เฉียวสือเนี่ยนลอบหัวเราะอยู่ในใจ
ชาติก่อนเธอต้องทุกข์ทนรอตั้งแปดปี สุดท้ายก็แลกมาได้แค่ใบหย่ากับข่าวการแต่งงานใหม่ของเขากับป๋ายอีอี
ฮั่วเยี่ยนฉือจะมาตกหลุมรักเธอภายในช่วงเวลาสั้น ๆ สิบกว่าวันได้อย่างไร
“ย่าพูดแค่ว่าถ้าหากเยี่ยนฉือได้รับรู้ถึงความดีแล้วหันมารักหนู หนูยังจะหย่ากับเขาอยู่ไหม?” คุณนายใหญ่ฮั่วถามย้ำอีกครั้ง
เฉียวสือเนี่ยนพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยวท่ามกลางสายตาคาดหวังของคุณย่า “หย่าค่ะ”
ไม่ว่าชาตินี้จะเป็นอย่างไร เธอก็ไม่คิดที่จะเกี่ยวข้องกับฮั่วเยี่ยนฉือในแง่ไหน ๆ อีก
ความเจ็บปวดจากความรักนั่นน่ะ เธอได้รับมามากพอแล้ว
เธออยากหนีไปให้ไกลห่างจากฮั่วเยี่ยนฉือ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่!
……
เมื่อออกมาจากห้องโถงของบ้านใหญ่ เฉียวสือเนี่ยนก็พบเข้ากับใบหน้าเย็นชาแลเคร่งขรึมของฮั่วเยี่ยนฉือ
วุ่นวายกับเรื่องหย่าอยู่ครึ่งค่อนวัน สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ
ในสายตาของฮั่วเยี่ยนฉือ คงคิดว่าเธอกับคุณย่าต้องรวมหัวสมรู้ร่วมคิดทำเรื่องนี้ออกมาสินะ
พอขึ้นรถแล้วต้องหนีไม่พ้นถูกเขาซักไซ้ถามเอาความให้ขายหน้าแน่
เฉียวสือเนี่ยนเลยไม่สนใจอะไรเขา และคิดจะเรียกแท็กซี่ไปเอง
“ขึ้นรถ!”
ฮั่วเยี่ยนฉือมองความตั้งใจของเธอออก เอ่ยสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ขอบคุณ แต่คนละทางกัน” เฉียวสือเนี่ยนก็ไม่สบอารมณ์เหมือนกัน
เธอเองก็หงุดหงิดที่หย่าไม่สำเร็จ แล้วเรื่องอะไรที่จะต้องส่งตัวเองไปรองรับโทสะของฮั่วเยี่ยนฉือด้วย!
“เฉียวสือเนี่ยน!”
น้ำเสียงของฮั่วเยี่ยนฉือมาพร้อมกับสัญญาณเตือน
“ตะโกนอะไรของคุณ ถ้าเก่งมากก็ไปทำเรื่องหย่ากันตอนนี้เสียเลยสิ!” เฉียวสือเนี่ยนตวาดดังก้องด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับเขา และเป็นครั้งแรกที่เธอด่าเขาด้วย
โทสะที่เพิ่มขึ้นพรวดพราดบนใบหน้าของฮั่วเยี่ยนฉือมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยทีเดียว
เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ดีมาก!”
เฉียวสือเนี่ยนยังไม่ได้ทันทำความเข้าใจว่า คำว่า ‘ดีมาก’ นั้นหมายถึงอะไร ก็เห็นฮั่วเยี่ยนฉือก้าวลงมาจากรถแล้ว
เมื่อเธอตั้งท่าเตรียมจะหนีเท่านั้นแหละ ก็ถูกฮั่วเยี่ยนฉือคว้าตัวไว้ด้วยมือข้างเดียว!
“ปล่อยฉันนะ!”
เฉียวสือเนี่ยนร้อนใจนัก เลยหันไปกัดแขนเขาเต็มแรง
ฮั่วเยี่ยนฉือเจ็บแต่ไม่ได้สะบัดเธอออก เขากลับเหวี่ยงตัวเฉียวสือเนี่ยนเข้าไปในรถราวกับเหวี่ยงลูกเจี๊ยบไม่มีผิดเพี้ยน!
“ออกรถ!”
ฮั่วเยี่ยนฉือออกคำสั่งไปยังโจวเทียนเฉิง
รถเคลื่อนตัวออกแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจะหนีตอนนี้ก็หนีไม่ทัน เธอจึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา หันเลนส์กล้องไปทางฮั่วเยี่ยนฉือ
แล้วเอ่ยเตือน “ถ้าคุณกล้าตีฉัน ฉันจะแจ้งความเปิดโปงคุณเดี๋ยวนี้เลย!”
“แจ้งความเหรอ?”
ราวกับได้ยินเรื่องน่าหัวเราะ ฮั่วเยี่ยนฉือแกล้งโน้มตัวเข้าหาเธอ
ร่างกายสูงใหญ่ราวภูเขาไท่ซานเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ สร้างความรู้สึกกดดันให้แก่เฉียวสือเนี่ยนได้ในชั่วพริบตา มือที่ถือโทรศัพท์ไว้ก็หดกลับไป
“คุณ คุณคิดจะทำอะไร?”
“เธอเก่งกล้านักไม่ใช่เหรอ? กลัวอะไรเล่า!”
ฮั่วเยี่ยนเฉิงยิ้มเย็นพร้อมยกข้อมือขึ้นมา รอยฟันลึกปรากฏตัวเรียงเป็นแถว
“กัดแรงขนาดนี้ ต่อให้ฉันตีเธอ ก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัว!”
เห็นดังนั้น เฉียวสือเนี่ยนกลับสงบเยือกเย็นลง
ชาติก่อนต่อให้ฮั่วเยี่ยนฉือจะรังเกียจเดียดฉันท์เธอแค่ไหน ก็ไม่เคยลงไม้ลงมือกับเธอมาก่อน
เขาน่าจะเป็นผู้ชายที่ไม่ลงมือกับผู้หญิงกระมัง
ยามนี้ฮั่วเยี่ยนฉืออยู่ไม่ไกลจากเธอนัก กลิ่นหอมของต้นสนซีดาร์จาง ๆ บนกายลอยเข้าจมูก เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกอึดอัด จึงขมวดคิ้วแล้วดันตัวเขาออก!
ฮั่วเยี่ยนฉือไม่คิดว่าเธอจะกล้าลงมือ จึงถูกผลักจนหน้าหงาย แทบจะชนหน้าต่างรถอยู่รอมร่อ
“เฉียวสือเนี่ยน เธอทำจนติดเป็นสันดานแล้วสินะ!” ฮั่วเยี่ยนฉือระเบิดโทสะ
เฉียวสือเนี่ยนตอกกลับอย่างไม่เกรงใจใด ๆ ทั้งนั้น “ตัวเองร่างกายอ่อนแอปวกเปียก ถูกผลักทีเดียวล้มอย่างคนไม่มีแรงแบบนั้น จะมาโทษฉันได้อย่างไร?”
ฮั่วเยี่ยนฉือถึงกับสำลัก
เฉียวสือเนี่ยนไม่เคยทำตัวแข็งกร้าวขนาดนี้ต่อหน้าเขามาก่อน ทั้งยังไม่เคยพูดจาเหน็บแนมอย่างนี้ด้วย
เธอที่อยู่ตรงหน้า ช่างดูแหลมคมราวกับเม่นก็ไม่ปาน
“ใช้ได้นี่เฉียวสือเนี่ยน” ฮั่วเยี่ยนสือหัวเราะด้วยความเดือดดาล “มีสมองกับเขาแล้วเหรอ? พอรู้ว่าเรื่องวันนี้มันไม่สามารถอธิบายได้แล้ว ก็เลยเบี่ยงประเด็นอย่างนั้นสินะ?”
“ให้ฉันอธิบายอะไร!”
