รถของโม่ซิวหย่วนชนเข้ากับตัวกองโคลนปูนขนาดใหญ่บนไหล่ทาง ท้ายรถและตัวรถเองถูกชนจนไม่เหลือรูปทรงเดิมดูเหมือนรถของเขาจะพังยับกว่าฮั่วเยี่ยนฉือ เสียอีก ขณะนี้ เสียงรถพยาบาลก็ดังขึ้น ในไม่ช้าแพทย์ก็นำตัวโม่ซิวหย่วนออกจากรถโดยทันที “ไม่มีอาการบาดเจ็บหรือมีอาการกระดูกแตกหักอย่างชัดเจน เบื้องต้นวินิจฉั
“จะไปไหนของเธอ มาทายาให้ฉันเดี๋ยวนี้!” “ขอโทษนะ พอดีฉันไม่ใช่หมอ และฉันเองก็ไม่ได้มีหน้าที่ที่ต้องทำ” เฉียวสือเนี่ยนปฏิเสธอย่างเย็นชา ฮั่วเยี่ยนฉือยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเขาร้อนใจและเป็นกังวลมาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เปลี่ยนเร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือ! “นี่ไ
“ฉันได้ยินว่าฮั่วเยี่ยนฉือบาดเจ็บ เลยมาดูสักหน่อย สือเนี่ยน เธออย่าเข้าใจผิดไปนะ!” ป๋ายอีอีเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ รีบอธิบายอย่างทันที “คือฉันมีเอกสารที่ต้องเอามาให้เยี่ยนฉือเซ็น ฉันไปห้องทำงานของเข าจึงได้ยินผู้ช่วยพิเศษโจวบอกว่าเขาบาดเจ็บ เยี่ยนฉือไม่ได้เป็นคนบอกฉันเองนะคะ!” เธอพูดอะไรแล้วหร
ฮั่วเยี่ยนฉือสวมเสื้อสูทสีดำ รูปร่างหน้าตาของเขาหล่อเหลาและสง่า กำลังเดินย่างกายเข้ามา เขามาได้อย่างไร? เมื่อเจอเธอ ดวงตาของฮั่วเยี่ยนฉือดูเย็นชาลงเล็กน้อย ราวกับเขาพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น หรือว่ายังโกรธเรื่องเมื่อเช้าอยู่? “คุณตาครับ” ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังสงสัย ฮั่ว
“เธอดูเอาเอง!”ฮั่วเยี่ยนฉือโยนโทรศัพท์ให้เธอเฉียวสือเนี่ยนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา บนหน้าจอฉายวิดิโอจากกล้องวงจรปิดสถานที่ดูเหมือนจะเป็นโรงรถ มีผู้ชายสองคนสวมหมวกและหน้ากากอนามัย ด้อม ๆ มอง ๆ อย่างน่าสงสัยอยู่ที่มุมตึกไม่นาน ป๋ายอีอีที่สวมชุดสูทก็มาถึงลานจอดรถหลังกดล็อครถ ผู้ชายสองคนนั้นก็พุ่งเข้าหาเ
หัวเราะอยู่ดี ๆ น้ำตาของเฉียวสือเนี่ยนก็ไหลออกมาฉากที่ถูกทุบตี ดุด่า และถูกทรมานในตอนที่ป่วยทางจิตเมื่อชาติก่อน วาบผ่านอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ขาดสายพยาบาลรับจ้างที่ดูแลเธอดูเหมือนจะแข็งแกร่ง จนสามารถดึงผมและลากเธออกไปได้แล้วก็ยังสามารถคว่ำโจ๊กเพียงชามเดียวของเธอด้วยฝ่ามือเดียวแถมตอนที่เธอปฏิเสธจะกิน
เมื่อฮั่วเยี่ยนฉือเดินมาถึงชั้นล่าง ก็ไม่เห็นเฉียวสือเนี่ยนแล้ว“ท่านประธาน คุณผู้หญิงนั่งรถกลับไปแล้วครับ” คนขับรถแจ้งให้ทราบอย่างระมัดระวังฮั่วเยี่ยนฉือเม้มริมฝีปากล่าง จากนั้นก็ให้คนขับรถกลับไปที่วิลลาหลงเถิงเมื่อเห็นรองเท้าของเฉียวสือเนี่ยนอยู่ที่ประตู เขาก็เดินขึ้นชั้นสองไปห้องของเฉียวสือเนี
โม่ซิวหย่วนจงใจทำตัวลีลา “ถ้าไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม เกรงว่าคุณคงไม่มีทางโน้มน้าวผมได้”ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเจอกันเพียงครั้งเดียว จู่ ๆ ก็มาหาเพื่อขอร่วมงานกับเขา แถมผู้หญิงคนนี้ยังเป็นภรรยาของคู่ต่อสู้อีก เป็นใครก็ไม่มีทางเชื่อเฉียวสือเนี่ยนเข้าใจเป็นอย่างดี เธอหัวเราะ “ถ้าฉันจะบอกว่า พวกเรามีเป้าหม
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั