ย นายช่างเป็นคนดีจริงๆ”คำว่าคนดีทำให้เซี่ยตงชิงยินยอมเขารับเงินพร้อมอุ้มกล่องอาหารแล้ววิ่งไปที่ร้านสะดวกซื้อเล็กๆหลินโจวกล่าวอย่างขบขันว่า:“เอาล่ะ ทุกคนกินต่อเถอะ”คณะกรรมการแรงงานจางจิ่นหงตักข้าวกลับมาเผอิญเห็นภาพเหตุการณ์นี้เข้าเ
มาถึงโรงเรียนตอนหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นอย่างตรงเวลาหลังจากอ่านหนังสือในตอนเช้าแล้ว หลินโจวก็หยิบกล่องข้าวออกมา และเตรียมจะไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อย เฉียนกั๋วกั่ว และหลิวซื่อหมิงแต่กลับถูกจางจิ่นหงสมาชิกคณะกรรมการแรงงานห้ามเอาไว้:“หลินโจว วันนี้กลุ่มนายจะต้องปฏิบัติหน้าที่ นายอย่ามาเล่นลูกไม้นะ หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้วให้ตั้งใจทำความสะอาดให้ดีๆ อ้อใช่แล้วหวังลี่หยวนที่อยู่ในกลุ่มของพวกนายย้ายไปอยู่กลุ่มอื่นแล้วนะ ส่วนสวี่เนี่ยนชูให้มาอยู่กลุ่มพวกนาย อีกสักพักนายบอกเธอว่าจะต้องทำอะไรบ้าง”ระบบการทำความสะอาดของห้องสองปกติแล้วจะมีกลุ่มละสี่คนคนในกลุ่มของหลินโจว ได้แก่หลิวซื่อหมิง เพื่อนร่วมโต๊ะของหลิวซื่อหมิงเซี่ยตงชิง หวังลี่หยวนและหลินโจวหลินโจวในอดีต พอถึงเวรปฏิบัติหน้าก็จะเลือกที่จะลืม ดีแต่พูดงานไม่ทำหลิวซื่อหมิงก็มักจะเลียนแบบเขาเช่นกันส่งผลให้ มีเพียงแต่หวังลี่หยวนและเซี่ยตงชิงเท่านั้นที่ทำงานในกลุ่มนี้ทั้งสองคนมักจะพร่ำบ่นอยู่เสมอ และขอร้องจางจิ่นหงย้ายตนไปกลุ่มอื่น จางจิ่นหงไม่มีทางเลือก จึงทำได้แค่มาเร่งเร้าเขาด้วยตนเองทุกครั้งถ้าเร่งเร้าไม่ได้จริงๆ ต
ฉินซู่หลานที่กำลังขึ้นไปชั้นบนมองไปที่ฉินอวี่เถียนด้วยความประหลาดใจ“เมื่อก่อนแม่ทำอะไรลูกก็จะกินอันนั้นไม่ใช่เหรอ?”“นั่นมันเมื่อก่อน แต่วันนี้ หนูอยากกินข้าว หนูหิวแล้ว”น้ำเสียงของฉินอวี่เถียนแฝงด้วยความออดอ้อนเล็กน้อย และอดไม่ได้ที่จะแตะท้องของตนเองหิวจริงๆแม้แต่เธอเองก็ยังไม่ทันได้สังเกตว่า ดูเหมือนว่าเธอจะทำตามที่หลินโจวพูด ทีละขั้นตอนเมื่อฉินซู่หลานได้ได้ยินดังนี้ก็รู้สึกเบิกบานใจลูกสาวรู้จักติดแม่แล้ว ดีจริงๆ!“ได้ได้ได้ หนูอยากกินอะไรแม่ก็จะทำอันนั้นให้ ลูกกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน ทำเสร็จแล้วเดี๋ยวแม่เรียก”"ค่ะ"เปิดประตูห้องพอฉินอวี่เถียนเข้าไปในห้อง ก็เห็นกระต่ายมาร์ชเมลโลว์บนโซฟาเธออยากจะเอื้อมมือไปสัมผัสมันโดยไม่รู้ตัว แต่พอเอื้อมมือไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็หยุดอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้าไปในห้องฉินอวี่เถียนถอดเสื้อผ้าผู้ชายออก แล้วหยิบเสื้อกล้ามกีฬาขึ้นมา เพื่อใช้เป็นชุดนอนแต่หลังจากที่ครุ่นคิดดูแล้ว จับพลัดจับผลูไม่รู้ยังไง เธอก็มาที่หน้าตู้เสื้อผ้าเปิดประตูตู้เล็กๆที่ถูกล็อคไว้ และหยิบชุดนอนหมีของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆชุดหนึ่งออกมาจากข้างในหลังจากทำท่าต่า
“แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก? ครั้งหน้าถ้ากลับมาดึกให้โทรบอกแม่รู้ไหม หนูกลับบ้านดึกขนาดนี้ แม่เป็นห่วงแทบแย่”น้ำเสียงของฉินซู่หลานอ่อนโยนขึ้น บางครั้งก็ปนกับเสียงสะอื้นไห้เธอยกมือขึ้น แล้วลูบหัวของฉินอวี่เถียนเบา ๆท่าทางที่ใกล้ชิดนี้ ทำให้ฉินอวี่เถียนแสบจมูกเธอพยายามที่จะเติบโตขึ้น พยายามที่แข็งแกร่งขึ้น และใช้วิธีการของตนเองปกป้องแม่อยู่ตลอดเวลาจู่ๆตอนนี้ก็รู้สึกว่า แม่ดูเหมือนว่ากำลังปกป้องตนเองมากกว่า?เธอลูบจมูก:“หนูรู้แล้วค่ะแม่ ครั้งหน้าหนูจะกลับมาให้เร็วกว่านี้”"อืม ดีมาก"หลังจากคุยกับฉินอวี่เถียนแล้ว ฉินซู่หลานก็มองไปที่หลินโจว“เสี่ยวโจว ขอบใจหลานมากนะที่ส่งเสี่ยวเถียนกลับมา คืนนี้หลานพักอยู่ที่นี่ไหม? ป้าจะทำอาหารมื้อดึกให้”“ไม่ต้องครับคุณป้า เห็นท่าทางของป้าแล้วผมก็รู้เลยว่า เฒ่าหลินก็จะต้องรอผมอยู่ที่ประตูบ้านแน่นอน ถ้าผมไม่กลับไป กลัวโดนทุบตีเหมือนกันครับ”ฉินซู่หลานครุ่นคิดดูแล้วมันก็ใช่ลูกคือแก้วตาดวงใจของพ่อแม่ตลอดไป ไม่ว่าพวกเขาจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม“เอาล่ะ หลานอยากกินอะไรบอกป้ามาได้เลย ป้าทำเสร็จแล้วจะให้เสี่ยวเถียนเอาไปให้”“งั้นก็ ทำลูกชิ้นทอด
“ฉันรู้จักเธอแน่นอน แต่เธอกลายเป็นเทพแห่งการเรียนรู้ได้อย่างไร?”"อันดับที่หนึ่งของทั้งเมืองยังไม่ใช่เทพแห่งการเรียนรู้อีกเหรอ? เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง ในสายวิทยาศาสตร์ ได้อันดับที่หนึ่งของทั้งเมือง เอาชนะผู้ชายได้ตั้งมากมาย ยอดเยี่ยมมากเลย ตอนนี้เธอเป็นไอดอลของฉัน! และจะเป็นแบบอย่างในการเรียนของฉันด้วย!"พอฉินอวี่เถียนพูดถึงสวี่เนี่ยนชู ก็รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากหลินโจวกลืนน้ำลายอย่างเงียบๆ พูดอย่างขบขันว่า:“เถียนเถียน เธอยังไม่รู้จักสวี่เนี่ยนชูใช่ไหม?”ไม่เช่นนั้นเมื่อวานนี้ สวี่เนี่ยนชูคงจะยืนข้างตนเองแล้วแถมยังถูกเธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแฟนของตนอีก ทำไมสาวน้อยคนนี้ถึงไม่ปฎิกิริยาอะไรเลยสักนิด“ใช่แล้ว ฉันไม่รู้จัก ทำไมเหรอ! คงจะมีโอกาสได้รู้จักเองแหละ”“ถ้าไม่เป็นอย่างนัั้นแล้วจะยังไง? ฉันจะแนะนำเธอให้รู้จักเอาไหม? ฉันค่อนข้างจะคุ้นเคยกับเธอดี”“พอเหอะ เทพแห่งการเรียนรู้ของฉันจะมารู้จักมักจี่กับนักเรียนเรียนแย่อย่างนายได้อย่างไร? เธอไม่ได้ตาบอกซะหน่อย! นายไม่ต้องใช้เธอมาเพื่อมาตีสนิทกับฉันหรอก”"......"“อีกอย่าง ตอนนี้ผลการเรียนของฉันยังไม่ดีพอ ไม่คู่ควรที่จะยืนอยู่ก
อยากจะหันกลับไปมอง แต่ก็ไม่กล้าฉินอวี่เถียนจึงทำได้แค่เพียงหดคอ และเดินไปข้างหน้าต่อไปใกล้แล้ว ใกล้จะถึงแล้วใกล้จะเดินออกไปแล้วในเวลานี้ ทันใดนั้นฉินอวี่เถียนก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าตรงคอของตนเองถูกคนคว้าเอาไว้เค้าโครงเรื่องในหนังผีมาสู่ความเป็นจริงฉินอวี่เถียนแทบจะเป็นบ้า!“อร๊าย~”เธออดไม่ได้ที่จะกรีดร้องขึ้นมาจากนั้นไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมาจากเหนือศีรษะ"เถียนเถียน"เอิ่ม?นี่คือ……เสียงของหลินโจว?ฉินอวี่เถียนลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นจริงอย่างที่คาดไว้เธอเห็นหลินโจวขี่จักรยาน มองดูเธออย่างขบขัน“ร้องอะไรน่ะ? นั่นก็แค่หนูตัวหนึ่งก็เท่านั้น และมันก็วิ่งหนีไปแล้ว”ฉินอวี่เถียน:“……”“นายนายนาย ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?”“ก็มาส่งเธอไง พี่พูดคำไหนคำนั้น!”“แต่ว่าเมื่อกี้นาย...”“เมื่อกี้กลับไปยืมจักรยานที่โรงเรียนไง แบบนี้มันจะเร็วกว่า เธอก็คงจะไม่อยากให้ป้าฉินกังวลใช่ไหม?”"......"ฉินอวี่เถียนไม่มีอะไรจะพูดเมื่อนึกถึงการกระทำที่ขี้ขลาดเมื่อครู่นี้ เธอแทบอยากจะหารอยแตกบนพื้นแล้วมุดเข้าไปฉินอวี่เถียนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วอธิบายอย่างข้างๆคูๆว่า:
สิ่งที่ทำให้ฉินอวี่เถียนประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าหลินโจวกำลังช่วยเรื่องการเรียนของเพื่อนร่วมชั้นด้วย?แม้ว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นจะน่ารำคาญนิดหน่อยแต่……หลินโจวเป็นคนจิตใจดีขนาดนี้จริงๆเหรอ?ฉินอวี่เถียนไม่อยากจะเชื่อเลย“ฉันเป็นพี่ชายของเธอ ฉันไม่สนใจเธอแล้วใครจะสนใจเธอ!”ฉินอวี่เถียนส่งเสียงเชอะ หันหลังกลับแล้วเดินไป“ฉันยอมรับตั้งแต่เมื่อไหร่?”“เฮ้อ? สาวน้อยคนนี้ รอก่อน เดี๋ยวฉันจะไปส่งเธอเอง”ตอนนี้ก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียว เดินทางตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องยุ่ง ฉันรู้ทางกลับบ้าน”ฉินอวี่เถียนหันกลับมาอย่างดื้อรั้น แล้วเดินกลับบ้าน“น้องสาวจริงๆเหรอ?”หลิวซื่อหมิงชะโงกศีรษะ ด้วยสีหน้าที่งุนงง"ก็จริงน่ะสิ!"“แต่ว่า พ่อของพี่มีพี่เป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ?”“ฉันจะมีแม่เลี้ยงไม่ได้เลยเหรอ?”"......"หลิวซื่อหมิงสำลักเขามองไปที่หลินโจวด้วยความประหลาดใจ: “พ่อของพี่หาแม่เลี้ยงให้พี่เหรอ? แถมยังพาน้องเลี้ยงมาอีกคนด้วย?”“นายเข้าใจถูกแล้ว”หลิวซื่อหมิงกลืนน้ำลาย หลังจากที่ทำความเข้าใจเรื่องนี้อย่างผิวเผินแล้ว ก็เริ่มกังวลข
“ได้ครับ ขอบคุณครับครูจาง”ทันทีที่หลินโจวพูดจบ เขาก็ได้ยินฟ่านอวิ๋นเจ๋อพูดด้วยความโกรธ:“หลินโจว แม้ว่าจะเอาคลังโจทย์ข้อสอบเหล่านั้นให้นาย นายจะอ่านเข้าใจเหรอ?”พูดจบ ฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็เห็นสวี่เนี่ยนชูที่ยืนอยู่ด้านหลังหลินโจวยืนอยู่ตรงหน้าจางซูฉี:“ครูจางคะ หนูก็ขอชุดหนึ่งค่ะ”“เธอจะเอาไปทำอะไร? เธอไม่จำเป็นต้องฝึกทำโจทย์ แค่รักษามาตรฐานในปัจจุบันของเธอเอาไว้ก็พอแล้ว”"หนูอยากจะช่วยหลินโจวค่ะ"“อืม?”จู่ๆจางซูฉีก็นึกได้ว่าความก้าวหน้าของหลินโจวในช่วงนี้ สวี่เนี่ยนชูก็มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากให้เธอช่วยก็ดีเหมือนกัน"ได้ ครูจะเตรียมให้เธอด้วยหนึ่ง""ขอบคุณค่ะครู"สวี่เนี่ยนชูติดตามหลินโจวไปอย่างอารมณ์ดีสุดขีดฟ่านอวิ๋นเจ๋อ: ......เขาหันศีรษะด้วยความโกรธแ ละพูดกับอวิ๋นรั่วซีว่า:"รั่วซี เธอดูสองคนนั้นสิโง่หรือเปล่า เห็นได้ชัดว่าครูจางให้มาเพียงพอแล้ว แต่ยังยืนกรานที่จะขอเพิ่ม กลยุทธ์ฝึกฝนทำโจทย์ใช่ว่าจะใช้ได้ผลกับทุกคน พวกเราแค่มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ .. "ยังไม่ทันได้พูดจบฟ่านอวิ๋นเจ๋อก็เห็นอวิ๋นรั่วซีลุกยืนขึ้นเช่นกันสายตาของเธอจับจ้องไปที่หลินโจวผู้ชายคนนี้