หัวเราะอยู่ดี ๆ น้ำตาของเฉียวสือเนี่ยนก็ไหลออกมาฉากที่ถูกทุบตี ดุด่า และถูกทรมานในตอนที่ป่วยทางจิตเมื่อชาติก่อน วาบผ่านอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ขาดสายพยาบาลรับจ้างที่ดูแลเธอดูเหมือนจะแข็งแกร่ง จนสามารถดึงผมและลากเธออกไปได้แล้วก็ยังสามารถคว่ำโจ๊กเพียงชามเดียวของเธอด้วยฝ่ามือเดียวแถมตอนที่เธอปฏิเสธจะกิน
เมื่อฮั่วเยี่ยนฉือเดินมาถึงชั้นล่าง ก็ไม่เห็นเฉียวสือเนี่ยนแล้ว“ท่านประธาน คุณผู้หญิงนั่งรถกลับไปแล้วครับ” คนขับรถแจ้งให้ทราบอย่างระมัดระวังฮั่วเยี่ยนฉือเม้มริมฝีปากล่าง จากนั้นก็ให้คนขับรถกลับไปที่วิลลาหลงเถิงเมื่อเห็นรองเท้าของเฉียวสือเนี่ยนอยู่ที่ประตู เขาก็เดินขึ้นชั้นสองไปห้องของเฉียวสือเนี
โม่ซิวหย่วนจงใจทำตัวลีลา “ถ้าไม่มีเหตุผลที่เหมาะสม เกรงว่าคุณคงไม่มีทางโน้มน้าวผมได้”ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเจอกันเพียงครั้งเดียว จู่ ๆ ก็มาหาเพื่อขอร่วมงานกับเขา แถมผู้หญิงคนนี้ยังเป็นภรรยาของคู่ต่อสู้อีก เป็นใครก็ไม่มีทางเชื่อเฉียวสือเนี่ยนเข้าใจเป็นอย่างดี เธอหัวเราะ “ถ้าฉันจะบอกว่า พวกเรามีเป้าหม
เฉียวสือเนี่ยนเปิดอีเมล ในนั้นยังมีการตอบกลับจากบริษัทที่เธอส่งเรซูเม่ไปก่อนหน้านี้ช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย เธอสอบจนได้รับใบรับรองคุณวุฒิวิชาชีพทางการเงินและการลงทุนที่มีคุณภาพสูงที่สุด ดังนั้นบริษัทด้านการลงทุนต่างก็สนใจในตัวเธอมากมีสองบริษัทที่เชิญเธอไปสัมภาษณ์ และอันที่จริงยังมีอีกสองบริษัทที่ยื่
ฮั่วเยี่ยนฉือยังคงคิดว่า ที่เธอพูดเรื่องหย่าขึ้นมาก็เพราะโกรธเรื่องวันนั้นเฉียวสือเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป แม้ว่ามันจะไม่จำเป็นก็ตาม“ในเมื่อคุณรู้ว่าวันนั้นเป็นวันครบรอบห้าปีที่พวกเรารู้จักกัน ทั้งยังรู้อยู่แก่ใจว่าฉันให้ความสำคัญมากแค่ไหน แล้วทำไมคุณยังไปทานข้าวกับป๋ายอีอีอีก?”ฮั่วเยี่ยนฉ
เมื่อก่อนเฉียวสือเนี่ยนก็เคยมาช้อปปิ้งของบ้าง แต่ไม่เคยซื้อของขาดสติแบบนี้คงไม่ได้มีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจหรอกใช่ไหม?เฉียวสือเนี่ยนแย้มยิ้มพร้อมเอ่ยถามกลับ “เธอเห็นฉันเหมือนคนมีเรื่องอะไรไหมล่ะ?”ฟู่เถียนเถียนพยักหน้า “เหมือนสุด ๆ ”“......” เฉียวสือเนี่ยนตบบ่าฟูเถียนเถียน “วางใจได้ ฉันบายดี ฉัน
อยู่ ๆ โจวเทียนเฉิงก็นึกเสียใจขึ้นมาเมื่อคืนบอสอยู่ทำงานจนถึงเช้า แถมวันนี้ก็ยังหน้าบึ้งทั้งวัน ชัดเจนเลยว่าอารมณ์ไม่ดีถ้าพูดเรื่องเฉียวสือเนี่ยนขึ้นมาอีก มันจะกลายเป็นความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรกหรือเปล่าหนอ?“มีเรื่องอะไรก็รีบเข้ามาพูด!” ฮั่วเยี่ยนฉือหงุดหงิดเต็มประดาโจวเทียนเฉิงจึงทำได้
ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังสู้รบกับล้อรถอยู่นั้น เสียงของฮั่วเยี่ยนฉือก็ดังอยู่ข้างหูทันทีที่เงยหน้า เขาก็เดินมาถึงข้างรถแล้วแม้ว่าเฉียวสือเนี่ยนจะรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะมาไม่พอใจเพราะเรื่องแบบนี้เธอเบะปากเล็กน้อย ก่อนที่จะปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วออกมาจากที่นั่งคนขับฮั่
เท่าที่เฉียวสือเนี่ยนจำความได้ แม่เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและใช้ความรู้สึกร่วมกับเหตุผล ต่อให้ในตอนนั้นแม่จะโกรธมากแค่ไหน หลังจากนั้นก็ต้องไปถามหลีพัวถิงให้ชัดเจนดังนั้น เรื่องนี้สาเหตุหลักไม่ได้มาจากการที่แม่ขอเลิกแน่ ๆอีกอย่างการที่แม่หา “คนรักเก่า” มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิก ต้องเป็นเพราะมีเหตุผลส
ผลตรวจดีเอ็นเอไม่พลิกผัน หลีซูเหยียนกับหลีพัวไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดตั้งแต่นั้นมา หลีพัวถิงก็เก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้ในเบื้องลึกของหัวใจ ป่าวประกาศกับคนภายนอกว่าหลีซูเหยียนคือลูกสาวของเขา และเลี้ยงดูเสมือนเป็นลูกแท้ ๆ “ในเมื่อคุณเชื่อว่าแม่ฉันโกหก เด็กก็ไม่ใช่ลูกของคุณ แล้วทำไมคุณยังต้องเลี้
หลีพัวถิงพยักหน้าเล็กน้อยและจมอยู่ในความทรงจำต่อไปหนุ่มสาวมากความสามารถที่อายุน้อย แถมอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอีก หัวใจทั้งสองดวงจึงใกล้ชิดกันอย่างรวดเร็วหลังรู้จักกันได้ไม่นาน ในวันที่แสงแดดเจิดจ้าเช่นเดียวกัน หลีพัวถิงสารภาพรักกับเมิ่งจินเหยียนท่ามกลางทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม และทั้งสองก็กลายเป็นคู่รักอ
แม้หลีซูเหยียนจะพูดอย่างจริงใจ แต่หลีพัวถิงก็ยังคงปฏิเสธ “ซูเหยียน ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว และทำตามที่พ่อบอก ลูกไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศซะ”เดิมทีหลีซูเหยียนคิดว่าตัวเองมั่นใจต่อข้อเสนอนี้มาก ถึงอย่างไรทางด้านคุณลุงก็พร้อมจะลงมือ แถมครั้งนี้ยังเกิดเหตุการณ์เลวร้ายถึงขั้นลักพาตัวอีก เธอยินยอมกลายเป็นเป้
พอเฉียวสือเนี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมึนงงเข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฮั่วเยี่ยนฉือพูดมามันเป็นเรื่องจริงอย่างนั้นเหรอ?ไม่เคยมีคุณแม่แท้ ๆ ของหลีซูเหยียนอยู่ทั้งนั้น หลีซูเหยียนเข้าใจผิดไปเองว่ามารดาที่ให้กำเนิดตัวเองมีความรักลึกซึ้งกับหลีพัวถิง?คนที่หลีพัวถิงรักมาตลอดชั่วชีวิตมีเพียงคุณแม่ของเฉียวสือเนี
หลีซูเหยียนกับตระกูลรองของตระกูลหลีนั้นถือว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในเรื่องของผลประโยชน์ พวกเขาจะไปร่วมมือกันได้อย่างไร?บางทีฮั่วเยี่ยนฉือก็อาจจะคิดถึงจุดนี้เหมือนกันเลยไม่ได้พูดอะไรแต่พอพูดถึงเรื่องนี้ เฉียวสือเนี่ยนก็ฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปถ่ายของคุณแม่กับคุณผู้หญิง
พูดจบ หนิงเสี่ยวเยว่ก็ตัดสายวิดีโอคอลเฉียวสือเนี่ยนรู้สึกว่าหนิงเสี่ยวเยว่ดูแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่พอคิด ๆ ดูแล้ว น่าจะเป็นเพราะหล่อนใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมานาน เลยค่อนข้างเปิดเผยความรู้สึกไปบ้างสินะเวลาล่วงเลยไปอีกสองวันวิดีโอและรูปภาพเกี่ยวกับเฉียวสือเนี่ยนและซ่งชิงชวนทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ตนั้นค้
เฉียวสือเนี่ยนยิ้มพลางบอกว่าไม่ได้รบกวน ทั้งยังถามหนิงเสี่ยวเยว่ว่าโทรมาหาเธอมีธุระอะไรหรือเปล่าหนิงเสี่ยวเยว่ชี้แจงแถลงไขให้ฟังอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า วันนี้เธอไปช็อปปิ้งที่ร้านน้ำหอมของ M•Q แล้วชอบน้ำหอมรุ่นลิมิเต็ดนั่นมาก แต่ก็ได้รับแจ้งว่าสินค้าหมดเสียแล้ว“ฉันได้ยินว่าคุณเป็นคำปรุงน้ำหอมรุ่นน
ซ่งชิงชวนแกะมือมารดาออกด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วหมุนตัวจากไป คล้อยหลังเขา หลีซูเหยียนก็กอบกุมลำคอที่เจ็บระบมของตนเอง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางกล่าว “ป้าเซิ่ง เมื่อกี้นี้ป้าเซิ่งไม่เห็นสายตาของประธานซ่งเหรอคะ? เขาคิดจะบีบคอหนูให้ตายจริง ๆ นะคะ เขาน่ะเกลียดที่หนูลงมือกับเฉียวสือเนี่ยนชัด ๆ !”เซิ่งจวงฮุ่ยหั