เฉียวสือเนี่ยนไม่ชอบน้ำเสียงแบบนี้ของเขาเลยจริง ๆ “ฉันอยากหย่ามากกว่านายด้วยซ้ำ! เป็นเพราะคุณย่าหรอก ที่ให้ฉันรอจนถึงหลังวันเกิด!”
ก่อนแต่งงานกับฮั่วเยี่ยนฉือ เธอรับปากกับคุณย่าอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ‘ต้องเป็นคุณผู้หญิงฮั่วให้ดี ต้องรักษาชีวิตคู่นี้ให้รอด ต้องมุ่งมั่นทำให้ฮั่วเยี่ยนฉือรักเธอให้ได้’
ตอนนี้เพิ่งผ่านมาได้ปีเดียว เธอก็ผิดคำสัญญาที่ให้คุณย่าฮั่วเสียแล้ว
ดังนั้นตอนอยู่ในห้องพระ หลังจากคุณย่าถามยืนยันถึงเรื่องการตัดสินใจของเธอหลายครั้งหลายหนแล้ว ก็พูดออกมาด้วยความเศร้าสร้อยว่า ตนไม่อยากฉลองวันเกิดโดยไม่มีหลานสะใภ้ด้วยซ้ำ เลยเสนอว่าให้เธอยืดเวลาออกไปจนหลังวันเกิดแล้วค่อยพูดกันใหม่ เธอจึงได้แต่ตอบตกลงเท่านั้น
“เฉียวสือเนี่ยน พูกออกมาแบบนี้ไม่อายปากตัวเองบ้างเหรอไง?” ฮั่วเยี่ยนฉือยิ้มเย็น “ถ้าเธออยากหย่าจริง แล้วทำไมต้องทำให้เรื่องมันวุ่นวายจนไปเข้าหูย่าด้วย!”
“ฉันเปล่า! ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณย่ารู้ได้อย่างไร!”
“ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใครได้? ฉันคงเป็นคนเอาความลับไปบอกย่าเองมั้ง!”
เห็นสีหน้าเย็นชา เยาะเย้ยระคนเอือมระอาของฮั่วเยี่ยนฉือแล้ว เฉียวสือเนี่ยนจึงไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยอีก
“ถ้าอย่างนั้นนะ ฮั่วเยี่ยนฉือ พวกเราไปเอาใบหย่าที่สำนักทะเบียนตอนนี้เลยละกัน”
เฉียวสือเนี่ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ปิดเป็นความลับกับทางคุณย่าไปก่อน รอให้พ้นงานวันเกิดคุณย่าไปแล้วค่อยประกาศ”
“พอสักที หยุดแสดงได้แล้ว!”
ฮั่วเยี่ยนฉือหมดความอดทน “อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้ ย่าส่งคนไปเอาหนังสือสัญญาหย่าของพวกเราที่สำนักทะเบียนตั้งนานแล้ว!”
“ทำมาเป็นพูดว่าให้ไปเอาใบหย่าตอนนี้ เธอก็แค่อยากให้ฉันโดนย่าด่าอีกรอบก็เท่านั้นแหละ!”
เฉียวสือเนี่ยนได้ฟังแล้วก็อึ้งไปเล็กน้อย
เธอคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคุณย่าจะลงมือเร็วขนาดนี้
คุณย่าส่งคนไปเก็บหนังสือข้อตกลงหย่าของพวกเธอ แสดงว่าก็ต้องส่งคนมาคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของพวกเธอตลอดเวลาด้วยน่ะสิ
เรื่องที่จะแอบไปหย่านี้ดูท่าแล้วจะไม่รอด
เฉียวสือเนี่ยนไม่ดึงดันอีก “ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกเราก็ต่างฝ่ายต่างอดทนอีกสิบกว่าวันละกัน พ้นวันเกิดคุณย่าไปแล้ว ฉันรับปากเลยว่าจะรีบหย่ากับคุณทันที!”
ฮั่วเยี่ยนฉือหัวเราะเยาะ ขณะที่กำลังอยากจะพูดอะไร จู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังแทรกขึ้นมา